เดาเอาว่าเพราะต้องการสร้างเครื่องที่คงความจุกระบอกสูบต่อ 1 สูบให้ได้อัตราส่วน 400-500 ซี.ซี.
ไม่มีหลักฐานยืนยันเรื่องนี้ แต่พอดีเคยแปลงาน BMW ที่เขาวิจัยมาไม่กี่ปีก่อนและคิดว่าปริมาณความจุที่เหมาะสมสำหรับกระบอกสูบแต่ละกระบอกคือ 500 ซี.ซี. นั่นคือเหตุที่ทำให้มีเครื่อง 1.5 3 สูบ 2.0 4 สูบ และ 3.0 6 สูบทุกวันนี้ Volvo อาจจะเคยมีแนวคิดอย่างนี้อยู่ในครั้งนั้น แต่พวกเขาไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็น 500 ต่อกระบอก แต่แค่ "ไม่เกิน" 500 ซี.ซี.ต่อกระบอก ต่อจากนั้นยังต้องคำนึงถึงตลาดที่จะเป็นลูกค้า รวมถึงอเมริกา ซึ่งอเมริกาในยุค 90s ตอนต้น รถสี่สูบขนาดกลางจะมีความจุ 2.2-2.4 ลิตรโดยเฉพาะรถที่สร้างมาโดยอเมริกันหรือสเป็คจัดมาเพื่อคนอเมริกัน การใช้เครื่อง 4 สูบสำหรับความจุขนาด 2.4 ลิตร Volvo อาจมองว่าใหญ่เกิน ทำปากกระบอกสูบให้ใหญ่มีอัตราส่วนสัมพันธ์กับพื้นที่วาล์วให้ถูกใจไม่ได้ ครั้นจะไปใช้ 6 สูบวางขวาง ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเครื่อง 6 เรียงที่ Porsche ช่วยดูๆให้นั่นก็ยาวไป รถก็ทำวงเลี้ยวให้แคบไม่ได้ ถ้าจะทำได้ ซุ้มล้อก็ต้องกว้่าง ตัวรถก็กว้างออกไปอีก ก็เลยมาจบที่ 5 สูบ และมีความจุ 2.0, 2.3, 2.4, 2.5 ลิตร ทั้งเบนซินและดีเซล
นอกจากนี้ Volvo อาจจะมองว่าต้องการทำเครื่องที่มีบล็อคเสื้อสูบหลักเพียงบล็อคเดียวเพื่อประหยัดต้นทุนการวิจัยพัฒนาและทำให้เกิดความง่ายในการออกแบบแท่นเครื่อง การเก็บสต็อคอะไหล่ การที่ทำรถคันนี้ให้มีทั้งรุ่น 4 สูบกับ V6 ความยุ่งยากมันมากกว่าการทำรถรุ่นเดียว ใช้เครื่อง 5 สูบแบบเดียว แต่หลายความจุ ...คือถ้าต้องมีเครื่องบล็อคเดียวขนาดเดียวที่น้ำหนักใกล้เคียงกัน คุณจะเลือกแบบไหนล่ะ? 4 สูบ? คนเอเชียชอบ แต่คนอเมริกันบางส่วนมองว่าเล็กไป V6? อันนี้สถานการณ์จะกลับกันเลย ดังนั้นจึงเลือกเอาทางสายกลาง
ไม่ใช่วิธีที่แปลกใหม่ Honda ก็เอาเครื่อง B มาทำเป็น 1.6, 1.7, 1.8, 2.0 ไม่ต้องคิดอะไรมาก...จริงๆ Honda ก็เคยมีรุ่น 5 สูบขายในไทย Honda Vigor ไง
แม้ 5 สูบจะไม่ใช่เครื่องที่มีคุณสมบัติเลิศเลอ ..ผมคิดไม่ออกเลยว่าอะไรจะทำให้มันดีไปได้..4 สูบน่ะเบากว่าและ simple ส่วน 6 สูบเรียงก็สั่นน้อยโดยธรรมชาติ...ดังนั้น 5 สูบเรียงนี่ผมชอบมันเพราะเหตุผลเดียวเลยคือเสียง ..ผมอยากได้ Volvo Turbo เพราะเสียงเนี่ยล่ะ ถ้าตัดเหลือ 4 สูบเมื่อไหร่ผมไม่มองหรอก