Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Nanfa ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2011, 11:30:21
-
เสมอไปไหมครับที่รถเทอร์โบต้องแรงกว่า NA
ระหว่าง 4G63 Turbo ใน EVOLUTION กับ K20A ใน INTERGA
4G ต้องแรงกว่าเสมอไปหรอครับ มีเทอร์โบแรงกว่าจริงไหมครับ
K20 ได้ที่มีเทคเพิ่มแรงในรอบสูง ก็แรงมาก
-
ถ้า NA ทำมาก็แรงเสมอหรือแรงกว่า Turbo เดิมๆได้คับ แต่ถ้าทำมาทั้งคู่ ยังไง turbo ก็แรงกว่าคับ
เว้นแต่จะเอา NA ไปผูกโบ แต่แบบนี้มันก็ไม่นับเป็น NA แล้วคับ
-
คำว่าแรงหมายถึงอะไรระหว่าง แรงบิด, แรงม้า กับความเร็วของรถ?
ถ้าเป็นแรงบิด เครื่องเทอร์โบชาร์จจะชนะ NA เกือบตลอด เครื่ืองรถยุคเก่าอย่าง Legacy RS'91 เทอร์โบบูสท์แค่ 0.8 บาร์
ยังมีแรงบิด 260Nm ทีนี้ลองนึกถึงเครื่อง NA ขนาด 2.0 ลิตร ..ต่อให้เป็นเครื่องแข่งด้วยนะ มี NA 2.0 ที่แรงบิดแตะระดับนี้บ้างไหม?
เท่าที่เห็นนะ..200Nm มีและเพียบ..220Nm มีบ้าง 260Nm..ไม่เคยเห็น
ถ้าเป็นแรงม้า NA กับเทอร์โบสามารถทำสมรรถณะคาบเกี่ยวกันได้ เพราะแรงม้าไม่ได้ขึ้นกับปัจจัยแรงบิดอย่างเดียว
แรงม้านั้นเกิดจาก (แรงบิด x รอบเครื่อง)/5252 เครื่องเทอร์โบอย่าง VW Scirocco มีแรงบิด 280Nm แต่มีม้า
200 แรงม้า เพราะเมื่อรอบกวาดสูงขึ้นไป เลยจากจุดแรงบิดสูงสุดไป แรงบิดก็ตก และลากแค่ไม่เกิน 7,000 รอบต่อนาที
200 แรงม้าของรถคันนี้ก็นับได้ว่าเป็นอานิสงส์จากแรงบิด
แต่ K20A มีแรงบิดแค่ราว 200Nm แต่มีม้า 220 ตัวได้ เพราะปั่นรอบจี๋กว่า ลากกันได้ถึง 8,500 รอบต่อนาที
และกลไกแคมชาฟท์ของมันก็สามารถเอื้ออำนวยให้อากาศเข้าที่รอบสูงได้เยอะ แม้จะเป็นการดูด.ไม่ใช่การดัน
แบบเทอร์โบ ม้า 220 ของ K20A ก็เป็นอานิสงส์จากรอบเครื่องที่สูง
ทั้งนี้ พอเอามาวิ่งในชีวิตจริง องค์ประกอบเรื่องพลังขับดันจะเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยหลายอย่าง
เรื่องที่ต้องคำนึงถึงก็เช่นน้ำหนักตัว อัตราทดเกียร์จัด-ยาว เป็นต้น ที่เราเห็น Honda B,K-Series วิ่งกันได้
แรงและเร็วมากๆนั้น เพราะได้เรื่องน้ำหนักเบา Honda มักมีน้ำหนักตัว 1-1.1 ตันเท่านั้น
และการที่เครื่องยนต์ไม่ได้มีแรงบิดมาก ทำให้เมื่อนำมารวมกับระบบขับเคลื่อนล้อหน้าแล้วสามารถ
คุมการออกตัวได้ง่าย ดีดออกได้ไว อัตราทดที่จัด (สำหรับรถบ้าน) ทำให้มันสามารถไต่ความเร็ว
ไปจนแตะ 235-245 ได้เร็ว
