ผู้เขียน หัวข้อ: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ  (อ่าน 12927 ครั้ง)

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 683
ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2013, 21:32:48 »
สวัสดีครับเพื่อนๆชาว HLM พอดีมีปัญหาค้างคาใจ นั่งคิดแล้วคิดอีก คิดไม่ตกซักที...

ก่อนอื่นขอเล่าก่อนครับ ว่าผมมี Plan จะซื้อรถใหม่ ภายในประมาณ 1-2 ปีหลังจากนี้อาจจะเร็วกว่านี้นิดหน่อย ขึ้นอยู่กับหลายๆสถานการณ์ครับ ซึ่งรถที่มองไว้ จริงๆผมชอบรถที่ Size ไม่ใหญ่มากครับ เลยเล็งตระกูล Hot Hatch ไว้ครับ (พวก Benz A/CLA, Volvo V40, Golf GTI)

และวันก่อนผมได้มีโอกาสไปลองขับ Golf GTI ครับ มันรู้สึกว่าใช่ทุกอย่าง เครื่องแรงสะใจมาก มากจริงๆ เบาะหลังนั่งสบาย พ่อแม่ผมนั่งด้วยได้ พูดง่ายๆคือ สำหรับผมแล้ว GTI ไม่ต้องหาข้อติใดๆ (ยกเว้นเรื่องเบรค ที่หัวทิ่มจริงๆ อันนี้คิดว่า ถ้าได้ใช้จริงๆก็น่าจะชินเอง) เลยคิดว่า นี่น่าจะโดนที่สุดแล้ว ประกอบกับ MK VII ออกแล้ว เพียงแต่รอยนตรกิจเอาเข้ามาแค่นั้นเอง ส่วนรถคันอื่นๆที่ผมเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้ลองขับซักคันครับ แต่ A/CLA แค่นั่งก็ไม่ปลื้มแล้วครับ หลายๆเหตุผล ส่วน V40 นั่นผม OK นะ แต่เบาะด้านหลังชันไปหน่อย ลองนั่งเองแล้วอึดอัดพอสมควร พ่อแม่ไม่น่าจะนั่งสบายครับ

คราวนี้ก็เลยมาคุยกับเพื่อนๆ ปรากฏว่า มีแต่คนบอกว่าศูนย์ VW ขึ้นชื่อเรื่องเสียๆหายๆ ผมเองก็อยู่ จ.อุดรฯ ศูนย์ใกล้สุดก็โคราช ถ้ารถเกิดตายกลางทางมาจริงๆ ก็จะยุ่งมาก ประกอบกับค่าซ่อม ค่าบำรุง โหดมหาโหดจริงๆ ก็เลยอยากจะฝากคำถามถึงคนที่ใช้ VW ตระกูล Golf/Scirrocco ครับว่า

1. รถเปราะจริงหรือเปล่า??? มีคนบอกว่า มันจุกจิก ใช้ไปซักพัก จะมีปัญหาเกิดที่ต้องเข้าศูนย์เรื่อยๆ ซึ่งผมอยู่อุดรธานี จะมาโคราชก็ประมาณ 2 เดือนครั้ง ถ้าเอาเข้ามาเช็คตามระยะ ผมไม่มีปัญหานะครับ แต่ถ้ารถมีปัญหาแบบตายกลางทาง ขับต่อไม่ได้เลย นั่นก็ไม่ไหวจริงๆครับ ซึ่ง Vios ผมใช้มา 7 ปี ลงโบซะด้วย ก็ยังไม่ได้มีลักษณะ "ตายกลางทาง" ให้ได้เผชิญซักที
2. ค่าซ่อมบำรุง/ค่าบำรุงรักษาตามระยะ แพงโหดถึงขนาดนั้นจริงหรือไม่??? ผมพยายามไปค้นดู มีคนใช้ Passat ระยะประมาณ 250,000Km เสียเงินค่าซ่อม+ค่าแรงไป 400,000 บาท ถ้าจะขนาดนั้นจริงๆผมก็ไม่ไหวนะครับ 555+ ซึ่งถ้าข้อ 1 + 2 เป็นเรื่องจริงเข้าล่ะก็ ผมก็คงต้องยอมอกหักไปตามระเบียบจริงๆครับ
3. เคลมอะไหล่ที รอจนรถที่ซื้อ Model change กันไปเลยหรือเปล่าครับ - อันนี้เปรียบเทียบนะครับ บางคนก็บอกว่า ถ้าได้ซ่อมจริง ก็รอเคลมอะไหล่กันจนลืมไปเลย
4. ข้อนี้สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดนะครับ - สมมติรถเสียขึ้นมาจริงๆ ลากเข้าศูนย์กันยังไงครับ มีปัญหาเรื่องนี้กันบ้างหรือเปล่า

ส่วนคำถามอีกคำถาม ฝากถามไปยังผู้รู้ข่าวอีกครั้งครับ ว่า VW จะลงมาทำการตลาดแทนเองจริงหรือไม่ เพราะผมได้ข่าวตรงนี้หนาหูมากๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อุดรธานี ก็ยังพอมีหวังให้ศูนย์กลับมาเปิดเหมือนเดิม (แต่ก่อนเคยมีครับ ตอนนี้ปิดไปแล้ว) ถ้าจะให้รอ VW มาทำตลาดเอง แต่มาแน่ๆ ผมก็รอได้เหมือนกันครับ เพราะเสียวสันหลังกับชื่อเสีย(ง) ของยนตรกิจจริงๆ

