ผู้เขียน หัวข้อ: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ  (อ่าน 13661 ครั้ง)

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,050
.
.
การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ

เห็นพวกรถ Roadster ชอบนำมาโปรโมท
แล้วอย่างพวกรถทั่วไป กระจายน้ำหนักกันเท่าไหร่ครับ
ถ้าดีจริง ทำไมไม่ทำให้เป็น 50:50 เหมือนกัน
หรือมันมีความยากอะไรถึงทำให้ทำไม่ได้ครับ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Wongsakorn5558

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 203
    • อีเมล์
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2020, 17:04:22 »
"การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ"
ดีทุกอย่างครับ เดียวมีอีกหลายท่านเข้ามาตอบแน่นอน
แต่ไม่ได้หมายความว่า รถที่ทำ 50:50 จะดีที่สุดนะครับ ถ้าจำไม่ผิด F1 ก็ไม่ 50:50 ครับ

"เห็นพวกรถ Roadster ชอบนำมาโปรโมท"
เพราะ Roadster เน้นการขับขี่เป็นหลัก การโดยสารเป็นรอง จะออกแบบได้ง่าย ไม่ต้องมีข้อจำกัด เงื่อนไข หรือต้องใช้เทคนิคออกแบบให้วุ่นวาย

"ถ้าดีจริง ทำไมไม่ทำให้เป็น 50:50 เหมือนกัน"
คาดว่าทุกค่าย พยายามทำจุดนี้ให้ดีที่สุด ตามที่รูปแบบ รถรุ่นนั้นๆ จะอำนวยละครับ
ยกตัวอย่างล่าสุด สำหรับรถทั่วไป ขนาดกระบะ Ford Isuzu ก็มีการออกแบบ ให้ถอยร่นเครื่องยนต์ ไปติดผนังด้านในกันสุด วางกันหลังแนวล้อหน้า
หรือบางรุ่นทำเครื่องให้เบา สั้นที่สุด หรือ บางรุ่นแยกชุดเกียร์ไปใว้ล้อหลัง ยังไม่นับพวกที่เอาเครื่องไปวางกลางลำกันตั้งแต่แรกอีกนะครับ

"หรือมันมีความยากอะไรถึงทำให้ทำไม่ได้ครับ"
ความยากคือ การเอาของที่ชิ้นใหญ่ที่สุด หนักที่สุด ไปวางใว้ให้ไกล้จุดกึ่งกลางของตัวรถที่สุด (ในที่นี้หมายถึงเครื่องยนต์+เกียร์) ส่วนที่จะหายไป หรือโดนเบียด ก็คือส่วนของผู้โดยสารครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 23, 2020, 17:12:11 โดย Wongsakorn5558 »

TheRealMeaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2020, 17:11:29 »
ถ้าถามว่ากระจายน้ำหนัก 50/50 ดียังไง ตอบออกมาเป็นตัวอักษรยากครับ แต่วิธีทำให้เห็นภาพที่สุดคือลองเอาน้ำกรอกใส่ขวดแล้วถือดูครับ ลองใช้สองมือถือระนาบกับพื้นดูแล้วโยกขวดไปมา เราจะพบว่าแรงที่มือทั้งสองข้างจะพอ ๆ กัน แล้วทีนี้ก็ลองเอียงดูซัก 10-20 องศา ไปทางใดทางหนึ่งแล้วทำแบบเดิมดู เราก็จะพบว่าด้านที่เราเอียงลงจะมีแรงเหวี่ยงมากขึ้น ต้องคงแรงที่มือไว้เท่าเดิม

ถ้าเราลองจินตนาการรถกำลังเลี้ยวโค้งเป็นวงกลมอยู่ที่จุดสูงสุดของลิมิทแล้ว โดยไม่มีการถ่ายน้ำหนักไปด้วยคันเร่งหรือเบรค ในสภาพอุดมคติเช่นนี้ ถ้าหากน้ำหนักอยู่ที่ด้านหน้ามากเกินไป รถก็จะไถลออกไม่สามารถเลี้ยวได้ คือ Understeer และกลับกันถ้าน้ำหนักอยู่ที่ด้านหลังมากเกินไป แรงเหวี่ยงจากท้ายก็จะทำให้รถเลี้ยวมากเกินไป คือ Oversteer ครับ และเมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว เราก็จะเข้าใจว่ารถ 50/50 ในสภาวะเช่นนี้จะสามารถเลี้ยวได้ตาม Input ที่เราใส่ไปมากที่สุด ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป