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากแชร์ไว้ก็คือ ถ้ารถคุณไม่ใช่เครื่อง B-Series แล้วล่ะก็ ระลึกไว้เลยว่าเมื่อมันต้องมา
คำนวณการทำแรงในแบบม้า/บาท เครื่องเทอร์โบมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าเสมอ ดูอย่างเครื่อง SR20DE
กับ SR20DET ก็ได้ ถ้าคุณจะทำ SR20DET ให้ได้ 240 แรงม้า..สบม. ค่าเครื่อง 4 หมื่น
มีปรับบูสท์ไฟฟ้ากับกล่องพร้อมจูน รวมแล้ว 7 หมื่น ได้แน่ เผลอๆจะมากกว่า
แต่ถ้าจะทำ SR20DE ให้ได้ 240 แรงม้า ค่าเครื่อง 2.5 หมื่น กล่องพร้อมจูน 3 หมื่น แคมชาฟท์
ใหม่องศา,ลิฟท์สูงพร้อมสปริงวาล์ว และรีเทนเนอร์ 2.4 หมื่น เฮดเดอร์ใหม่ 1 หมื่น
นี่ 8.9 หมื่นแล้วนะ..ม้าที่ได้ ณ จุดนี้ ยังไงก็ไม่แตะ 240 ด้วยซ้ำ
-
ผมว่าจะถามพี่แพนมานานแล้ว เห็นพี่แพนชอบบอกประมาณว่ารถnaแต่งยังไง แรง/บาท ก็ไม่คุ้มเท่ารถมีโบ
แล้วทำไมตัวพี่เองถึงไม่คิดที่ใส่โบให้nxบ้างอะครับ
และก็แอบทวงthe fastของnx ด้วยนิดๆ อิอิ
-
เสน่ห์มันต่างกันนะ รถ NA กับ เทอร์โบ เนี่ย
NA ทำมาดีดี แรงบิดมีมาให้ใช้ตลอดทุกรอบ
กดเมื่อไหร่เป็นไหลมาเทมา ลื่นไหลต่อเนื่อง ขับก็ง่ายกว่า
เวลาอยู่ในสนามแข่งประเภทโค้งเยอะ เช่น Gymkhana, Thailand Circuit นครชัยศรี
รถ NA วิ่งแปะท้ายรถเทอร์โบได้ไม่ห่าง ถ้าทำมาดีจะขึ้นเอาง่ายง่ายด้วยซ้ำ
เพราะเมื่อไหร่บูสต์มา ล้อฟรีทิ้งตอนในโค้ง รถก็ understeer ถ้าขับหน้า oversteer ถ้าขับหลัง
อย่าง Thailand Circuit นี่ซัดมาบูสต์เพิ่งติดได้แป๊บนึง ก็ต้องเปลี่ยนเกียร์ เปลี่ยนเสร็จสุดทางเบรกอีกแล้ว
เรียกว่ามีเทอร์โบแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย
ส่วน Turbo นั้นยังไงก็แรงกว่าครับ ถ้าเทียบกับรถขนาด CC เท่ากัน
ดึงแรง ดึงหนัก มากกว่า NA มาก เจอกันทางตรงยังไงรถ NA ก็เสร็จเทอร์โบทุกคัน
คนจะขับเทอร์โบให้สนุกก็ต้องขับเป็น ต้องกล้า จะมาเลี้ยงรอบไล่รอบแบบรถ NA ก็หลับในกันพอดี
ต้องกล้าเบิ้ลรอบขึ้นไป ให้รอบป้วนเปี้ยนอยู่ในระดับที่มีบูสต์จะได้วิ่งได้สนุก
ถึงแม้รถสมัยนี้จะมีระบบครีบแปรผัน นู่นนี่นั่นมาช่วยได้เยอะแล้วก็ตามเถอะ
มันขึ้นอยู่กับว่า คุณชอบรถแบบไหนด้วยครับ
ที่เหลือ รอพี่แพนมาตอบ
-
ผมคิดว่า อยู่ที่ความต้องการของเจ้าของรถด้วย ใช้ชีวิตประจำวันเลยหรือเพียงเอาใว้ลงสนามอย่างเดียว อยากให้โฟกัสความต้องการให้ดีก่อนครับ
