Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ พฤศจิกายน 21, 2018, 14:50:01
-
ช่วงนี้มีปัญหาเวลาไปปิดดีลแล้วขับ Eco car ไปแล้วไม่มั่นใจ เหมือนโดนมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม โดยเฉพาะลูกค้าผู้หญิง
เลยรู้สึกว่าต้องซื้อรถที่ราคาสูงหน่อย แต่ก็ไม่อยากใช้ตังมาก อยากได้รถที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากที่สุด เลยเริ่มหา D segment หรือ C SUV ครับ
ทีนี้เจอ L33 โคตรมหาถูก บางคัน 5 แสนกว่า รถ 1-2 ปีเอง ถ้าเอารุ่น XL ก็ 6-7 แสนเท่านั้น รู้สึกว่าสามารถซื้อได้แบบขนหน้าแข้งไม่ร่วงและน่าจะคุ้มในแง่ธุรกิจ
เลยสงสัยว่าถ้ามองในแง่ภาพลักษณ์ พอจะไหวมั้ยครับ รุ่นนี้
-
ได้อยู่นะครับ ถึงมันจะเป็นรถที่ขายไม่ดีและภายในไม่สวยแต่สมรรถนะดีแค่เครื่อง2.0 อืดหน่อยนะครับ เรื่องภาพลักษณ์ได้อยู่นะ d seg ก้โอเคแล้วครับ อีกอย่างมันจะตกรุ่นช้ากว่า accord g9 นะครับเพราะในไทยตัวใหม่จะมาเมื่อไหร่ก้ไม่รู้หรือจะมาอีกมั้ยก้ไม่รู้
-
สีดำครับ
ไม่แน่ใจว่ารุ่นนี้มีแบบเบาะครีมหรือเปล่า
ถ้าเจ้าของเก่าติดฟิล์มมา ก็ลอกให้หมด
ผมว่าดีลน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี
-
ผมว่าอย่าคิดมากเลยท่าน คนมันจะมองยังไงได้หมดแหละ
ยกตัวอย่าง
ผมขับรถยุโรปไปหาลูกค้า กะสร้างความน่าเชื่อถือเต็มที่ ปรากฏว่าเว่าเลย ดีลล่ม ลูกค้าหาเรื่องชิ่งซะงั้น
หลังจากนั้นเข็ดเลย เวลาไปรับงาน เอา CR-V (เก่าๆ)ไปตลอด ;D
-
Dsegmentภาพลักษณ์มันได้ระดับนึงอยู่แล้ว จัดไปได้เลย
-
ถ้าซีเรียสจริงๆก็ลองหารถยุโรปเก่าๆครับ ถ้าลูกค้าคุณคิดแบบนี้กับรถecocar เค้าก็จะคิดกับL33อยู่ดี เค้าโง่พอที่จะดูที่แบร์นอย่างเดียว เอา Toyota Century มาขับลูกค้าก็คงยังคิดว่าเป็นแค่Camryเก่าเพิ่มขนาด
-
ส่วนตัวก็ใช้อยู่ ทั้งค่ายยุโรป และl33 ผมว่า พอได้อยู่นะครับ
แต่ขนาดว่า ลค สายตาเหยียดหยาม ผมว่ามันก็เกินไปครับ
-
ภาพลักษณ์รถได้เลยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพของคนด้วยนะครับ ต่อให้ขับ E class แต่ถ้าทางนักเลง พูดจาห้าวๆ คู่ค้าอาจจะคิดว่าคุณรวยจากการโกงมา หรือทำสิ่งผิดกฎหมาย อาจทำให้ดีลนั้นล่มได้เลย
และสิ่งที่ที่ผมคิดว่าสำคัญกว่ารถนั้นคือจะทำยังไงให้เขาถูกชะตากับเรา เพราะถ้าคนไม่ถูกชะตากันตั้งแรกพบ แค่หายใจแรงก็ผิดแล้วครับ และถ้าขับ d segment ไป อาจจะถูกมองว่าไอ้นี่เว่ออออ ก็เป็นได้