ปัญหาของการมองอย่างอุดมคติคือ Weight นี้มันไม่ Static เมื่อเราเร่งหรือเบรค ก็จะเกิด Weight Transfer ไปยังมุมใดมุมหนึ่งของรถครับ และอีกอย่างหนึ่งคือ บางครั้งเราสามารถใช้ประโยชน์จากอาการ Understeer หรือ Oversteer ได้

โดยปกติแล้วรถขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 60/40 และรถเครื่องวางกลางจะอยู่ที่ประมาณ 40/60 ถ้าถามว่ารถดังกล่าวเหล่านี้สามารถทำ 50/50 ได้ไหม ก็ทำได้ครับ แต่รถขับหน้าถ้าการกระจายน้ำหนัก static อยู่ที่ 50/50 เวลาเร่งออกจะไม่สามารถเอา Traction ลงล้อได้เท่ากับถ้ามันอยู่ที่ 60/40 (เพราะน้ำหนักถ่ายไปด้านหลัง) ส่วนรถเครื่องวางกลางได้รับประโยชน์จากน้ำหนักที่อยู่ด้านหลัง เพิ่ม Traction เวลาเร่ง จึงไม่จำเป็นต้องเป็น 50/50 เช่นกัน นี่ยังไม่นับเรื่องการใช้ Geometry ของช่วงล่างมาถ่ายน้ำหนักอีก มองในมุมแค่การกระจายน้ำหนักเป็นปัจจัยเดียวเท่านั้น

ในอีกมุมหนึ่งคือเรื่องของการ Packaging แค่เปลี่ยนตำแหน่งของอุปกรณ์ซักอย่าง การกระจายน้ำหนักก็เปลี่ยนแล้วครับการกระจายน้ำหนัก ส่วนมากจะถูกกำหนดด้วย Hard Point ของการออกแบบ ตำแหน่งต่าง ๆ คือถ้าไม่ได้กำหนดมาแต่แรก เราแก้ได้ด้วยการย้ายอุปกรณ์หนัก ๆ ไปไว้จุดที่ต้องการ แต่มันก็ได้น้อยครับ ไม่กี่เปอร์เซ็น และต้องถามตัวเองอีกว่ายอมรับได้ไหมถ้ารถจะมีการกระจายน้ำหนักอยู่ที่ 50/50 แต่ภายในแคบ คนส่วนมากแค่ Mazda ทำรถแคบไปนิดหน่อย (เมื่อเทียบกับการใช้พื้นที่เพื่อทำ 50/50) ยังตัดตัวเลือกทิ้งเลยครับ รถส่วนมากที่การกระจายน้ำหนักหลุดจากเท่านี้เพราะว่าเอาตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ ไปวางไว้ให้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ดีกว่าครับ

คือมันไม่ใช่ปาฏิหาริย์ที่จะมาแก้ปัญหาของ Driving Dynamics ได้ทุกอย่างนะครับ รถหลายรุ่นไม่ได้อยู่ที่ 50/50 หลายคนก็เข้าใจผิดว่าเป็น เช่น MX-5 ตัวแรกกับตัวสอง เราสามารถใช้การเซ็ต Geometry ของช่วงล่างมาช่วยให้การเลี้ยวใกล้เคียงคำว่า Neutral ที่อุดมคติของ 50/50 เป็นได้ครับ ในเมื่อเราปรับ Roll Angle ด้วยสปริงกับกันโคลงหน้าหลังได้ มันก็ไม่ได้ถึงกับว่าทุกคันต้องเป็นเช่นนั้น

คิดว่าเท่านี้ตอบคำถามได้ในระดับหนึ่งนะครับ จริง ๆ มีมากกว่านี้แต่ยังนึกไม่ออก คนอื่นมาช่วยเสริมละกันนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 23, 2020, 17:17:54 โดย TheRealMeaw »

ออฟไลน์ Wongsakorn5558

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 203
    • อีเมล์
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2020, 17:59:16 »
สมดุลดีกว่าครับ เช่น รถที่กระจายน้ำหนัก 53:47 ถ้าขับเคลื่อนล้อหลัง จะออกตัวแพ้แบบ 50:50 เรื่องเข้าโค้งของตัว 50:50 จะดีขึ้นแบบ 0.0...1 ถ้าวัดด้วยเครื่องมือ ถ้าวัดโดยฟีลลิ่งจะค่อนข้างรู้สึกว่าขับง่ายแต่ถ้าวิ่งหลายรอบในสนาม 50:50 จะยางหลังหมดเร็วกว่า ส่วนสาเหตุที่ f1 ไม่ทำให้มันบาลานซ์เพราะอะไรผมเองก็งงๆอยู่เพราะน้ำหนักส่วนใหญ่ก็ไปด้านหลัง ไหนจะเรื่องระบบขับเคลื่อนอีก รอผู้รู้ท่านอื่นมาช่วยอธิบายละกันครับ

