******** อัพเดท คอมเม้นท์ด้านล่างๆ ผมบอกรายละเอียดทริปเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดเอาไว้ให้ดูเป็นแนวทางด้วยนะครับ สำหรับคนที่สนใจเครื่องการเดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ครับ ********สวัสดีครับห่างหายไปนานมากจากการรีวิวครั้งที่แล้ว วันนี้ที่จริงก็ไม่ได้ว่างเลยครับ ยังคงวุ่นอยู่กับการทำ Dissertation หรือวิทยานิพนธ์เพื่อใช้ในการจบ แต่จะให้นั่งทำงานอย่างเดียวมันก็เบื่อหน่ายสิ้นดี เลยลุกขึ้นมารีวิวรถที่ประทับใจมากๆคันนี้ให้ได้รับชมกันดีกว่าครับ
All New Toyota RAV4 2014
ทริปนี้เป็นการเดินทางไปเที่ยวประเทศ Iceland ครับ เป็นดินแดนในฝันของใครๆหลายๆคน ที่ฝันอยากมาเยือนดินแดนแห่งน้ำแข็ง ที่ซึ่งเราสามารถเฝ้าดูความมหัศจรรย์ของแสงเหนือ (aurora / northern light) ได้อย่างใกล้ชิด...
ได้อาบน้ำแร่ แช่น้ำนมสีอมฟ้า กลางหิมะ แบบนี้...
หรือสัมผัสความงามของน้ำตกที่มีมากมายทั่วประเทศ แบบนี้...
หรือจะเป็น ธารน้ำแข็งขนาดมหึมา ที่ละลาย แตกหักลงสู่ทะเลสาป และไหลออกสู่มหาสมุทร บนหาดทรายสีดำแบบนี้
เอาหละ เราจะไม่พูดถึงตัวรถละ มาคุยเรื่องเที่ยวกันแทน! 5555 ใช่เหรอ!!?
รายละเอียดตัวรถชื่อเต็มๆของรุ่นที่นำมาขับทริปนี้คือ Toyota RAV4 2.2 Diesel D-CAT 6-speed A/T รายละเอียดเต็มๆหาอ่านได้ที่นี่ครับ กด Translate ใน Chrome ได้ครับ
http://www.toyota.is/cars/new_cars/rav4/index.tmex?scroll=1&cta=/cars/new_cars/rav4/fullspecs.aspx?redirect=falseกำลังเครื่องยนต์ 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 340nm ที่รอบ 2000-2800 รอบต่อนาที กันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นอิสระดับเบิ้ลวิชโบนครับ น้ำหนักตัวรถราวๆ 1.6 ตัน ถ้าจำไม่ผิดรุ่นที่เช่ามาจะเป็น AWD ครับ (ขับเคลื่อนทุกล้อ)
รายละเอียดทริปคร่าวๆเส้นทางที่ขับเที่ยวนี้ จะอยู่บริเวณทิศใต้และตะวันตกของเกาะครับ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักๆทั้งนั้น โดยใช้เวลาเดินทางเที่ยว 6 วันครับ ย้ายที่พักบ้าง ส่วนใหญ่พักในเมืองหลวง เรคยะวิค Reykjavik แล้วขับออกไปเที่ยวไม่ไกลมาก แล้วกลับมานอนครับ จะสะดวกกว่า ถ้าหากใครมาทีนึงเป็นสิบวัน แนะนำให้ขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ และไปทางเหนือเพิ่มครับ จะมีอีกหลายจุดที่น่าสนใจซึ่งผมไม่ได้ไปเพราะเวลาไม่อำนวย แถมหิมะถล่มปิดทางด้วย อันนี้เป็นแผนที่คร่าวๆว่า เส้นทางที่ไปเที่ยวเป็นยังไงนะครับ ใน Google Map จะโชว์ว่าราวๆ 1000km นิดๆ แต่ตอนผมขับไปเที่ยวทั้งหมด 1500 km กว่าๆนะครับ เนื่องจากมีการวิ่งย้อนไปมาในหลายๆจุดพอสมควร ไม่ได้พล็อทตามที่ขับจริงครับ เผื่อสงสัยกันนะ
