Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ ตุลาคม 22, 2023, 07:15:49
-
เดี๋ยวนี้เจอแต่คนpostด่าคนที่จอดแช่เวลาchargeไฟเสร็จ,พวกแกล้งเสียบหัวแต่ไม่charge, พวกจองแต่ไม่มา ฯลฯ มันคงจะเป็นหลายๆปัญหาในไทยที่เราไม่สามารถจัดการกับคนส่วนน้อยที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้ได้ โอกาสที่รถไฟฟ้าจะกินสัดส่วนการขายมากกว่านี้เป็นไปได้ยาก
-
-รถออกมาเยอะ จุดชาร์จเท่าเดิม
-ไม่มีกฎที่รัดกุม ไม่มีระบบที่สามารถตรวจสอบข้อมูลการชาร์จได้
เช่น ถ้าชาร์จเกินเวลาต้องเก็บเงินเพิ่ม จองไม่มาปรับ(เช็คจากเวลา)
ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากคนไทยไม่ค่อยมีวินัยเรื่องพวกนี้
จุดชาร์จจึงกลายเป็นที่จอด vip ทันที
ถ้าไม่อยากปวดหัวก็วางแผนการเดินทาง+ชาร์จที่บ้าน
-
ผมใช้งานมา2 ปีสบายกว่ารถน้ำมันอีกครับเหมือนมีน้ำมันเต็มถังทุกเช้า ไปเชี่ยงใหม่ชาจรอบเดียวจุดชาจเพียบ
-
ผมว่าไม่ถึงขนาดแป๊ก แต่ก็ไม่โตจนเกินรถนํ้ามันได้ คนอยู่คอนโด,หอ, อพาทเม้น จอดรถตามซอย ตามลาน มีเยอะมาก พอพ้นช่วงการชดเชยราคา เริ่มอิ่มตัวบวกกับญี่ปุ่นสู้ด้วยไฮบริดมากขึ้น ตลาดมันก็คงกลับมาปกติ
-
เอาอะไรมาพูด
รถไฟฟ้าเป็นรถของคนรุ่นใหม่
เป็นคนที่มีอารยะกันทั้งนั้น
พวกที่มีปัญหานั่น ต่อๆ ไป
ก็จะเป็นไปตามธรรมชาติคัดสรรกันเองครับ
-
เค้าก็ขยายออกไป ไม่ได้หยุดนิ่ง ใครเป็นคนกำหนดสมมุติฐานให้ว่าหัวชาจน์มันต้องเท่าเดิมตลอดเวลา แต่รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
-
รถไฟฟ้าแต่ไม่ค่อยเปิดไฟเลี้ยว
บอกวินัยคนใช้ได้พอสมควร
เรื่องแย่งที่ชาร์ทไฟ จอดแบบไม่ชาร์ท ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
-
มันคือวินัยในการใช้รถไฟฟ้า ไม่ใช่ว่ารถไฟฟ้าจะแป็ก
-
ไม่มีทางแป้กครับ
ช่วงแรก ไทยแลนด์แดนเมืองยิ้ม ยังต้องปรับตัว และทำตัวให้มีวินัยมากกว่านี้ (อาจจะได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่)
แต่สุดท้าย ต้องปรับตัวให้ได้ตามสมัยนิยมครับ
-
ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ถ้าสุดท้ายแล้วโลกเลือกจะไปทางนี้ ฝั่งญี่ปุ่นจะดื้อรั้นต่อไปก็ไม่ได้หรอก ผมขอบคุณจีนอย่างเดียวคือ ช่วยกระตุ้นฝั่งญี่ปุ่นให้ร้อนตัวซะบ้าง
