รถใช้น้อย (2-3 อาทิตย์ เอาไปใช้ 3-4 วัน) ใช้ครั้งสุดท้าย 2 อาทิตย์ที่แล้ว ...
- วันอาทิตย์จะขยับรถ ลองสตาร์ท มีเสียงแต๊กๆๆๆ (น่าจะเป็นเสียงไดร์สตาร์ท หรือเปล่า?) แต่ไม่มีอาการพยายามจะติด ลองพ่วงแบต สตาร์ทแช่ๆหน่อยก็ติด พอติดแล้วปล่อยเดินรอบเบาไว้ประมาณ 10 นาที
- เมื่อเช้าลองใหม่ คราวนี้ มีเสียงแต๊กทีเดียว (น่าจะเป็นเสียงรีเลย์สตาร์ท หรือเปล่า?) หนนี้ยังไม่ได้ลองพ่วงแบต
คิดว่าน่าจะเป็นอะไรครับ ตอนนี้ส่วนตัวมุ่งประเด็นไปที่ไฟรั่ว คิดว่ามีสิทธิไหมครับ?
ข้อมูลเพิ่ม
- แบตอายุน้อยกว่า 6 เดือน
- วัดไฟตอนสตาร์ทไม่ติดได้ 8 v กว่าๆ พอสตาร์ทติดแล้วได้ 14 v กว่าๆ
- ไดร์สตาร์ทเพิ่งเปลี่ยน (ของรีบิวท์) อายุน้อยกว่า 6 เดือน
คิดถึง
ไฟรั่ว ได้เลยครับ
ก่อนอื่นถ้าแบตฯค่อนข้างใหม่ มักจะคิดถึงว่าแบตฯเสียไว้เป็นอันดับท้ายๆเลย (แม้จะมีโอกาสเป็นไปได้)
แต่ไฟรั่วในที่นี่หมายถึงมีบางอุปกรณ์ของรถ ยังกินไฟจากแบตฯไปในปริมาณมาก แม้ว่าจะดับเครี่องยนต์ปิดสวิทช์ไปแล้ว
(โดยปกติจะเหลือแค่บางระบบที่ยังใช้ไฟอยู่ตลอดเวลา น้อยๆ เช่น ระบบกันขโมย ,กล่องคอมพิวเตอร์บางระบบของรถ ฯลฯ)
ยิ่งถ้าหากรถจอดทิ้งไว้หลายวัน โดยไม่มีการสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อขาร์จไฟ
ทำให้ระดับไฟแบตฯลดลงมาก จนกระทั่งไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เลย
จะเรียกไฟรั่วนี้ว่า Parasitic Battery Drain
(parasitic= เหมือนกาฝาก,เหมือนพยาธิ,ซึ่งเกาะผู้อื่นกิน)
http://www.wikihow.com/Find-a-Parasitic-Battery-Drainส่วนการวัดไฟแบตฯถ้าให้ถูกต้อง ก็คงต้องวัดค่าแอมป์
แต่ถ้าวัดทางอ้อมคร่าวๆ ที่เราพอทำได้เองก็คงวัดโวลท์ ถ้าเหลือไฟต่ำกว่า 11-12 โวลท์ก็อาจจะสตาร์ทไม่ติดแล้ว
ส่วนการที่วัดได้ 14 โวลท์ขณะติดเครื่องยนต์ นั่นเป็นไฟจากไดชาร์จ
การวัดค่าโวลท์ไฟที่ขั้วแบตฯหลังจากมีการชาร์จมาใหม่ๆ จะไม่ได้ค่าที่ถูกต้อง
อาจต้องทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง เช่น ทิ้งไว้หนึ่งคืนแล้ววัดตอนเช้าวันรุ่งขึ้น
ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ จะได้ค่าโวล์ทของแบตฯที่แท้จริง