F1 โดนกำหนดน้ำหนัก ที่สามารถ จะลงในล้อ คู่หน้า-หลัง ใว้ครับ
ถ้าจำไม่ผิดจะเหลือใว้แค่ 5-10 กิโล ที่ไม่กำหนด ให้แต่ละทีมไปเซ็ตรถกันเอง

ออฟไลน์ cchumpol

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 18
    • อีเมล์
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2020, 18:43:18 »
อธิบายเป็นคำพูดยากครับ ต้องลองขับเองถึงจะรู้

แต่ขับลมชมวิวคงไม่รู้สึกอะไรมากครับ ต้องเอาเอาไปซัดโค้งแคบๆแรงๆ แล้วจะเข้าใจความแตกต่างชัดเจนครับ  ผมเอาไปขับขึ้นภูหินร่องกล้ามารอบนึง ....ชอบมากครับ


ปล.ผมก็เพิ่งรู้นะครับ ตามที่สมาชิความเห็นข้างบนบอก ว่า mx5 na ไม่ได้กระจายน้ำหนัก 50:50 (แต่ก็น่าจะใกล้เคียงล่ะครับ ได้แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ  เพราะจริงๆแล้ว น้ำมันเต็มถึงกับใกล้หมดถัง สัดส่วนก็เปลี่ยนแล้ว) 

   

TheRealMeaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2020, 18:55:50 »
MX-5 NA ที่หลายคนนึกว่า 50/50 จริง ๆ ประมาณ 54/46 หรือ 53/47 ครับ ถ้าย้ายแบตย้ายของอีกนิดหน่อย จะทำ 52/48 ได้

ผมจะเสริมอีกนิดนึงนะว่า 50/50 มันเหมือนคำโฆษณามากกว่าครับ วงการขับรถถ้าซีเรียสจริง ๆ อยากได้ 45/55 ด้วยซ้ำ (F1 ก็เท่านี้) เพราะว่าเมื่อมีส่วนประกอบของการกระจายน้ำหนักเข้ามา เวลาเบรคจะเบรคได้ดีกว่า เวลาเร่งก็เร่งได้ดีกว่า แถมยังทำ Oversteer นิด ๆ เลี้ยวเข้าได้เร็วกว่าด้วย ถ้ามากเกินไปก็อาศัยใช้ Spring Rate กับ Staggered Tires มันแก้ได้ไม่ยากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 23, 2020, 19:04:05 โดย TheRealMeaw »

ออฟไลน์ samaklen

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,937
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2020, 19:51:49 »
เข้าโค้งแคบๆ ดีกว่าครับ สมดุลกว่า
อย่าง bmw หลายรุ่นก็อ้างว่ากระจายน้ำหนักแบบนี้
รถบางรุ่น บางยี่ห้อ พยายามทํา 50/50 ถึงขนาดยอมย้ายเกียร์ไปไว้กับเฟืองท้าย (ขับหลัง) ก็มี

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,620
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2020, 21:39:05 »
สำหรับรถที่ไม่ใช่รถแข่ง มันมีสมดุลช่วยให้การขับขี่ที่ดีครับ
น้ำหนักที่กดลงล้อเท่ากันทั้งหน้าและหลัง  แปลว่า Traction ของล้อทั้งสี่ใกล้เคียงกันทำให้รถเสียการควบคุมยาก (รถที่เสียหลักง่ายโดยมากเกิดจากทีล้อด้านใดด้านหนึ่งเสีย traction ก่อน)

ออฟไลน์ mochalatte

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 358
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2020, 23:32:56 »
50/50 จะรู้สึกได้ตอนเข้าโค้ง รถทุกคันควรเป็นแบบนี้
แต่ design, form และ functions ทําให้มันมีความต่าง