-
ตัวรถผมว่าไม่แป้กหรอก ถ้าชาจที่บ้านเป็นอะไรที่สะดวกมาก
แต่เดินทางไกลก็ยังมีข้อจำกัดที่ชาจอยู่ดี
-
คหสต. EV ไม่เหมาะสำหรับรถคันเดียวของบ้าน
ซื้อมาใช้งานขับในเมืองวันละไม่เกิน 100KM
เน้นชาร์จที่บ้าน ยังไงก็คุ้มค่า ผมลองเทียบกับน้ำมันแล้วเซฟค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ
ส่วนวิ่งทางไกล ตจว. หารถดีเซลวิ่งเอา
-
ผมใช้งานมา2 ปีสบายกว่ารถน้ำมันอีกครับเหมือนมีน้ำมันเต็มถังทุกเช้า ไปเชี่ยงใหม่ชาจรอบเดียวจุดชาจเพียบ
ถ้าใช้ไป 9 ปี แบตเตอรี่หมดสภาพ ทำยังไงครับ
-
ถ้าอยากรู้ว่า รถ EV มันดีหรือไม่ดี แนะนำเข้าไปอยู่ในกลุ่ม EV club thailand หรือ Tesla model Y owner ก็จะเห็นครับว่า มันน่าใช้ไหม
บางคนก็มาเล่าความลำบากในการเดินทางไกล ที่เวลาไปชาร์จแล้ว ต้องรอคิวคนที่จองมาก่อนเป็น ชั่วโมง บางเคสจองแล้วไม่มา คนมาถึงก่อนก็รอไป หรือ ที่ชาร์จในห้างที่รถแพงๆไปจอดแช่แต่ไม่ชาร์จ จนเป็นค่านิยมกันว่า ถ้าจอดแล้วไม่ชาร์จ จะมีคนไปเสียบสายให้ (เพราะมันคิดเงินค่าจอด)
ดังนั้น ตัดสินใจกันได้เอง การใช้งานบางคนต่างกัน ถูกจริตตัวเองก็ซื้อใช้ แต่ถ้าเสพข้อมูลจากผู้ใช้จริงแล้วมันไม่ใช่เรา ก็ศึกษาต่อไปก่อน
ผมอยู่ในกลุ่มนี้ทั้ง 2กลุ่มนะ คนพอใจก็โพสแสดงความ happy ส่วนคนเจอปัญหา ก็โพสระบาย มันมีทุกวัน
ส่วนค่าพลังงาน เห็นคำนวนกันให้ดูเยอะแยะ คุ้มไม่คุ้ม ก็ตัดสินใจกันเอา
-
ด้วยเหตุผลนี้แหละผมเลยยังกังวลการใช้รถไฟฟ้าอยู่
ถ้าซื้อมาใช้ผมคงเน้นชาร์จที่บ้านอย่างเดียว และพยายามไม่ชาร์จตู้สาธารณะเพราะรำคาญพวกคนงี่เง่าแบบนี้
จะชาร์จข้างนอกก็เฉพาะตอนเดินทางไกล และมันจำเป็นต้องชาร์จจริงๆเท่านั้น
-
ถ้าผมซื้อผมว่าผมชาร์จที่บ้านเกิน90%ครับ เพราะยังมีรถน้ำมันคันอื่นไว้ออกต่างจังหวัดอยู่ อาจจะมีเอาออกต่างจังหวัดไม่ไกลบ้างแบบที่พักมีจุดชาร์จ
คือตั้งใจว่าจะใข้แบบมือถือครับ ชาร์จก่อนนอนทุกวัน ตอนนี้ก็ดูๆไว้แต่อยากได้ทางเลือกเพิ่ม ไม่อยากซื้อรถจีน
ส่วนจุดชาร์จอีกหน่อยเค้าก็ปรับตัวกันเองครับ ให้บริการไม่ได้เค้าก็ขาดรายได้ อย่างของteslaก็เห็นว่าถ้าเอารถออกช้ามีค่าปรับแล้ว
