Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Sukuiguy ที่ กรกฎาคม 26, 2017, 11:05:00
-
ปกติผมก็ส่องกระจกอย่างเดียว พอดีว่าเมื่อเร็วๆนี้ ไปเยี่ยมเพื่อนที่ยุโรป ฝรั่งเขาพาขับรถเที่ยว เวลาจะเปลี่ยนเลนซ้ายขวา เขาจะหันหน้ากลับมามองเลนทางนั้นด้วยทุกครั้ง เลยถามไป ได้ความมาว่า ที่ยุโรปเวลาเปลี่ยนเลนต้องทำอย่างงี้ด้วยทุกครั้ง เพราะมีบางมุมที่จะมองไม่เห็นในกระจก สอบใบขับขี่ยากมาก ถ้าไม่ปฎิบัติตามนี้ ไม่ผ่านแน่นอน
สงสัยว่าเมืองไทยเรา ก็ต้องปฏิบัติตามนี้ใหมครับ นั่งรถกับคนอื่นมาก็เยอะ แต่ไม่เห็นเคยมีใครทำอย่างนี้เลย
-
ผมก็ชินแบบนั้นนะ
-
ถ้าในเขตชุมชน รถเยอะต้องมองครับ เวลารถตีคู่เราจะมองไม่เห็นในกระจกเลย (แบบที่พวกตบทรัพย์ชอบทำกัน)
แต่ออก ตจว. ผมมองแต่กระจกข้างเพราะรถน้อย อาศัยตีไฟเลี้ยวสักพักแล้วค่อยออก ไม่เคยพลาดนะ
-
ปกติผมมองกระจกข้างแล้วก็จะเหลือบมองวิวด้านข้างรถไปพร้อมๆกันว่าไม่มีรถจากทางอื่นเปลี่ยนเลนมาชนกับเรา แต่คงไม่ขนาดเหลียวหลังไปมองครับ...ไม่ถนัด
-
เนื่องจาก เค้าอาจใช้ความเร็วสัมพันธ์กับคันใกล้ๆกัน
ก็อาจจำเป็นต้องมองแหละครับ
ขนาดผมเป็นคนขับประเภท drive forward
มุดเรื่อยเปื่อย ซึ่งตรงนี้อาจจะไม่จำเป็ต้องมองลึกขนาดนั้น เพราะเราเร็วกว่ารอบข้างค่อนข้างมาก และใช่การจดจำรถคันอื่นเป็นหลัก(เหมือนเรด้าห์เครื่องบิน)
แต่เวลาขับให้พ่อ แม่ เมีย ลูกนั่ง
จะอยู่ในโหมดคนขับปกติ ผมก็ยังอาจต้องมองลึกๆเลยครับ ยอมรับว่า มันอาจจะมีบางมุมที่มองไม่เห็นจริงๆ
ถึงแม้จะมีกระจกกลมๆแล้ว บางครั้งยังแอบเอี้ยวมอง
จริงๆแล้วผมชอบขับแบบแรกมากกว่า เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเลือก
การขับตามๆกันไปนี่ ผมว่า ตัวเองเป็นฝ่ายถูกเลือกยังไงไม่รู้
-
ควรหันไปมองก่อนครับ ยิ่งในรถยุโรปกระจกข้างเล็กจริงๆ มองยาก
ไหนจะเรื่องเสาหนาๆที่ติดกระจกหลังอีกจุดบอดจุดอับภาพ 8)
-
กระจกข้าง กระจกหลัง มองมากกว่า 1 ครั้ง ก่อนเปลี่ยน
-
สอบใบขับขี่ในหลายๆประเทศบังคับให้หันไปมองครับ
-
เนื่องจาก เค้าอาจใช้ความเร็วสัมพันธ์กับคันใกล้ๆกัน
ก็อาจจำเป็นต้องมองแหละครับ
ขนาดผมเป็นคนขับประเภท drive forward
มุดเรื่อยเปื่อย ซึ่งตรงนี้อาจจะไม่จำเป็ต้องมองลึกขนาดนั้น เพราะเราเร็วกว่ารอบข้างค่อนข้างมาก และใช่การจดจำรถคันอื่นเป็นหลัก(เหมือนเรด้าห์เครื่องบิน)
