คิดว่าต่อไปจะพยายามตอบสั้นๆ เพราะวิเคราะห์ทีไรแล้วยาวทุกที 555
แต่คุณ HappyCar ถามครบทุกธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเลยครับ และน้ำมันยังนำไปใช้ได้หลายทางอีก
เป็นอย่างที่เพื่อนๆบอกกันว่าน้ำมันไม่ได้ใช้แค่ในรถยนต์ แต่น้ำมันใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง
น้ำมันที่ใช้ในภาคขนส่ง นอกจากรถแล้ว เครื่องบินก็ใช้เยอะ เช่น ในไทย ปี 2017 ปริมาณน้ำมันรวมที่จำหน่ายผ่านปั๊มน้ำมัน ประมาณ 24,324 ล้านลิตร
ปริมาณน้ำมันเครื่องบินที่เติมที่สุวรรณภูมิและดอนเมือง ประมาณ 6,500 ล้านลิตร
(รูปประกอบข้อมูลอยู่ด้านล่าง)
เครื่องบินพาณิชย์ยังต้องใช้น้ำมันเป็นหลัก ยังไม่เปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างอื่นได้ง่ายเหมือนรถยนต์
ส่วนที่ใช้ในภาครถยนต์ แม้บางเมืองในบางประเทศจะมีแผนให้เป็น zero emission ในอนาคต คือ รถไม่ปล่อยไอเสียเลย ถ้าเข้าเขตโซนนั้นจะต้องใช้รถไฟฟ้า
แต่ก็ทำได้เฉพาะในบางเมืองและในบางประเทศ เพราะด้วยบริบทที่ต่างกัน ความเป็นเมืองยังไม่เท่ากัน ประชาชนประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน ประชาชนในบางพื้นที่ในบางประเทศก็จะยังต้องใช้รถสันดาปปกติที่ซ่อมง่ายและไม่แพง เช่น รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนผักผลไม้ตามเขาตามดอยในพื้นที่ทางภาคเหนือหรือภาคอีสานของไทย รถพวกนี้อะไหล่ต้องไม่แพง ทน และซ่อมง่าย ถ้าเสีย อู่ท้องถิ่น ช่างธรรมดาๆต้องสามารถซ่อมได้ เพื่อให้มาใช้ประกอบกิจการได้เร็ว
ถ้าใช้ไฮบริด หรือ รถไฟฟ้า หากอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับระบยไฮบริดเสีย เช่น แบตไฮบริดเสีย ช่างท้องถิ่นแถวนั้นซ่อมไม่ได้ ต้องส่งศูนย์ในตัวเมือง ต้องรออะไหล่ 1-2 สัปดาห์ รถเอามาวิ่งงานไม่ได้ คงจะไม่สะดวกในการนำมาเป็นรถใช้งาน ยังไม่รวมถึงราคาค่าซ่อมระบบไฮบริดหรือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
มาถึงคำถามแล้วครับ ที่ถามว่า
" ถ้าโลกในอนาคตถึงเวลาที่รถ Hybrid และ EV ถูกใช้อย่างจริงจัง แทนที่รถยนต์สันดาป
เพื่อนๆคิดว่า ธุรกิจขุดเจาะ/ผลิตน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปั๊มน้ำมัน จะเป็นยังไงบ้างครับ?)