-
ผมใช้งานมา2 ปีสบายกว่ารถน้ำมันอีกครับเหมือนมีน้ำมันเต็มถังทุกเช้า ไปเชี่ยงใหม่ชาจรอบเดียวจุดชาจเพียบ
ถ้าใช้ไป 9 ปี แบตเตอรี่หมดสภาพ ทำยังไงครับ
เท่าที่ผมคุยกับคนซื้อรถไฟฟ้าเขาคิดง่ายๆครับว่าประหยัดค่าน้ำมันกิโลละกี่บาท และราคาแบตลูกละกี่แสน ต้องวิ่งกี่แสนโลถึงจะคุ้ม ถ้ารับได้เขาจะซื้อเลย เราเลยเจอแต่พวก Heavy User หันมาใช้รถไฟฟ้า
-
มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ละคนต่างก็คาดเดากันไป มันอาจจะมาหรือไม่มาก็ได้ ตราบใดที่ยังแก้ปัญหาการชาร์จที่ยังใช้เวลานานไม่ได้ มันก็ไม่สะดวกที่จะใช้งานนัก นี่คือข้อเท็จจริง แต่ถ้าจะบอกว่าให้คนใช้ปรับตัวตามรถไฟฟ้าอันนี้ผมว่าคือการหาเหตุผลให้ตัวเองมากกว่า ผมมีคำพูดนึงที่เป็นจริงที่สุด "คนที่บอกว่าตนเองรู้อนาคต คือคนโกหก"
-
ไม่น่าแป็กครับ เรื่องที่ชาร์จผมเริ่มเห็นหลายที่มีสถานีที่ชาร์จทั้งแบบ AC DC ตลาดนัดใหญ่ๆแถวบ้านผมยังมีที่ให้ชาร์จเลย ส่วนนิสัยคนมักง่ายต่อให้ขี่มอเตอร์ไซค์หรือรถธรรมดาหรือรถไฟฟ้าไปจอดที่คนพิการก็มี เดี๋ยวนี้ก็น้อยลงเพราะโดนด่ากัน
เรื่องรถ ผมว่ามันขายได้เยอะจนน่าตกใจมากกว่า ตัวผมเองอายุ 41 ยังมองว่าดูวุ่นวายยุ่งยากทั้งการเดินระบบไฟภายในบ้านชาร์จนอกบ้านแต่ละที่ใช้แอพไม่เหมือนกันอีก แต่พอลองศึกษาอย่างจริงจังมันก็ไม่ยากขนาดนั้น ส่วนตัวผมจอง seal ตัวกลางตั้งแต่ต้นเดือนยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รถภายในเดือนนี้เลย
-
ถ้ายังมีประเด็นเรื่องระยะเวลาชาร์จ(นาน) กับราคาของรถยนต์ EV ส่วนใหญ่ยัง 1 ล้านบาท + - หรือ 1.5ล้านบาท ++ ยอดขายมันก็คงเติบโตไปเรื่อย ๆ ในแบบปัจจุบัน
-
มาใหม่ๆ ก็วุ่นวายแบบนี้แหละครับ ถ้าระบบจัดการดี มันก็จะค่อยๆ ดีขึ้นครับ จากปั้มนึงมี 2 หัว dc อาจจะเพิ่มอีกตู้เป็น 4 ก็ได้
ถ้า demand มา เดี๋ยว supply ก็เพิ่มเองครับ
-
แค่มีคนโพสก็แป้กละหรอ 5555555555555555
โอยยยย ผมใช้มาปีที่ 2 แล้วก็มีบ้างนะที่บอก แต่น้อยครับ ไม่ใช่ว่าเห็นโพสเยอะแล้วก็มโนไปเอง
-
ไม่เห็นต้องไปแซะ หรือไปแช่ง หรือไปใส่อารมณ์กับสิ่งที่เราไม่ชอบเลยครับ ความต้องการใช้รถแต่ละคนไม่เหมือนกัน รถแต่ละคันมันก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป สุดท้ายก็แค่เลือกให้เหมาะกับการใช้งานก็จบ
