Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: View ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2019, 23:24:44
-
สวัสดีครับ
ตอนนี้อยากหา B-Seg มาขับใช้งานในชีวิตประจำวัน เพราะคุณพ่อจะเอา SUV ไปใช้
ตอนนี้เล็งไว้มี Jazz 1.5S และ Mazda 2 ดีเซล ตัวล่างสุด
ใครมีตัวไหนแนะนำอีกมั้ยครับ
โจทย์
- ประหยัดน้ำมัน เครื่องอัตราเร่งค่อนข้างโอเค (ไม่เอา Eco Car เพราะไม่ทันใจครับ)
- ช่วงล่าง พวงมาลัยพอได้ เพราะอาจวิ่ง กทม.-ชลบุรีด้วย
- ส่วนใหญ่ขับคนเดียว อาจมีเพื่อนนั่งด้วย 1-2 คน
- ศูนย์ไม่น่ารำคาญ
-
Mazda 2 Diesel ประหยัดกว่า Jazz ครับ
แต่ถ้าในระยะยาวผมไว้ใจ Jazz มากกว่าครับ รวมถึงศูนย์ด้วย
-
ผมใช้ Mazda 2 ดีเซลตัวเริ่มต้น อยู่ อายุ3ปีกว่า ไมล์ 94,000 โล ยังไม่เจอปัญหาหนักอะไรครับ แต่เบาะขับแล้วปวดหลังมาก ไม่ว่าจะปรับยังไงก็ปวด ตัวเริ่มต้นมี push start แต่ไม่มี keyless นะครับ จะลำคาญมากเวลาจะขึ้นรถแล้วต้องเอารีโมทมากดเปิด หรือเวลาลืมไว้ฝากระโปรง ฝาจะไม่เด้งขึ้นมาเองเหมือนรุ่นอื่น ถ้าให้มาไม่เต็มระบบแบบนี้ ผมว่าให้กุญแจเสียบสตาร์ทมาดีกว่าครับ ตัวรถค่อนข้างแคบมากคนนั่งไม่สบาย ใส่ของได้น้อย เหมาะกับไปไหนมาไหนคนเดียว และตอนเร่งแซงหรือออกตัวจะหน่วงมากๆ ประมาณ1-2วิ เหมือนคิดก่อนแล้วค่อยจะพุ่งออกไปแบบล้อฟรี. แต่ชอบในความประหยัด แอร์เย็นมากหน้าหนาวมีฮีตเตอร์ด้วย ช่วงล่างและพวงมาลัย เซ็ทมาดีมั่นใจมากครับ. แต่เคยได้ขับJazz อยู่บ้าง โดยรวมชอบ Jazz มากกว่าครับ ห้องโดยสารโปร่งสบายฃ เกียร์ Cvt ให้ความลื่นไหนมากกว่า ถ้าย้อนกลับไปคงซื้อJazz sก็พอ 😍
-
ฮอนด้างานประกอบไม่ค่อยดี ใช้ๆไปเดี๋ยวมีเสียงดังกุกกัก จี๊ดๆ แจ๊ะๆ มีเสียจุกจิกๆ เล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อย
แต่เมื่อถึงคราวซ่อมจริงๆ ราคาอะไหล่ถูกและการซ่อมบำรุงง่าย ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน บางอย่างทำได้ด้วยตัวเองสบายๆ
ข้อดีเรื่องการเผาเชื้อเพลิง สามารถใช้ได้ถึง E85 ที่ปล่อย PM2.5 ได้น้อยมาก และเผาไหม้หมดจดกว่า แต่ปล่อย CO2 มากกว่า
มาสด้า งานประกอบเนี๊ยบ ภายในดูดี เรื่องช่วงล่างกับการขับขี่ดีจนลืมแจ๊สไปได้เลย
แต่แลกกับการเก็บข้าวของได้น้อย การซ่อมบำรุงซับซ้อนขึ้นมาอีกหน่อย ราคาอะไหล่แพงกว่าเล็กน้อย (ถ้าไม่พึ่งศูนย์อย่างเดียว)
