Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ มกราคม 21, 2017, 22:30:48
-
จากนโยบายของทรัม ผมอยากทราบความเห็นจากเพื่อนๆ ครับ
ว่าคิดอย่างไรกัน
ผมกระทบต่ออุตสาหกรรม รถยนต์ของโลก และบ้านเราจะเป็นอย่างไรในความคิดของทุกท่านครับ
-
ผมว่ามีผลกระทบ Supply Chain เยอะแต่ตอนนี้ ดีเทลหลายๆอันยังไม่ออกเช่นทรัมเคยมีจะยกเลิก NAFTA ซึ่ง NAFTA เป็นดีลสำคัญมากๆ ที่ทำให้ค่ายรถยนต์ในเมกาหนีไปตั้งโรงงานที่เม็กซิโกหรือแคนาดา หรือค่ายญี่ปุ่นเองก็ไม่ตั้งโรงงานเช่นกัน ถ้าทรัมป์ยกเลิกเมกากับเม็กซิโกเวลาจะนำเข้าชิ้นส่วนก็จะเสียภาษีมากขึ้น Supplier ในเม็กซิโกก็จะลำบากอาจจะแข็งกับ Supplier ในเมกาไม่ได้
ในกรณีของไทยต้องดูชิ้นส่วนใดผลิตไทยบ้างและชิ้นส่วนนั้นไปอยู่ในรถที่นำเข้าเมการึป่าว
จริงดีลสำคัญเลยที่จะทำให้วงการ Supply Chain ของ บ รถยนต์เปลี่ยนคือ TPP ซึ่งทรัมป์แนวโน้มตอนนี้จะไม่เข้าครับ
-
ตามหลัก Trump น่าจะปล่อย TPP ให้ชัดเจนก่อน แล้วมาเล่น NAFTA โดยเฉพาะประเด็นอะไรๆ ก็หลั่งไหลไปเม็กซิโกหมด
มีความเป็นไปได้ว่า Trump จะเปลี่ยนไปทำ Bilateral กับประเทศที่ประสงค์เข้า TPP หรือมีแนวโน้มพิจารณา TPP อื่นๆ จะได้ไม่ต้องไล่ข้อกำหนดทางการค้าให้ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็ไม่แน่ เพราะจีนจ้องอยู่ มีสองทางคือ ปล่อยเขา (12 ประเทศ) เสร็จเรียบร้อยแล้วโดดใส่ หรือ Trump ตะกุกตะกักแล้วจีนชิงซีนวิ่งไป RCEP ก่อน...
ซึ่งนิสัยแบบ Trump ไม่น่าจะปล่อยโอกาสในมือให้หลุดครับ ดังนั้นจึงหันมาฮึ่มๆ รอบบ้านแทน ส่งสัญญาณทั้งเรื่องกำแพงเอย อะไรเอย ว่า อย่ามาแหยม ข้าจะทวงคืนผลประโยชน์ของข้า (และบางทีอาจจะเป็นเครือข่ายธุรกิจของข้า ฮ่าๆ) กลับมาแล้วนะเว้ย คอยดูข้าไว้ให้ดี ฯลฯ
อย่างไรก็ดี ผมมองว่า ถึง US แหก NAFTA ออกมาด้วยประเด็นหมั่นไส้พี่จังโก้มานาน แต่รถ US เอง นอกจากไปอเมริกาใต้ ในสายตาผมผมก็มองว่ามัน "งั้นๆ" ในตลาดอื่น ไม่ได้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตัวรถ US เองมากนัก จะมีก็แต่พวกที่หวังจะส่งไปสหรัฐฯ มากกว่าที่จะโดนกำแพงหนาขึ้นครับ
-
นโยบาลทรัมป์ยังไม่น่าห่วงเท่า tesla และรถไฟฟ้ายี่ห้อต่างๆ รวมถึงแบตเตอรี่ยุคใหม่ของ samsung sdi ที่ออกมาโฆษณาว่าชาร์จได้เร็วมากๆ
Samsung SDI พัฒนาแบตเตอรี่ รองรับรถไฟฟ้า EV ระยะทางวิ่งสูงสุด 600 km. ชาร์จด่วนได้ภายใน 20 นาที
http://www.headlightmag.com/samsung-sdi-reveal-next-gen-battery
ถ้ารีบสร้างโรงงานเพิ่มและผลิตในจำนวนมาก รถไฟฟ้าก็เกิดได้เร็วขึ้น กระแสรถใช้น้ำมันต้านรถไฟฟ้าไม่อยู่แน่นอน EV แรงกว่า , ชาร์จเร็วใน20นาที , ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรถูกกว่า , มีสถานีชาร์จเร็วกระจายทั่วประเทศ , ยิ่งถ้าจบด้วยราคาขายไม่เกินล้าน รถใช้น้ำมันและ sub ตายกันเป็นแถบๆแน่นอนครับ
