Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Red Bicycle ที่ กันยายน 29, 2017, 07:29:15
-
:) :) :) บรรยากาศมันไม่คึกคักเหมือนก่อนเลยครับ อยากให้บรรยากาศแบบนั้นกลับมาจังครับ เวลามีผู้คนดูรถกันคึกคักๆสนุกดีครับ เดี๋ยวนี้เหงาๆ แม้แต่การถามตอบกระทู้ใน HLM ก็ไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อนครับ คิดถึง
-
มันไม่มีอะไรใหม่แล้วรึปล่าวครับ เดิมๆ
บวกกับรถสมัยนี้จับต้องเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนด้วย
ความอยากมันก็เลยลดลงไป เป็นหนี้อยู่แล้วก็ไม่อยากหาเพิ่ม เหนื่อย hahaha
ลองสังเกตุดูว่าพอมีกระแสรถไฟฟ้ามา หรือพวกรถแนวๆ Kcar เข้ามา
คนถึงจะเข้ามาสนใจเยอะกว่าปกติ
-
คือหลายคนก็อยากเปลี่ยนรถนะ แต่ยังมะมีตัง (ไม่มีตังค์)
ส่วนคนที่อยากได้รถคันแรกก็ยังไม่กล้าซื้อ เพราะรุ่นใหม่มาถี่เหลือเกิน
แถมเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีด้วยสิ
-
ยากครับ ตอนนี้หนี้เต็มบ่ากันเป็นส่วนมาก
สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ มีเฉพาะกลุ่มข้าราชการ กับเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวเท่านั้นดี
ที่เหลือ ทรงกับทรุด โดยเฉพาะกลุ่มฐานของปิรามิด ยี่สิบล้านคน แย่มาก ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับคนกลุ่มนี้แย่ตามไปด้วย
ไหนเตรียมขึ้นภาษีอีก ...ภาษีน้ำ แสงแดด ฯลฯ รีดเข้าไป
-
คนเดินห้างน้อยลงครับ
ส่วนตัว บ้านผมรถเต็มจะเกินจำนวนคนแล้ว
-
เวลาพูดถึงเศรษฐกิจไม่ดี
ผมนึกถึงเตนท์รถก่อนเลย
คือ ในเวลาเดียวกัน บางเตนท์นี่ รวยขึ้น ๆ แต่บางเตนท์ปิดตัวไป
ลองมองดูพฤติกรรมการใช้เงินของคน แล้วมาดูว่าคุณอยู่ตรงไหนในระบบเศรษฐกิจ
Seven ELeven, McDonald, KFC เปิดสาขาใหม่ปีนึงกี่สาขา
ร้านขายของชำยังมีคนเข้าไหม
ร้านบะหมี่ริมถนนที่แต่ก่อนคนขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดข้างทางแล้วลงไปนั่งกินได้ วันนี้มีแต่คนมีรถขับรถไปนั่งกินจอดได้แค่คันเดียวริมถนนพออีกคนขับรถมาจอดไม่ได้ก็เลยเข้าห้างไปนั่งกินข้าวในห้างดีกว่า
.....
ตอบเจ้าของโพสท์
รถที่มาโชว์ตามห้าง มันก็รถตลาด ๆ นี่ล่ะครับ ส่วนมากเน้นรถรุ่นที่มีวิ่งกันเยอะแยะมากมาย ไปดูที่ไหนก็ได้มั้ง คนเลยไม่ค่อยไปดู ลองถ้าเป็นรถหน้าตาประหลาดไม่ค่อยมีขับกันในถนน ก็ยังมีคนไปดูเยอะแยะนะครับ ถึงจะไม่ได้ซื้อก็เหอะ
-
ยากครับ ตอนนี้หนี้เต็มบ่ากันเป็นส่วนมาก
สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ มีเฉพาะกลุ่มข้าราชการ กับเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวเท่านั้นดี
ที่เหลือ ทรงกับทรุด โดยเฉพาะกลุ่มฐานของปิรามิด ยี่สิบล้านคน แย่มาก ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับคนกลุ่มนี้แย่ตามไปด้วย
