ยอดในประเทศไทยนั่นเอง
แต่หลายปีที่ผ่านมา มิตซู คือผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์มากที่สุดในประเทศไทย
รถกระบะมิตซูได้รับความนิยมในต่างประเทศมานานแล้วและส่งออกมานานก่อนใคร (มีแต่มิตซูเท่านั้นที่ส่งออกรถสมัยนั้นไม่มีทั้งกระบะโตต้า อีซูสุ หรือเจ้าไหนเลย)
เท่ากะโตโยต้าเก่งแต่ในบ้าน มิตซู เก่งทั่วโลก
ในระดับโลกมิตเก่งกว่าจิงดิครับ
มิโกหกอันไดเลย พอดีมีโอกาสได้เห็นเอกสารที่ บริษัทรถมายื่นขอส่งออกที่ท่าเรือ ถึงได้รู้ความจริง
นี่ก็อาจเป็นสาเหตหนึ่งที่มิตซูทำการตลาดในประเทศแบบงั้นๆ ไม่ค่อยล้ำหน้าคูแข่งเท่าไหร่ แต่ยอดขายออกจริง ณ.หน้าโรงงานของเขามากกว่าใครๆ
ยอดส่งออกเยอะ แต่ขายไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์นะครัย ตัวสำคัญมันอยู่ที่ยอดขายไม่ใช่เหรอครับ
สมมุติ มี 2 บริษัทแข่งกัน ขายของเหมือนๆ กัน
บริษัท ก มีของจำหน่าย ส่งขาย 100 ชิ้น ยอดขายได้ วันละ 90 ชิ้นทุกๆวัน
บริษัท ข มีของจำหน่าน ส่งขาย 200 ชิ้น ยอดขายได้วันละ 30-60 ชิ้นต่อวัน
จะเห็นได้ว่า ส่งออกเยอะไม่ได้หมายความว่า จะดีนะครับ การทำการค้า เน้นยอดขาย ผลกำไร ไม่ใช่เหรอครับท่าน
สงสัยต้องชี้แจง คืองี้ครับทั่นประธาน
โรงงานผู้ผลิตรถมีหน้าที่คือ ผลิตรถ เท่านั้นครับ
ส่วนการจัดจำหน่ายการส่งเสริมการตลาดก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งซึ่งจะมีระบบจัดจำหน่ายจะเป็นโชว์รูมของบริษัทเอง หรือโชว์รูมของดีลเลอร์ (ต่อไปจะเรียกสั้นว่าโชว์รูม) จะในหรือต่างประเทศก็แล้วแต่
ที่มารับรถจากฝ่ายจัดจำหน่าย (ที่รับมาจากโรงงานอีกที) ไปดำเนินการขายการตลาดในพื้นที่ของตนเอง
ส่วนจำนวนที่โชว์รูมมารับไปเท่าไหร่ก็มาจากยอดจองของลูกค้านั่นแหละจะยอดจริงหรือยอดสั่งไปสต็อครอขายของแต่ละโชว์รูมก็แล้วแต่...........
แต่สิ่งหนึ่ง.....ที่แน่นอนคือ...เมื่อใดที่ล้อรถหมุนออกจากโรงงาน...เมื่อนั้นโรงงาน(หรือบริษัทผลิตรถ) ต้องได้เงิน (ภายในเวลาเครดิต) จากโชว์รูม........นั่นก็หมายความว่า
รถทุกคันที่ออกไปจากโรงงาน....ไม่ใช่ส่งไปอย่างไร้จุดหมาย....ไร้คนซื้อ......ส่งออกไปเฉยๆ...อย่างที่คุณเข้าใจ....จะโชว์รูมจาก อุดร ตาก ระยอง ขุมพร ออสเตรเลีย สเปน อเมริกา หรือที่ไหนก็แล้วแต่
ต้องจ่ายเงินผ่านมาทางบริษัทจัดจำหน่ายของบริษัทๆ จ่ายให้โรงงาน กระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวากันไปมาแบบนี้แหละ
ส่วนโชว์รูมก็ขายได้เงินสดเช่นกันจากไฟแนนซ์ หรือลูกค้าที่ซื้อสดเอง (อย่างที่เรารู้กัน) เราก็มีหน้าที่ผ่อนกับไฟแนนซ์....ไม่ใช่โรงงานรอค่างวดจากรถทุกคันที่ผ่อนกัน 4ปี /6ปี หรอกนะ
โชว์รูมก็เอาเงินเหล่านี้แหละไปซื้อรถจากบริษัทผู้ผลิตรถ
ในโรงงานผลิตรถที่เขาควบคุมต้นทุนกันดีจริงๆ (ไม่รับประกันว่าทุกโรง) เขาจะคำณวนราคาขายในแต่ละช็อปที่ส่งมอบกันเลย....เช่น
Body Shop (ผลิตตัวถังทั้งคัน) ส่งมอบตัวถังก่อนพ่นสีในราคา 50,000 บาท (สมมุติไป)
Paint Shop รับมาจาก Body Shop ในราคา 50,000 บาท เอามาผ่านกระบวนการทำสีพร้อมส่งมอบตัวถังพ่นสีไปโรงประกอบแล้วในราคา 80,000 บาท (สมมุติอีก)
Assembly Shop รับมอบตัวถังพ่นสีเรียบร้อยแล้วในราคา80,000 จากนั้นเอามาประกอบใส่ ล้อ เบาะ เครื่องยนต์ ถังน้ำมัน จิปาถะ ฯลฯ
รวมแล้วเป็นราคา เช่น สามแสนบาท นี่คือต้นทุนโรงงานแท้ๆ จากนั้นก็เอาไปคิดราคาขายลูกค้าบวกกำไร ค่าดำเนินการ ค่าภาษี ค่าโน้น ค่านี้ ขายจริง 1,200,000 (สมมุติอีก)
ทีนี้นึกออกยังว่า บริษัทเขาจะส่งออกรถไปแบบไร้จุดหมายหรือเปล่า.........รถไม่ใช่แตงโม จะได้ผลิตขายกันอย่างไร้ทิศทาง