ลงสนาม ลองหา EG6 วาง B16B โมเพิ่มความแข็งแรงหน่อยก็สนุกได้
ใช้ประจำวัน ผมว่ารถมีเทอร์โบจะช่วยเร่งรอบไปหาแรงบิดได้ง่ายกว่ารถ NA ครับ
-
ผมว่ามันมีปัจจัยอื่นๆนอกจากเครื่องอีกเยอะแยะมากมายครับ Drivetrain,Weight Ratio,ระบบขับเคลื่อน
พวกนี้มีผลหมดครับ รถNA จะเค้นให้ได้แรงม้าเท่ากับเทอร์โบนั้น มีต้นทุนสูงกว่า อันนี้เรื่องจริง และ
ในDisplacement ของเครื่องยนต์เท่าๆกัน เพดานของแรงม้าสูงสุด เครื่องเทอร์โบมักจะได้สูงกว่า
เครื่องNA คิดง่ายๆ มองง่ายๆครับ เราจูงมือคนเดิน กับถีบตูดคนไปข้างหน้า อันไหนมันจะพุ่งตัวไป
ข้างหน้าได้รุนแรงกว่ากัน เทอร์โบมันอัดอากาศเข้าไปอย่างเดียว ตราบใดที่เครื่องมันทนไหว
เทอร์โบอัดเข้าไป น้ำมันมาให้พอ timing ให้ได้ แค่นี้แรงม้ากระฉูด แต่อย่าลืมว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง
มันไม่มีได้เปรียบ เสียเปรียบหมดทุกเรื่อง รถเทอร์โบเองอาศัยไอเสียมาสร้างกำลัง ยิ่งเทอร์โบ
ยิ่งใหญ่ โอกาสที่รถคุณจะรอรอบก็ยิ่งสูงสปอร์ตญี่ปุ่น บางคัน โมระดับ 700-800ม้า มาใช้ชีวิตจริงตาม
Honda Jazz เครื่อง 1.5 ไม่ทันมีให้เห็นนะครับ มีจริงๆ โดยเฉพาะ ในสภาพจราจรแบบบ้านเรา
ลองคิดสภาพว่ากว่าเทอร์โบจะติดบูสต์ปาเข้าไป 4000-5000รอบ พอมาก็กระโดดเป็นม้า
จะไปจิ้มคันหน้าเอา ต้องกระทืบเบรคแทบไม่ทัน
เจอรถติดต้องเบรค ต่อบูสต์ขึ้นมาใหม่ ในขณะที่ Jazz 1.5 มุดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
เพราะฉะนั้นผมมองว่า แรงม้า นั้นไม่ใช่ปัจจัยอย่างเดียวที่จะบ่งบอกว่ารถคันนั้นขับสนุก
รถแรง แต่ถ้าเค้นแรงม้าออกมาใช่ไม่ถูกจังหวะ ผิดที่ผิดเวลา กลับกัน รถที่แรงม้าน้อยกว่า แต่
มีกำลังมาให้ใช้ แรงบิดมาให้ใช้ที่รอบที่ไว ที่เหมาะสม รถคันนั้นเป็นรถที่น่าขับกว่ากันเยอะครับ
รถที่ขับสนุก ไม่จำเป็นต้องแรง รถที่แรงไม่จำเป็นต้องขับสนุก เลือกให้ถูกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นNA
หรือ Turbo แรงม้าที่อยู่บนกระดาษเค้าเอาไว้ เป็นประกาศนียบัตร ติดไว้หน้าห้องน้ำให้ภูมิใจเล่นๆ
แค่นั้นเองครับ แต่โดยส่วนตัวผมยังมีรสนิยมชอบฟิลลิ่งแบบ"โดนถีบ" อยู่ครับ แถวบ้านเรียก
เสพติดหอยครับ
-
เวลาแข่ง Drag
ผมเห็น รายการ Honda 4สูบธรรมดา วิ่ง12วิ
ในขณะที่รายการเทอร์โบ ก็12วิเหมือนกัน
ถ้าทำเต็มๆ N/A วิ่งไม่แพ้เทอร์โบแน่นอนครับ
แต่บุคลิคของตัวรถจะต่างกัน
เคยขับ B16A ใน3Dr.
