ผู้เขียน หัวข้อ: ขอคำแนะนำการมีรถยนต์ที่ Australia  (อ่าน 1320 ครั้ง)

ออฟไลน์ city552

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 552
ขอคำแนะนำการมีรถยนต์ที่ Australia
« เมื่อ: มกราคม 09, 2024, 18:10:40 »
พอดีมีแผนจะไปเรียนต่อโทที่ Australia ปีนี้ และอาจจะเรียนต่อจนจบ ป.เอก
ก็เล็งว่าอยากซื้อรถไว้ทั้งใช้ส่วนตัวและวิ่งงาน เช่น Uber เพราะไม่อยากไปทำงานตามร้านอาหาร ในช่วง Part time

เลยอยากได้ความรู้ครับว่าการมีรถยนต์ที่ Australia 1 คัน นอกจากตัวรถยนต์ ประกัน ค่าจอด มันมีอะไรต่างจากเมืองไทยบ้างมั้ยครับ
2015   Mazda BT50 Pro 2.2 Hi-racer
2019   Toyota Altis Hybrid Hybrid Mid
2020   Mercedes-Benz C220d W205
2020   Toyota Fortuner 2.4V 2WD
2021   Honda Civic gen11(FE) 1.5 EL+

ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,150
Re: ขอคำแนะนำการมีรถยนต์ที่ Australia
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 09, 2024, 19:10:28 »
อ่อ.. มีครับ..

1. ตลาดรถมือสองมีให้เล่นเพียบ งบไม่ถึงล้านบาทได้รถ 400+ แรงม้าแบบเหลือๆ

2. แต่ใช้งานจริงไม่ได้ ซิ่งบ่อย โดนค่าปรับบ่อยๆมีโอกาสโดนยึดใบขับขี่ได้

3. ค่าแรงโคตรแพง แพงแบบไม่ใช่คนไทยห่าว่าแพง คนที่นั่นก็รับไม่ไหว แบบ ชั่วโมงละ 3000 งี้กับรถตลาดทั่วไปนะ รถยุโรปชั่วโมงละ 6000 มีให้เห็น ถ้ารถต้องซ่อมหนักก็ขายซากคุ้มกว่า

4. ประกันรถคำนวนจากอายุผู้ขับและ record ไม่ได้คำนวนจากราคารถ
Porsche 911 ประกันถูกกว่า Yaris ก็มีถ้าผู้ขับอายุ 40+


ออฟไลน์ imvile

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 623
Re: ขอคำแนะนำการมีรถยนต์ที่ Australia
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 09, 2024, 23:11:48 »
อันนี้น้องสาวเล่ามาให้ฟังนะครับ

1.) ถ้าทำงานพวก uber, didi (คล้าย uber แต่ดังในเมืองที่น้องสาวอยู่) ต้องไปสอบใบขับขี่ ใบขับขี่นานาชาติใช้ไม่ได้ แล้วต้องเสียเวลาลงเรียนก่อน
2.) ค่าออกรถ จะต้องบวกภาษีท้องถิ่น (แล้วแต่รัฐที่ไปอยู่ อย่าง SA ก็คนละ rate กับ victoria) และค่าประกัน เค้าจะมีราคา based กับ drive away price ดู drive away price เป็นหลักก็ได้
3.) ค่าประกัน จะต่างจากประเทศไทย คือ เอาอายุ ประวัติ​ ประวัติฝ่าฝืนการจราจร (ไทยถ้าเข้าใจไม่ผิด ประวัติไม่ได้ตามตัวไปด้วย) มาคำนวนด้วย ปกติก็ประมาณ 30-40k บาท สำหรับรถ c-seg ก็ประมาณประกันรถไฟฟ้า c-seg บ้านเรา
4.) ค่าที่จอดคงแล้วแต่ที่ ตอบไม่ได้ แต่ส่วนมากตามถนนสาธาณะในเมือง มักจะต้องหยอดตู้ ticket แล้วเสียบบัตรไว้หน้ารถ ที่จอดค่อนข้างแพง อย่างใน adelaide จอดในเมืองตกคืนละพันกว่าบาท
5.) ค่าน้ำมัน พอๆกับไทย แต่ปั๊มแต่ละปั๊มราคาต่างกันเยอะ ยี่ห้อเดียวกัน อยู่ถนนเดียวกัน น้ำมันแบบเดียวกันยังราคาต่างกัน เท่าที่เห็น BP จะถูกสุด
6.) ราคามือ 2 ไม่ได้ถูกกว่าที่ไทยอย่างที่คิด, ตอนนั้นจะหารถมือ 2 ให้น้อง ถ้า Mazda 3 ตัวที่แล้ว อายุ 4 ปี ก็ราคา 500,000k บาท ถูกกว่าไทยนิดเดียว แต่เลขไมล์น่าจะจริง เพราะเห็นที่ลงกัน วิ่งเป็นแสนเยอะไปหมด ไปซื้อพวก kia คัน b-c seg ใหม่ อาจจะคุ้มกว่า มี waranty 7 ปี ด้วย

