สวัสดีครับเพื่อนๆ
เป็นธรรมดาของคนบ้ารถ บ้าเครื่อง ใช่มั้ยครับที่แทบจะทุกครั้งที่รถรุ่นไหนเปิดตัว แล้วมีติด Turbo มาจากโรงงาน บวกกับตัวเลขแรงม้าขึ้นไปแตะถึงระดับ 190 (PS) จะดึงดูดความสนใจพวกเราได้ ไม่มากก็น้อยล่ะ
ยอมรับว่า ผมสนใจ Pulsar ตัวนี้มาตั้งแต่ประมาณปี 2012 ที่เปิดตัวที่ออสเตรเลียแล้ว ยังจำได้เลยในวันเปิดตัว ที่ออสเตรเลียจะเปิดตัว Sedan ก่อน ผมก็เฝ้ารอแล้วรออีก จะมีเครื่อง Turbo MR16DDT กับเขามั้ย ก็ ไม่มีครับ ในช่วงแรก
จวบจนมาเปิดตัวที่บ้านเรา ก็เปิด Sedan ก่อนเหมือนกันคือ sylphy แล้วค่อยเปิดตัว Hatchback ตามออกมา แต่ก็เหมือนเดิม ไร้เงาตัว Turbo อีกตามเคย (ตอนรอนี่มันทรมานเนอะ)
จนผมได้มาอ่านสรุปรถใหม่ ปี 2014 ของเว็บนี้แหละครับ ว่า Pulsar Turbo จะมาเปิดตัวในบ้านเรา ช่วงมอเตอร์โชว์ มีนาคม 2014 นี่ ผมดีใจมาก และเมื่อดูข้อมูล อะไรต่ออะไรแล้ว ก็ตอบโจทย์ผมทุกอย่าง มี VDC TCS airbags หน้า ข้าง และม่าน ครบ เอาล่ะ ผมตั้งโจทย์ไว้ในใจแล้วว่า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราจะซื้อมันมาขับ 1 คัน
Fast Forward ไปที่สนามทดสอบรถที่ impact เมืองทองธานีครับ
ใช่แล้ว สนามนี้มันเล็ก ให้ขับสลาลม และเร่งได้อย่างมากก็ไม่เกิน 80 เพราะสุดทางซะก่อน แต่ก็ ยังดีกว่าเราไปตัดสินใจเซ็นใบจองโดยไม่ได้ลองอะไรเลย จริงมั้ยครับ
แว็บแรกที่เข้าไปในรถ ลองนั่ง ก็รู้สึกกว้างดี ไม่อึดอัด แอร์ เย็นเร็วใช้ได้ ท่ามกลางแดดเปรี้ยงขนาดนี้
เข้าไปนั่ง ปรับเบาะ ปรับพวงมาลัย ปรับกระจกเรียบร้อย ก็ออกรถ ความรู้สึกแรกคือ พวงมาลัย เบามากๆถ้าผมจะบอกว่า มันเบากว่า Vios ตัวปี 07-13 นี่ จะเชื่อกันมั้ยครับ (จริงๆนะ)
เลยสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำรถ ซึ่งก็ยืนยันว่า เติมลมยางตาม Spec รถครับ (จุดนี้ผมขอแปะไว้ก่อนครับ เรื่องลมยาง ถ้ามีท่านใดมีโอกาสเช็ค หรือถ้ามี Full Review เมื่อไร น่าจะแม่นยำกว่านี้)
ซึ่งพวงมาลัยที่เบา หมุนง่ายมากในเมืองแบบนี้ ขับทางไกล ผมว่า มีเหนื่อยนะเพราะต้องประคอง และแก้อาการกันแทบจะตลอดเวลา
ทดลองกดคันเร่งสุด จากจุดออกตัว กดสุดไปเถอะครับ ไม่มีเสียงล้อยางหมุนฟรีทิ้งให้ได้ยินสักนิด ไม่ใช่เพราะมี VDC นะ แต่คิดว่ายางติดรถ Continential ชุดนี้ มีการยึดเกาะที่ค่อนข้างโอเคอยู่ทีเดียว
กดมิด รถเหมือนค่อยๆพุ่ง (นึกถึงเด็กมัธยมเพิ่มตื่นนอน ของคุณแพนนะ) หวืออ แล้วค่อยดึง และพอรอบไปถึงราวๆ 4000-4500 เมื่อไร ถึงเริ่มสนุกครับ Boost มาเต็มๆ บวกกับวาล์วแปรผันคู่ด้วย แต่เสียงเครื่องนั้น เงียบมากนะครับ ไม่มีเสียงเร่งเร้าใจแบบที่รถกลุ่ม warm hatch ควรจะมี เงียบ เป็นเป่าสากเลย (ขัดกับตัวเลข spec ในกระดาษอยู่ ที่บอกว่า torque มา 240nm ตั้งแต่ 2000 หรือ 2400 rpm (thai spec) และมายาวต่อเนื่องเป็น Flat torque ยัน 5 พันกว่าๆ rpm)
ช่วงถอนคันเร่ง และต้องการเร่งส่งกลับขึ้นไป ประหนึ่งว่า จะเร่งแซง จังหวะนี้ถ้ากดมิด มันดูเอ๋อๆครับ เหมือนไม่ตามเท้าเรา คิดไม่ทันเรา ต้องถอนคันเร่งออก แล้วค่อยๆกดครึ่งนึง แล้วมันจะพุ่งไปไวกว่าเดิม ??
เบรก ผมไม่มีข้อกังขา ใช้ได้ดีทีเดียว หน่วงความเร็วได้พอสมควร
ช่วงล่าง set มาค่อนข้างนุ่มสำหรับผม ไม่รู้สึกกระด้างอะไร แต่พอเข้าโค้งแรงๆ ก็มีเอน (Body roll) เยอะพอสมควร
และพอดีวันนี้มี Veloster Turbo จอดอยู่ใกล้ๆ ผมเลยถือโอกาสลองขับมาด้วย
ตอนแรกอ่าน spec ผมก็มโนเอาเองนะครับว่า 1.6 Turbo เหมือนๆกัน ก็น่าจะสมรรถนะไม่หนีกันมาก ความจริงไม่ใช่เลยครับ Veloster Turbo นี่ขับสนุกกว่ากันมากๆ มากขนาดไหน ขนาดที่ผมกล้าทำให้มัน understeer ในโค้ง แล้วแก้อาการกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะครับ แต่กับ Pulsar Turbo นี่ ผมไม่กล้าอัดขนาดนั้นแฮะ อาจจะเพราะพวงมาลัยที่เบา ไม่ได้รู้สึกมั่นใจที่จะเล่นกับโค้งเท่าไรเลย
ดูแล้ว 2 คันนี้ถ้าเข้าโค้งเดียวกันความเร็วเท่าๆกัน ผมว่า อาการของ veloster turbo จะออกก่อน คือ เหมือนจะ understeer ได้ง่ายกว่า แต่ก็กลับกลายเป็นความสนุกในการขับขี่ที่มากกว่ากันไป
น้ำมัน เติมได้เต็มที่คือ E10 95 นะครับ ไม่รองรับ E20 , E85 แต่อย่างใด
ราคา ท่านใดทราบ รบกวนบอกผมทีครับ