-
ถ้าหามือสอง สภาพดีได้ในราคาตามที่แจ้งไว้ คุ้มมากครับ
ภาพลักษณ์ที่ได้ เกินราคาที่จ่ายไปเยอะครับ
-
ภาพลักษณ์พอได้อยู่แต่เจอบางคนอาจจะคิดว่าเป็นซิลฟี่ไปซะงั้น
ถ้าในแง่ราคามือสอง คุ้มครับ
-
ถ้าว่าด้วยภาพลักษณ์ล้วนๆ กับธุรกิจ ส่วนตัวผมเฉยๆ กับรถนะ
เพราะถ้าคนรู้ เขาก็รู้อีกว่าซื้อมือสองมาไม่กี่แสน
ถ้าผมนี่จะทำบุคคลิกให้ดี แต่งตัวดีๆ เรียบร้อย เหมาะสม คัตติ้งดีๆ ใช้ของดีๆ เช่น นาฬิกาดีๆ ฯลฯ
น่าจะดูมีผลกว่านะ
ปกติ เวลาไปติดต่อธุรกิจ เขาไม่เดินมาดูว่าขับรถอะไรหรือเปล่าวครับ???
-
คห.ส่วนตัวผมว่าไม่เกี่ยว ธุรกิจมุ่งที่ผลงานผลประกอบการไม่มีใครมามัวสอดส่องเรื่องส่วนตัวเขาแล้วเอามาวิเคราะห์หรอกมั้ง คิดไปเองมากกว่าอาจเพราะไม่มั่นใจในตัวเองส่วนนึง อีกอย่างสมัยนี้เงินหายากขึ้นนะ ยอดตกแทบทุกวงการ
ผมคิดแบบนี้มาตลอด Strategy and Marketing ที่ดีมีชัยกว่ารถหรูหลายเท่า ยกเว้นพวกธุรกิจวงการอสังหาแบบนี้อันนี้มีส่วนครับ
teana สวยครับและสวยสุดในดีเซกเมนต์ญี่ปุ่นและยุโรปแล้วในสายตาผมนะ ที่บ้านมี c e class serie3 camry มองยังไงก็เทียน่าสวยสุดหละเหมือนผู้หญิงสวยสมส่วนแต่งตัวเก่งประมาณนี้ ภาพลักษณ์ก็ดูมั่นคงระดับหนึ่งละครับถ้าบริษัทเอกชนก็ระดับหัวหน้า ผจก. ถ้ารัฐก็ระดับหัวหน้า ผอ.แล้วหละ
-
หายุโรปสวยๆมือสอง เวลาไปคุยก็วางกุญแจรถไว้บนโต๊ะครับ ถ้าผมเป็นลูกค้าจะมองเลย Benz,BMW อาจจะแค่คิดว่ากิจการดี แต่ถ้าเป็นยี่ห้อแปลกๆนี่คุยกันยาว เช่น Audi , Volvo , VW 555
-
ผมว่ากำลังดีครับ กลางๆ ไม่ดูฟันกำไรมากไป
และ ดูแล้วน่าจะรับผิดชอบงานได้
-
สว่นตัว งานผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์แบบนี้ครับ(เพราะมันไม่มีอยู่แล้ว ;D ;D ;D) เพราะฉะนั้น ผมจะขับอะไรก็ไม่มีผลเท่าไหร่
แต่ L33 ผมว่าก็โอเคล่ะครับ ;)
-
ผมว่าไม่น่าพอนะครับ
หากเขาเป้นลูกค้าหลักที่จะน่ากินกันยาวๆ ควรจัดเลยครับ
-
เกินพอครับ
D sec ก็ออกแนวผู้บริหาร หรือหัวหน้างานแล้วครับ
ถ้า L33 ไม่พอคงต้องไปยุโรบละ แต่ต้องถามว่าดีลธุรกิจกันระดับไหน 1ล้าน 10 ล้าน 100 ล้าน
มันคุ้มกับลงทุนเรื่องภาพลักษณ์หรือไม่
-
เกินพอครับ
D sec ก็ออกแนวผู้บริหาร หรือหัวหน้างานแล้วครับ
