Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TopOnTheSky ที่ ธันวาคม 30, 2016, 22:03:16
-
พอดีอยากหารถเอาไว้ใช้ทำงาน ซึ่งปกติในงานผมใช้รถเยอะ เดือนละประมาณ 5,000 โล
เลยดูๆ Nissan Sylphy 1.8 มือสองไว้เพราะเห็นว่าน่าจะขับสบายและประหยัดน้ำมัน
แต่พอไปหาข้อมูลในคลับพบว่าปัญหาเรื่องพัดลมหม้อน้ำเกิดเยอะมาก และหลายคันเกียร์พัง
เลยอยากทราบว่าตอนนี้พัดลมหม้อน้ำทางนิสสันแก้ได้หรือยังครับ ถ้าแก้แล้วอาจซื้อมือสองแล้วนำไปเปลี่ยนพัดลมเลย และเรื่องเกียร์ถ้านำไปติดออยเกียร์จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ครับ นอกจากสองเรื่องนี้ยังมีปัญหาจุกจิกเรื่องไหนอีกบ้าง รบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีครับ
-
ใช้ 1.6V ก็โอเคแล้วครับผมว่า
ที่ใช้มายังไม่มีปัญหาอะไรรุนแรง เกียร์ยังไม่พัง หวังว่าจะยังไม่พังไปอีกซักพัก
-
มือสองรุ่นไหนก็ต้องทำใจเผื่อไว้สำหรับซ่อมบำรุงครับ
-
แนะนำ 1.6 ครับ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ใส่คนเต็มรถตลอด
(ในขณะที่ถ้าเป็น Pulsar ผมอาจจะเชียร์ 1.8 Top แทน เผื่อ จขกท. จะเลี้ยงนกกระจอกเทศ ฮิๆ)
1.6 บล็อกนี้ คู่เกียร์ตัวนี้ มาถูกจุดมาก คือ แรงพอใช้ และประหยัดเว่อร์
ทางไกลความเร็วระดับ 120-140 ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ถนัดประมาณนี้ ประหยัดกว่า Eco Car เกือบทุกคัน
เรื่องพัดลมหม้อน้ำ ส่วนมากเดี๋ยวนี้ช่างที่ไม่ใช่ช่างเถอะ ช่างศูนย์ หรือช่างเปลี่ยน
เป็นประเภทซ่อมเป็น D.I.Y. เป็น เขาจะหามอเตอร์พัดลมยี่ห้ออื่นมาใส่แทน แก้ปัญหาจบๆ เลย
ส่วนเรื่องเกียร์ มีสองแบบหลักๆ ระหว่างโฉมแรกๆ ที่ระบุให้ใช้น้ำมันเกียร์ NS-2 กะโฉมปัจจุบัน NS-3
และไม่ว่าจะได้ตัวไหน เปิด Book Service ก่อน ว่าถ่ายน้ำมันเกียร์ต่อเนื่องไหม ถ้า 40,000 ยังไม่ถ่ายรอบแรก
ให้พยายามหลีกเลี่ยงไปเลยครับ โอกาสเน่าในมีสูงมาก ได้มาก็แนะนำให้ติดออย+ฟลัชน้ำมัน ในร้านที่วางใจได้
จะใช้ Valvoline, Castrol, PTT หรือ NS-2 ล็อตใหม่ (หรือแม้แต่ NS-3 ที่ผมเพิ่งได้ข่าวคอนเฟิร์มแล้วว่า
ปรับปรุงสูตรมาใหม่เหมือนกัน) ก็ได้ครับ ยี่ห้ออื่นๆ ก็ใส่ได้ แต่ราคาน้ำมันเกียร์แพงหมด ทั้ง A, M, M และ R
-
ผมใช้ 1.8v Gen แรก ๆ จะมีเรื่อง คานหน้า, ลูกหมาก, พัดลมหม้อน้ำ, แอร์ Heater เอ๋อ โดยรวม เป็นรถที่น่าใช้ครับ ประหยัดพอตัว รถผม วิ่ง 120,000 แล้วเกียร์ปกติดีอยู่ครับ
