Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 7777777 ที่ มีนาคม 08, 2018, 14:56:46
-
เนื่องจากบัตรเก่าได้หายไป และอายุขาดเกินสามปีแล้ว เลยต้องทำใหม่เลยครับ
ตอนแรกต้องนัดonlineผ่านเวบ หรือจะเข้าไปจองเองที่ขนส่งก็ได้ เพื่อทดสอบสมรรถภาพทางกาย --> อบรม --> สอบภาคทฤษฎี
ถ้าสอบทฤษฎีผ่านแล้วจึงค่อยนัดมาสอบภาคปฏิบัติในวันถัดไปครับ
ตอนแรกว่าจะสอบแถวๆบ้าน(ขนส่ง สุขุมวิท62) แต่จองได้อีกทีคือประมาณชาติหน้า เอ้ย มีนาคมครับ เลยเลือกไปที่ขนส่งใหญ่แทนครับ
ตอนนั้นผมจองประมาณกลางๆมกราคม ได้คิวประมาณ20กุมภาพันธ์ครับ
บัตรประชาชน + สำเนา + ใบรับรองแพทย์ + ใบนัดหมายอบรม เตรียมไปให้พร้อมนะครับ
ทดสอบสมรรถภาพทางกาย: ไม่มีอะไรยากเกินไปครับ ขอให้มีสมาธิครับ
ภาคทฤษฎี: ขอบอกเลยว่า ถ้าทำการบ้านไป และตั้งใจฟังที่เค้าอบรมนั้น ยังไงก็ผ่านครับ เพราะเค้าเหมือนบอกข้อสอบดีๆนี่เอง
คะแนนเต็ม50 ต้องได้45ขึ้นไปถึงจะผ่านครับ
ภาคปฏิบัติ: ถ้าหากไม่มีรถ เค้ามีรถให้เช่าครับ ราคา100บาท แต่ถ้ารถส่วนตัวผมว่าจะได้สอบเร็วกว่าหน่อยนึงครับ เพราะไม่ต้องรอคิวรถเช่า
ทั้งหมดจะมี3สถานี
- สถานีแรก เดินหน้าถอยหลังอย่าให้ชนเสาทั้งสองข้าง
- สถานีที่สอง ให้จอดริมฟุตบาท(ต้องเหยียบเส้น) และต้องจอดไม่เกิดเส้นหยุด และไม่ห่างจากเส้นหยุดเกิน1เมตร
- สถานีที่สาม ถอยจอดเข้าข้างๆ
ตอนนี้มีการเอาเซ็นเซอร์มาใช้สำหรับสองสถานีหลัง ถ้ากระจกมองข้าง หรือกันชนรถเลยเข้าไปในส่วนของ
ฟุตบาทเมื่อไหร่นั้น ถือว่าสอบตกเลยนะครับแม้จะยังไม่ชน สำหรับผม ครั้งแรกผ่านสถานีที่1+3 ส่วนสถานีที่2ผมใช้ทั้งหมด3ครั้งถึงจะผ่านครับ
ตอนแรกก็นึกว่าสถานีที่สองน่าจะหมูสุด ที่ไหนได้ พวกมือเก๋าๆตกด่านนี้กันรัวๆเลยนะครับ ยากกว่าที่คิดพอตัวเลย
เจ้าหน้าที่พูดกันว่า สถานที่สองคือสถานีปราบเซียนครับ ซึ่งผมเห็นด้วยเลย
หากสอบตกไม่ว่าสถานีไหน ต้องไปจองมาสอบใหม่ในวันหลังครับ จะสอบซ่อมเลยไม่ได้ครับ (เว้น3วันเป็นอย่างน้อย)
ความเห็น: ผมว่าที่เค้าสอนภาคทฤษฎีเนี่ย ผมว่าดีมากนะครับ เป็นไปตามหลักสากลทุกอย่าง แต่ถามว่าแล้วบนถนนจริงหละ เกิดอะไรขึ้น?