แต่เวลาขับให้พ่อ แม่ เมีย ลูกนั่ง
จะอยู่ในโหมดคนขับปกติ ผมก็ยังอาจต้องมองลึกๆเลยครับ ยอมรับว่า มันอาจจะมีบางมุมที่มองไม่เห็นจริงๆ
ถึงแม้จะมีกระจกกลมๆแล้ว บางครั้งยังแอบเอี้ยวมอง
จริงๆแล้วผมชอบขับแบบแรกมากกว่า เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเลือก
การขับตามๆกันไปนี่ ผมว่า ตัวเองเป็นฝ่ายถูกเลือกยังไงไม่รู้
ผมก็มุดเรื่อยเปื่อย มองทุกกระจกเป็นระยะ ๆ อยู่แล้ว เปลี่ยนเลนมั่นใจ
กลัวอย่างเดียวครับ บิ๊กไบค์มาในมุมอับ
-
ผมจะบอกว่า ไม่จำเป็น ถ้ากระจกมันดี ลองสังเกตุดูนะครับ บางคันไม่เป็น
ต้องหันไปมองด้วยมั๊ยอยู่ที่ว่ามันเป็นกระจกข้างของรถอะไร ออกแบบมายังไง
-
ขับใน กรุงเทพ นี่ผมต้องมองตลอดครับ ซ้าย-ขาว-หลัง มองข้ามไปถึงอีกเลนส์ ไม่งั้น เจอ พี่วิน กับพี่ bigbike
ทำจนชิน เพื่อ save ตัวเอง
-
;) เมื่อก่อนไม่มอง จนเกือบชน
ตอนนี้ต้องมองตลอด
มุมมันอับ
-
แรกๆใช้กระจกอย่างเดียว เจอมุมอับตอนเปลี่ยนเลน เกือบบวกกัน2-3ครั้ง เลยติดนิสัยหันไปมองด้านข้างอีกทีครับ
-
เป็นกฎหมาย ของ ประเทศ น้ั้นๆ ครับ ถ้าไม่ทำก็ตกตั้งแต่สอบใบขับขี่
over shoulder view ครับ
-
ก็หันนิดๆครับ ผมไม่ไว้ใจกระจก
ผมเกือบโดนชนมาละ มองกระจกกับหันนิดๆ ยังไม่เห็นรถ พอเปลี่นเลน มาไงเกืยบชน
-
เวลารถตีขนาบข้าง เสมอๅกัน กะจกข้าง กระจกหลัง จเป็นจุดอับสายตาแล้วครับ
-
ดูกระจก ดูระบบเตือนมุมอับ และใช้หางตา เหลือบตาหรือบางทีก็หันไปดูครับ
"คนรอบข้างผม" ที่ดูกระจกอย่างเดียวส่วนใหญ่ที่เห็น คือ มือใหม่ ไม่ก็ประมาท ครับ
-
มองจนเพื่อนมันแซว มึงขับรถเก๋งหรือมอไซ
-
ผมก็หันนะครับ เวลาไม่มั่นใจ
-
หันตลอดเหมือนกันครับ เพื่อความมั่นใจ แม้กระจกข้างบานใหญ่มากแล้วก็ตาม
ทำเป็นครอสเช็คครับ
เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะสมาธิถดถอยเมื่อไหร่ เพราะขับรถทีนานๆหลายชั่วโมง
ทำนิดนึง ดีกว่าเสียเวลาไม่รู้เท่าไหร่ดีกว่า :o
-
เนื่องจาก เค้าอาจใช้ความเร็วสัมพันธ์กับคันใกล้ๆกัน
ก็อาจจำเป็นต้องมองแหละครับ
ขนาดผมเป็นคนขับประเภท drive forward
มุดเรื่อยเปื่อย ซึ่งตรงนี้อาจจะไม่จำเป็ต้องมองลึกขนาดนั้น เพราะเราเร็วกว่ารอบข้างค่อนข้างมาก และใช่การจดจำรถคันอื่นเป็นหลัก(เหมือนเรด้าห์เครื่องบิน)
แต่เวลาขับให้พ่อ แม่ เมีย ลูกนั่ง