ขอบคุณครับ
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2013, 22:09:06 »
1. รถเปราะจริงหรือเปล่า??? มีคนบอกว่า มันจุกจิก ใช้ไปซักพัก จะมีปัญหาเกิดที่ต้องเข้าศูนย์เรื่อยๆ ซึ่งผมอยู่อุดรธานี จะมาโคราชก็ประมาณ 2 เดือนครั้ง ถ้าเอาเข้ามาเช็คตามระยะ ผมไม่มีปัญหานะครับ แต่ถ้ารถมีปัญหาแบบตายกลางทาง ขับต่อไม่ได้เลย นั่นก็ไม่ไหวจริงๆครับ ซึ่ง Vios ผมใช้มา 7 ปี ลงโบซะด้วย ก็ยังไม่ได้มีลักษณะ "ตายกลางทาง" ให้ได้เผชิญซักที
ไม่จริงครับ ถ้าใช้แบบรักษา ไม่ขับแบบโหดเหี้ยมจนเกินไป เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เกียร์ตามระยะ ยังไงก็ไม่น่าพัง ที่คนบอกจุกจิกคือมือแรกใช้ไม่รักษาคนซื้อต่อมาเลยโดนค่าซ่อมเยอะรึเปล่า  
2. ค่าซ่อมบำรุง/ค่าบำรุงรักษาตามระยะ แพงโหดถึงขนาดนั้นจริงหรือไม่??? ผมพยายามไปค้นดู มีคนใช้ Passat ระยะประมาณ 250,000Km เสียเงินค่าซ่อม+ค่าแรงไป 400,000 บาท ถ้าจะขนาดนั้นจริงๆผมก็ไม่ไหวนะครับ 555+ ซึ่งถ้าข้อ 1 + 2 เป็นเรื่องจริงเข้าล่ะก็ ผมก็คงต้องยอมอกหักไปตามระเบียบจริงๆครับ
"ค่าซ่อมผมว่าแพงแต่พอรับได้ รถใหม่ๆมันไม่พังง่ายขนาดนั้นหรอกครับ แต่ที่บอกค่าแรง400,000 บาทนี่ไปทำอะไรมาครับเนี่ย จมน้ำรึเปล่า ขนาดเปลี่ยนเกียร์ใหม่เห็นกระทู้ก่อนมีคนบอกว่าเกียร์พัง แล้วศูนย์ช่วยออกค่าซ่อมเหลือลูกละ150,000เอง แต่อย่างว่ารถมันยอดขายน้อยเวลาเจอซ่อมใหญ่หรือปัญหาแปลกๆช่างไม่ค่อยได้ผ่านมืออาจจะแก้ไขไม่ถูกจุด"
3. เคลมอะไหล่ที รอจนรถที่ซื้อ Model change กันไปเลยหรือเปล่าครับ - อันนี้เปรียบเทียบนะครับ บางคนก็บอกว่า ถ้าได้ซ่อมจริง ก็รอเคลมอะไหล่กันจนลืมไปเลย
รถใหม่ๆไม่เกิน10ปีส่วนใหญ่มีอะไหล่สต๊อกไว้นะครับ แต่ถ้าเกิน10ปีไปแล้วเหมือนตัดเยื่อใย ล่าสุดไปถามอะไหล่Caravelle T4ก็บอกบางตัวเลิกผลิตไปแล้ว แต่ผมก็เห็นซื้อข้างนอกก็ยังมีอะไหล่ ไม่เข้าใจว่าไม่สั่งมา้ิเองหรือว่าอะไร
4. ข้อนี้สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดนะครับ - สมมติรถเสียขึ้นมาจริงๆ ลากเข้าศูนย์กันยังไงครับ มีปัญหาเรื่องนี้กันบ้างหรือเปล่า
รถสไลด์อย่างเดียว อู่ข้างทางไม่น่าจะช่วยเหลือท่านได้ จดเบอร์รถสไลด์ไว้ด้วยก็ดีเผื่อฉุกเฉิน
ส่วนคำถามอีกคำถาม ฝากถามไปยังผู้รู้ข่าวอีกครั้งครับ ว่า VW จะลงมาทำการตลาดแทนเองจริงหรือไม่ เพราะผมได้ข่าวตรงนี้หนาหูมากๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อุดรธานี ก็ยังพอมีหวังให้ศูนย์กลับมาเปิดเหมือนเดิม (แต่ก่อนเคยมีครับ ตอนนี้ปิดไปแล้ว) ถ้าจะให้รอ VW มาทำตลาดเอง แต่มาแน่ๆ ผมก็รอได้เหมือนกันครับ เพราะเสียวสันหลังกับชื่อเสีย(ง) ของยนตรกิจจริงๆ

เคยได้ยินมาบ่อยแต่คิดว่าคงไม่มาทำการตลาดเองหรอกครับ ล่าสุดเห็นบอกว่าเปลี่ยนผู้บริหารเป็นฝรั่งเข้ามาทำแทน เห็นช่างจากศูนย์วิภาบอกมา ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะศูนย์หรือ

ทั้งหมด แต่ก็ทำให้ผมเลิกใช้บริการศูนย์นี้อีกเลย และก็ล้มความคิดที่จะอยากได้ Volk เลย ที่บ้านใช้Volkอยู่หลายคันแต่ต่อไปขอลา

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php?topic=29953.0 ประสบการณ์ที่ผมเจอ

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2013, 23:07:48 »
1.รถไม่เปราะนะครับ กลุ่นผมแต่งกันกะจุยกะจายก็ยังวิ่งกันชิลๆ พี่คนนึงใช้มาแสนโล ก็เชคตามระยะแล้วหมั่นเชคนั่นโน่นนี่บ้าง ก็วิ่งปกติ  ไม่มีปัญหา แต่ที่เล่าลือมาเนี่ยถ้าเจอใครมาบอกว่า เห้ย VW ค่าใช้จ่ายจุกจิก เปราะ ให้ดูคนที่พูดก่อนครับว่าเค้าเอามาจากไหนเค้าขับ VW รึเปล่าเพราะพวกฟังแล้วเล่าต่อๆมาก็มีเยอะครับ
2.ค่าดูแลมันแพงกว่ายี่ปุ่นครับ แต่สูสีกันในรถยุโรปอ่ะแหละ ไม่แพงกว่ากันแน่นอน แต่ถ้าเกิดซื้อมาแล้วมีปัญหานั่นนู่นนี่ นิดหน่อยก็ต้องทำใจครับ เพราะรถมันมีอาการเฉพาะคัน แต่ผมโชดดีที่ไม่เป็นอะไรเลย มีแค่น้ำมันเครื่องหายก็ซื้อมาเติมเองแล้วเชคทุก 5000 โลว่าหายไปมั้ย ถ้าหายก็เติม
3.อะไหล่รอไม่นานครับถ้าไม่ใช่ชัิ้นสำคัญจริงๆ อย่างมากไม่เกิน 1เดือนครึ่งสำหรับชิ้นสำคัญๆ แต่ทั่วไปก็ 2สัปดาห์(แต่เรื่องนี้แล้วแต่ทางศูนย์นะครับ ว่ามีความสามารถไวพอรึเปล่า ต้องเลือกศูนย์ดีๆ)
4.ถ้าเสียอย่างเช่นคอยจุดระเบิดพังท่านก็จะได้เสียงแบบซูบารุมาแทน 555 ถ้ามีคอยสำรองเปลี่ยนเองได้เลยครับเห็นบางคนมีสำรอง (แนะนำให้เปลี่ยนตอน 25,000โล)แต่ถ้าไม่มีก็จอดรอรถสไลด์อย่างเดียวครับแต่เห็นบางคนก็ขับช้าๆคลานไปศูนย์เอา แต่ถ้าเป็นพวกเกียร์เจ๊ง หัวฉีดพังก็ซวยไปครับ รอเข้าศูนย์เลย บางคนใช้รถ 5-6หมื่นโล หัวฉีดกะเกียร์ไม่พัง บางคนใช้มาแค่ 6 พันโลหัวฉีดพังก็มี แล้วแต่แจคพอต แต่ซัก10คันจะเจอ 1 คัน แต่ก็แก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่ร้สึกว่าลอตหลังๆจะไม่ค่อยมีละมั้งครับสงสัยปรับปรุงไปละ แต่เกียร์บอกเลยครับ ทนจริงเหยียบไปเถอะ GTI Scirocco บางคัน ม้า 340+ ก็ยังเห็นเค้าขับทุกวัน แถมขับลากรอบซะมันส์เกียร์ยังสบายเลยครับ เพีงแค่อาจจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไวขึ้นจาก 6หมื่นโลเป็นซัก 4หมื่นก็โอเคละครับ ส่วนนำมันเครื่อง จาก 15000โล ผมย่นมาที่ 10000โล เพราะผมจูนเลยย่นมานิดหน่อยที่เหลือก็ย่นระยะตามความสมควรตามลักษณะการขับของแต่ละคน คนไหนขับโหดๆหน่อยก็ 5พันเปลี่ยนละ น้ำมันเครื่องก็ใส้กรองน้ำมันเปลี่ยนครั้งนึงก้ 5000 บาท ผมใช้ mobil1 ตัวทอปเลยครับ รอบลื่นดี มีลื่นกว่านี้แต่แพง+ระยะถี่เกินผมเลยใช้ตัวนี้แหละ เพราะผมอยู่ระยอง ไม่อยากเข้า กทม บ่อย ยังไงถ้าชอบก็ซื้อครับเวลาขับมันถูกใจจริงๆ สนุกจิง 