https://goo.gl/maps/R9jpyงานออกแบบภายใน ภายนอกงานออกแบบภายในสำหรับผม ทำออกมาได้ใช้งานง่าย และดูสวยงาม มีราคา วัสดุดูดีกว่า Toyota ทั่วๆไปที่เคยขับมา แต่ยังสังเกตได้ถึงวัสดุลดต้นทุนในบางจุดอยู่ คอนโซลบางส่วนเป็นหนังจริง เดินตะเข็บจริง สร้างความพรีเมี่ยมได้ดีมาก จนน้องๆในทริปยังพูดเลยว่า มันหรูแฮะคันนี้ รถคันที่เช่านี้ไม่ใช่ตัวถูกสุดนะครับ แต่เป็นตัวเกือบท็อปของรุ่นเกรดการตกแต่งตัวล่าง (เค้าจะแบ่งการตกแต่งไว้สองเกรดครับ แต่ละเกรดจะมีรุ่นย่อยเครื่องยนต์ทั้งเบนซิน ดีเซลหลายขนาด และมีเกียร์ให้เลือกทั้ง MT AT)
ฟร้อนท์ติดรถนั้น ให้ออพชั่นมาเต็มคัน แต่นาวิเกเตอร์คันนี้ยังใช้งานไม่ได้นะครับ เนื่องจากใหม่เกินไป แผนที่ไอซ์แลนด์ยังไม่มีครับ Hertz ที่ผมเช่ารถด้วยเลยให้มาต่างหากอันนึงเลย แต่สำหรับฟังก์ชั่นอื่นๆนอกเหนือจากนั้น ใช้งานได้ดีมาก ต่อบลูทูธกับโทรศัพท์แล้วเล่นเพลงได้สบาย ให้เสียงที่น่าประทับใจ แม้จะยังไม่เนียนใสมากนัก แต่ถือว่า ใช้ได้แล้วกับการฟังพวก MP3 ที่ไม่ได้เน้นคุณภาพเสียงมากมาย (พวก 128 kbps) และมีกล้องมองหลังมาให้ใช้งาน ซึ่งเล็งได้ง่ายพอสมควรครับ
ตัวกุญแจที่ให้มานั้นเป็นกุญแจรีโมตธรรมดา ไม่มี push start / smart entry แต่อย่างใด ซึ่งผมก็มองว่าไม่ได้สำคัญขนาดนั้น มีก็ดี ไม่มีก็ไม่ได้อะไรกับมันครับ
ความกว้างขวางของภายในตัวรถ ทำให้นั่งสบายมากๆ แถวหลังนั่งกัน 5 คนแบบไม่เบียดเลย พื้นที่วางขา ไม่กว้างขนาด D-Segment แต่เมื่อปรับเบาะด้านหน้าในตำแหน่งที่ขับสะดวกสุดแล้ว พื้นที่วางขายังเหลือพอสมควรครับ ไม่อึดอัด แถมด้านหลังยังมีที่เก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆได้ 2 ใบแถมใบกลางๆอีก 3 ใบ จะจุเยอะไปไหน? การเข้าออกจากทุกที่นั่ง ทำได้อย่างสะดวกสบาย ประตูทุกตำแหน่งมีช่องทางเข้ากว้าง ต่อให้สรีระใหญ่ระดับพญาคชสาร ก็ไม่น่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด การโหลดสัมภาระด้านหลังขอบไม่ได้อยู่สูง และราบเป็นพื้นเดียวกับพื้น ทำให้ยกกระเป๋าขึ้นลงทำได้ง่ายมากๆ
แต่ถึงจะยัดกระเป๋าเดินทางไป 5 ใบรวมกัน ก็ยังมีที่เหลือให้วางเป้ใหญ่ๆได้อีกใบ แถมพวกแฮนแบ็กนู่นนี่ แล้วยังมีที่ว่างกระจกหลังเหลือพอให้ขับรถได้อย่างปลอดภัยด้วยซ้ำ ใหญ่มากกกกก
เบาะรุ่นนี้เป็นเบาะผ้าเนื้อดีนะครับ นั่งสบายทุกตำแหน่ง กระชับรับกับสรีระเป็นอย่างดี หลับเป็นตายกันทุกตำแหน่ง รวมถึงคนขับที่พาเอาง่วงได้ง่ายๆ ผมว่าเบาะมันสบายไปนิดนะ พอขับทางไกลๆแล้วชวนง่วงมาก
ส่วนงานออกแบบด้านนอกและรายละเอียดตัวรถต่างๆ ผมว่ามันยังดูไม่ลงตัวนัก กลับชอบด้านนอกของรุ่นก่อนหน้านี้ตัวไมเนอร์เชนจ์มากกว่า แม้รุ่นนี้หน้าตาจะดูทันสมัยขึ้น แต่ลายเส้นทั้งคันยังขัดหูขัดตาผมพอสมควร สรุปว่ามันไม่สวยเท่าไหร่ แค่พอไปได้ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร มองบางมุมมันก็สวยดีครับ