หน้ายาว+หลังสั้น, หน้าเท่ากับหลัง หรือหน้า-หลังไม่เท่ากัน
ขับหน้า ขับหลัง หรือขับสี่
เอาส่วนที่หนักที่สุดไว้ตรงกลาง ที่เหลือปรับนํ้าหนักของชิ้นส่วนว่าจะลดหรือเพิ่มตรงไหน
เลือกใช้วัสดุก้อมีส่วนเยอะพอสมควร

ถ้าไม่ไปสนาม 40/60 หรือ 60/40  ขับทุกวันบนถนนก้อไม่น่ามีอรัยที่ต้องกังวลน้า

AquaFlash

  • บุคคลทั่วไป
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2020, 07:40:22 »
ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง 50:50 นี่ ยากครับ
ถ้าคุณทำสัดส่วนน้ำหนักแบบนี้ แต่ต้องแลกมากับพื้นที่ห้องโดยสารแคบๆ

สำหรับผม ถ้าข้อจำกัดแบบนี้ ผมไปเน้นที่ Un-sprung weight เบาๆ
ล้อเบาๆยางดีๆ เห็นผลเป็นรูปธรรมกว่า
อย่างรถยุโรปรุ่นใหม่ๆ ปีกนกอลูมีเนียม ช่วงล่างน้ำหนักน้อยลงแต่แข็งแรงขึ้น
มันก็ช่วยให้รถเฟริม์และคล่องตัว ในขณะที่ยังได้ห้องโดยสารกว้างๆอยู่

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,256
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2020, 07:45:09 »
ผมเคยใช้ mazda mx5 nc พบว่า การกระจายน้ำหนักแบบนี้ มันทำให้รถ โยนเปลี่ยนเลนได้ง่าย ไม่มีอาการดีดดิ้น หรือเข้าโค้งได้ง่ายด้วยความเร็ว  สรุปว่า ชอบมาก

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2020, 08:41:14 »
รถบ้าน ขับหลัง 50:50 มันจะช่วยเรื่องการทรงตัวครับ เพราะ Polar Moment of Inertia กลาง ยางเกาะพื้นเท่ากันสี่ล้อ กานขับขี่จะคมไม่ส่ายง่าย

มีคนบอกF1 ไม่ใช่50:50 ก็ถูกต้อง เพราะCG มันต่ำ เขาเลยย้าย PMI ไปหลังให้ ท้ายหนัก ด้วยตัว หน้ายาว ล้อไม่เท่ากัน ล้อหลังมันใหญ่จะไปกดเท่าล้อหน้าไม่ได้เพราะจำทำให้grip หลังเบาไปครับ

รถบ้านๆ ที่เครื่องวางหน้า ขับล้อหลัง การกระจายน้ำหนัก 50:50 มันจึงเหมาะสม และปรีบการกระจายไปตามแบบรถครับ ถ้าใครโฆษณาว่ารถกระบะ กระจายน้ำหนัก50:50 ก็จะผิดสัดส่วนการขับขี่ผิดหลักการออกแบบที่ดีไปครับ

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,191
    • อีเมล์
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2020, 11:19:57 »
ใช้รถมาหลายแบบผมว่ารถที่กระจายน้ำหนัก 50:50 เป็นรถที่ขับสนุกและเป็นอะไรที่อยู่กลางๆที่สุดครับ ถ้าเอาไปวิ่งแทร็กจะสู้พวกรถเครื่องกลางลำหลังห้องโดยสารไม่ได้ในแง่ของการเปลี่ยนทิศทาง traction ออกจากโค้ง และการเบรค (รวมไปถึงการเบรคลึกเข้าโค้งหรือ trail braking) แต่ถ้าฝีมือขับไม่ได้สูงมากรถที่กระจาย 50:50 ขับง่ายกว่าและเดาอาการต่างๆรวมถึงแก้อาการได้ง่ายกว่า ส่วนรถที่น้ำหนักอยู่ด้านหน้าเยอะจะขับง่ายสุดแต่ก็เสียเปรียบเรื่องความสนุกเพราะรถจะหน้าดื้อ เบรคก็รับภาระหนักทำหน้าที่ได้ไม่สุด
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจูนมาของรถแต่ละรุ่นด้วยครับ อย่าง Nissan GT-R น้ำหนักหน้ารถเยอะแต่ก็ขับสนุกกว่ารถที่กระจายน้ำหนักดีกว่าได้หลายๆรุ่น
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ mothsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,552
Re: การกระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง 50:50 ดียังไงครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2020, 22:58:58 »
เท่าที่จำได้ BMW 116i ก็ 50:50 นะครับ