รถ Nissan นั้น ต้องการ Preventive maintainance อยู่เสมอนะครับถึงจะใช้รถอย่างมีความสุข
-
Sylphy/pulsar ปัญหาหลักคือความร้อนสะสมในเกียร์(CVT ความร้อนสูงกว่าเกียร์ออโต้ทั่วไป) ที่ทำให้ น้ำมันเกียร์และชิ้นส่วนต่างๆข้างในเสื่อมสภาพเร็วมากๆ วิ่งรถติดๆในเมืองไปถึง 100c และเกินกว่านั้นไปอีกเยอะพอขึ้นเขาหรือภาระเกียร์เพิ่มมากขึ้น
อาการคือเกียร์มีเสียงหอนและลื่น(รอบไปแต่รถไม่ไปสัมพันธ์กัน) ถ้าซื้อรถมือสองแต่ยังอยู่ในประกันแนะนำให้เคลมเกียร์และติดออยระบายความร้อนเกียร์
พัดลมและลูกปืนเบ้าโช๊คก็เป็นชิ้นส่วนยอดฮิตที่เสียกันบ่อย ข้อดีคือเคลมง่ายมากครับ อะไหล่ที่ออกมาใหม่ก็แก้ใขเรียบร้อยแล้ว
-
แนะนำ 1.6 ครับ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ใส่คนเต็มรถตลอด
(ในขณะที่ถ้าเป็น Pulsar ผมอาจจะเชียร์ 1.8 Top แทน เผื่อ จขกท. จะเลี้ยงนกกระจอกเทศ ฮิๆ)
1.6 บล็อกนี้ คู่เกียร์ตัวนี้ มาถูกจุดมาก คือ แรงพอใช้ และประหยัดเว่อร์
ทางไกลความเร็วระดับ 120-140 ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ถนัดประมาณนี้ ประหยัดกว่า Eco Car เกือบทุกคัน
เรื่องพัดลมหม้อน้ำ ส่วนมากเดี๋ยวนี้ช่างที่ไม่ใช่ช่างเถอะ ช่างศูนย์ หรือช่างเปลี่ยน
เป็นประเภทซ่อมเป็น D.I.Y. เป็น เขาจะหามอเตอร์พัดลมยี่ห้ออื่นมาใส่แทน แก้ปัญหาจบๆ เลย
ส่วนเรื่องเกียร์ มีสองแบบหลักๆ ระหว่างโฉมแรกๆ ที่ระบุให้ใช้น้ำมันเกียร์ NS-2 กะโฉมปัจจุบัน NS-3
และไม่ว่าจะได้ตัวไหน เปิด Book Service ก่อน ว่าถ่ายน้ำมันเกียร์ต่อเนื่องไหม ถ้า 40,000 ยังไม่ถ่ายรอบแรก
ให้พยายามหลีกเลี่ยงไปเลยครับ โอกาสเน่าในมีสูงมาก ได้มาก็แนะนำให้ติดออย+ฟลัชน้ำมัน ในร้านที่วางใจได้
จะใช้ Valvoline, Castrol, PTT หรือ NS-2 ล็อตใหม่ (หรือแม้แต่ NS-3 ที่ผมเพิ่งได้ข่าวคอนเฟิร์มแล้วว่า
ปรับปรุงสูตรมาใหม่เหมือนกัน) ก็ได้ครับ ยี่ห้ออื่นๆ ก็ใส่ได้ แต่ราคาน้ำมันเกียร์แพงหมด ทั้ง A, M, M และ R
ตามนี้เลยครับ ผมติดออยเกียร์ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ใช้มา 120,000 km ละครับ 100-140 ประหยัดดีครับ
-
น่าสนใจครับ เป็นรถที่โปร่ง นั่งสบายมาก ข้างหลังก็กว้าง
เรื่องซ่อม ต้องเผื่อใจไว้อยู่แล้วครับ เพราะรถมือสอง ถ้าหาข้อมูลมาแล้ว ก็ดีครับ
-
ขอบคุณทุกท่านมากครับ ข้อมูลที่ให้มีประโยชน์ในการตัดสินใจมากเลยครับ
-
เชียร์ 1.6 ครับ