ออฟไลน์ wanarat7777

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 259
    • อีเมล์
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2013, 00:40:45 »
สำหรับต่างจังหวัด ผมว่าก็ยากอยู่นะครับ ซื้อ Ford หรือ Volvo น่าจะดีกว่า เพราะผมอยู่กทมถ้ามีปัญหาผมใช้รถสไลด์ตลอด ปัญหาไม่เยอะครับ เพราะดูแลเองซ่อมเองกับช่างรู้ว่าอันไหนควรเปลี่่ยน volks มีอยู่อย่างนะครับ อะไรที่เห็นว่าถึงอายุ อย่าเสียดายเงิน เพราะมันจะลามครับ ถ้ามัวแต่คิดเหมือนรถญีปุ่น รถญี่ปุ่นผมว่าอึดกว่าตรงของบางอย่างใกล้พังยังดันทุรังใช้ได้ แต่กับ Volks ผมเห็นอะไรใกล้เดี้ยง ผมเปลี่ยนไปก่อนที่มันจะพังด้วยซ้ำ ขับเน้น คุณภาพอย่างเดียวเลย แล้วคน Volks อย่างที่ท่านก่อนหน้าบอก ผมมีหมดครับ คอยล์ สายพาน น้ำมันเครื่อง น้ำเปล่า กลายเป็นติดที่ต้องมี และก็ได้ใช้เรื่อยๆครับ แต่มันไม่ได้แพงมากมายนะครับ เพราะบางอะไหล่ศูนย์ไม่มีผมสั่งเองจากร้านonline เมืองนอก ราคาเท่ากันกับศูนย์เลยครับ เพราะเค้าจะมีส่วนลดด้วยเวลาเราสั่งบ่อยๆ ของใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ครับมาถึง เว้นของใหญ่ๆอาจจะมาทางเรือ แล้วพวกนี้เค้ารับผิดชอบดีมากเลยนะครับ คราวก่อนผมสั่งหม้อน้ำ คอพลาสติกส่งมามันแตก หม้อน้ำก็เลยใช้ไม่ได้ ราคา 8000 กว่า ผมเมลกลับไปแล้วส่งรูปส่งหลักทางให้ทาง ผู้ัจัดส่งเค้าด้วย ซักพักร้านที่เมืองนอกส่งหม้อน้ำมาให้ใหม่และไม่เอาของเก่ากลับด้วย ทังที่จริงๆเอาไปเปลี่ยนเป็นคอทองแดงหรือทองเหลืองอะไรแบบนั้นก็ได้ ก็ใช้ได้แล้วครับ ขับ Volks ต้องควรรักมันและรุ้จักมันด้วยครับ แล้วมันจะไม่สร้างปัญหาให้กินข้าวลิงข้างทางเลยครับ

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,492
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2013, 01:53:38 »
ผมไม่คิดว่า VW จะแย่นะครับ ของเยอรมันผมถือว่ามันเป็นงานวิศวกรรมชั้นเลิศเลย เสียอย่างเดียวราคา VW ในเมืองไทยยังสูงไปนิดครับ ไม่มีตังค์ซื้อ
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2013, 08:46:29 »
ถามนอกประเด็นนี้ดนึงครับว่าพวก VW นี่จูนแล้วเป็นไงบ้างครับ
เร็วขึ้นมากมั้ย แรงบิดดีขึ้นมากมั้ย?
จูนแล้ว Throttle Response ดีขึ้นหรือแย่ลง?
Turbo Lag น้อยลงมั้ย? หรือว่ามากขึ้น