ส่วนเรื่องจุดชาร์จไม่ต้องห่วง ถ้า demand มันมี เดี่ยว supply มันก็ตามมาเอง ก็เหมือนกับสมัย ngv lpg บูมๆ ช่วงแรกๆ จอดรอคิวกัน 20-30 นาที ก็มีมาแล้ว สุดท้ายปั้มมันก็ขึ้นบนดอกเห็ด จนบางบริษัทสามารถเอาตัวเอง listed ได้
-
ช่วงนี้ยังคงดึงดูดมาใข้ครับ
ธุรกิจก็คือธุรกิจ ค่าตู้คืนทุนเท่าไหร่
ถ้าค่าไฟเยอะกว่านี้สามเท่า เป็น 0.5>1.5
ราคาต่อกิโลเมตร แพงกว่านี้
ตอนนนี้ก็ปล่อยให้ อีวี หลอกให้คุณสบายไปก่อน(เปิดแอร์รอในรถ ดูเน็ตฟลิกในรถ บลาๆบลาๆ)
พอคุณติดใจแพงกว่าเบนซินเท่าไหร่ก็พร้อมจ่าย อิอิ
-
ช่วงนี้ยังคงดึงดูดมาใข้ครับ
ธุรกิจก็คือธุรกิจ ค่าตู้คืนทุนเท่าไหร่
ถ้าค่าไฟเยอะกว่านี้สามเท่า เป็น 0.5>1.5
ราคาต่อกิโลเมตร แพงกว่านี้
ตอนนนี้ก็ปล่อยให้ อีวี หลอกให้คุณสบายไปก่อน(เปิดแอร์รอในรถ ดูเน็ตฟลิกในรถ บลาๆบลาๆ)
พอคุณติดใจแพงกว่าเบนซินเท่าไหร่ก็พร้อมจ่าย อิอิ
ค่าไฟทุกบ้าน โรงงาน ห้างสรรพสินค้า ก็ขึ้น 3 เท่า หมดครับ
-
ผมใช้งานมา2 ปีสบายกว่ารถน้ำมันอีกครับเหมือนมีน้ำมันเต็มถังทุกเช้า ไปเชี่ยงใหม่ชาจรอบเดียวจุดชาจเพียบ
ถ้าใช้ไป 9 ปี แบตเตอรี่หมดสภาพ ทำยังไงครับ
ต่างประเทศมี Tesla ใช้ถึง 10 ปีแล้วมารีวิวกัน แบตเสื่อมไปไม่เยอะอย่างที่คิด ลองหา review ดูบ้างนะครับ
-
ขอเซฟกระทู้ไว้ อีก 5 ปีกลับมาอ่าน น่าจะฮาอยู่
;D ;D
-
ผมใช้งานมา2 ปีสบายกว่ารถน้ำมันอีกครับเหมือนมีน้ำมันเต็มถังทุกเช้า ไปเชี่ยงใหม่ชาจรอบเดียวจุดชาจเพียบ
ถ้าใช้ไป 9 ปี แบตเตอรี่หมดสภาพ ทำยังไงครับ
9 ปี แบตเตอรรี่หมดสภาพ เอามาจากไหน ?
เมืองนอกเทสล่าวิ่งเกิน 10 ปีเยอะแยะ ไม่เห็นจะหมดสภาพเลย
ขนาดเป็นเทคโนโลยีเจนเก่าด้วยนะ
-
ช่วงนี้ยังคงดึงดูดมาใข้ครับ
ธุรกิจก็คือธุรกิจ ค่าตู้คืนทุนเท่าไหร่
ถ้าค่าไฟเยอะกว่านี้สามเท่า เป็น 0.5>1.5
ราคาต่อกิโลเมตร แพงกว่านี้
ตอนนนี้ก็ปล่อยให้ อีวี หลอกให้คุณสบายไปก่อน(เปิดแอร์รอในรถ ดูเน็ตฟลิกในรถ บลาๆบลาๆ)
พอคุณติดใจแพงกว่าเบนซินเท่าไหร่ก็พร้อมจ่าย อิอิ
ไฟฟ้าแพง ติดโซล่าผลิตไฟเองได้ แต่น้ำมันแพง กลั่นเองที่บ้านได้ไหมครับ ?