จะอยู่ในโหมดคนขับปกติ ผมก็ยังอาจต้องมองลึกๆเลยครับ ยอมรับว่า มันอาจจะมีบางมุมที่มองไม่เห็นจริงๆ
ถึงแม้จะมีกระจกกลมๆแล้ว บางครั้งยังแอบเอี้ยวมอง
จริงๆแล้วผมชอบขับแบบแรกมากกว่า เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเลือก
การขับตามๆกันไปนี่ ผมว่า ตัวเองเป็นฝ่ายถูกเลือกยังไงไม่รู้
โอ้ว ใช้วิธีเดียวกันเลย
-
ผมเปลี่ยนเลนส์กระจกมองข้างทั้งบานเป็นของแต่ง มันจะโค้งแล้วเห็นหลายเลนมาก ถ้าเป็นรถใหญ่ผมเห็นหมดเลย กลัวแต่มอไซด์แอบอยู่ท้ายแล้วฉีกออกมากระทันหัน
-
ควรครับ ตอนขับรถแรกๆผมเกือบโดนชนหลายรอบเพราะไม่มอง มันจะมีมุมอับที่ถ้าเราไม่หันไปมอง มองแต่กระจกจะไม่เห็นครับ จะเป็นมุมใกล้ๆตัวรถเลย หลังๆมองทุกครั้งเพราะกลัวชน
-
ผมก็หันไปมองครับ เวลาไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเวลาขับในเขตชุมชน
ที่ต้องระวังมากที่สุด คือ Big bikes และจักรยานยนต์อื่นๆ
-
เมื่อก่อนไม่ แต่เดี๋ยวนี้มองตลอดครับ
-
มุมอับมันแอบอันตรายครับ เพราะใกล้มากและส่วนมากเรามองไม่เห็นด้วยกระจก ทำให้ถ้าเปลี่ยนเลนไปแล้วจะฉุกเฉินกันทั้งสองฝ่ายเพราะอีกฝ่ายนึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวอยู่ในมุมอับของคันที่เปลี่ยนเลนมา :-\
-
เวลาผมจะเข้าทางร่วม ผมจะมองผ่านไหล่ขวาตลอดครับ
เคยเกือบเข้าเลนไปชนรถทางขวาเพราะมองไม่เห็นในกระจกเลย
ถึงกับต้องลดกระจกยกมือไหว้เขา
-
ตอนสอบใบขับขี่เขาก็ให้หันไปมองด้วยครับ เพราะจะมีมุมอับด้วย
ก็แปลกนะครับที่เขาไม่บอก
-
ผมก็มองนะ บางจังหวะ รถที่ตีคู่มา มองในกระจกไม่เห็นจริงๆครับ
-
ไปนั่งรถให้ฝรั่งขับในยุโรป เขามองข้ามไหล่กันเป็นปกติเลย หันแบบจริงจังมาก
เพราะเมืองเขา ให้ความสำคัญกับคนเดิน-จักรยานเป็นอันดับ1ตามลำดับ
ขึนรถยนต์ไปแตะเข้าล่ะโดนฟ้องหมดตรูดพอดี
มันก็ดีนะ เพราะเป็นมุมอับ มาใช่ในบ้านเรา
แต่กว่าจะให้คนในประเทศเราเข้าใจ คงอีกพักใหญ่ๆๆๆ
ประชากรบ้านเราเน้นปริมาณ
หลักสูตรสอนขับขี่Big bikeญี่ปุ่นก็สอน ก่อนจะออกจากจุดหยุดนิ่งบนท้องถนน
ให้หันมองข้ามไหล่ทางขวาก่อนเสมอ(จราจรวิ่งชิดซ้ายเหมือนบ้านเรา) แม้ว่าจะเปิดไฟกระพริบทางขวาแล้วก็ตาม
-
มองตลอดครับ เซฟๆ เมืองไทยอะไรก็โผล่มาได้ ::)
-
ผมยังเป็นเลย ถ้าจะเปลี่ยนข้ามเลนไปอีกเลน ดูให้ชัวร์ๆดีกว่า เพราะมันมีจุดบอด
เมื่อก่อนไม่เป็น แต่หลายปีที่แล้วเกือบสอยแท็กซี่เลยต้องดู
-