ข้อดีเรื่องการเผาเชื้อเพลิง ปล่อย CO2 ออกมาน้อยตามแบบฉบับดีเซลคอมมอนเรล แต่จะปล่อย PM2.5 มากหน่อยนะ
ถ้าอยากได้คุณภาพโดยรวมดี เลือกฮอนด้า
ถ้าอยากได้คุณภาพการขับขี่และความเนี๊ยบ เลือกมาสด้า
-
ถ้ารักการขับรถ อย่าออกแจ็ซครับ
ช่วงล่างเป็นอะไรที่แย่มาก เจอลอนกระโดด ความเร็วต่ำลูกระนาดเด้ง เก็บเสียงแย่ แอร์ไม่ฉ่ำ เบาะหลังนั่งทางไกลไม่สบาย
แต่ทั้งหมดก็แก้ได้ด้วยตนเอง เอาไปแดมป์ เอาไปเปลี่ยนโช้ค
ถ้าดูแลเป็นความรู้เครื่องยนต์มีบ้าง ผมว่าไป 2 Diesel ได้ทุกอย่างในคันเดียว (ยกเว้นพื้นที่กว้าง)
-
ดูตามโจทย์ เลือก jazz เลยครับ
-
3 ข้อแรก โจทย์ค่อนข้างทำให้ 2 ดีเซลได้เปรียบครับ
อัตราเร่งดี ประหยัดมากจริงไม่อิงจอ handling ดีสมตัวในรถระดับขนาดนี้ พื้นที่คับแคบแต่พอใช้งานแค่ 1-2 คนตามโจทย์
จนมาเจอข้อสุดท้าย... อันนี้ Jazz คงเอาไปกินในภาพรวม
2 ถ้ารถมันไม่มีปัญหาอะไร มันก็จะดีอยู่ครับ ระวังแค่เรื่องค่าบำรุงรักษาที่แพงกว่าขาวบ้านจากราคาค่าอะไหล่บางตัวและค่าแรงหลัง 30,000 km ที่แพงเกินคุณภาพการบริการไปหงมากก็พอ
แต่ถ้ามีปัญหาเมื่อใด ไม่จบครับ ช่างไม่จบ บ. แม่ก็สั่งให้แก้ตามอาการโดยลดการเคลมชิ้นส่วนที่มีต้นทุนให้ได้มากที่สุด ตอนนี้อาการเครื่องสั่นเร่งไม่ขึ้นที่เป็นโรคประจำตัว 2017 ก็เริ่มเจอบ้างแล้ว เจอ 0 เคลมดีก็ต้องเกาะให้แน่นครับ แต่ บ.แม่คงไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้แล้วนอกจากปล่อยอัพเดตซอฟต์แวร์ ECU และโปรแกรมเผาเขม่า แล้วรอวันรถลูกค้าหมดประกันแล้วก็ไม่ต้องรับผิดชอบชิ้นส่วนไป
ถ้าคุณเป็นคนที่ได้ใช้อัตราเร่งที่ 2 ดีเซลมี "เป็นประจำ" ย้ำว่าเป็นประจำ ออก ตจว. มากพอๆ เป็นสัดส่วนกับที่ต้องใช้รถในเมือง ศึกษาด้านความรู้เครื่องยนต์กลไกไว้บ้าง รับได้กับค่าบำรุงรักษาในระยะประกันที่สูงกว่ารถระดับเดียวกันหน่อย และหลังหมดประกันคงต้องดูแลตัวเองที่มากกว่าการพึ่งพา 0 ก็จัดไปครับ 2 ดีเซล ปีนี้ออพชั่นของตัวล่างสุดดีเซลเรียกได้ว่าเทียบเท่ารองท็อปเมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้ว จอ Touch , แอร์ออโต้ , Keyless , เบาะหลังพับแยกฝั่ง , กระจกข้างพับไฟฟ้า , ไฟหน้าและปัดน้ำฝน Auto , กล้องถอยหลัง ฯลฯ มีมาให้แล้ว ขาดแต่ดิสก์เบรกหลังแค่นั้นเลยที่จะเท่ารองท็อปเมื่อตอนนั้น
ถ้าที่กล่าวมามันค่อนข้างขัดกับสิ่วที่ จขกท. เป็นและต้องการ ไป Jazz ครับ
-