ปล. ตอนนี้สถานีชาร์จไฟ ปตท เริ่มนำร่องติดตั้งไปบ้างแล้ว ใครจะชาร์จต้องลงทะเบียนก่อน รถที่ใช้ได้ก็มีพวก benz , bmw , prius phev(import) และรถรุ่นอื่นๆที่ใช้หัวชาร์จเหมือนกัน
-
ดูเชิงลุงทรัมป์ก่อนครับ ว่าแกจะทำอย่างที่พูดอย่างไว หรือ ค่อยๆ ทำ
-
น่าติดตามนะครับ
การเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่ามีทั้งคนได้ และคนเสีย
-
ทรัมพ รอดูสุภาพสตรีหมายเลข1 เธอว่ายังไง
-
ถ้าคนแบบ Trump ตั้งเป้ามาขนาดนี้ น่าจะชัวร์ว่า อะไรที่นำเงินมา
เข้าสหรัฐได้ แกทำหมดครับ และไม่สนใจข้อผูกมัดใดๆ ยกเว้นมันดิ้นไม่ได้จริงๆ
ต้องดูว่าแกจะดึงการลงทุนกลับไปสหรัฐได้ขนาดไหน รถต้องผลิตในอเมริกาเท่านั้น
ถึงจะเสียภาษีต่ำ ตอนนี้ใครส่งรถไปขายในอเมริกาเยอะๆ อาจจะกระทบ Trump คงคิดว่า
ไม่มีอะไรที่อเมริกาจะเสียเปรียบจีน ถ้าจีนไม่โกงเรื่องค่าเงิน ก็คงจะพยายามแก้ตรงนี้ด้วย
ตอนนี้ที่จีนรวย เพราะการผลิตทุกอย่างมันไปที่จีนหมด Trump ก็ต้องตั้งเป้าทำให้ได้บ้าง
ถ้าทำให้ทุกๆ บริษัทของอเมริกากลับมาลงทุนในบ้านพร้อมๆ กันได้ ก็คงสร้างแรงกระตุ้น
เศรษฐกิจได้อยู่ ทั้งหมดผมว่าถ้าเป็นมือนักการเมืองทั่วๆไปคงทำไม่ได้ แต่ Trump
แกจะทำให้ได้ ผมรู้สึกอารมณ์ประมาณเสี่ยชูวิทย์ได้ขึ้นมาเป็นนายก และเทกระจาดเปลี่ยน
ผู้บริหารราชการทั้งหมดให้กลายเป็นผู้บริหารจากภาคเอกชน
ถัดมาเรื่องนโยบายดอกเบี้ยกับภาษี เราไม่รู้ว่าเขาจะมาสูตรไหน แต่น่าจะมีอะไรใหม่ๆ
ไม่งั้นมันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ Obama แก change แต่แกเป็นนักการเมือง มันทำได้ไม่เต็มที่
ถ้าถามว่าผลกระทบทั่วโลกจะเกิดอะไรขึ้นในวงการรถยนต์ ผมว่าเขาเน้นที่คนของเขานะ
ถ้าดึงการลงทุนจาก Ford, Chev กลับไปได้ คือคนก็จะมีอาชีพ มีเงิน เขาไม่ได้แคร์ว่า
Ford , Chev จะทำกำไรจากต่างแดนขนเงินกลับประเทศ รัฐจะได้ภาษีเยอะๆ แต่เขาแคร์
คนนะ ดังนั้นเขาไม่น่าจะมองเรื่องอื่นนอกจากดึง บริษัท โรงงาน supplier ไปลงทุนที่นั้นเยอะๆ
ถ้าคนรวยขึ้น ภาษีจะกลับมาที่รัฐเอง ซึ่งประเทศรวยแบบอเมริกาทำได้
จุดที่จับตามองให้ดูเรื่องนโยบายภาคการเงินครับ มันจะเฉลยแผนของ Trump ได้เยอะเลย
-
ผมว่า logistic cost บ้านเรา sea aus v us zone มันสูงเกินไป น่าจะมีผลน้อยมาก รึไม่ก็ไม่มีเลย
-
ถ้าเป็นสินค้าที่ขายในสหรัฐ ก็ไม่เกี่ยวกับเรา
แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ขายนอกสหรัฐ หรือขายโกบอล
ถ้าต้นทุนสูงเกิน ก็สู้กับคนอื่นไม่ได้
ผมมองว่าทรัมพ์คงไม่ไปยุ่งกับสินค้าพวกนี้ครับ
รถยนต์ก็เหมือนกัน ถ้าเป็นรุ่นที่ขายนอกสหรัฐก็คงปล่อยตามเดิม ไม่งั้น(น่าจะ)สู้ด้านราคาไม่ได้