ทำจนเป็นนิสัยแล้วครับ สบายใจ มั่นใจ 100% ว่าไม่ชนแน่นอน
คนที่บอกว่าไม่จำเป็น อาจจะยังไม่เคยชน ถ้าชนแล้วจะไม่พูดแบบนั้น
-
ทำตั้งแต่เริ่มหัดขับรถครับ เพราะว่าเป็นคนไม่ค่อยมีความมั่นใจถ้าไม่เห็นสิ่งที่กำลังมา (เหมือนเวลาถอยจอดก็เหมือนกัน ต่อให้รถที่มีกล้องถอยหลัง ผมก็จะหันไปมองตลอด ไม่หันแล้วไม่รู้สึกว่ากำลังจะชน) แม้แต่คนสอน (ผมเรียนขับรถกับที่บ้าน) ก็ยังสงสัยว่าทำอะไร คนมานั่งปัจจุบันก็สงสัยเหมือนกันว่าหันทำไม ถามว่าไม่กลัวชนข้างหน้าเหรอ พอขับมานาน บางทีก็มีเผลอๆไม่ได้หันบ้าง แล้วแทบทุกครั้งที่ไม่ได้หันก็เกือบชนรถคันอื่นๆที่วิ่งมาในจุดบอดครับ ยิ่งรถที่ใช้บ่อยๆปัจจุบันกระจกมองข้างเล็ก แคบ ยิ่งจำเป็น
แล้วมันก็ทำให้ผมชอบรถที่มีทัศนวิสัยดีๆ เพราะมันมองอะไรง่าย เห็นชัดเจน ผมจะชอบขับรถแบบนี้มากกว่าแม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่
ตอนหลังได้มารู้ถึงพฤติกรรมการขับรถของต่างประเทศ ก็เพิ่งจะมารู้ว่าที่ทำมามันสำคัญมากๆครับ เหมือนกับที่มีเหตุการณ์แท๊กซี่ชนกับรถกระบะตอนขึ้นทางด่วนเมื่อไม่นานนี้ ถ้าเกิดรถที่ขึ้นทางด่วนกำลังเข้าทางร่วม หันไปมองก่อนที่จะหักเข้า ก็ไม่เกิดเหตุขึ้นหรอกครับ ต่อให้กระจกใหญ่แค่ไหนก็ควรหัน จุดบอดในรถยนต์มันเยอะ
-
ผมก็หันไปมองครับ โดยเฉพาะหากเปลี่ยนเลนมากกว่า 1 เลนในคราวเดียว
-
ในฐานะที่เป็นวัยรุ่นชอบขับมุด
ทุกครั้่งที่เปลี่ยนเลน ( สมมติจะเบี่ยงไปทางขวา )
ผมจะมอง 2 จุดครับ คือ
1.กระจกมองช้างด้านขวา ( หูช้างด้านขวา )
กับ 2.กระจกรถด้านข้าง ( ขวาหน้า )
แต่ถ้าเบี่ยงเข้าช่องทางด่วนที่รถวิ่งเร็วมากๆ ผมจะเพิ่มจุดที่สาม ก็คือ กระจกข้างรถด้านหลัง ( ขวาหลัง ) ครับ
ถ้ามองแต่กระจกหูช้างอย่างเดียวโอกาศชนเปรี้ยงสูงมากๆ :-* :-* :-*
-
บางครั้ง มองกระจก มีจุดบอด จุดอับสายตา
-
บางประเทศ ถ้าไม่หัน สอบใบขับขี่ไม่ผ่านเลยนะครับ
-
ผมทำครับ เพราะประสบเหตุกับตัวมาเองเรื่องมุมอับ
มองกระจก แล้วเปลี่ยนเลนตามปกติ ได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่น หันไปเจอรถหนึ่งคันในระยะกระชั้นชิด ดีว่าเป็นคนเปลี่ยนเลนช้า
เลยเข้าใจเลยว่ามุมอับกระจกคืออะไร คือรถคันนั้นน่าจะอยู่ในระยะครึ่งคันของตัวรถผมแล้ว ทำให้มองไม่เห็นในกระจกมองข้างเลย
หลังจากนั้น ผมจะพยายามหันไปมองทุกครั้งถ้ารุสึกว่าอาจมีมุมบอด