เอาแบบตามความรู้สึกที่ได้จากการขับจริงอ่ะครับ ไม่ใช่ตัวเลขแรงม้าที่ค่ายเค้าเคลม


1.รถไม่เปราะนะครับ กลุ่นผมแต่งกันกะจุยกะจายก็ยังวิ่งกันชิลๆ พี่คนนึงใช้มาแสนโล ก็เชคตามระยะแล้วหมั่นเชคนั่นโน่นนี่บ้าง ก็วิ่งปกติ  ไม่มีปัญหา แต่ที่เล่าลือมาเนี่ยถ้าเจอใครมาบอกว่า เห้ย VW ค่าใช้จ่ายจุกจิก เปราะ ให้ดูคนที่พูดก่อนครับว่าเค้าเอามาจากไหนเค้าขับ VW รึเปล่าเพราะพวกฟังแล้วเล่าต่อๆมาก็มีเยอะครับ
2.ค่าดูแลมันแพงกว่ายี่ปุ่นครับ แต่สูสีกันในรถยุโรปอ่ะแหละ ไม่แพงกว่ากันแน่นอน แต่ถ้าเกิดซื้อมาแล้วมีปัญหานั่นนู่นนี่ นิดหน่อยก็ต้องทำใจครับ เพราะรถมันมีอาการเฉพาะคัน แต่ผมโชดดีที่ไม่เป็นอะไรเลย มีแค่น้ำมันเครื่องหายก็ซื้อมาเติมเองแล้วเชคทุก 5000 โลว่าหายไปมั้ย ถ้าหายก็เติม
3.อะไหล่รอไม่นานครับถ้าไม่ใช่ชัิ้นสำคัญจริงๆ อย่างมากไม่เกิน 1เดือนครึ่งสำหรับชิ้นสำคัญๆ แต่ทั่วไปก็ 2สัปดาห์(แต่เรื่องนี้แล้วแต่ทางศูนย์นะครับ ว่ามีความสามารถไวพอรึเปล่า ต้องเลือกศูนย์ดีๆ)
4.ถ้าเสียอย่างเช่นคอยจุดระเบิดพังท่านก็จะได้เสียงแบบซูบารุมาแทน 555 ถ้ามีคอยสำรองเปลี่ยนเองได้เลยครับเห็นบางคนมีสำรอง (แนะนำให้เปลี่ยนตอน 25,000โล)แต่ถ้าไม่มีก็จอดรอรถสไลด์อย่างเดียวครับแต่เห็นบางคนก็ขับช้าๆคลานไปศูนย์เอา แต่ถ้าเป็นพวกเกียร์เจ๊ง หัวฉีดพังก็ซวยไปครับ รอเข้าศูนย์เลย บางคนใช้รถ 5-6หมื่นโล หัวฉีดกะเกียร์ไม่พัง บางคนใช้มาแค่ 6 พันโลหัวฉีดพังก็มี แล้วแต่แจคพอต แต่ซัก10คันจะเจอ 1 คัน แต่ก็แก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่ร้สึกว่าลอตหลังๆจะไม่ค่อยมีละมั้งครับสงสัยปรับปรุงไปละ แต่เกียร์บอกเลยครับ ทนจริงเหยียบไปเถอะ GTI Scirocco บางคัน ม้า 340+ ก็ยังเห็นเค้าขับทุกวัน แถมขับลากรอบซะมันส์เกียร์ยังสบายเลยครับ เพีงแค่อาจจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไวขึ้นจาก 6หมื่นโลเป็นซัก 4หมื่นก็โอเคละครับ ส่วนนำมันเครื่อง จาก 15000โล ผมย่นมาที่ 10000โล เพราะผมจูนเลยย่นมานิดหน่อยที่เหลือก็ย่นระยะตามความสมควรตามลักษณะการขับของแต่ละคน คนไหนขับโหดๆหน่อยก็ 5พันเปลี่ยนละ น้ำมันเครื่องก็ใส้กรองน้ำมันเปลี่ยนครั้งนึงก้ 5000 บาท ผมใช้ mobil1 ตัวทอปเลยครับ รอบลื่นดี มีลื่นกว่านี้แต่แพง+ระยะถี่เกินผมเลยใช้ตัวนี้แหละ เพราะผมอยู่ระยอง ไม่อยากเข้า กทม บ่อย ยังไงถ้าชอบก็ซื้อครับเวลาขับมันถูกใจจริงๆ สนุกจิง 

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,483
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2013, 09:06:56 »
ผมว่าค่าบำรุงรักษาแพงพอควร(แพงกว่ารถญี่ปุ่น)  ผมไม่เคยใช้  แต่พี่ภรรยาเคยใช้ สี่ห่วง เอ 4  2.4  ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกัน  และตัดใจขาย มาขี่แอคคอร์ดเมื่อสี่ปีที่แล้ว

เหตุผลที่เขาให้  (ซึ่งอาจจะเป็นเฉพาะตัวเฉพาะคัน หรือเป็นที่การขับขี่แต่ละคน)
......  ขับดีมาก  นิ่ง ควบคุมดีมาก  ปกติเขาใช้ความเร็วเฉลี่ยเกิน170 ตลอดใครแซงเป็นไม่ได้...(ปัจจุบันก็ประมาณนั้น)
......   เตือนให้เข้า 0 บ่อยมาก  เข้าไปทีก็ลากเครื่องออกมาทั้งยวง  แรก ๆ ไม่เท่าไร  ลากบ่อยไปมันคงช้ำ เฉลี่ยเดือนละครั้ง
......   เข้า 0  ครั้งเสียเวลาเป็นวันสองวัน  หากลากเครื่องออกมาเตรียมเงินไว้รอเลยไม่ต่ำกว่าห้าหมื่น
......   ใช้รถประมาณสี่ปี(ไม่แน่ใจ)  บวกค่า 0 ทั้งหมด เกือบล้านสี่แสน
       
          เขาบอก  ขับดี  ขับสนุก  ค่าใช้จ่ายพอรับไหว  แต่ รับไม่ได้ต้องวิ่งเข้า 0 บ่อย เสียเวลาทำมาหากิน...

ออฟไลน์ eamesBot

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 224
    • อีเมล์
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2013, 11:28:31 »
จริงๆ รถตัวเองก็เพิ่งใช้ vw คันแรก เหมือนกัน แต่ถ้าให้ตอบ เดี๋ยวนี้ น่าจะดีขึ้นกว่า เมื่อก่อนสมัยเป็นยนตรกิจเยอะครับ ตอนนั้นเน่าตั้งแต่ระดับบริหาร ..
อย่างที่ด้านบนบอกครับ อะไหล่ต่างๆ แพงกว่ารถญี่ปุ่นประกอบในประเทศแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้แพงไปหมดทุกอย่างนะครับ
อีกอย่าง gti ระบบนั่นนี่เยอะ จะว่าไป จะเรียกจุกจิกก็ไม่ได้นะ แต่ก็ต้องเอาใจใส่ดูแล กว่ารถทั่วไปพอสมควรครับ

รถนำเข้าทั้งคัน ถ้าดวงไปเจออะไหล่ที่แปลกๆ หน่อยก็อาจจะต้องรอนานหน่อยนะครับ

ผมไปอุดรอยู่บ้าง เหมือนจะเคยเห็นศูนย์ volk นะครับ จำได้ว่าเห็นแว๊บๆ ตรงเส้นที่วิ่งแถวสนามบินนะครับ (เข้าใจว่าไม่ใช่ของไทยยานยนต์) แต่ถ้าจะเอาจริงๆ ผมว่าถ้ารักจะเล่น ก็ต้องลำบากกว่ายี่ห้ออื่นหน่อยครับ

พูดตรงๆอีกอย่างนะครับ ไอ้เรื่องบอกค่าซ่อมโหด ผมว่ามันต่างกรรมต่างวาระนะ อย่างผมเคยใช้ civic es ตอนออกมาใหม่ๆ ถ้าเกียร์พัง ก็ยกกันเป็นแสน เหมือนกัน ดังนั้นไอ้ที่บอกต่อๆ กันว่าโหด มันก็แล้วแต่ว่าอะไรเสียด้วยครับ