ถ้า L33 ไม่พอคงต้องไปยุโรบละ แต่ต้องถามว่าดีลธุรกิจกันระดับไหน 1ล้าน 10 ล้าน 100 ล้าน
มันคุ้มกับลงทุนเรื่องภาพลักษณ์หรือไม่
เห็นด้วย ตามข้อความนี้เลยครับ
-
ขับรถให้เหมาะสมกับลูกค้าครับ
อย่างที่บ้านผมขายเตาอบ พ่อผมจะขับกระบะไป หรือไม่ก็ D-Segment ไป เพราะเคยขับ C-Class เปิดประทุนไปแล้ว ลูกค้าบอกว่ากำไรดี เอาเงินไปซื้อรถแบบนี้ได้
ในขณะเดียวกัน งานที่ต้องการความเชื่อถือจากลูกค้า อย่างผมไปสั่งของประเทศจีน สั่งครั้งละหลายแสนเหรียญ ถ้าเอารถญี่ปุ่นมารับ ผมไม่โอเค เคยมีโรงงานเอารถจีนมารับ ดีลล่มเพราะผมไม่เชื่อใจ ควรจะเป็น Business Van หรือ Series 5, A6, E-Class ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น บางโรงงานใช้ Maybach S450
-
L33 ต้องสีดำครับ
-
ผมว่าได้อยู่นะครับ L33 ถ้าติดต่องานระดับมีราคานิดนึง ลูกค้ามองก็รู้แหละว่า teana หรือถ้าเค้ามองพลาดเป็น sylphy มันก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร
อันนี้ผมแนะนำในแง่ถ้าคุณบอกว่างานคุณจำเป็นต้องมีภาพลักษณ์น่าเชื่อถือนะครับ
โดยส่วนตัวผมมองว่าอยู่ที่บุคลิกภาพ ผมเผ้า เสื้อผ้า รองเท้าดูเรียบร้อย สะอาด สำคัญกว่า และจริงๆ แค่ altis vios civic city รุ่นปัจจุบันๆ หน่อยผมก็ว่าดูโอเคแล้วครับ
-
Teana ดูดีอยู่แล้ว และดูดีขึ้นจากเดิมมากครับ เห็นด้วยถ้าจะขยับ
(ถึงจะมาพร้อมกับค่าบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้น แต่ผมว่าไม่มากจนเกินไปนัก)
โดยส่วนตัวไม่เคยเจอใครที่มีลักษณะเหยียดหยาม ไม่ว่าจะเรื่องยานพาหนะหรือเรื่องอื่นๆครับ
จริงอยู่ที่มันช่วยเรื่องภาพลักษณ์ แต่ผมก็ไม่พอใจที่จะทำธุรกิจกับคนที่แสดงกริยาแบบนั้นได้
-
ถ้าเรื่องรถ เป็น L33 ก็ดีครับ แต่ผมว่าการแต่งตัวที่ดีใส่เสื้อผ้าที่ดูดีก็จะช่วยมากกว่า การใส่เสื้อผ้าที่พอดีตัว(ไม่ใช่เสื้อbrand name แต่อาจเป็นเสื้อผ้าสั่งตัด ปล.บางทีราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิดนะครับ) และเสื้อผ้าที่ดูสะอาดก็ช่วยได้ครับ บางคนใน1วันเปลี่ยน2ชุดด้วยซ้ำ และที่สำคัญต้องมีบุคลิกที่ดีด้วย ถ้าเกิดบุคลิคไม่ให้ ขับรถL33สีดำ ระวังเค้าจะเข้าใจว่าเป็นคนขับรถเอานะครับ
-
ได้ครับ แต่ถ้าเน้นภาพลักษณ์จริงๆ ผมว่าหารุ่นที่เห็นได้บ่อยๆดีกว่าครับ L33 บนถนนหายากพอสมควรเลย บางคนอาจไม่รู้จักด้วยซ้ำครับ หรือไม่บางคนก็นึกว่าเซลฟี่ซะอีก :'(