จากการตื่นตัวเรื่อง PM2.5 ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ถ้าเลี่ยงได้ ไม่อยากแนะนำให้ใช้รถดีเซลเลยครับ
ย้ำว่าถ้าเลี่ยงได้นะครับ
-
Jazz sครับ พอรุ่นใหม่มาอาจจะอยากเปลี่ยน ขายออกง่ายกว่า
-
ผมว่า jazzนี่ ช่วงล่างมันกระด้าง แต่ก็ไม่ได้เฟิร์มอะไรแต่กระนั้นถ้าอยากเฟิร์มก็ต้องเอาไปแต่งช่วงล่างเพิ่ม อีกทั้งเรื่องการเก็บเสียงไม่โอเคเลยครับหากเป็นคนชอบฟังเพลงในรถ รวมถึงานประกอบที่ว่าอาจจะชวนหงุดหงิด แต่ก็เป็นรถที่ไม่จุกจิกอะไรครับ แต่ถ้าไม่ชอบไปแต่งช่วงล่างต่อก็เอามาสด้า2ดีกว่าครับ พวงมาลัยคม ช่วล่างให้ความแน่นหนึบ รวมไปถึงเกียร์แบบ6จังหวะซึ่งฟีลของการเข้าเกียร์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าค่าอะไหล่และค่าบริการศูนย์บริการที่แพงไปครับ
-
ถ้ารักการขับรถ อย่าออกแจ็ซครับ
ช่วงล่างเป็นอะไรที่แย่มาก เจอลอนกระโดด ความเร็วต่ำลูกระนาดเด้ง เก็บเสียงแย่ แอร์ไม่ฉ่ำ เบาะหลังนั่งทางไกลไม่สบาย
แต่ทั้งหมดก็แก้ได้ด้วยตนเอง เอาไปแดมป์ เอาไปเปลี่ยนโช้ค
ถ้าดูแลเป็นความรู้เครื่องยนต์มีบ้าง ผมว่าไป 2 Diesel ได้ทุกอย่างในคันเดียว (ยกเว้นพื้นที่กว้าง)
+1
ผมเคยใช้ yaris g1 เอาไป damp รอบคัน + เปลี่ยน โช๊ค ผลออกมา ดีงามคนละโลกเลยครับ 8)
-
ในฐานะที่ทดลองขับ Mazda 2 Diesel ที่ถนนหน้าศูนย์ และลองขับ Jazz ของเพื่อน ซึ่งออกมาใหม่ๆไม่เกิน 2 เดือน ณ ตอนนั้น
ถ้าเป้นคนชอบรถขับสนุก+นั่งสบาย Mazda 2 ดีกว่าครับ ช่วงล่างดีมาก เบรคดี นั่งสบาย Jazz เท่าที่สัมผัสคือถ้าขับบนถนนคอนกรีต ท้ายรถจะเด้งไปเด้งมา (รถที่ผมขับประจำ อัลติสที่ด้านหลังเป็นคานก็ไม่มีอาการเด้งแบบนี้) คนขับเองรูั้สึกเหมือนโดนเบาะผลักหัวตลอดเวลาครับ แต่ถ้าขับลาดยางทางเรียบน่าจะไม่มีปัญหานี้ ตอนออก Jazz มาใหม่ๆ ทุกอย่างเงียบดี แต่หลัง 3 เดือน เพื่อนเริ่มบ่นแล้วว่ามีเสียงภายนอกเข้ามาค่อนข้างดังครับ
โดยรวมในระยะยาวผมยังมองไม่ออกว่า Mazda การขายต่อจะดีไหม หรือราคาอะไหล่จะถูกลงบ้างไหม แต่ถ้ายังเป็นเหมือนทุกวันนี้ผมมองว่าค่าซ่อมราคาขายต่อยังแย่อยู่ครับ Jazz ได้เปรียบค่อนข้างมากครับ
-
เลือกยากครับ อีกคันดีเซลมีปัญหาไม่รู้แก้กันยัง ส่วนแจ๊สมีเรื่องเกียร์พังมาเรื่อยๆ
แต่ความประหยัด การขับขี่ 2ดีเซลชนะ1-2ช่วงตัวเลย
-
1-3 มาสด้ากินรวบครับ
แต่ข้อ 4 ศูนย์ฮอนชนะ
ลองช่างใจดูครับ แต่ส่วนตัวมองว่าเราไม่ได้เข้าศูนย์ทุกวัน