เสน่ห์เครื่อง NA รอบจัด มันเร้าใจมากๆครับ
คุมง่าย จะยกคันเร่ง จะกดคันเร่ง มันตามเท้ามากๆ
ข้อเสียของรถ NA ที่ทำมา คือถ้าสับเกียรไม่ถูกจังหวะ
หรือมือใหม่มาลอง ยังไม่รู้จักบุคลิคเครื่อง ไม่รู้จังหวะรอบ
มันห้อยเอาได้ง่ายๆ
-
โอ้ว คุณแพนครับ
อนาคตอันใกล้ ผมมีแผนจะเล่นซนกับ
Nissan Primera P11 เดิมๆ พอดี
อยากแรงแบบ step เบาะๆ กับ N/A
เดี๋ยวไปจัดการภารกิจซื้อรถให้พ่อก่อน
แล้วเงินเหลือเท่าไหร่ค่อยมาดูกันอีกที ;D ;D
-
ถ้าNA เครื่องHonda จี๊ดดีจริงๆครับ ของเพื่อนผมเจ้าของอู่ B16+B20B เกียร์Type R เฟืืองเต็ด สับเกียร์กันหูดับตับไหม้
แต่ถ้าทางยาวๆ เจอพ่วงหอยเก็บเหมือนกันครับ แต่ต้นเนี่ย หึหึหึ แรงเอาเรื่องเลย เคยลองขำขำดู แต่พอ100ขึ้น คราวนี้
พลังหอยหม้อหุงข้าวชาร์ปออกฤทธิ์ ถึงทิ้งยาวๆครับ
-
กระทู้นี้ยิ่งอ่านยิ่งมัน สำหรับคนรักความแรง
อยากกด Like 100+
-
งี้ต้องเทอร์โบแปรผัน บูสต์ดีในรอบต่ำ
-
เวลาแข่ง Drag
ผมเห็น รายการ Honda 4สูบธรรมดา วิ่ง12วิ
ในขณะที่รายการเทอร์โบ ก็12วิเหมือนกัน
ถ้าทำเต็มๆ N/A วิ่งไม่แพ้เทอร์โบแน่นอนครับ
แต่บุคลิคของตัวรถจะต่างกัน
เคยขับ B16A ใน3Dr.
เสน่ห์เครื่อง NA รอบจัด มันเร้าใจมากๆครับ
คุมง่าย จะยกคันเร่ง จะกดคันเร่ง มันตามเท้ามากๆ
ข้อเสียของรถ NA ที่ทำมา คือถ้าสับเกียรไม่ถูกจังหวะ
หรือมือใหม่มาลอง ยังไม่รู้จักบุคลิคเครื่อง ไม่รู้จังหวะรอบ
มันห้อยเอาได้ง่ายๆ
งานนี้รถเทอร์โบที่ทำเวลาได้ไม่เร็วกว่าเพราะความยากในการคุมคันเร่งตอนออกตัวครับ
เครื่องมีแรงม้าแรงบิดมากก็จริง แต่สองเกียร์แรกกดเต็มไม่ได้ ต้องรู้จักจังหวะคันเร่ง
ในขณะที่ NA แรงบิดไม่มาก ใส่ได้เต็มที่และมั่นใจกว่า
แต่ถ้าให้ลองสังเกตความเร็วของตัวรถในขณะเข้าเส้นดู ถ้าเข้าด้วยเวลาเท่ากัน
และตอนออกตัว NA แซงขึ้นหน้าเทอร์โบไป ..แปลว่าความเร็วในขณะเข้าเส้น
รถเทอร์โบเร็วกว่ามาก
ถ้าทำเต็มๆ เต็มพิกัดจริงๆ เครื่อง NA ไม่มีทางประจุอากาศเข้าห้องเผาไหมได้แบบเทอร์โบ
และวิธีที่ NA จะชนะได้ ก็ต้องอาศัยรอบเครื่องยนต์ที่มากกว่า และความจุที่มากกว่าเข้าข่ม
แต่ถ้าเริ่มต้นเงื่อนไขว่า 1.6 ลิตรเท่ากัน และโยนเงินให้ 300,000 บาทเท่ากัน
สร้างข้อบังคับว่าความจุต้องอยู่ที่ 1.6 ลิตรเท่านั้น งานนี้เทอร์โบกินในด้านพลัง
แต่ถ้าพลังนั้นไม่สามารถลงพื้นได้ไม่หมด ก็ไม่มีทางที่จะสู้ NA ที่ถ่ายม้าลงพื้นครบทุกเม็ดได้