ไหนเตรียมขึ้นภาษีอีก ...ภาษีน้ำ แสงแดด ฯลฯ รีดเข้าไป
ขนาดสรรพสามิตรายย่อย มันยังจัดการแบบเงียบๆเลยครับ
กลุ่มของผม ไม่กระโตกกระตาก เรียกผู้ประกอบการที่ขายแบตเตอรี่ทุกชนิด ไปรับทราบเรื่องการขึ้นภาษีแบบใหม่ คือ ขึ้นแวท ณ ตอนขาย ให้ลงราคาประเมิณ... จากเมื่อก่อน ลูกค้าซื้อเท่าไหร่ก็จ่ายแวทตามนั้น
ตอนนี้จนท.กรมศุล และสรรพสามิตฝ่ายท่าเรือยังไม่เข้าใจระบบนี้ เลยให้ผ่านออกมาแบบคิดตามเรทเดิมอยู่ เพราะมันเกี่ยวข้องกันเป็นวงกลม
คนคิดรีดมันก็คิดจัง เฮ้อ
-
เวลาพูดถึงเศรษฐกิจไม่ดี
ผมนึกถึงเตนท์รถก่อนเลย
คือ ในเวลาเดียวกัน บางเตนท์นี่ รวยขึ้น ๆ แต่บางเตนท์ปิดตัวไป
ลองมองดูพฤติกรรมการใช้เงินของคน แล้วมาดูว่าคุณอยู่ตรงไหนในระบบเศรษฐกิจ
Seven ELeven, McDonald, KFC เปิดสาขาใหม่ปีนึงกี่สาขา
ร้านขายของชำยังมีคนเข้าไหม
ร้านบะหมี่ริมถนนที่แต่ก่อนคนขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดข้างทางแล้วลงไปนั่งกินได้ วันนี้มีแต่คนมีรถขับรถไปนั่งกินจอดได้แค่คันเดียวริมถนนพออีกคนขับรถมาจอดไม่ได้ก็เลยเข้าห้างไปนั่งกินข้าวในห้างดีกว่า
.....
ตอบเจ้าของโพสท์
รถที่มาโชว์ตามห้าง มันก็รถตลาด ๆ นี่ล่ะครับ ส่วนมากเน้นรถรุ่นที่มีวิ่งกันเยอะแยะมากมาย ไปดูที่ไหนก็ได้มั้ง คนเลยไม่ค่อยไปดู ลองถ้าเป็นรถหน้าตาประหลาดไม่ค่อยมีขับกันในถนน ก็ยังมีคนไปดูเยอะแยะนะครับ ถึงจะไม่ได้ซื้อก็เหอะ
ผมเห็นด้วยมากเลยครับ ระบบการค้าตอนนี้มันเปลี่ยนไป พฤติกรรมของลูกค้าก็เปลี่ยนไป ผมไปจอดรถกินข้าวข้างทางหลายที่อยากกินแต่มันไม่สะดวกเรื่องที่จอดก็จะ่ผ่านไปเลย อีกอย่างราคาด้วยมีผลกับการตัดสินใจ
ส่วนห้างเดินบ่อยที่ไม่ไปดูเพราะเหตุผล
1. เซลไม่ค่อยสนใจเรา
2. บางทีเซลก็วุ่นวายกับเราเกินเหตุ
3. รถที่มาโชว์ เป็นรถตลาดบ้าน ๆ ที่หาดูได้ทั่วไปไม่มีอะไรน่าสนใจเลย
4.โปรโมชั่นไม่น่าสนใจเลย สำหรับบูทที่เอามาโชว์
5. ผมอยากดูรถ K Car 4x4 มากกว่า อย่างช่น SUZUKI Jinny หรือไม่ก็รถสปอร์ต
-
บ่จี๊
-
เศรษฐกิจแย่ลงเยอะครับ และจะแย่ลงอีก(ถึงขั้นล่มจม)ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง
-
ต่างจังหวัดก็มีคนไปดูพอสมควรนะครับ เมื่อเทียบกับจำนวนคนเดินห้าง ถือว่าไม่ได้บางตาอะไร
ยิ่งช่วงเปิดตัวรถใหม่ๆแล้วลงห้าง ก็จะดูหนาตาขึ้นอีกนิดครับ
-
พอดีผมดูหลายประเทศในอาเซียนเลยจะเห็นข้อแตกต่างได้ชัดนะครับ
1. เรื่องแรกคือระบบ dealer บ้านเราพัฒนามามากพอสมควรเข้าถึงหลายๆพื้นที่ในเขตเมืองเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนยกเว้นมาเลกับสิงคโปร์ ลูกค้าส่วนใหญ่ไป showroom ได้เลยมีรถให้เลือกเยอะกว่ายกเว้นในจังหวัดที่มีตัวเลือกน้อยจริงๆ อาจจะเทไปที่ห้างเยอะ
