Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: dogclubs ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 00:25:03

หัวข้อ: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: dogclubs ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 00:25:03
อยากทราบวิธี แปลงไฟล์mp3 เป็น audio

มันจะเพราะกว่าไหมครับ  แล้วใส่ลง ipod เปิดใน honda city  ไฟล์แบบไหนจะเพราะครับ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: MomantuM ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 01:14:17
http://format-factory.en.softonic.com/ (http://format-factory.en.softonic.com/)

ผมว่า Freeware อันนี้สุดๆแล้วครับ ทำได้ทุกอย่าง แปลงนั่นนู่นนี่ ลองดูครับ
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: Terng ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 01:14:52
อยากทราบวิธี แปลงไฟล์mp3 เป็น audio

มันจะเพราะกว่าไหมครับ  แล้วใส่ลง ipod เปิดใน honda city  ไฟล์แบบไหนจะเพราะครับ



ขอบคุณครับ

จากที่ผมลองดูนะครับ ไม่ได้หูทองคำอะไรนะครับ

ผมใช้ฟร้อนท์จอ DVD นำทาง OEM ที่ส่งไปติดรถที่ขายแถวยุโรป แต่ผลิตในไต้หวัน (เลยไม่รู้จะบอกว่ายี่ห้ออะไร -*-) ของนิวอัลติสนะครับ ซึ่งจากการฟังด้วย CD MP3 แผ่นเดียวกันเทียบกับของติดรถเดิมนั้น พบว่าเสียงดี มีมิติกว่า Pioneer ที่ติดมากับรถผมอยู่หน่อย (ไม่ได้เปลี่ยนลำโพงเพิ่มลำโพงใดๆครับ 4 ดอกเดิมๆถูกๆติดรถน่ะแหละ)

และเคยคิดแบบ จขกท ครับ เลยแปลงเป็น Audio โดยใช้เจ้า MP3 ไฟล์เดิมนั่นแหละ แล้วมาฟังเทียบดูใหม่ครับ

ปรากฎว่าหูผมไม่สามารถแยกความแตกต่างของทั้งสองไฟล์นี้ได้ครับ (ต้นฉบับคือ 128 kbps mp3 นะ) แต่พอผมซื้อแผ่นเพลงแท้มาลอง เพลงเดียวกันดูบ้าง เป้นไฟล์ Audio แท้ๆ โอ้โฮ คราวนี้ผิดกันจมเลยครับ รู้สึกเลยว่าฟร้อนท์จากเดิมที่รู้สึกจะดีกว่าของติดรถหน่อยๆแล้ว ไหงมันเทพขึ้นมาทันที

แต่ที่เทพกว่าคือ ต่อด้วยไอโฟน 4 / iPod Touch รุ่นแรกครับ (เก่าแล้ว) ซึ่งเจ้าทัชนี่ แม้จะเก่า แต่ให้พลังเสียงดีมากๆครับ ผมบอกไม่ถูกแต่มันจะรู้สึกได้ว่า ไฟล์ MP3 เดิมๆที่เล่นผ่านฟร้อนท์นั้น กลับกลายเป็นดูมีชีวิตชีวาขึ้น เสียงกลาง ต่ำ สูง มามากขึ้นแยกได้ดีขึ้นยังไงไม่รู้ครับ ส่วนไอโฟน 4 นั้น ผมลองต่อดูแล้ว พบว่าเสียงไม่ค่อยต่างจากไอพอดทัชรุ่นแรกเท่าไหร่นัก ยกเว้นแค่เสียงมันจะเบากว่าแค่นั้นครับ (คือตัวเครื่องปรับจนสุด รู้สึกเหมือนเสียงจะยังไม่ดังเท่าไอพอดน่ะครับ)