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2013, 12:07:36 »
ถามนอกประเด็นนี้ดนึงครับว่าพวก VW นี่จูนแล้วเป็นไงบ้างครับ
เร็วขึ้นมากมั้ย แรงบิดดีขึ้นมากมั้ย?
จูนแล้ว Throttle Response ดีขึ้นหรือแย่ลง?
Turbo Lag น้อยลงมั้ย? หรือว่ามากขึ้น

เอาแบบตามความรู้สึกที่ได้จากการขับจริงอ่ะครับ ไม่ใช่ตัวเลขแรงม้าที่ค่ายเค้าเคลม


1.รถไม่เปราะนะครับ กลุ่นผมแต่งกันกะจุยกะจายก็ยังวิ่งกันชิลๆ พี่คนนึงใช้มาแสนโล ก็เชคตามระยะแล้วหมั่นเชคนั่นโน่นนี่บ้าง ก็วิ่งปกติ  ไม่มีปัญหา แต่ที่เล่าลือมาเนี่ยถ้าเจอใครมาบอกว่า เห้ย VW ค่าใช้จ่ายจุกจิก เปราะ ให้ดูคนที่พูดก่อนครับว่าเค้าเอามาจากไหนเค้าขับ VW รึเปล่าเพราะพวกฟังแล้วเล่าต่อๆมาก็มีเยอะครับ
2.ค่าดูแลมันแพงกว่ายี่ปุ่นครับ แต่สูสีกันในรถยุโรปอ่ะแหละ ไม่แพงกว่ากันแน่นอน แต่ถ้าเกิดซื้อมาแล้วมีปัญหานั่นนู่นนี่ นิดหน่อยก็ต้องทำใจครับ เพราะรถมันมีอาการเฉพาะคัน แต่ผมโชดดีที่ไม่เป็นอะไรเลย มีแค่น้ำมันเครื่องหายก็ซื้อมาเติมเองแล้วเชคทุก 5000 โลว่าหายไปมั้ย ถ้าหายก็เติม
3.อะไหล่รอไม่นานครับถ้าไม่ใช่ชัิ้นสำคัญจริงๆ อย่างมากไม่เกิน 1เดือนครึ่งสำหรับชิ้นสำคัญๆ แต่ทั่วไปก็ 2สัปดาห์(แต่เรื่องนี้แล้วแต่ทางศูนย์นะครับ ว่ามีความสามารถไวพอรึเปล่า ต้องเลือกศูนย์ดีๆ)
4.ถ้าเสียอย่างเช่นคอยจุดระเบิดพังท่านก็จะได้เสียงแบบซูบารุมาแทน 555 ถ้ามีคอยสำรองเปลี่ยนเองได้เลยครับเห็นบางคนมีสำรอง (แนะนำให้เปลี่ยนตอน 25,000โล)แต่ถ้าไม่มีก็จอดรอรถสไลด์อย่างเดียวครับแต่เห็นบางคนก็ขับช้าๆคลานไปศูนย์เอา แต่ถ้าเป็นพวกเกียร์เจ๊ง หัวฉีดพังก็ซวยไปครับ รอเข้าศูนย์เลย บางคนใช้รถ 5-6หมื่นโล หัวฉีดกะเกียร์ไม่พัง บางคนใช้มาแค่ 6 พันโลหัวฉีดพังก็มี แล้วแต่แจคพอต แต่ซัก10คันจะเจอ 1 คัน แต่ก็แก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่ร้สึกว่าลอตหลังๆจะไม่ค่อยมีละมั้งครับสงสัยปรับปรุงไปละ แต่เกียร์บอกเลยครับ ทนจริงเหยียบไปเถอะ GTI Scirocco บางคัน ม้า 340+ ก็ยังเห็นเค้าขับทุกวัน แถมขับลากรอบซะมันส์เกียร์ยังสบายเลยครับ เพีงแค่อาจจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไวขึ้นจาก 6หมื่นโลเป็นซัก 4หมื่นก็โอเคละครับ ส่วนนำมันเครื่อง จาก 15000โล ผมย่นมาที่ 10000โล เพราะผมจูนเลยย่นมานิดหน่อยที่เหลือก็ย่นระยะตามความสมควรตามลักษณะการขับของแต่ละคน คนไหนขับโหดๆหน่อยก็ 5พันเปลี่ยนละ น้ำมันเครื่องก็ใส้กรองน้ำมันเปลี่ยนครั้งนึงก้ 5000 บาท ผมใช้ mobil1 ตัวทอปเลยครับ รอบลื่นดี มีลื่นกว่านี้แต่แพง+ระยะถี่เกินผมเลยใช้ตัวนี้แหละ เพราะผมอยู่ระยอง ไม่อยากเข้า กทม บ่อย ยังไงถ้าชอบก็ซื้อครับเวลาขับมันถูกใจจริงๆ สนุกจิง 

จูนแล้วแรงขึ้นเยอะครับ เอาง่ายๆ หลังรถเดิมๆหลังจาก 180 จะเริ่มไม่รู้สึกถึงแรงดึงละ แต่หลังจูนเราจะรู้สึกว่ามันยังดึงไปได้เรื่อยๆยาวๆถึง 220 นู่นแหละครับถึงเริ่มหน่วงๆนิดนึง
อาการเทอร์โบรอรอบผมว่าเท่าเดิมนะครับ แต่จะรู้สึกว่าบางทีมันช้าลงแต่ความจริงไม่ใช่ แต่เป็นเพราะมันดึงเยอะขึ้นทำให้เวลากดคันเร่งที อยู่ดีๆมันพรวดขึ้นมาเลย แต่มีวิธีแก้ครับ ใช้โหมด +- เอา เหลือๆสบายมากๆ ผมใช้บ่อยเวลามุด แต่ถ้าเร่งแซงทั่วไปกดคันเร่งมันก็ไปแบบหูหลับตับไหม้ละไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นว่าจะพ้นรึเปล่าถ้าไม่ทะลึ่งแซงระยะกะชั้นชิดจริงๆ เอาง่ายๆคือจูนแล้วแรงขึ้นมากพอสมควร แต่ไม่ใช่แรงแบบน่ากลัว มันยังแรงอยู่ในวิสัยที่เราควบคุมได้แต่อาจต้องใช้เวลาซักพักเพราะตอนจูนมาแรกๆ ถ้ากดเต็มตีนออกตัวพวงมาลัยสู้มือเลยครับดีดๆมือเราเลยแต่ใช้ไปสักพักจะชินเอง VW ขับแล้วบางคนถ้ามว่าขับหน้าแรงม้าเยอะๆน่ากลัว ความจริงไม่น่ากลัวเลยครับถ้าไล่คันเร่งมันก็เหมือนรถปกติทั่วไปนี่แหละเพียงแต่ว่ามันไหลขึ้นแบบนิ่มๆเลย แต่ถ้ากะแทกคันเร่งมันก็จะดึงแบบดุดันขึ้นมาทันที นี่คือข้อดีของเค้าครับ GTI ค่อนข้างเฟรนลี่กะคนใช้ สื่อสารกะคันขับได้ค่อนข้างดี ที่กล่าวมาผมเทียบกะตัวผมเองล้วนๆเลยนะครับ แล้วทีนี้พอมาขับคันอื่นรับรองเจ้าของ กะทู้จะมีปัญหากะรถคันอื่นแน่นอนถ้า          สมถรรณะไม่ถึง จะรู้สึกหงุดหงิดทันที เหมือนผมสลับไปขับ X6 ของพ่อดูรู้สึกว่า พวงมาลัยไม่คมเหมือน GTI อืดกว่าเยอะ แถมไม่คล่องตัว ก็กลายเป็นงั้นไป ยิ่งรถยี่ปุ่นทั่วไปไม่ต้องพูดถึงครับ ถึงขั้นหงุดหงิด

