เมื่อวานผมได้คุยกับ"เจ้าพ่อ" ในวงการครับ
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมญี่ปุ่นถึงมีนวัตกรรมเคลือบแก้ว
เหตุผลคือ ที่ญี่ปุ่นเองไม่ได้มีร้านคาร์แคร์มาบรรจงล้างรถแบบบ้านเราครับ
การเคลือบแก้ว จะทำให้ผิวชั้นนอกสุดของรถคือบนชั้นเคลียร์โค้ต แข็งแรงขึ้นมากกกก
ช่วยให้การดูแลรักษารถทำได้ง่าย คือฉีดน้ำล้างๆๆๆๆๆ แล้วเช็ดก็สะอาด หรือป้องกันเรื่องมลพิษ หรือพวกขี้ตกต่างๆไม่ให้เกาะ
และปกป้องชั้นเคลียร์โค้ต นั่นคือ วัตถุประสงค์ของเคลือบแก้ว
เคลือบแก้วที่ดีไม่ได้ดูที่เลเยอร์ว่าต้องหนากี่ไมครอน (อันนี้คนไทยชอบเอามาโฆษณาหนาแบบนู่นแบบนี่)
จริงๆแล้วเคลือบแก้วต้องบางและแข็งมากๆ ถึงจะเป็นเคลือบแก้วที่ดี เพื่อนผมว่ามางั้น
เพราะยิ่งหนาก็ยิ่งเหมือนรถมีกระจกหนาๆมาครอบไว้มันจะทำให้รถเห็นสีที่สวยงามของรถได้อย่างไร ?
และเคลือบแก้วที่หนามากๆ ถ้ามีอะไรมากระแทก กรณีเกิดการแคลก จะแก้ไขอย่างไร?
ถ้าทำรถเก่ามาไม่ดี แล้วเคลือบแก้วที่ทำมาไม่ดีพอ เกิดรอยแคลก แตกเป็นทางยาว จะแก้ไขอย่างไร ?
อันนี้คือคำถามที่ ร้านทำเคลือบแก้ว เขาฝากไว้ เพราะเขาเองก็บอกว่า ถ้าคุณมีเวลา ว่างมากพอ การเคลือบสีจะทำให้รถเงากว่าเคลือบแก้วครับ
เพราะคนที่เคลือบแก้ว จะพบว่าส่วนมากไม่มีเวลาดูแลรถ ทำงานเยอะ เลยเคลือบแก้วเพื่อปกป้องสีรถ จากสิ่งที่บอกข้างบนอ่ะ
จริงๆแล้วแทบไม่ได้เกี่ยวกับความเงางามของรถเลยด้วยซ้ำไป
แต่ทำไมร้านชอบเชียร์
เพราะมันทำให้ร้านเขาได้สองเด้ง....คือ
1. เวลารถลูกค้ามาร้านมาล้างปกติ เสียเงินเท่ากัน ร้านทำงานง่ายเพราะฉีดๆๆๆ น้ำก็แทบสะอาดแล้ว
2. ขายน้ำยาเคลือบสีได้อีกต่อ....เพราะถ้าลูกค้าอยากเงาๆ สวยๆ ฉ่ำๆ ก็ต้องเคลือบสีทับไปบนเคลือบแก้วอยู่ดี (และเคลือบง่ายกว่ารถธรรมดาที่ไม่ได้เคลือบแก้วด้วย...)
นี่คือเหตุผล ส่วนการขายเคลือบแก้ว เพื่อนผมบอกว่า แม่ง..อารมณ์ล้วนๆ ครับ
ดังนั้นท่านที่จะเคลือบแก้วแล้วคิดว่ารถจะเงาเว่อร์ๆ ฉ่ำเยิ้มกันตลอดเวลา คิดใหม่นะครับ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องนี้เลยครับ
เพราะที่เราเห็นว่ามันเงาเยิ้ม สวยสดใส ส่วนมากคือ ความใส่ใจในขั้นตอนเตรียมผิวครับ......
และไอ้ขั้นตอนเตรียมผิว รถบ้านๆ ที่ไม่ได้เคลือบแก้วจะทำให้ได้ระดับนั้น ย่อมทำได้อยู่แล้วครับ....เข้าคอร์ส WET LOOK ไม่เกิน 3,000
ก็ได้เงาระดับนั้นแล้ว แค่เราไม่ได้ความแข็งแกร่งจากชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วแค่นั้นแหละ
และ....เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วที่ไหนดีไม่ดี
เพื่อนผมบอกว่า ก็ต้องดูระยะยาวครับ 1 ปีขึ้น 2 ปีขึ้น ว่ารถยังเหมือนวันแรกที่เราทำเคลือบแก้วหรือไม่....
ผมเลยสรุปได้ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์เคลือบแก้วครับ...