ดังนั้นผมเลยสรุปแบบงูๆปลาๆว่า การแปลง MP3 ไปเป็น Audio ไม่ได้ช่วยให้มันชัดขึ้นแต่ประการใดเลย สิ่งที่ดีที่สุดคือการ Rip จากแผ่นให้ได้สัก 320 KBPS ครับ แบบนั้นอะสวรรค์น้อยๆในรถเลยครับ  ;D

ปล. ผิดถูกประการใดท่านเทพเครื่องเสียงทั้งหลายอย่าว่ากัน ผมไม่ชอบตีตู้ เปลี่ยนดอกให้มันวุ่นวายมากมาย เพราะมีความเชื่ออย่างนึงว่า ถ้าทำเป็นหมื่นๆแสนๆ แล้วเอาแค่มาฟัง MP3 ที่โหลดกันทั่วๆไปผมไม่ทำอะคับ เพราะลองรถเพื่อนที่แต่งมาเฉพาะเครื่องเสียง 50,000 ผมก็ไม่รู้สึกว่าต่างกับของผมเท่าไหร่ ยกเว้นเบสที่มันมาเป็นลูกๆทุ้มๆกว่า ไม่ใช่มาเป็นก้อนๆตันๆแบบผม (แหงดิ ลำโพงเดิมติดรถเลยนะ) ถ้าไม่ได้มีแผ่นแท้เป็นล่ำเป็นสัน หรือ Audiophile จริงๆนี่มันเสียรถ เสียเงินทั้งนั้นเลย
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: RhinoMango ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 08:33:06
มันจะเพราะกว่าไหมครับ  แล้วใส่ลง ipod เปิดใน honda city  ไฟล์แบบไหนจะเพราะครับ

คุณภาพอยู๋ที่ไฟล์ต้นฉบับครับ ถ้าบีบอัดทอนคุณภาพลงมาแล้ว ไม่ว่าจะแปลงเป็นฟอร์เมตไหน ดีอย่างไร
ก็ได้เสียงเท่าไฟล์ต้นทางนั่นแหละ

ต้นทางเป็น MP3 96k ไม่ว่าจะแปลงเป็น FLAC / ACC / WMA / CDA ให้ค่าความละเอียดสูงยังไง
คุณภาพมันก็ได้แค่ 96K ของไฟล์ต้นทางครับ
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 08:35:10
ถ้าจะขยายคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นจริงๆ ขอให้ลองเทียบว่าขนาดนาซ่า ยังต้องใช้เวลาสองเดือน ขยายคุณภาพของภาพเหตุการณ์โคลัมเบียที่เกิดขึ้นสั้นๆเลยครับ กล่าวคือ ย่ออ่ะ ง่าย แต่ขยาย เป็นไปได้ยากครับ ดังนั้นเป็น Audio CD อยู่แล้วถึงจะดีครับ
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: parwitch ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 10:44:07
ไม่เพราะขึ้นครับ เพราะไฟล์ถูกลดทอนคุณภาพไปเป็น MP3 แล้ว เอา MP3 ไปแปลงกลับไม่มีประโยชน์อะไร

เหมือนคุณเอารูปขนาด A4 ไปถ่ายเอกสารย่อเป็นขนาดโปสการ์ด
แ้ล้วเอารูปโปสการ์ดในนั้นมาถ่ายเอกสารขยายเป็น A4 เหมือนเดิม
ไม่มีทางที่คุณภาพของ A4 ใบที่สองจะเท่ากับ A4 ต้นฉบับหรือดีกว่าโปสการ์ดใบนั้นได้

หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: prai ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 10:53:16
ไม่มีประโยชน์อะไรครับ เพราะว่าไฟล์ถูกลดคุณภาพลงมาแล้วครับ
จะทำกลับให้เป็นเท่าเดิมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: yod artstu ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 12:13:04
ยืนยันครับ ว่าอยู่ที่ไฟล์ต้นฉบับ ถ้าต้นฉบับไม่ดี ระเบิดไฟล์ออกมาเป็น .wav หรือ .aiff
มันก็ให้รายละเอียดเสียงเหมือนเดิม แถมไฟล์โตขึ้นอีกตะหาก