อิอิ ;D ;D
-
การเดินทางไกลๆ หรือพวกคนอยู่คอนโด เลี่ยงไม่ใด้ที่ต้องชารจ์ร่วมกับคนอื่น
ที่เรารอกันจริงๆ อาจเป็นรถที่วิ่งใด้ระดับ 600km++ ช่วยลดความหนาแน่น ในที่ชาร์จสาธารณะ
สรุปจริงๆ คือรถไฟฟ้าตอนนี้หมาะกับคนมีบ้าน ชาร์จเองใด้ รอบการใช้รถพึ่งพาที่ชาร์จนอกบ้าน นานๆครั้ง
-
ชลบุรี-ระยอง รถ EV วิ่งกันเกลื่อนเมือง
-
Tesla number 1 8) 8)
-
วิ่งชานเมืองวันละ100-200 กิโล กลับบ้านแล้วชาร์จ คุ้มสุดๆละครับ
แต่ถ้าวิ่งในเมืองแบบผม วันละ 20-30 กม. อีกนานกว่าจะใช้ EV
::)
-
ตราบใดที่ยังมี FTA ทำให้ราคารถมันน่าสนใจกว่ารถที่ต้องโดนภาษีเต็มๆมันก็ขายได้เรื่อยๆครับ
ถ้าไม่มี FTA ขายในราคาแพงกว่ารถตลาดทั่วไป ผมอาจไม่สนใจ เพราะกว่าจะคุ้มค่ามันนาน
หลักๆที่ชอบคือ ขนาดกับราคาที่ทำได้ใกล้เคียงหรือดีกว่า รถน้ำมันทั่วๆไป กับค่าเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับรถน้ำมัน
ราคาน้ำมันอาจเปนปัจจัยที่ควบควมคุมยากเพราะมีการนำเข้า เก็บภาษี เก็บกองทุน นู้นนี้นั้นเยอะไปหมด
แต่ไฟฟ้า อย่างน้อยๆเราผลิตเองในประเทศได้บ้าง แถมภาพครัวเรือนยังใช้ solar ช่วยได้ เราการปรับขึ้นค่าไฟอาจยากกว่าปรับค่าน้ำมันครับ
เรื่องที่จอด ที่ชาร์จไม่ได้หวังเพิ่งที่ชาร์จข้างนอกเท่าไหร่ คงเสียบที่บ้านตลอด
แต่คนที่เพิ่งที่ชาร์จข้างนอกตลอดอาจกังวลเรื่องนี้ไม่แปลกครับ
สรุปในความคิดของผม EV คงอยู๋ไปอีกยาวๆครับ น่าจะยาวกว่า ngv/lpg ด้วยมันเป็น trend ระดับโลกด้วย
ยังไงตัวรถเองคงขายได้ด้วยตัวมันเองเรื่อยๆ แถมยังมีเรื่องสมรรถณะมาเสริมอีก
รถส่วนบุคคล ICE NA น่าจะชายยากขึ้น คงต้องพยายามใส่ turbo / hybrid เผื่อให้ตัวรถมันน่าสนใจมากขึ้นแล้วดึงคนที่ยังไม่พร้อมหรือไม่ชอบ ev เอาไว้
Toyota / Honda ไม่น่าตาย แต่ Mitsubishi / Nissan / Mazda เหนื่อยแน่ๆ
-
เค้าก็ขยายออกไป ไม่ได้หยุดนิ่ง ใครเป็นคนกำหนดสมมุติฐานให้ว่าหัวชาจน์มันต้องเท่าเดิมตลอดเวลา แต่รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ผมว่าคนที่ไม่ได้ใช้รถไฟฟ้าครับ คิดเอาเอง
-
ในห้างเห็นจอดกันที่จุดชาร์จ แต่ไม่เห็นชาร์จกันอยู่หลายคันนะครับ :P :P :P :P :P :P
-
การที่ทั้งจขกทและหัวข้อกระทู้แบบนี้รอดมาได้นานขนาดนี้
บ่งบอกได้แล้วแหละว่าเวปนี้ไม่ได้มีคนดูแลอีกแล้ว พูดกันตามตรง ถ้าเป็นสมัยก่อนเนี่ย ไอดีบินไปหลายรอบแล้ว
-