ส่วนภาคปฏิบัติเนี่ย ผมมองว่าไร้สาระ ทั้งสามสถานีไม่ได้ส่งผลให้เห็นเลยว่าขับรถเป็นจริงๆไหม ระบบเก่ายังจะดีกว่าอีกในส่วนนี้
แต่แปลกใจมากที่ทั้งทฤษฎีหรือปฏิบัตินั้น ไม่มีการเน้นย้ำเรื่องการใช้ไฟเลี้ยวเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรเน้นย้ำอย่างมาก
อ้อ อีกอย่าง ถ้านัดสอบ8.00 เวลาลงสนามจริงคือ9.30เป็นต้นไปนะครับ ตรงนี้ควรปรับปรุงสำหรับคนที่มาสอบซ่อม
คือควรให้พวกมาซ่อมเนี่ย ลงสนามไปได้เลย ไม่ใช่ต้องมาเริ่มเวลาเดียวกันทุกคน ซึ่งคนมันเยอะและเสียเวลามากครับ
สำหรับท่านที่ขับรถกระบะ เป็นไปได้อย่าเอาไปสอบนะครับ คือถ้าสอบผ่านด้วยกระบะได้เนี่ย คือเทพแล้วครับ
ยังคิดไม่ออกเลยว่า จอดด้านข้าง แถมมีเซ็นเซอร์ มันจะไปผ่านได้ยังไง...
รถแท็กซี่ และ รถป้ายแดง ห้ามสอบนะครับ
ตอนจบ: เมื่อสอบเสร็จหมดแล้ว ก็ไปทำใบขับขี่ ใช้เวลาแป๊บเดียวก็เสร็จ ต้องชมเชยตรงนี้ครับ ค่าเสียหาย550บาท
ได้บัตรใหม่ไฉไลครับ รู้สึกปลื้มมาก (เพราะสอบซ่อมตั้ง2รอบ) พอได้บัตรเสร็จแล้ว เดินออกมาจะไปเอารถเพื่อเดินทางกลับ
ก็ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ และคิดในใจว่า จะอบรมนานแค่ไหน สอบยากแค่ไหน ถ้าจิตสำนึกเหมือนเดิม ผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิมครับ 8)
-
เคยไปสอบครับ จำได้ว่าภาคปฏิบัติเนี่ยเซ็งที่สุดแล้วครับ ด่านแรกเลี้ยวแล้วเทียบฟุตบาต (ด่านที่ 2 ของจขกท) ถ้าเลี้ยวมาเทียบเลยจะยังห่างอยู่ แต่ผมไม่รู้ว่ามันถอยได้เลยห่างจากฟุตบาจไม่ทับเส้นเพราะผมไม่ได้ถอย พอรู้ว่าถอยได้แบบ ... อันนี้ไม่รู้เรื่องเอง ด่านถอยเข้าที่จอดข้างทางเค้าให้ไม่เกิน 7 เกียร์ ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าเอา Altis ไปขับมันถอยยากมาก (รถเช่าคือมิราจ -__-) ยึกยักเข้าๆออกๆ อยู่ 2-3 ทีกว่าจะจอดได้เหงื่อตกเลย ดีที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้มอง มองอีกทีผมก็จอดเสร็จแล้ว เพราะคนก่อนหน้ายึกๆยักๆ เค้าให้ขับออกเลยไม่ผ่าน แต่ผมตกด่านเดียวคือเลี้ยวและเทียบฟุตบาตครับ มันเป็นด่านที่โคตรง่ายแต่ดันไม่ผ่าน เพราะไม่รู้ว่าถอยได้ เสียเวลาไป 2 วัน
ด่านจอดรถผมว่ามันกะยากนะ เพราะเค้าใช้แท่งบางๆ มากั้นห่างๆ ผมว่ามันไม่เหมือนตอนจอดจริงๆ อันนี้มันเห็นมิติรถหน้าหลังของจริงเลย จอดง่ายกว่าตอนสอบเยอะครับ
-
สมัยหนุ่มๆ ผมไปสอบ ขนส่งมีน อยู่ตรงหนองจอก (คนละที่กับปัจจุบัน)
สนามสอบแบบบ้านๆ รอบเดียวผ่าน
-