2. บ้านเรามี event เกี่ยวกับรถยนต์หลายครั้งต่อปี แถมแต่ละครั้งก็จัดใหญ่พอสมควร การเปิดตัวรถใหม่ เทคโนโลยีใหม่ๆเลยไป focus ที่งานใหญ่ๆมากกว่าเพราะได้ awareness มีคนมาทำข่าว เปรียบเทียบกับสมัยก่อนประเทศอย่างเวียดนาม อินโดที่มีงาน Motor ปีละครั้ง เปิดตัวรถใหม่เลยยังต้องอาศัยห้าง
3. ตอนนี้คนเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย internet มีหมดตั้งแต่ สเป็คยันราคา แถม sales ยังส่งโปรโมชั่นในไลน์ได้อีก ความจำเป็นในการดูรถในห้างเลยน้อยลงไปเยอะครับ ถ้าอยากลองขับจริงๆส่วนใหญ่ไปศูนย์เลย
4. สุดท้ายคงเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจที่รวมๆอาจจะดูเหงาๆในต่างจังหวัด แต่อย่าลืมว่าตัวเลขยอดขายรถในประเทศก็ไม่ตกนะครับ เพราะฉะนั้นหลักๆ ก็เป็นสาเหตุข้างต้นมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีจากสาเหตุเรื่องต้นทุนของ dealer เองในการออกบูทในห้างว่าอาจจะไม่สอดคล้องกับยอดขายที่หาได้ด้วย
-
ผมว่าพฤติกรรมการซื้อรถคนเปลี่ยนไป ข้อมูลหาได้จากอินเตอร์เนตเยอะแยะครับ
ต่อรองของแถมก็ใช้โทรศัพท์ได้ ไปซื้อก็ไปที่ศูนย์บริการทีเดียวเลยครับ
-
ก่อนรถออกก็มีรูปหลุดมาให้ดู ก่อนขายไทก็มีรูปจากเมืองนอกให้ดู พอมาถึงจริง สื่อออนไลน์เสนอภาพ เต็มไปหมด หาดูที่ไหนก็ได้ ภายนอกยันภายใน รวมถึงอ่านสเป็ครถได้ตั้งแต่ที่บ้าน แล้วเปรียบเทียบกับคู่แข่งสนใจจริงๆ จึงพุงตรงไปโชว์รูมเป็นลำดับสุดท้ายครับ จึงเห็นคนน้อยๆถึงน้อยมากๆในโชว์รูม เพราะไม่ต้องถามข้อมูลอะไรกันมาก แค่ยอดจัด ยอดจ่าย ก็จบแล้ว แต่บรรยากาศการเดินดูรถสมัยก่อนนั้นสนุกจริงครับ คึกคักดี เป็นกันเองด้วย
-
ผมว่าพฤติกรรมการซื้อรถคนเปลี่ยนไป ข้อมูลหาได้จากอินเตอร์เนตเยอะแยะครับ
ต่อรองของแถมก็ใช้โทรศัพท์ได้ ไปซื้อก็ไปที่ศูนย์บริการทีเดียวเลยครับ
1+
ข้อมูลโดยละเอียด รีวิวจากหลายสำนัก และ ผู้ใช้ตัวจริงเสียงจริง ทั้งในและต่างประเทศ มีให้อ่านได้มากมาย
รูปถ่าย คลิป ภายนอก-ใน อย่างละเอียด หาดูได้ง่ายแค่เปิด smart phone บนมือ
รวมทั้งการเจรจา ต่อรอง การจอง ปัจจุบันสามารถทำกันได้ที่บ้านแล้ว ไม่ต้องไปจองในงาน หรือ โชว์รูมด้วยซ้ำ
รถมาพร้อม คนขายก็ถ่ายรูปรถ พร้อมเลขตัวถังมาให้ดู
จะไปเจอตัวคนขาย ดูรถ ก็แค่ไปตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนรับรถ และ วันจ่ายเงิน รับรถเท่านั้น
*** คันที่จะไปรับล่าสุดนี้ก็จองที่บ้าน ต่อรองนั่งอยู่ที่บ้าน(จังหวะมันพาไปครับ) โลกมันเป็นอย่างนี้จริงๆด้วยครับ***
-
ยุค ดิจิตอล ครับ หมดสมัย traditional trade
-
ผมทำนายว่าต่อไปเต้นท์รถมือสองจะไปจัดอีเวนท์หรือเปิดบู้ทในห้างครับ
ไม่ก็มีการประมูลรถกันในห้างเลย.