ตอนนี้ อารมณ์เหมือนตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญสมัยก่อน ยืนรอคิวเพื่อที่จะโทร ใครโทรนาน ก็เจอโดนบ่น ............... แต่เชื่อว่าไม่นาน ไอ้พวกจุดชาร์ทพวกนี้ จะกลายเป็นแค่ กองขยะ ( รวมทั้งรถที่ออกมาช่วงนี้ด้วย ที่ต้องเตรียมหาสุสานเอาไปจอดทิ้ง ) เพราะเทคโนโลยีแต่ละปี เกี่ยวกับ แบต ev และระบบชาร์ท มันจะพัฒนาแบบก้าวกระโดด จนในที่สุด รถev จะชาร์ทไว วิ่งไกล 3-4วัน ต่อเนื่องก็ไม่หมด ทุกคนชาร์ทที่บ้าน 15 นาทีเต็ม
ใครกระโดดเข้ามาธุรกิจ ev เวลานี้ ถ้าสายป่านไม่ยาวพอ โอกาสเจ๊งมีสูง
-
ตอนนี้ อารมณ์เหมือนตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญสมัยก่อน ยืนรอคิวเพื่อที่จะโทร ใครโทรนาน ก็เจอโดนบ่น ............... แต่เชื่อว่าไม่นาน ไอ้พวกจุดชาร์ทพวกนี้ จะกลายเป็นแค่ กองขยะ ( รวมทั้งรถที่ออกมาช่วงนี้ด้วย ที่ต้องเตรียมหาสุสานเอาไปจอดทิ้ง ) เพราะเทคโนโลยีแต่ละปี เกี่ยวกับ แบต ev และระบบชาร์ท มันจะพัฒนาแบบก้าวกระโดด จนในที่สุด รถev จะชาร์ทไว วิ่งไกล 3-4วัน ต่อเนื่องก็ไม่หมด ทุกคนชาร์ทที่บ้าน 15 นาทีเต็ม
ใครกระโดดเข้ามาธุรกิจ ev เวลานี้ ถ้าสายป่านไม่ยาวพอ โอกาสเจ๊งมีสูง
อันนี้ต้องขอเข้ามาเพื่อแชร์ในส่วนที่ตัวเองเข้าใจนะครับ
ชาร์จบ้านไม่มีทางแน่นอนที่จะ 15 นาทีเต็ม
ต้องแยกกันก่อนระหว่าง
1 แบตเตอรี่รับไฟ ac ได้สูง แต่ไฟบ้านวงจรไม่สามารถจ่ายได้สูงพอแน่ๆ
ตอนนี้ขีดจำกัดค่าเฉลี่ยของบ้านที่พอมีฐานะก็อยู่ที่ 3 เฟส 11 kWh
ดังนั้นแบต 60 กิโลวัตต์ก็ประมาณ 5-6 ชั่วโมง
2 แบตเตอรี่รับไฟ DC ได้สูง แต่เครื่องจ่ายตอนนี้เฉลี่ยประมาณ 100 kWh
ก็จะประมาณครึ่งชั่วโมงที่ 0 ถึง 80% อยู่ดีครับ
ที่ยกมาคือต่อให้แบตเตอรี่รับไฟได้สูงเท่าไหร่แต่เครื่องจ่ายที่ใช้งานทั้งไฟบ้านและไฟปั๊มก็ยังมีขีดจำกัดอยู่อีกมาก
ดังนั้นผมว่าอีกเป็น 10 ปีเลยถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของ generation เครื่องจ่ายไฟครับ
ก็อย่าเพิ่งกังวลหรือยินดีที่ generation แบตจะเปลี่ยนไป เพราะยังมีขีดจำกัดอยู่อีกพอสมควรในการใช้จริง :-\
-
ได้ฟิลแบบ
จะมาขี่เกวียนติดเครื่องยนต์กันทำไม มีทั้งควันเหม็น แถมต้องเสียตังเติมน้ำมันอีก
ขี่ม้ากันดีกว่าคับ มันเหนื่อยก็หยุดพักให้มันเล็มหญ้าข้างทาง กินน้ำหน่อย ก็ไปต่อได้ ไม่เสียเงินเต็มน้ำมัน ไม่ต้องมีควันเหม็น ไม่ต้องเสียค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วยนะเอ้อ
-
การที่ทั้งจขกทและหัวข้อกระทู้แบบนี้รอดมาได้นานขนาดนี้
บ่งบอกได้แล้วแหละว่าเวปนี้ไม่ได้มีคนดูแลอีกแล้ว พูดกันตามตรง ถ้าเป็นสมัยก่อนเนี่ย ไอดีบินไปหลายรอบแล้ว