เพิ่งไปสอบที่สุขุมวิท 62 ตอนเดือนตุลาที่ผ่านมา สอบขอเขียนไปอบรมข้างนอกที่สวนดุสิตมาก่อนแล้วจะสามารถสอบวันเดียวกับที่ไปขนส่งได้เลยครับ ค่าอบรม500บาท ของผมตอนสอบข้อเขียนผ่านเค้าจะให้จองวันสอบเลย ตอนนั้นเค้าจะให้ผมมาสอบหลังจากนั้น2วัน ผมไม่ว่างเลยต้องเลื่อนไปก่อน ถ้าจะสอบปฏิบัติให้มาจองล่วงหน้า2วันมั้งครับ จำไม่ค่อยได้แล้ว รถที่ให้เช่าเป็น honda city สอบสลับกันไประหว่างรถเช่ากับรถส่วนตัว ส่วนเรื่องการสอบปฏิบัติ ผมโชคดีไปตอนสนามปรับปรุงพอดี เซ็นเซอร์ไม่มี ช่องจอดก็ใช้ของสิบล้อ เลยง่ายอะครับ
-
ด่าน2 ส่วนมากที่ตกจะเป็นพวกที่ขับรถจนชำนาญแล้วเกินความมั่นใจในตัวเองมากเกินไปจนตกม้าตายครับ
ในขณะที่พวกมือใหม่ จะไม่ค่อยตกเพราะระวังมากกว่า แต่จะไปด่าน3เป็นส่วนมากแทนครับ
-
ผมก็ไปทำมาตอน ส.ค. ปีที่แล้ว
ไม่ได้อบรมกับขนส่งเลยครับ เห็นจองคิวกันเป็นเดือนๆ ผมเลยไปอบรมของธรรมศาสตร์ ซึ่งสะดวก รวดเร็ว บรรยายดีครับ
พออบรมเสร็จ ก็ยังไม่ได้ยื่นสอบเลย เพราะคิดว่าต้องจองคิวอีก กว่าจะได้สอบข้อเขียนก็เลยวันอบรมมาเป็นเดือนๆ
โชคดีที่ทำข้อเขียนผ่านพอดีด้วย (รถยนต์ - 45/มอไซค์ - 46) ทั้งที่อ่านข้อสอบผ่านๆตา ซึ่งบางข้อที่ตรงกับที่อ่านมากพอดี แต่เวลานัดสอบปฏิบัติ ได้สอบเดือนหน้า
พอถึงวันสอบ กลัวเลิกช้าเลยไปรอที่ขนส่ตั้งแต่เช้า ผมเลยได้ลองสนามก่อน มันจึงเป็นความโชคดีที่ทำให้ผมนั้นสอบผ่านในรอบเดียว! ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
ก่อนจะเริ่มสอบของรถยนต์ ก็เริ่มเด้วยมอเตอร์ไซค์ก่อน
ผมก็เช่ามอไซค์เขามาสอบ ชิลล์มากๆ (วิธีสอบมีทั้งทางแคบ ซิกแซก ขับตามจราจร ซึ่งได้ใช้ไฟเลี้ยวด้วยย)
ด่านแรกของผมคือ 7 เกียร์ ผมก็จำวิธีจากเฟสบุ๊คมา หนึ่งเกียร์สบายๆ
ด่านสองของผมคือเดินหน้าถอยหลัง เกือบตกแหนะ เพราะตอนถอยเผลอหักพวงมาลัยนิดนึง ตาก็แต่มองกระจกมองข้าง โชคดีที่ออกมาได้
ด่านสามของผมคือจอดฟุตบาท ตอนแรกไม่มั่นด่านนี้ เลยไปลองเทียบก่อนสอบจริง ทำให้รู้ว่า เราจอดห่างเส้นเกินไป สอบจริงเลยแก้ตัวทัน
สอบเสร็จโดนพนักงานแซวด้วยว่า "สอบผ่านคนแรกของวันเลยนะ!" ซึ่งก่อนหน้าผมก็มีรถไปสอบก่อนผม 4 คันเลยแหนะ
รวมๆใช้เวลาสอบใบขับขี่ประมาณ 3 เดือนเลยครับ
ปล.สอบที่ขนส่งสวนผักครับ
-
ภาคปฏิบัติถ้ามันก็สอบลักษณะนี้ถือว่าง่ายลงเยอะนะ เมื่อปี 46 ผมไปสอบ จำได้ว่าเยอะกว่านี้ มีจอดทับเส้น ถอยหลังเข้าซองแคบ จอดเทียบข้าง และกลับรถยูเทินแคบ (โยกเกียร์ไม่เกิน 7 ครั้ง) ตอนนั้นผมและน้องสาวสอบ ก็ครั้งเดียวผ่านนะ ใช้รถกระบะแถมพวงมาลัยไม่มีพาวเวอร์ผ่อนแรง ไม่มีระบบช่วยเหลือใดๆ ความเห็นส่วนตัวถ้าปัจจุบันสอบแค่ที่ จขกท.ว่า ผมว่ามันง่าย มาตรฐานลดลงนะ และเห็นแย้งว่าสิ่งเหล่านี้เอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง แต่ควรเพิ่มการสอบภาคปฏิบัติการขับรถบนถนนจริงด้วย เพราะปัจจุบันเห็นพวกมือใหม่ขับรถตามถนน แบบว่ารับไม่ได้จริงๆ
-
สมัยนี้ขั้นตอนเยอะจริงๆ ดูยุ่ง ต้องลางานกันไปเป็นวันๆเลย
-
ผมก็ไป62ประจำครับใกล้บ้าน แต่คนเยอะจริง