ออฟไลน์ cefboy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 217
    • อีเมล์
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2013, 14:44:50 »
จากประสบการณ์ส่วนตัว มันไม่ได้แพงอย่างที่คิด เพราะแทบไม่ได้ซ่อมอะไรมากมายเลยครับ จะแค่ค่าบำรุงตามปรกติ

แต่ค่าของเหลวมันแพงกว่ารถญี่ปุ่นอยู่แล้วครับ Benz/BM ก็แบบนี้ ผมว่าทำใจครับ เพราะเราเลือกมาอยู่Brand พวกนี้  Demand น้อยราคาก็จะต้องแพง

Golf /scirocco ขับหน้าที่เปลี่ยนความคิดคนได้เลยที่ว่า รถเล็กไม่ได้เรื่อง หรือขับหน้าจะมาสู้ขับหลังได้เลย

Golf โฉมนี้ ราคากำลังโละ ทำให้น่าสนขึ้นอีกมากมาย Option ที่มีก็ไม่ได้ด้อยเลย

แต่ถ้าจะลากยาวๆ รอตัวใหม่ก่อนดีกว่าครับ คงไม่นาน.....

ผมขอแนะนำอีกทางเลือกนะครับ Volvo V40 ครับ มันไม่ธรรมดาครับทำ A250 ผมเหงื่อตกมาแล้ว  ;D




ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 683
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2013, 09:53:52 »
ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ

นั่งคิดนอนคิด สรุปว่า ผมจะรอครับ รออย่างมีความหวังกับ VW Thailand ที่จะมาทำตลาดเอง เพราะไม่ได้รีบซื้ออยู่แล้ว  ;D ;D ถึงแม้มันจะน้อยนิดก็เถอะ แต่ผมชอบ GTI จริงๆ มันใช่ที่สุดแล้ว 555+

ขอบคุณมากๆครับ
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2013, 11:26:54 »
ขอบคุณมากครับ ชัดเจนเหมือนได้ไปขับเอง เคยขับแต่ GTI ตัวสแตนดาร์ด ก็เรียกว่าแรงใช้ได้แล้วนะ  แรงแบบไม่ต้องรอรอบ

ลืมถามแล้วกินน้ำมันเพิ่มขึ้นเยอะมั้ยครับ?? วิ่งในเมืองกี่โลลิตรครับ?

ถามนอกประเด็นนี้ดนึงครับว่าพวก VW นี่จูนแล้วเป็นไงบ้างครับ
เร็วขึ้นมากมั้ย แรงบิดดีขึ้นมากมั้ย?
จูนแล้ว Throttle Response ดีขึ้นหรือแย่ลง?
Turbo Lag น้อยลงมั้ย? หรือว่ามากขึ้น

เอาแบบตามความรู้สึกที่ได้จากการขับจริงอ่ะครับ ไม่ใช่ตัวเลขแรงม้าที่ค่ายเค้าเคลม


1.รถไม่เปราะนะครับ กลุ่นผมแต่งกันกะจุยกะจายก็ยังวิ่งกันชิลๆ พี่คนนึงใช้มาแสนโล ก็เชคตามระยะแล้วหมั่นเชคนั่นโน่นนี่บ้าง ก็วิ่งปกติ  ไม่มีปัญหา แต่ที่เล่าลือมาเนี่ยถ้าเจอใครมาบอกว่า เห้ย VW ค่าใช้จ่ายจุกจิก เปราะ ให้ดูคนที่พูดก่อนครับว่าเค้าเอามาจากไหนเค้าขับ VW รึเปล่าเพราะพวกฟังแล้วเล่าต่อๆมาก็มีเยอะครับ
2.ค่าดูแลมันแพงกว่ายี่ปุ่นครับ แต่สูสีกันในรถยุโรปอ่ะแหละ ไม่แพงกว่ากันแน่นอน แต่ถ้าเกิดซื้อมาแล้วมีปัญหานั่นนู่นนี่ นิดหน่อยก็ต้องทำใจครับ เพราะรถมันมีอาการเฉพาะคัน แต่ผมโชดดีที่ไม่เป็นอะไรเลย มีแค่น้ำมันเครื่องหายก็ซื้อมาเติมเองแล้วเชคทุก 5000 โลว่าหายไปมั้ย ถ้าหายก็เติม
3.อะไหล่รอไม่นานครับถ้าไม่ใช่ชัิ้นสำคัญจริงๆ อย่างมากไม่เกิน 1เดือนครึ่งสำหรับชิ้นสำคัญๆ แต่ทั่วไปก็ 2สัปดาห์(แต่เรื่องนี้แล้วแต่ทางศูนย์นะครับ ว่ามีความสามารถไวพอรึเปล่า ต้องเลือกศูนย์ดีๆ)
4.ถ้าเสียอย่างเช่นคอยจุดระเบิดพังท่านก็จะได้เสียงแบบซูบารุมาแทน 555 ถ้ามีคอยสำรองเปลี่ยนเองได้เลยครับเห็นบางคนมีสำรอง (แนะนำให้เปลี่ยนตอน 25,000โล)แต่ถ้าไม่มีก็จอดรอรถสไลด์อย่างเดียวครับแต่เห็นบางคนก็ขับช้าๆคลานไปศูนย์เอา แต่ถ้าเป็นพวกเกียร์เจ๊ง หัวฉีดพังก็ซวยไปครับ รอเข้าศูนย์เลย บางคนใช้รถ 5-6หมื่นโล หัวฉีดกะเกียร์ไม่พัง บางคนใช้มาแค่ 6 พันโลหัวฉีดพังก็มี แล้วแต่แจคพอต แต่ซัก10คันจะเจอ 1 คัน แต่ก็แก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่ร้สึกว่าลอตหลังๆจะไม่ค่อยมีละมั้งครับสงสัยปรับปรุงไปละ แต่เกียร์บอกเลยครับ ทนจริงเหยียบไปเถอะ GTI Scirocco บางคัน ม้า 340+ ก็ยังเห็นเค้าขับทุกวัน แถมขับลากรอบซะมันส์เกียร์ยังสบายเลยครับ เพีงแค่อาจจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไวขึ้นจาก 6หมื่นโลเป็นซัก 4หมื่นก็โอเคละครับ ส่วนนำมันเครื่อง จาก 15000โล ผมย่นมาที่ 10000โล เพราะผมจูนเลยย่นมานิดหน่อยที่เหลือก็ย่นระยะตามความสมควรตามลักษณะการขับของแต่ละคน คนไหนขับโหดๆหน่อยก็ 5พันเปลี่ยนละ น้ำมันเครื่องก็ใส้กรองน้ำมันเปลี่ยนครั้งนึงก้ 5000 บาท ผมใช้ mobil1 ตัวทอปเลยครับ รอบลื่นดี มีลื่นกว่านี้แต่แพง+ระยะถี่เกินผมเลยใช้ตัวนี้แหละ เพราะผมอยู่ระยอง ไม่อยากเข้า กทม บ่อย ยังไงถ้าชอบก็ซื้อครับเวลาขับมันถูกใจจริงๆ สนุกจิง 