เชียร์มาสด้า3 ตอบโจทย์สุดครับ
อีกอย่างแจ๊สนี้ปลายๆอายุแล้วนะครับ ต้นปี20 คงเปิดตัวรุ่นใหม่แล้ว เพราซิตี้มาเดือน 11 ปีนี้
-
ถ้าเจ้าสองดีเซลไม่ได้มีปัญหาที่เค้าเรียกร้องกันตอนนี้หละก็จะเหมาะสมกับ จขกท ที่สุดแล้วละครับ ลองศึกษาดูว่ารับมือได้มั๊ย
-
ผมใช้ ตัว Smt อยู่ครับช่วงล่างก็น่าจะเด้งอยู่น่าจะเซ็ตมาเผื่อบรรทุกของ เคยไปนั่งเบาะหน้าmazda 2 ของเพื่อนมันอึดอัดเบาะหน้าแคบๆไม่โล่งเหมือนjazz
ส่วนรถผมไม่มีเสียงก๊อกแก๊กๆเรื่องงานประกอบ การเก็บเสียงนี้ก็เสียงไม่ค่อยเงียบขับ100นึงรอบ3200เสียงเคริ่องเสียงลม มาหมดเปิดเพลงดังก็ไม่ได้ยินละครับ ถ้าออโต้รอบต่ำคงเงียบกว่า
-
คันนึงงานประกอบห่วย เก็บเสียงแย่ ช่วงล่างกระเด้งกระดอน
อีกคันก็ มีปัญหาบริษัทฟ้องลูกค้า แต่แพ้คดี
;D ;D ;D ;D
-
ถ้าตามโจทย์ที่ตั้งไว้ มาสด้า 2 ดีเซล ตอบโจทย์ที่ตั้งได้ดีกว่าแจ๊ส
เพราะตามโจทย์ไม่เอาประเด็นปัญหามาคิด แสดงว่าน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับรถพอสมควร
และเข้าใจระบบมาสด้าดีเซลระดับหนึ่งแล้ว..
จัด 2 ดีเซลไปเลย
-
โจทย์นี้ Jazz เลย
-
1-3 มาสด้ากินรวบครับ
แต่ข้อ 4 ศูนย์ฮอนชนะ
ลองช่างใจดูครับ แต่ส่วนตัวมองว่าเราไม่ได้เข้าศูนย์ทุกวัน
เชียร์มาสด้า3 ตอบโจทย์สุดครับ
อีกอย่างแจ๊สนี้ปลายๆอายุแล้วนะครับ ต้นปี20 คงเปิดตัวรุ่นใหม่แล้ว เพราซิตี้มาเดือน 11 ปีนี้
+1
-
มาให้ข้อมูลแจ้สครับ ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้มา6ปี ไม่เคยซ่อมเลยยกเว้นเช็คระยะ (ตัว GE ครับ) ตอนนี้ไมล์แสนแปด
เรื่องการขับขี่คล่องตัว ทันใจ เพราะขับไม่เร็วครับ
-
ซื้อเพราะอารมณ์ ไป Mazda 2 Diesel
ซื้อเพราะเหตุผล โดยเฉพาะใช้รถยาว ไป Jazz
ถึงคุณภาพหลายๆ อย่างจะตกจากสมัยประกอบโรงงานอยุธยาก็ตาม
แต่ Honda ก็ยังมีความน่าเชื่อถือและปวดหัวระยะยาวน้อยกว่า
จะมีน่าห่วงใน Jazz รุ่นนี้ ก็คือเกียร์ CVT อย่างเดียว ดูแลมันดีๆ ละกันครับ
โดยเฉพาะค่า Maintenance ใช้ไปนานๆ เวลาคุณเอา Mazda เข้าศูนย์
คุณจะเริ่มสงสัยว่า นี่ตรูเอา B-Seg หรือ D-Seg เข้าศูนย์กันแน่(วุ้ย)
เตือนแล้วนะครับ
-
2 ชอยส์มีคนบอกเยอะแล้ว
ถ้าตัวเลือกเพิ่มลองดู vios ตัวกลางที่เพิ่งออก
ก็น่าจะพอตอบโจทย์ได้
ยิ่งเปลี่ยนช็อคอัพซะหน่อยอารมณ์เปลี่ยนคนละคันเลย
อนาคตของเล่นเยอะและราคาสมเหตุสมผล ใช้ยาวได้