- จากข้างบน แม้รถ Hybrid และ EV ถูกใช้อย่างจริงจังในบางเมือง บางประเทศ แต่เมื่อมองทั้งโลกก็จะแทนที่รถสันดาปได้เพียงส่วนนึงครับ ยังไม่ถึงแทนทั้งหมด ยังมีคนที่ใช้รถสันดาปซึ่งใช้น้ำมันอยู่อีกพอสมควร
และเมื่อรวมกับน้ำมันที่ใช้ในภาคขนส่งอื่นและภาคอุตสาหกรรม พลังงานไฟฟ้าจะไม่ได้แทนที่น้ำมันในอัตราที่เร็วและแทนแทบทั้งหมดแบบที่กล้องดิจิตอลแทนกล้องฟิลม์ , cd แทนเทปคาสเส็ต , dvd แทน vcd ฯลฯ
ส่วนเรื่องการปรับตัวของกลุ่มประเทศหรือ business unit ต่างๆ
ผมมองในแง่กลยุทธ์ที่กลุ่มประเทศและ business unit นั้นๆใช้อยู่และมีแผนในการปรับเปลี่ยนในอนาคตนะครับ
- ธุรกิจขุดเจาะ/ผลิตน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ไม่สามารถกำหนดด้าน demand ความต้องการใช้น้ำมันได้ แต่จะใช้การบริหารด้าน supply ด้วยการลดกำลังการผลิต ลดกำลังการกลั่น
ดังเช่นที่เราได้ยินบ่อยๆเกี่ยวกับข่าวของกลุ่มโอเปคจะเพิ่มหรือลดกำลังการผลิต
- ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ผมให้ความเห็นเฉพาะปั๊มในไทยนะครับ อันนี้ต้องแยกเป็นกลุ่มๆ
ปั๊มใหญ่ๆที่ infrastructure พร้อม ก็ไม่นิยามตัวเองว่าเป็นปั๊มน้ำมัน แต่จะเป็นจุดพักรถพักคน ที่สามารถเติมพลังงานประเภทต่างๆให้รถได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน แก๊ส หรือไฟฟ้า ถ้ารถไฟฟ้ามาเข้า ก็มีช่องชาร์จไฟฟ้าให้
และหาทางเพิ่มรายได้จากด้านที่เป็น non-oil ซึ่งมี margin ที่ดีกว่าค่าการตลาดจากการจำหน่ายน้ำมันให้มากขึ้น (จนกำไรจาก non-oil อาจเป็นกำไรหลักของสถานีบริการนั้น)
เพื่อให้เห็นภาพลองนึกถึง rest area ของ ปตท ที่ทางด่วนขั้น 2 แถวประชาชื่น หรือปั๊ม ปตท ตามทางหลวงสายหลักที่มีพื้นที่ใหญ่ๆครับ ปั๊มเหล่านี้จะหาทางเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่เป็น non-oil เช่น ให้ร้านอาหาร , 7-11 , ร้านค้าต่างๆมาเช่าพื้นที่ แล้วเก็บค่าเช่าหรือส่วนแบ่งกำไร หรือร้านค้าเหล่านั้นอาจเป็นร้านที่ปั๊มเป็นเจ้าของเองก็ได้ เช่น ปตท เป็นเจ้าของอเมซอน จิฟฟี่
ผู้ใช้บริการที่นำรถมาชาร์จไฟรถ ระหว่างรอก็เข้าไปใช้บริการในร้านค้าต่างๆ
ผู้ใช้บริการที่นำรถมาเติมน้ำมันก็เติมได้ตามปกติ เติมเสร็จก็อาจใช้บริการร้านต่างๆได้เช่นกัน
มีตัวอย่างแผนการของปั๊มน้ำมัน pt ให้ดู ครับ ปั๊มนี้จะมีอยู่ตามถนนสายรองในต่างจังหวัด ซึ่งในรูปที่ 3 จะเห็นว่าทางปั๊มก็มีแผนการที่จะทำเหมือนที่บอกข้างต้น คือ จะขายกาแฟ มีมินิมาร์ท มีจุดซ่อมรถบรรทุก ซ่อมรถยนต์ มีที่พักค้างคืน มีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และบริการเติมพลังงานทางเลือกชนิดอื่นๆ
(ไม่ได้บอกว่า pt จะทำแล้วจะ work ได้จริงนะครับ เพียงให้ดูว่าปั๊มต่างๆตอนนี้มีแผนขยายรายได้ไปทางด้าน non-oil ให้มากขึ้น )
ส่วนปั๊มที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการใช้น้ำมันน้อยลงและขยับขยายไปเพิ่มรายได้ด้าน non-oil ไม่ได้ และเปลี่ยนไปบริการพลังงานอื่นๆไม่ได้ มีแต่ค่าการตลาดน้ำมันเป็นรายได้หลักเพียงอย่างเดียว ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาจต้องปิดตัวลง ( ผมเห็นบางปั๊มต่างจังหวัดที่ผมเคยใช้บริการบ่อยๆ มีเติมน้ำมัน กับร้านอาหาร ปรากฎ ยุติกิจการด้านเติมน้ำมัน แต่ยังเปิดร้านอาหารอยู่ ก็มี)
รูปประกอบข้อมูลนะครับ
รูปที่ 1 ปริมาณการเติมน้ำมันผ่านสถานีบริการในไทย ตั้งแต่ปี 2015-2017 ในปีที่แล้ว 2017 เติมรวมทั้งประเทศ 24,324 ล้านลิตร
ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานและบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
รูปที่ 2 ปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ในปี 2017 บริษัทเติมไป 5,747 ล้านลิตร บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80 กว่า % เพราะฉะนั้น ปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินของ 2 สนามบินนี้รวมกัน จะได้ประมาณ 6,500 ล้านลิตร
รูปที่ 3 แผนการของปั๊มน้ำมัน pt ที่จะหารายได้จากทางด้าน non-oil ให้มากขึ้น