-
สังคมโซเชลทำให้คนเปลี่ยนไปมากในทุกเรื่องๆครับ
-
ห้างที่จังหวัดผม มีบริษัทรถเวียนเอารถมาโชว์สลับกันเลยนะ Nissan Mitsubishi Suzuki
น่าจะกระตุ้นยอดขายได้นะครับ เพราะทำแบบนี้มาเป็นปีๆ แล้ว
ตอนนี้เซลล์ถ่ายคลิปวีดีโอลง youtube โชว์อุปกรณ์แต่ละรุ่น ลูกค้าที่อยากซื้อรถคงดูใน youtube ก่อนเข้าไปทดลองขับมั้งครับ
-
อย่าว่าแต่ห้างเลย ขนาดงาน motershow ยังกล่อยๆ เพราะมันจัดบ่อยๆ และเน้นแต่ขายของ ไม่มีอะไรมาโชว์
4 ปีไปสักครั้งก็พอ
-
ผมก็ยังไปดูตามปกติตลอดนะ ;D ;D ;D ;D ;D ;D
เจ้าเดิมๆ ก็ยังไปดู ไปลองนั่ง ตามประสาคนบ้ารถ :D :D :D :D
-
เห็นกันบ่อยแล้วอะครับ แต่ก่อนไม่มียุค internet ก็ไม่เคยเห็นรุ่นออกใหม่มาก่อน
แต่สมัยนี้รุ่นใหม่ๆ ก็มีขายที่อื่นก่อนไทย เห็นกัน ดูรีวิวกันมาแล้ว ไปดูรถก็แค่จะดูหน้าตาจริงๆ ว่าสวยอย่างที่เห็นในคอมไหม
-
มันอยุ่ที่ internet ละครับ รูปรถสเป็ค รีวิวอะไรมีหมด อย่างผมสนใจจะไปที่โชว์รูมเลยคือเหนทุกอย่างกะว่าจะเอาเเน่ๆถึงจะเดินเข้าไปครับ เเต่ก้อย่างว่ายอดขายน้อยลงคนซื้อก้ต้องน้อยลง
-
เดี๋ยวนี้นอกจากสื่อทางเน็ตแล้ว ยังมาจัดโชว์กันบ่อยๆด้วยครับ
ตามห้างใหญ่ๆนี่ เดือนเว้นเดือนกันเลย ไม่ตื่นเต้นแล้ว :)
โปรที่มาจัดก็มักบอกแต่ว่า แบบเดียวกับมอเตอร์โชว์หละ
ทำให้งานมอเตอร์โชว์หมดราคาไปอีก ฮา ;D ;D ;D
-
Internet & google คือปัจจัยหลักปัจจัยหนึ่งครับ
-
ต้องแยกออกเป็น สองประเด็น คือ 1.----คนจะซื้อ จริงๆ 2.- คนไม่ได้คิดจะซื้อแค่อยากดูเปรียบเทียบ หรือหาข้อมูล แล้วพอดีมันอยู่ตรงหน้า
คนกลุ่มแรก อยากซื้อจริงๆ
1.----ไปที่โชว์รูม แล้ว "ได้ทดลองขับ" สิ่งนี้แตกต่างกับห้างฯ ในห้างทดลองไม่ได้
2.- ไม่รู้คนไหนเป็นเซล คนไหนเป็นใคร จะต่อรองได้แค่ไหน
3.- ความเชื่อเรื่อง ความน่าเชื่อถือของโชว์รูม ในยี่ห้อเดียวกัน ดีลเลอร์ หน้าตาเป็นไง ศูนย์อยู่ตรงไหน มีอะไรไปตามด่าใครได้ถูกคนไหม
3 ข้อ นี้ ทำให้ผม ถ้าไม่มั่นใจในรถรุ่นที่ต้องการจริงๆ ก็ไม่แวะเข้าไปดูครับ ขนาดคนไปด้วย(หลาน)สะกิดยิกๆ ผมก็แวะเข้าไปดูเซล ก็ไม่ได้ดื้อตื๊อ อะไรมากนะ
แล้วถามว่า บรรยากาศ ในการทำมาหากิน มันสะกดจิตให้ระแวงไว้ก่อนดีกว่าเจ็บเอง เช่น คนรอบข้าง บอกขายส่งฯ(อุปกรณ์สื่อสาร คอมฯ ไฟฟ้าฯ ) ไม่ดีเลยว่ะ ขายล้อตใหญ่เจอเช็คเด้งแล้วนะ