พวกรุ่นคู่แข่งอย่าง Accord หรือ Camry ก็ได้ครับ เห็นบ่อย
Compact SUV เช่น CX-5 CR-V ก็ได้นะครับ หรือจะขยับไป PPV พวก Fortuner Pajero Everest ก็ได้ภาพลักษณ์ไม่แพ้กันครับ
-
เคยขับ volvo v40 เมื่อก่อนไปห้างแห่งนึง ข้างหน้าเป็นแคมรี่ไฮบริดตัวท็อป ยามโบกไล่ให้ไปข้างหน้า พอถึงคันผม ยามเปิดที่กั้นให้เข้าไปจอดได้
ที่น่าตลกคือ v40 ราคาถูกกว่าแคมรี่ซะอีก แต่คนทั่วไปกลับไม่รู้เรื่องนี้
-
Dsegmentภาพลักษณ์มันได้ระดับนึงอยู่แล้ว จัดไปได้เลย
+1
-
L33 ภาพลักษณ์ได้ครับ
ผมเคยคิดว่ารถไม่น่าจะมีส่วนอะไรมากขนาดนั้น ก็แค่ยานพาหนะ
แต่พอมาทำธุรกิจจริงๆ มีส่วนเยอะกว่าที่คิดพอสมควร
เคยขับ Camry Swift ไปดีลงานประชุมลูกค้า เต็มที่ ไม่เกินชั่วโมง
พอขับ Subaru ไป กลายเป็น 2 ชั่วโมงซะงั้น
ดีลจบตั้งแต่ครึ่ง ชม. แรก ที่เหลือคุยเรื่องรถ 5 5 5
-
มีรถคันใหญ่ มันสื่อถึงความมั่นคง มันมีผลด้านจิตวิทยาครับ
อย่าให้ดูแพงเกินไปครับ ถ้าดูเหมาะสมจะมองได้ว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นคนฉลาดใช้เงิน ไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป
การพูดจา ดูจริงใจก็สำคัญครับ
-
มีรถคันใหญ่ มันสื่อถึงความมั่นคง มันมีผลด้านจิตวิทยาครับ
อย่าให้ดูแพงเกินไปครับ ถ้าดูเหมาะสมจะมองได้ว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นคนฉลาดใช้เงิน ไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป
การพูดจา ดูจริงใจก็สำคัญครับ
เห็นด้วยครับ เอาจริงๆ เวลาผมคุยงานกับผู้รับเหมาหรือ Supplier หรือสื่อโฆษณา ผมไม่ได้ดูรถเค้าใช้เลยผมจะสนใจในเนื้องานที่เค้าเสนอความจริงใจและราคาที่สมเหตุสมผลมากกว่าครับ
-
ขับรถให้เหมาะสมกับลูกค้าครับ
อย่างที่บ้านผมขายเตาอบ พ่อผมจะขับกระบะไป หรือไม่ก็ D-Segment ไป เพราะเคยขับ C-Class เปิดประทุนไปแล้ว ลูกค้าบอกว่ากำไรดี เอาเงินไปซื้อรถแบบนี้ได้
ในขณะเดียวกัน งานที่ต้องการความเชื่อถือจากลูกค้า อย่างผมไปสั่งของประเทศจีน สั่งครั้งละหลายแสนเหรียญ ถ้าเอารถญี่ปุ่นมารับ ผมไม่โอเค เคยมีโรงงานเอารถจีนมารับ ดีลล่มเพราะผมไม่เชื่อใจ ควรจะเป็น Business Van หรือ Series 5, A6, E-Class ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น บางโรงงานใช้ Maybach S450