โดยรวม คชจ ค่าใช้จ่ายแพงในการใช้รถกว่าไทยประมาณ 20-30% แต่ ถ้าเทียบกับรายได้และค่าครองชีพ ถือว่ามีรถไม่ยาก (ไม่รวมซ่อมนะ อันนั้นน่าจะหูตูบเหมือนกัน)

ปล เค้าขับรถกันแปลกดี ออกจากไฟแดง เหมือนเหยียบเต็มตีนทุกคน (น่าจะกลัวคันหลังออกไม่ทัน แนวเกรงใจกัน) แต่พอถึง speed limit ปุ๊ป ก็ขับแช่ speed limit ทุกคน ทุกคัน (แช่ซ้ายกลางขวาทุกเลนยิ่งกว่าไทย)
แต่ค่าปรับโหดมาก จอดรถผิดที่ที โดนไป 3000 บาท
J32 since 2011
F30 since 2014
W205 since 2019
ACV70 since 2021

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,818
Re: ขอคำแนะนำการมีรถยนต์ที่ Australia
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 11, 2024, 07:51:36 »
ขับรถที่นั่นต้องระวังจริง แค่เปลี่ยนเลนทับเส้นทึบ แฟนผมเคยอยู่Sydney ขับรถในเมืองรถตำรวจเรียกให้จอดแล้วขึ้นมานั่งบนรถเราเพื่ออธิบายว่าผิดกฎยังไง อันตรายยังไง พอทำหน้ายิ้มๆโดนด่าอีกว่าไม่สำนึกหรือไง ไม่ใจดีสุภาพแบบตำรวจไทย ขอบอก
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ gorilla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,462
Re: ขอคำแนะนำการมีรถยนต์ที่ Australia
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 11, 2024, 14:01:55 »
ผมเคยอยู่ Perth เกือบ 6 ปี (2006-2012) ซื้อ-ขายรถ 3 คัน
- ซื้อ-ขาย ง่ายมากๆครับ  มีใบซื้อ-ขายใบเดียวจบ  ไม่มีค่าธรรมเนียมอะไรครับ  ซื้อ-ขายกันเองได้เลยครับ  จ่ายเงิน  รับรถ  ส่งใบโอน  ไม่ต้องไปขนส่งด้วยครับ
- ไม่มีเล่มรถแบบไทย
- ภาษีประจำปี แล้วแต่รถครับ  ประมาณ 400 ดอล (ไม่มีป้ายวงกลมแปะกระจก)
- บางรัฐ ต้องนำรถตรวจสภาพประจำปีด้วยครับ  WA ตอนที่ผมอยู่ยังไม่ต้องตรวจครับ
- ประกันรถ ผมไม่ได้ทำครับ  ค่อยข้างแพง  ขึ้นอยู่กับอายุและรถครับ
- ผมใช้ใบขับขี่ไทยครับ ไม่ต้องทำอินเตอร์  ใช้ได้เลยครับ  (แต่สมัยนี้ผมไม่ได้อัพเดทครับ)  แต่ก่อนที่ผมอยู่อนุญาตให้ใช้แค่ 3 เดือน  หากนานกว่านั้นต้องสอบใบขับขี่ออสครับ 
- เคยไปสอบใบขับขี่มา 2 รอบ ผ่านข้อเขียนแล้ว  แต่ตกปฏิบัติ 2 รอบ แบบยังไม่ทันได้จับ เพราะเราพลาดเองครับ  ก็เลยไม่สอบละ ใช้ใบไทยไปเลยครับ
- ขับ Uber ผมไม่ทราบว่าต้องใช้ใบขับขี่แบบไหนครับ สมัยผมยังไม่มีครับ   แต่นักเรียนก็สอบ Taxi ได้ครับ ค่อนข้างยากเลยครับ
- ค่าจอดก็แล้วแต่พื้นที่ครับ ฟรีก็มี เสียเงินก็มีชั่วโมงละ 3-10 ดอลครับ  มีป้ายบอกเวลาจอดครับ เช่น 1 หรือ 2 ชั่วโมง   จอดเกินโดนใบสั่งครับ  ผมก็เคยโดนครับ  เกินไปไม่เกิน 30 นาที โดนใบสั่งไปแล้ว 150 ดอล