บางคนทำโรงแรม(มินิฯ) รีสอร์ท หอพัก อพาร์ทเมนต์อยู่ บอก ....มีที่เหลือ ว่าจะขยายอีกตึก 45ห้อง สบายแน่นักศึกษาเพียบอยู่ เพราะไอ้คนที่จะทำแข่งมันหมุนเงินไม่ทันเป็นโอกาสเราแล้ว แต่ปรากฏว่า... ไม่เอาดีกว่าแฮะ แบงค์ยุคนี้คุยยาก ไม่เสริมสนับสนุนแล้ว แปลน(ผังเมือง) ก็จะเปลี่ยนแล้ว เพราะมหาวิทยาลัย นิคมอุตฯ ที่ทำหอพักอยู่ มีรถไฟความเร็วสูงผ่านอีก นิคมนึง เมืองมันน่าจะขยายออกไปทางโน้นด้วย เก็บไว้ดูสักพัก ซื้อแค่ที่ดินเปล่าไว้ก่อน ไม่เจ็บเยอะ อะไรๆ ก็เลย ชะงักไปหมด
คนรวย รวยจริงๆ ไม่ได้มาดูรถในห้างเท่าไร (ยกเว้นรถหรู) เพราะเขาซื้อแน่ๆ ไปซื้อที่ดีเลอร์ มากกว่า คนที่มีเงินตอนนี้ คือคน กลุ่มบนๆ ที่ไม่ได้เดือดร้อนมาก ไปเล่นหุ้นกระทิงตอนนี้ ก็อาจจะทำกำไรกว่าไปก่อสร้างอะไรใหม่ๆ
บิ๊กตู่ ...(นายกฯ) ก็บอกว่าจะไปๆๆ ตามโรดแมป(มั๊ง) คนก็เชื่อ ข้าราชการก็เชื่อ นักธุรกิจเชื่อ ชาวบ้านก็เชื่อ คนทำไร่ ทำสวน ฯลฯ เชื่อว่าแกจะไป ................... แล้วใครจะลงมือทำ ตอนนี้ล่ะ ทำอะไรไป เกิดแจ๊คพ็อตแตก ก็ซวยดิ
ทุกอย่างเลย ................ "ติดกับดักโรดแมป" ..... รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลือกตั้ง หวังว่ามันจะไม่ฆ่ากันแล้วกลับมาทางดีให้ได้
ทุกคน รอ รอไม่ได้ไม่แปลว่า ไม่มีเงิน แต่การรอจนทำให้ "เงินไม่มีหมุน" มันเกิดขึ้น แล้วถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเลย น่าจะดี แต่ต้องรอให้ "ระดับบน - คนมีตังค์ " ใช้ตังค์ก่อน ไม่งั้น รากหญ้า ยัน SMEs ไม่น่าจะมีเงินเข้ากระเป๋า
ญาติผม ทำโรงงานกระทิงแดง ทำโรงงานชาเขียว (รับจ้างก่อสร้าง ติดเครื่องจักรฯลฯ ) อ้อ โรงงานกระทิงแดง คนละโรงกับขอนแก่นนะ แล้วก็ไปทำโรงงานอีซูสุ แล้วก็ไปทำแถว ท่อส่งก๊าซ งานมาบตาพุด โรงไฟฟ้าทางใต้ ฯลฯ ทำทุกงาน ที่ว่ามา ในระยะแค่ ต้นปี ถึงครึ่งปีนี้ งานยังล้นมืออยู่เลย ออกรถมา 3คัน บ้านเพิ่มอีกหลังที่ระยองเอาไว้ตั้งฐานประจำการ ................ ถามว่า มันมีทางหากินกันได้สบายๆ ไหม ผมว่ามี แต่มันอยู่ที่คนกลุ่มไหนเขาจะอยากใช้ตังค์ แค่ไหน .... ครึ่งปี ... งานเยอะเหมือนปี ก่อนๆ เกือบทั้งปี
นี่แค่งานรับเหมาธรรมดาๆ ตอนนี้มีงานที่ อ่าวอุดมฯ ศรีราชา แล้วก็งานเฟสแรกของ อู่ตะเภาอีก ผมว่าถึงสิ้นปี คงมีเงินออกรถอีก เพราะต้องใช้ขนของ คนงาน วิ่งไปวิ่งมา
บางครั้ง อยู่ที่คน จังหวะจับงาน จังหวะชีวิตคนด้วยนะ เศรษฐกิจตกต่ำแค่ไหน มองโอกาส หาทางออกได้ ก็ไม่มีปัญหา
-