มองอีกมุมคือดราม่าเยอะ engagement ก็เยอะตาม ::)
-
เดี๊ยวหมดโปรจากภาครัฐก็นั่งมองหน้ากันแล้ว ครับ
ปัจจัยที่จะโตไม่โต คือผู้บริโภคครับ ถ้าปัญหาเยอะมันก็จะเป็นเหตุผลหนึ่งที่คนไม่เลือกใช้
ถ้าตั้งใจฟัง นายกพูดดีๆ ว่าเราติดหนี้บุญคุณญี่ปุ่น ก็พอจะเดาออกว่า อนาคตจะออกมาแบบไหน
ถ้าอย่างนั้นสะดวกใช้แบบไหนก็ใช้ไปครับ ลักษณะนิสัยคนไม่เหมือนกัน รถก็เช่นกัน เค้าขายคนที่อยากซื้อครับ เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ
ธุรกิจเค้า ไม่ต้องอวยเกินไปหรือด่าเค้าเกินไป เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองครับ ในอนาคตจะมีทั้งคนทายผิดทายถูกครับ แต่สำหรับผม
รถ EV จะยังไม่ได้มาเปรี้ยงปร้างภายใน 10 ปีนี้แน่นอน เพราะ ถ้า EV บูมสุดๆ ถ้าเป็นแบบนั้น ราคาน้ำมันมันจะถูกลงอัตโนมัติทันที คนก็จะสลับมาใช้รถน้ำมันเหมือนเดิม เพราะสะดวกและใช้เวลาไม่นาน มันจะมีหลายธุรกิจที่มานั่งรอชาร์จไม่ได้
ถ้าพี่ To ทำสำเร็จ ชาร์จ 1 ครั้ง 10 นาทีวิ่งได้ไกล 1000 กิโล ผมจะซื้อทันที
-
https://www.springnews.co.th/digital-tech/auto/844474?fbclid=IwAR0V51ivGClew3GoxLiKAGqNka_06K951PudwRmMwJMsIBd3luF9L8SEliM
-
ผมกลับคิดว่าคนที่ใช้รถไฟฟ้า(ส่วนใหญ่) มีบ้าน และสามารถชาร์จที่บ้านอยู่แล้ว
การวางแผนการเดินทาง ก็ไม่น่าจะยากอะไร ยิ่งใช้ใน กทม นี่ยากมากนะ กว่าแบตมันจะหมด
เพราะแบตเต็มก็ขับได้เป็นร้อยโล จึงสงสัยว่ารถที่ชาร์จตามห้าง(น่าจะ)มาเอาที่จอดมากกว่า
อารมณ์ประมาณว่าแบตเหลือ 70% ก็ชาร์จ แลกกับที่จอด ชาร์จเต็มแล้วก็ไม่มาเอา เพราะมัวแต่ช็อปอยู่
-
จะเหนื่อยและวุ่นวายตรงจุดบริการ หัวชาร์จ ตามสถานที่ต่างๆ นี้แหละ
รถไฟฟ้า เหมาะคนมีบ้าน และ วิ่งในเมืองและใกล้ๆ มากกว่า ครับ
-
เป็นหนึ่งในปัจจัยเล็กๆเท่านั้นครับ
ในอนาคต infrastructure สำหรับการชาร์จจะมีทั่วไปหมด
ปัจจุบันเห็นได้ตามทั่วไป พี่ใหญ่อย่าง กฟxx ก็สร้างแข่งกับเอกชนหลายแห่งครับ
คำว่าแป็ก ต้องดูอีกหลายปัจจัยหลักๆ และดูกันยาวๆครับ
-
ใช้มาจะ 7 หมื่นโล สำหรับ EV
ส่วนตัว ถ้าขับในเมืองนี่ตอบโจทย์ขีวิตมากๆ
จากค่าน้ำมันเตือนละ 18000 ไม่รวมค่าไฟ วิ่งเดือนละ 5-6000km
พอใช้รถไฟฟ้า ใช้ มิเตอร์ tou + solarrooftop
เหลือค่าไฟ รวมค่าไฟแอร์ที่บ้านแล้ว เดือนล่าสุด 2300 บาท
สะดวกมากที่แบบไม่ต้องแวะเติมน้ำมันทุก 2 วัน น่าเบื่อสุดๆ อยู่บ้าน เสียบชาร์จ ปล่อยไว้ ออกบ้าน เอาที่ชาร์จออก ขับไปเลย
แต่ ถ้าออก ตจว นี่ ต้อง วางแผนดีๆ เพราะหัวชาร์จเกิดไม่ทันรถไฟฟ้าแล้ว