บางมุมมันก็ไม่ค่วยสวยนัก
ด้านท้ายรถผมลืมถ่ายแบบชัดๆมาครับ มีแต่แบบถ่ายเพื่อนแล้วตัวเค้าบังรถไปบางส่วนแบบนี้
สรุปว่าด้านนอกยังไม่โดนใจ แต่พอไปไหว ด้านในของมันนี่เป็นอะไรที่โดนใจ ทั้งคุณภาพและขนาดของมัน รวมไปถึงความอเนกประสงค์สุดๆ ยกของขึ้นลงง่าย ลุกนั่งง่าย นั่งสบาย คันนี้ใช้ได้เลยครับ
สมรรถนะรถรถคันนี้เพิ่งผ่านการเช่าไปแค่ครั้งสองครั้งก่อนหน้าผมเท่านั้นครับ ยังใหม่อยู่มากๆ ถ้าจำไม่ผิดตอนวันที่รับรถมา มันเพิ่งจะวิ่งไป 1,xxx km เท่านั้น คือพ้นรันอินมาหมาดๆเลย สภาพยังสมบูรณ์อยู่มากๆ ด้านสมรรถนะและกำลังเครื่องยนต์ แรงบิด มีมาให้เมื่อต้องการ กดคันเร่งลงไปความรู้สึกที่ได้คือพลังที่หนักแน่น ฉุดลากตัวถังพร้อมน้ำหนักบรรทุกเต็มคันรถทะยานไปข้างหน้าแบบไม่รู้สึกว่ารถมันเหนื่อยหรือต้องเค้นกำลังให้เรา และที่สำคัญได้มีโอกาสทดสอบขับในสภาพพายุหิมะถล่ม จนมองไม่เห็นถนน ต้องสังเกตแนวเสาขอบถนนแล้วขับเอา หิมะสูงระดับครึ่งหน้าแข้งได้ครับ แต่กำลังเครื่องยนต์และยางฤดูหนาว ก็ช่วยกันตะกุยหิมะไปได้อย่างสบายๆ แต่ผมขับช้าลงมาก เพื่อความปลอดภัยครับ เพราะบางช่วงทัศนวิสัยคือ แค่ 10-20 เมตรข้างหน้าเท่านั้นเอง ที่น่ากลัวสุดคือไปเจอพายุหิมะตกหนักมากๆตอนตีสอง ระหว่างกลับจากล่าแสงเหนือครับ กลัวจะต้องจอดเพราะขับลุยไม่ไหว หิมะมีช่วงนึงที่สูงจนแทบจะมิดเสาบอกขอบถนนแล้วจนผมแทบจะถอดใจจอด รอความช่วยเหลือแล้ว แต่รถมันยังพาตัวเองไปข้างหน้าได้แบบชิวๆ วัดใจเราว่า ถ้าไม่กลัวตกถนนเพราะมองเสาบอกทางไม่เห็น มันก็ยังพาเราไปไหวนะ ผมก็เลยค่อยๆคลานช้าๆ จนพ้นเขตพายุมาได้โดยปลอดภัยครับ ในคลิปวีดีโอนี้ จะมีบางช่วงบางตอน ที่เห็นพายุหิมะบ้าง แต่ไม่ได้ถ่ายช่วงที่มันตกหนักจนมองไม่เห็นทางเอาไว้นะครับ เพราะแฟนผมก็กลัว เลยวางกล้องช่วยกันมองทางครับ
การขับขี่บังคับควบคุม ช่วงล่างเกาะถนนดีกว่า CR-V ที่เคยสัมผัสมาครับ ให้ความนุ่มนวล ซับแรงกระแทกของถนนนอกเมืองไอซ์แลนด์ที่มันเป็นหลุมบ่อบางช่วงได้ดี แต่ไม่ย้วย ให้ความกระชับ นั่งสบายเหมือนรถเก๋ง แต่ด้วยความที่คันใหญ่และจุดศูนย์ถ่วงสูง จะทำให้รู้สึกว่ามันโคลงหน่อยๆ เวลาเข้าโค้ง ตามปกติของรถไซส์นี้ครับ พวงมาลัยให้ระยะการบังคับเลี้ยวที่เป็นธรรมชาติ ส่งความรู้สึกพื้นถนนขึ้นมาบ้างนิดๆ แต่ไม่มากนัก บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะจะบอกว่ามันไร้ชีวิตชีวาไป แต่ถ้าพูดถึงหน้าที่การใช้งาน ผมว่าเซ็ทออกมาได้ดีครับ กับงานที่ต้องมีลุยๆกันบ้างแบบนี้ เพราะเส้นทางที่ฝ่าพายุหิมะมาสองครั้งนั้น พวงมาลัยให้การตอบสนองที่ดีครับ บังคับควบคุมทำได้มั่นใจ ระยะฟรีน้อย เมื่อใช้ความเร็วสูงจะหน่วงขึ้น และรถไม่โยนไปมาครับ นิ่งดี