- ความเร็วโดยทั่วไป  ในเมือง 50km/h , suburb 60km/h, school zone 40km/h, Hwy 70-110km/h  มีป้ายบอกตลอดครับ 
- ค่าปรับขึ้นกับความเร็วที่เกินครับ เกินมาก ปรับมาก
- ขับช้าเกินกำหนด 20km/h ปรับหนักกว่าขับเร็วอีกครับ  เช่น ป้ายให้ขับ 100km/h คุณขับ 70km/h  โดนจับปรับ ถือว่ากีดขวางจราจรครับ
- ต้องรักษาความเร็วตามกำหนด ไม่ว่าจะขึ้นหรือลงเนิน  จะอ้างว่าลงเนินแล้วปล่อยไหลความเร็วเกินกำหนดไม่ได้ครับ  หรือขึ้นเนินก็ควรเร่งให้ตามกำหนดครับ
- รถเก๋ง มอไซ บรรทุก ใช้ค่าความเร็วเดียวกันหมดครับ
- กรณีถนนที่ให้ใช้ความเร็วเกิน 80km/h แช่ขวาโดนปรับครับ
- กล้องตรวจจับมีทั้งแบบถาวร และตำรวจมาวางเป็นช่วงเวลาครับ  บางทีตำรวจก็มายืนแอบยิงความเร็วตามเสาครับ
- ความเร็วไม่จำเป็นต้องเป๊ะก็ได้ครับ เช่น กำหนด 60 เราขับเข็มไมล์ 64-67 ไม่โดนครับ ถ้า +10 ขึ้น โดนแน่ๆครับ
- มือถือ ห้ามนะครับ   มีกล้องตรวจ และตำรวจเล็งอยู่ครับ  ค่าปรับน่าจะ 500 ดอล
- ไม่คาดเข็มขัด 500 ดอล ครับ  ต้องคาดทุกตำแหน่งครับ   
- เจอวงเวียน(round about) รถในวงเวียนด้านขวาไปก่อนครับ
- ทางหลักถูกเสมอครับ   ถ้าเราต้องการเลี้ยวซ้ายออกมาจากทางรอง ให้รอโล่งครับ ไม่มีการแหย่ใดๆนะครับ   หรือถ้าจะเลี้ยวออกขวา รถต้องโล่งทั้ง 2 ฝั้งครับ จะออกมาคากลางถนนไม่ได้ครับ   รถทางหลักมาชนรถเรา  เราผิด 100% ครับ
- อย่าเปลี่ยนเลนแบบตัดหน้าหรือกระชั้นชิดครับ  เค้าไม่ทำกันครับ   เจอบีบแตรหรือเปิดกระจกด่าแน่นอน  ปกติเค้าไม่ค่อยเปลี่ยนเลยกันครับ
- ทางร่วม 2 เลน รวมเป็น 1 เลน สลับเข้าฟันปลาซ้าย-ขวาครับ  อย่าไปแทรกหรือปิดช่องครับ
- ทางม้าลายต้องหยุดเท่านั้นครับ
- ทางแยก  ทางรอง ป้าย Give way ต้องให้ทางหลักครับ  ถ้าเป็นป้าย Stop ต้องหยุดสนิท 3 วินาทีครับ ไม่หยุดแล้วตำรวจเห็น โดนครับ  ผมโดนมาแล้วครับ
- ถ้าไม่ใช่ทางม้าลาย เราขับตามกฏหมาย ชนคนข้ามถนน เราไม่ผิดครับ
- เชครถ+เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกรดต่ำๆ 150 ดอล  เปลี่ยนสายพานไทมมิ่ง 1000 ดอล   ค่าแรงคิดตามชั่วโมงซ่อมครับ  ผมหาช่างไทยทำครับ ถูกกว่าครึ่งๆ  หลังๆเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเองครับ

เอาเท่าที่นึกออกครับ

สรุป ขับง่าย สบายๆ ครับ  ไม่ต้องปรับตัวมาก เพราะพวงมาลัยขวาเหมือนกัน   จริงๆกฎก็มาตรฐานสากล แต่เมืองไทยเราขับแหกกฏครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 11, 2024, 14:03:29 โดย gorilla »