มันเหมือนเซฟภาพด้วย function "save for web" ใน photoshop ที่ 72 dpi
แล้วเอากลับไปเร่งเป็น 300 dpi แหละครับ ภาพเมื่อมองแบบขยายมันก็จะแตก
แต่ถ้ามองด้วยขนาดเท่าเดิม มันก็เหมือนเดิม

ขอบ่นนิดนุง  CD เพลงสมัยนี้ ปั๊มขายกันแบบไม่ค่อยสนใจเรื่องคุณภาพเสียงสักเท่าไหร่
ยิ่งของค่ายเพลงเจ้าตลาดนี่อย่าให้พูดถึง
(แต่สมัยก่อนเสียงโอเคนะครับ)

เอามาเปิดบนเครื่องเสียงธรรมดา ก็พอไหว
แต่ถ้าเอามาเปิดเรื่องระดับ audiophile อันนี้ฟ้องมาก
เสียงบางแผ่นใกล้เคียง MP3 มากๆ

ดังนั้นลองหาแผ่นต้นฉบับมาเลยครับ  ;D
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: dogclubs ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 16:27:30



ดังนั้นลองหาแผ่นต้นฉบับมาเลยครับ  ;D


ขอบคุณครับ สำหรับทุกความคิดเห็น

city ไม่มีช่องใส่ CD มาให้เลยครับ  กับเสียบ USB ฟังอันไหนดีครับ
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: 6162002 ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 19:50:24
ตามที่หลายๆท่านว่าเลยครับ mp3 มันโดนบีบจนเสียรายละเอียดไปแล้ว ไปขยายยังไง มันก็ไม่ดีกว่าเดิม ซ้ำอาจจะแย่กว่าเดิมด้วย

ส่วนเปิดจาก usb , SD card  , CD ค่าเท่ากันครับ เพราะ เครื่องมันอ่านเป็นข้อมูลดิจิตอล 0 กะ 1 เข้าไปเหมือนกัน จากนั้นก็อยู่ที่คุณภาพของเครื่องแล้วล่ะครับ
หัวข้อ: Re: ((นอกเรื่อง )) เปิดเพลงในรถ audio
เริ่มหัวข้อโดย: yod artstu ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 21:49:05
ถ้าใช้ ipod แล้วอยากฟังเสียงที่ดีที่สุดของ CD
ก็คงหลีกไม่พ้นวิธีนี้นะครับ (ตามรูป) คือ
RIP แผ่นให้เป็น Apple Lossless Encoder (แต่เปลืองเนื้อที่ ipod มากๆ อัลบั้มนึงใหญ่เกือบเท่า CD เลย)
แต่ถ้าคิดว่า สภาพที่เราไปฟัง คือบนรถที่ปกติจะมีเสียงรบกวน
จากแหล่งต่างๆ ก็ RIP ให้เป็น MP3 ที่ 192 kbps ก็ได้
(โดยทั่วไป ที่ขายๆกัน ทั้งถูกและผิดกฎหมาย จะอยู่ที่ 128 kbps ครับ ที่นิยมทำเพราะไฟล์มันเล็ก
รายละเอียดเสียงจะไม่ได้ "ปลายของเสียงแหลม เสียงทุ้ม เสียงกลาง" จะด้วนๆ ขาดหายไป)
แต่ใน iTunes ก็สามารถปรับละเอียดให้เป็น 320 kbps ก็ได้

สามารถปรับได้ง่ายๆเลยครับจากตัว iTunes

โดยส่วนตัวผม RIP แค่ 192-320 kbps ก็พอแล้วครับ
เพราะเครื่องเสียงในรถผม มันไม่ได้ดีอะไรมากมาย
แต่ความแตกต่างระหว่าง Apple Lossless กับ MP3 ที่ 192 kbps จะค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร
ถ้าได้ฟังจากเครื่องเสียงที่ดีๆ