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงพอดีว่าทำที่จดไว้หายนะครับ แต่มีการบันทึกมูลค่าน้ำมันที่เติมไปทั้งสิ้น 4 รอบเอาไว้เป็นเงิน ISK รวมกัน 30,707 ISK ตกเป็นเงินไทย ราวๆ 9,400 บาทครับ น้ำมันจะตกราวๆ 240-250 ISK ต่อลิตร หรือลิตรละ 73-76 บาทแล้วแต่วันนะครับ (ขึ้นลงกันทีหลายบาทเลย) ถ้าคำนวนจำนวนลิตรก็ได้ที่ 30707 / 245 ISK = 125.33 ลิตร กับระยะทาง 1500 กิโลเมตรกว่าๆ จะได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 12 km/l ครับ ส่วนใหญ่เป็นการขับขี่ทางไกล เจอสภาพถนนแบบมีหิมะบ้าง บวกกับ AWD อาจทำให้อัตราสิ้นเปลืองไม่ได้สวยหรูนัก ค่อนไปทางกินน้ำมันนิดๆด้วยซ้ำไป
ควรเช่ารุ่นนี้ขับเมื่อไหร่?เป็นอีกครั้งที่ผมกลับมาใช้บริการ Hertz และค่อนข้างประทับใจครับ แม้ราคาค่าเช่าจะไม่ถูกนัก แต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ การรับรถ ส่งรถทำได้ง่าย ไว และไม่งี่เง่าเหมือนบางเจ้าที่เพื่อนผมโดนกันมา
ตัวรถเอง มีขนาดความกว้างใหญ่ของที่เก็บสัมภาระมากเกินคาด เหมาะอย่างยิ่งกับการเดินทางไปกับผู้หญิงหลายๆคน เพราะกระเป๋าคุณเธอนอกจากใหญ่แล้ว บางทียังมีแฮนแบ็กใส่เสื้อหนาวมาเปลี่ยนตามความหนาว/สถานที่ด้วย ไหนจะถุงขนมขบเคี้ยวเสบียงระหว่างทาง ถ้าด้านท้ายที่ไม่พอ ตรงที่วางขวาก็เหลือที่มากพอให้วางของได้อีกเยอะเลย เรียกได้ว่าถ้าชอบขนเยอะ คันนี้ตอบโจทย์มากๆเลย บวกกับสมรรถนะของตัวรถที่ไว้ใจได้ ถ้าทำใจได้ว่าต้องแลกมาด้วยการกินน้ำมันกว่าชาวบ้านเขาหน่อย (ซึ่งผมรับค่าน้ำมันได้นะ หารกันแล้วเพิ่งตกคนละราวๆสองพันบาทเอง ตลอดทริป แลกความปลอดภัย ที่มันพาเราฝ่าพายุหิมะมาได้)
รถคันนี้จะไม่เหมาะเท่าไหร่ หากไม่ได้แพลนว่าจะมาเที่ยวในช่วงที่มีพายุหิมะ เช่นถ้ามาช่วงหน้าร้อนที่ไม่เจอพายุหิมะเลย ก็ไปเช่าพวกรถเก๋งเล็กขับก็เหลือๆแล้วครับ เพราะจะประหยัดน้ำมันมากกว่า อาจจะนั่งไม่สบายเท่าคันนี้ แต่ก็ท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ได้สนุกไม่แพ้กัน
ในครั้งหน้าจะเป็นคู่แข่งในพิกัดเดียวกัน ที่หลายๆคนอาจจะกำลังสนใจอยู่ เพราะมันจะเปิดตัวขายในไทยเร็วๆนี้ครับ All New Nissan X-Trail (แต่ที่ขับมาเป็น Qashqai นะครับ) กับ One day trip ไปยังเมือง Cambridge ครับผม
========================
สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่ายที่เป็นของผมทุกใบ ลิขสิทธิ์ของภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ทเป็นของเจ้าของภาพนั้นๆ บทความที่เขียนรวมถึงรูปประกอบหากจะนำไปเผยแพร่ต่อ รบกวนบอกกันสักนิด และให้เครดิตกันก็พอครับผม