จูนแล้วแรงขึ้นเยอะครับ เอาง่ายๆ หลังรถเดิมๆหลังจาก 180 จะเริ่มไม่รู้สึกถึงแรงดึงละ แต่หลังจูนเราจะรู้สึกว่ามันยังดึงไปได้เรื่อยๆยาวๆถึง 220 นู่นแหละครับถึงเริ่มหน่วงๆนิดนึง
อาการเทอร์โบรอรอบผมว่าเท่าเดิมนะครับ แต่จะรู้สึกว่าบางทีมันช้าลงแต่ความจริงไม่ใช่ แต่เป็นเพราะมันดึงเยอะขึ้นทำให้เวลากดคันเร่งที อยู่ดีๆมันพรวดขึ้นมาเลย แต่มีวิธีแก้ครับ ใช้โหมด +- เอา เหลือๆสบายมากๆ ผมใช้บ่อยเวลามุด แต่ถ้าเร่งแซงทั่วไปกดคันเร่งมันก็ไปแบบหูหลับตับไหม้ละไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นว่าจะพ้นรึเปล่าถ้าไม่ทะลึ่งแซงระยะกะชั้นชิดจริงๆ เอาง่ายๆคือจูนแล้วแรงขึ้นมากพอสมควร แต่ไม่ใช่แรงแบบน่ากลัว มันยังแรงอยู่ในวิสัยที่เราควบคุมได้แต่อาจต้องใช้เวลาซักพักเพราะตอนจูนมาแรกๆ ถ้ากดเต็มตีนออกตัวพวงมาลัยสู้มือเลยครับดีดๆมือเราเลยแต่ใช้ไปสักพักจะชินเอง VW ขับแล้วบางคนถ้ามว่าขับหน้าแรงม้าเยอะๆน่ากลัว ความจริงไม่น่ากลัวเลยครับถ้าไล่คันเร่งมันก็เหมือนรถปกติทั่วไปนี่แหละเพียงแต่ว่ามันไหลขึ้นแบบนิ่มๆเลย แต่ถ้ากะแทกคันเร่งมันก็จะดึงแบบดุดันขึ้นมาทันที นี่คือข้อดีของเค้าครับ GTI ค่อนข้างเฟรนลี่กะคนใช้ สื่อสารกะคันขับได้ค่อนข้างดี ที่กล่าวมาผมเทียบกะตัวผมเองล้วนๆเลยนะครับ แล้วทีนี้พอมาขับคันอื่นรับรองเจ้าของ กะทู้จะมีปัญหากะรถคันอื่นแน่นอนถ้า          สมถรรณะไม่ถึง จะรู้สึกหงุดหงิดทันที เหมือนผมสลับไปขับ X6 ของพ่อดูรู้สึกว่า พวงมาลัยไม่คมเหมือน GTI อืดกว่าเยอะ แถมไม่คล่องตัว ก็กลายเป็นงั้นไป ยิ่งรถยี่ปุ่นทั่วไปไม่ต้องพูดถึงครับ ถึงขั้นหงุดหงิด

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2013, 11:50:34 »
ขอบคุณมากครับ ชัดเจนเหมือนได้ไปขับเอง เคยขับแต่ GTI ตัวสแตนดาร์ด ก็เรียกว่าแรงใช้ได้แล้วนะ  แรงแบบไม่ต้องรอรอบ

ลืมถามแล้วกินน้ำมันเพิ่มขึ้นเยอะมั้ยครับ?? วิ่งในเมืองกี่โลลิตรครับ?

ถามนอกประเด็นนี้ดนึงครับว่าพวก VW นี่จูนแล้วเป็นไงบ้างครับ
เร็วขึ้นมากมั้ย แรงบิดดีขึ้นมากมั้ย?
จูนแล้ว Throttle Response ดีขึ้นหรือแย่ลง?
Turbo Lag น้อยลงมั้ย? หรือว่ามากขึ้น