+1 ครับ
บางงานใช้รถแพงไปก็ไม่ดี
บางงานใช้รถถูกไปก็ไม่ดี
ผมเคยไปร้านตัดผม เจ้าของร้านเอารถเบ็นซ์สปอทมาจอดหน้าร้าน คนแทบไม่มีเข้าเพราะกลัวราคาแพง ผมลองเข้าไปตัดเพราะได้ยินว่าเป็นอาจาร์ยดัง ตัดผมเก่งสรุปราคาแพงจริงๆครับ ไม่เข้าอีกเลย 555+
อีกคนทำงานเลขาโรงงาน บ้านรวยขับ BM มาทำงาน
ประธานยังนั่งแแคมรี่อยู่เลย ทำได้1อาทิตย์ก็ออก เข้ากันไม่ได้
ผมเคยไปหาเจ้านายที่อพาร์ทเม้นคนต่างชาติ ขี่มอไชค์ไป ยามแทบจะไม่ให้เข้า 555+
-
ภาพลักษณ์สำหรับคนไทยนี่จำเป็นจริงๆ ใครไม่เจอเองไม่รู้ ::)
-
อย่าว่าแต่เรื่องรถเลยครับ แค่นาฬิกากับรองเท้าเขาก็ดูแล้วครับ
ส่วนตัวผมเวลาเจอลูกค้าก็ต้องจอดรถก่อน เลยไม่ค่อยมีปัญหา
ถ้าว่าถึง D-segment ส่วนใหญ่เขามองว่าเป็นระดับ manager ขึ้นไป L33 ผ่านครับ
-
ขับรถให้เหมาะสมกับลูกค้าครับ
อย่างที่บ้านผมขายเตาอบ พ่อผมจะขับกระบะไป หรือไม่ก็ D-Segment ไป เพราะเคยขับ C-Class เปิดประทุนไปแล้ว ลูกค้าบอกว่ากำไรดี เอาเงินไปซื้อรถแบบนี้ได้
ในขณะเดียวกัน งานที่ต้องการความเชื่อถือจากลูกค้า อย่างผมไปสั่งของประเทศจีน สั่งครั้งละหลายแสนเหรียญ ถ้าเอารถญี่ปุ่นมารับ ผมไม่โอเค เคยมีโรงงานเอารถจีนมารับ ดีลล่มเพราะผมไม่เชื่อใจ ควรจะเป็น Business Van หรือ Series 5, A6, E-Class ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น บางโรงงานใช้ Maybach S450
+1 ครับ
บางงานใช้รถแพงไปก็ไม่ดี
บางงานใช้รถถูกไปก็ไม่ดี
ผมเคยไปร้านตัดผม เจ้าของร้านเอารถเบ็นซ์สปอทมาจอดหน้าร้าน คนแทบไม่มีเข้าเพราะกลัวราคาแพง ผมลองเข้าไปตัดเพราะได้ยินว่าเป็นอาจาร์ยดัง ตัดผมเก่งสรุปราคาแพงจริงๆครับ ไม่เข้าอีกเลย 555+
อีกคนทำงานเลขาโรงงาน บ้านรวยขับ BM มาทำงาน
ประธานยังนั่งแแคมรี่อยู่เลย ทำได้1อาทิตย์ก็ออก เข้ากันไม่ได้
ผมเคยไปหาเจ้านายที่อพาร์ทเม้นคนต่างชาติ ขี่มอไชค์ไป ยามแทบจะไม่ให้เข้า 555+
หัวหน้าแผนกผมยังนั่งรถทัวร์กลับโคราชอยู่เลย รถที่มีก็ Mu-X ไว้ใช้ที่โคราช 555 แต่แกทำธุรกิจหลายอย่างคู่ไปด้วย ตังค์เยอะเชียวล่ะ
แล้วแต่สังคมจริงๆครับ อย่างบริษัทผมนี่ไม่สนใจรถที่ขับกันเลย
-
ผมทำงานที่ต้องติดต่อกับเซลล์ประจำ
ไม่เคยเดินไปดูเลยว่าขับรถอะไรมา
ตอบสนองงานผมได้คือจบ แค่นั้นเลย