ไม่มี Pretty คอยดึงดูดเหมือนงานใหญ่ๆ ความน่าสนใจเลยน้อยลง :P :P :P
-
้ผมไปดู พริตตี้ก่อนเลยครับ 8)
-
ปกติผมก็จะไม่เข้าไปดูนะแค่เดินดูผ่านๆ คือถ้ามีความคิดที่จะเปลี่ยนรถ อันดับแรกที่จะหาข้อมูลคือบนเนต พอได้ลิสต์รถคร่าวๆที่ตรงความต้องการมาจะไปหาที่ลองนั่งลองขับก็ต้องเป็นที่ศูนย์บริการ จากนั้นถ้าพอใจค่อยล่าราคาทางโทรศัพท์หรือตอนจัดงานรถยนต์เอาครับ เจอรถบนห้างก็ดูเฉยๆ ยิ่งมีเซลล์มาประกบยิ่งกดดันอ่ะ คือรถคันนึงนี่พอซื้อก็จะใช้งานไปอีกนาน ให้ดูว่าสวยนั่งสบายดีลราคาเลยก็คงเร็วไปครับ
แต่ถ้าเป็นพวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเนี่ย พอเห็นก็จะเข้าไปดูได้เลย เทียบกันได้จะๆ ลองเสียงปลั๊กลองเปิดได้ทันที และถ้าซื้อกลับไปแล้วเสีย หรือรองเท้าดันใส่ไม่พอดี ก็เอากลับมาเปลี่ยนได้เลยแบบนี้ สะดวกกว่าครับ ตัดสินใจง่ายกว่าเยอะ
-
ผมว่าพฤติกรรมการซื้อรถคนเปลี่ยนไป ข้อมูลหาได้จากอินเตอร์เนตเยอะแยะครับ
ต่อรองของแถมก็ใช้โทรศัพท์ได้ ไปซื้อก็ไปที่ศูนย์บริการทีเดียวเลยครับ
สังคมโซเชลทำให้คนเปลี่ยนไปมากในทุกเรื่องๆครับ
เห็นด้วยครับ
ไม่ต้องไปดูไกลตัว ผมเองก็หาข้อมูลจากเน็ต เข้าไปสิงในเฟสรถรุ่นที่สนใจครับ
เดินไปดูรถในห้าง เพื่อหาข้อมูง ผมขี้เกียจคุยกับเซลครับ ตัดสินใจซื้อแล้ว ถึงจะคุยกับเซล
-
เอาจริงๆ รถ 2 คันล่าสุดที่บ้านผมซื้อ เริ่มขึ้นจากการจอดอยู่ในบูธในห้างนะครับ คันนึงเห็นดอกเบี้ยกับส่วนลดเลยตัดสินใจเริ่มดูและซื้อ ส่วนอีกคันเกิดจาก สีของรถ ที่เห็นแล้วชอบ เลยเปลี่ยนมาซื้อรุ่นนี้ แต่ไม่ได้จองในห้างนะ เอาจริงๆมันก็ยังดึงดูดคนได้ระดับนึงนะ แต่สุดท้ายผมว่า หลายๆคนก็ไปจบที่ศูนย์มากกว่า เพราะสมัยนี้หลายคนเริ่มฉลาดที่จะดูหลายๆที่แล้วเอามาเปรียบเทียบกัน มากกว่าเจอแล้วเอาเลย
อีกส่วนนึงคือ Social ที่มีการเข้าถึงมากขึ้น เซลล์หลายๆคนเริ่มขายผ่าน Social มากขึ้นซึ่งมันไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่ม เลยทำให้การออกบูธลดน้อยลง
-
ผมไปซีคอนสแควร์ที่ไร ก็เห็นบุทรถมาขายทุกที ถามไปแม้จะยี่ห้อเดียสก็แต่ก็เป็นคนละศูนย์
คือมันโชว์เกือบทั้งปี จะให้สนใจตลอดคงจะไม่ใช่ รู้สึกเหมือนว่ามันแค่ย้ายโชว์รูมมาตั้งในห้างแค่นั้น
-
จากเดิมที่มาเช่าพื้นที่โถงกลาง
เทรนด์ล่าสุดผมเจอที่เดอะมอลล์งงามวงศ์วาน
มีไปเช่าห้องในห้างเปิดเป็นโชว์รูมอย่างจริงๆจังๆเลยนะครับ เอารถไปจอดเหมือนร้านขายมือถือเลย