เอาแบบตามความรู้สึกที่ได้จากการขับจริงอ่ะครับ ไม่ใช่ตัวเลขแรงม้าที่ค่ายเค้าเคลม


1.รถไม่เปราะนะครับ กลุ่นผมแต่งกันกะจุยกะจายก็ยังวิ่งกันชิลๆ พี่คนนึงใช้มาแสนโล ก็เชคตามระยะแล้วหมั่นเชคนั่นโน่นนี่บ้าง ก็วิ่งปกติ  ไม่มีปัญหา แต่ที่เล่าลือมาเนี่ยถ้าเจอใครมาบอกว่า เห้ย VW ค่าใช้จ่ายจุกจิก เปราะ ให้ดูคนที่พูดก่อนครับว่าเค้าเอามาจากไหนเค้าขับ VW รึเปล่าเพราะพวกฟังแล้วเล่าต่อๆมาก็มีเยอะครับ
2.ค่าดูแลมันแพงกว่ายี่ปุ่นครับ แต่สูสีกันในรถยุโรปอ่ะแหละ ไม่แพงกว่ากันแน่นอน แต่ถ้าเกิดซื้อมาแล้วมีปัญหานั่นนู่นนี่ นิดหน่อยก็ต้องทำใจครับ เพราะรถมันมีอาการเฉพาะคัน แต่ผมโชดดีที่ไม่เป็นอะไรเลย มีแค่น้ำมันเครื่องหายก็ซื้อมาเติมเองแล้วเชคทุก 5000 โลว่าหายไปมั้ย ถ้าหายก็เติม
3.อะไหล่รอไม่นานครับถ้าไม่ใช่ชัิ้นสำคัญจริงๆ อย่างมากไม่เกิน 1เดือนครึ่งสำหรับชิ้นสำคัญๆ แต่ทั่วไปก็ 2สัปดาห์(แต่เรื่องนี้แล้วแต่ทางศูนย์นะครับ ว่ามีความสามารถไวพอรึเปล่า ต้องเลือกศูนย์ดีๆ)
4.ถ้าเสียอย่างเช่นคอยจุดระเบิดพังท่านก็จะได้เสียงแบบซูบารุมาแทน 555 ถ้ามีคอยสำรองเปลี่ยนเองได้เลยครับเห็นบางคนมีสำรอง (แนะนำให้เปลี่ยนตอน 25,000โล)แต่ถ้าไม่มีก็จอดรอรถสไลด์อย่างเดียวครับแต่เห็นบางคนก็ขับช้าๆคลานไปศูนย์เอา แต่ถ้าเป็นพวกเกียร์เจ๊ง หัวฉีดพังก็ซวยไปครับ รอเข้าศูนย์เลย บางคนใช้รถ 5-6หมื่นโล หัวฉีดกะเกียร์ไม่พัง บางคนใช้มาแค่ 6 พันโลหัวฉีดพังก็มี แล้วแต่แจคพอต แต่ซัก10คันจะเจอ 1 คัน แต่ก็แก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่ร้สึกว่าลอตหลังๆจะไม่ค่อยมีละมั้งครับสงสัยปรับปรุงไปละ แต่เกียร์บอกเลยครับ ทนจริงเหยียบไปเถอะ GTI Scirocco บางคัน ม้า 340+ ก็ยังเห็นเค้าขับทุกวัน แถมขับลากรอบซะมันส์เกียร์ยังสบายเลยครับ เพีงแค่อาจจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไวขึ้นจาก 6หมื่นโลเป็นซัก 4หมื่นก็โอเคละครับ ส่วนนำมันเครื่อง จาก 15000โล ผมย่นมาที่ 10000โล เพราะผมจูนเลยย่นมานิดหน่อยที่เหลือก็ย่นระยะตามความสมควรตามลักษณะการขับของแต่ละคน คนไหนขับโหดๆหน่อยก็ 5พันเปลี่ยนละ น้ำมันเครื่องก็ใส้กรองน้ำมันเปลี่ยนครั้งนึงก้ 5000 บาท ผมใช้ mobil1 ตัวทอปเลยครับ รอบลื่นดี มีลื่นกว่านี้แต่แพง+ระยะถี่เกินผมเลยใช้ตัวนี้แหละ เพราะผมอยู่ระยอง ไม่อยากเข้า กทม บ่อย ยังไงถ้าชอบก็ซื้อครับเวลาขับมันถูกใจจริงๆ สนุกจิง 

จูนแล้วแรงขึ้นเยอะครับ เอาง่ายๆ หลังรถเดิมๆหลังจาก 180 จะเริ่มไม่รู้สึกถึงแรงดึงละ แต่หลังจูนเราจะรู้สึกว่ามันยังดึงไปได้เรื่อยๆยาวๆถึง 220 นู่นแหละครับถึงเริ่มหน่วงๆนิดนึง
อาการเทอร์โบรอรอบผมว่าเท่าเดิมนะครับ แต่จะรู้สึกว่าบางทีมันช้าลงแต่ความจริงไม่ใช่ แต่เป็นเพราะมันดึงเยอะขึ้นทำให้เวลากดคันเร่งที อยู่ดีๆมันพรวดขึ้นมาเลย แต่มีวิธีแก้ครับ ใช้โหมด +- เอา เหลือๆสบายมากๆ ผมใช้บ่อยเวลามุด แต่ถ้าเร่งแซงทั่วไปกดคันเร่งมันก็ไปแบบหูหลับตับไหม้ละไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นว่าจะพ้นรึเปล่าถ้าไม่ทะลึ่งแซงระยะกะชั้นชิดจริงๆ เอาง่ายๆคือจูนแล้วแรงขึ้นมากพอสมควร แต่ไม่ใช่แรงแบบน่ากลัว มันยังแรงอยู่ในวิสัยที่เราควบคุมได้แต่อาจต้องใช้เวลาซักพักเพราะตอนจูนมาแรกๆ ถ้ากดเต็มตีนออกตัวพวงมาลัยสู้มือเลยครับดีดๆมือเราเลยแต่ใช้ไปสักพักจะชินเอง VW ขับแล้วบางคนถ้ามว่าขับหน้าแรงม้าเยอะๆน่ากลัว ความจริงไม่น่ากลัวเลยครับถ้าไล่คันเร่งมันก็เหมือนรถปกติทั่วไปนี่แหละเพียงแต่ว่ามันไหลขึ้นแบบนิ่มๆเลย แต่ถ้ากะแทกคันเร่งมันก็จะดึงแบบดุดันขึ้นมาทันที นี่คือข้อดีของเค้าครับ GTI ค่อนข้างเฟรนลี่กะคนใช้ สื่อสารกะคันขับได้ค่อนข้างดี ที่กล่าวมาผมเทียบกะตัวผมเองล้วนๆเลยนะครับ แล้วทีนี้พอมาขับคันอื่นรับรองเจ้าของ กะทู้จะมีปัญหากะรถคันอื่นแน่นอนถ้า          สมถรรณะไม่ถึง จะรู้สึกหงุดหงิดทันที เหมือนผมสลับไปขับ X6 ของพ่อดูรู้สึกว่า พวงมาลัยไม่คมเหมือน GTI อืดกว่าเยอะ แถมไม่คล่องตัว ก็กลายเป็นงั้นไป ยิ่งรถยี่ปุ่นทั่วไปไม่ต้องพูดถึงครับ ถึงขั้นหงุดหงิด

ของผม ออนบอร์ด 7-8.5 บางทีก็ 9 ครับ เพราะผมกดพุ่ง กดพุ่งค่อนข้างบ่อย แต่ถ้าขับทั่วๆไปน่าจะได้ 10 อยู่ครับ

ออฟไลน์ S6

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,134
Re: ศูนย์+ค่าบำรุง VW มันโหดขนาดนั้นเลยครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2013, 21:53:29 »
อารมณ์เหมือนประมาณคอขาว เลยใช่ไหมครับ พี่เอิร์บ
แต่ตอนดึงนี่ผมว่า มันก็ใกล้คอแดงเหมือนกันนะ