E90 ผมโดนไปราว 5 หมื่นบาท
FD โดนไป 23000
ปล. 2+ มีอะไรที่แตกต่างจาก 1 บ้างครับ?
อยากลดภาระบ้างเพราะรถก็ขับแค่ในเมือง
ประกันชั้น 1 >> ครอบคลุมให้หมดทุกอย่างครับ ตามวงเงินของทุนประกัน
ขับรถชนกำแพง มีใครเอาหินปาใส่ รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ไม่ต้องมีคู่กรณีก็เคลมได้หมดครับ
หรือบางทีพูดกันขำๆ ว่าถ้าเบื่อรถแล้ว ขายมือสองเอาเข้าเต๊นท์ บางทียังตีราคาให้ได้น้อยกว่าทุนประกันอีก
ก็เข็นรถตกเขาซะเลย แล้วเคลมทุนประกัน 555 (อันนี้อย่าทำนะครับ แค่พูดเล่นๆ )
ประกันชั้น 2+ >> ซ่อมให้ตามวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ถ้าอุบัติเหตุต้องมีคู่กรณี
ไม่ว่าจะเราจะผิด หรือ ถูก ถ้ามีคู่กรณี ประกันก็ซ่อมให้ แต่ถ้าชนต้นไม้ ไม่มีคู่กรณี ก็ซ่อมเองครับ
หรือถ้าไปมิดมา ประกันก็จ่ายค่าซ่อมให้ไม่เกิน 3 แสนครับ (แต่ต้องมีคู่กรณี)
ประกันชั้น 2+ จะรวมเรื่องรถหาย กับ ไฟไหม้ด้วย
คือ รถหาย จ่ายให้ 3 แสน ไฟไหม้ ก็จ่ายให้ 3 แสน
ประกันชั้น 3+ >> เหมือน 2+ แต่วงเงินซ่อมอาจจะน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับเบี้ย
ถ้าเอาเบี้ยถูกๆ ปีละ 7 พันกว่าบาท ก็ซ่อมให้วงเงิน 100,000
อุบัติเหตุต้องมีคู่กรณีเหมือนกัน ไม่ว่าจะผิด หรือ ถูก ก็ซ่อมให้ทั้งคู่
แต่ 3+ จะไม่รวม รถหาย กับ ไฟไหม้ คือ ถ้าโดนขโมยรถ ก็ซวยไป
ประกันชั้น 3 ธรรมดา >> อันนี้ จะดูอุบัติเหตุแล้วว่าใครถูก ใครผิด
ถ้าเราผิด ประกันจะซ่อมให้แต่ของเรา แต่เราต้องรับผิดชอบของคู่กรณี อะไรประมาณนี้ครับ จำรายละเอียดไม่ได้
คร่าวๆ ที่จำได้ประมาณนี้ครับ
สรุป ทำแบบไหนดี ก็แล้วแต่จะบริหารความเสี่ยงครับ
จ่ายเบี้ยประกันปีละ 5 หมื่นกว่า ถ้าทั้งปีขับดี ไม่มีชน ไม่มีเคลม ก็เท่ากับว่าเสียเงินไปฟรีๆ 5 หมื่น
แต่ถ้าไปมิดมา ต้องซ่อมกันหลายแสน ก็โชคดีไป ที่มีประกัน นานาจิตตังครับ
ถ้าคิดว่ารับได้กับความเสี่ยงได้ คิดว่าตัวเองขับรถดี จอดรถในบ้านตลอด ไม่ค่อยได้จอดที่เปลี่ยวๆ
หรือใช้รถที่ไม่ใช่รถตลาด ที่โจรนิยม ทำ 2+ หรือ 3+ ก็ประหยัดไปเยอะครับ
แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงเลย อยากขับรถแบบสบายใจ
ใช้รถตลาดที่โจรชอบ เช่นพวก Fortuner , Vigo ,D-max ก็ทำชั้น 1 โลดครับ