เรื่องสับเกียร์ไม่ถูกจังหวะ ผมว่า NA นี่ปราณีต่อความผิดพลาดตรงนี้มากกว่าเทอร์โบนะครับ
เพราะ NA กดเมื่อไหร่ก็มา ถ้าห้อยก็เพราะสับเกียร์ที่รอบต่ำเกินไป ดังนั้นต้องสับเกียร์โดยที่
ระลึกได้ล่วงหน้าว่าถ้าขึ้นไป 1 เกียร์ รอบจะลงมาเหลือเท่าไหร่
แต่ถ้าเป็นเทอร์โบ คุณกดที่เกียร์ 2 ที่รอบ 4,000 กับกดที่เกียร์ 3 ที่รอบเครื่อง 4,000
หรือกดที่เกียร์ 3 ที่รอบเครื่อง 5,000 เวลาทีเ่ทอร์โบใช้ในการสร้างพลังมักจะไม่เท่ากัน
ทำให้การจับจังหวะนั้นยากกว่า แถมพอกดมาก ล้อก็ปั่นฟรีทิ้งระเบิดระเบ้อ ต่อให้มี
Limited slip ก็เถอะ พอถอนคันเร่ง บูสท์ก็ตกต้องพยายามเลี้ยงทั้งรอบเครื่อง และบูสท์
ดังนั้น ผมถึงไม่แปลกใจที่ความแรงในแบบ NA ยังไม่ตายไปจากโลกใบนี้
และ Honda อย่างที่คุณ YenChar ลองนั่นล่ะ คือตัวอย่างของเครื่อง NA ที่จะอยู่เป็นตำนาน
ในหนังสือไปจนวันที่รถทั้งโลกเป็นไฟฟ้า
-
ผมว่าจะถามพี่แพนมานานแล้ว เห็นพี่แพนชอบบอกประมาณว่ารถnaแต่งยังไง แรง/บาท ก็ไม่คุ้มเท่ารถมีโบ
แล้วทำไมตัวพี่เองถึงไม่คิดที่ใส่โบให้nxบ้างอะครับ
และก็แอบทวงthe fastของnx ด้วยนิดๆ อิอิ
แฟนประจำของเรานี่นา เดี๋ยวรอเคลียร์งานอีกสักพักเลยล่ะ ยังไม่มีเวลาลองทำคลิปเปรียบเทียบให้ดู
ระหว่างก่อนทำกับหลังทำ อยากให้เห็นภาพกันชัดเจน
เคยลงคลิปไปอันนึงมั้ง..หรือเปล่า ถ้ายังไม่เคยดู ก็เอามาให้ดูก่อน
NX Ondyno BrianCrower2 (http://www.youtube.com/watch?v=P5PKHeK9Bjw#)
เสียงเครื่อง เป็นเหตุผลหนึ่งของการเลือกที่จะเป็น NA
ความแรงเมื่อเทียบม้า/บาท เทอร์โบได้มากกว่าจริง แต่นี่คือเรื่องของความแรงนะไม่ได้มองด้านอื่น
ถ้าผมมีแต่ NX คันเดียว รับรองว่ามันได้เทอร์โบไปนานแล้ว แต่พิจารณาในข้อจำกัดที่ตัวเองมี
1. NX มีเนื้อที่ในห้องเครื่องไม่ใหญ่นัก
2. ไม่มีที่ให้ไว้อินเตอร์คูลเลอร์ เอาไว้ด้านบนก็ต้องเจาะสคูป เอาไว้ด้านล่างก็ต้องเฉือนกันชนหน้าทิ้ง
นอกจากนี้มันยังชั่วตรงที่เป็นรถไม่มีกระจังหน้า และช่องดักลมที่ดูเหมือนใหญ่ที่จริงแล้วแคบมาก
ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะที่จะทำการใดซึ่งเป็นการเพิ่มความร้อนให้กับห้องเครื่อง
ดังนั้นเหตุผลที่เป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่งก็คือ ผมไม่ต้องไปยุ่งกับการดัดแปลง ตัด เฉือนส่วนใดของรถที่
ผมคิดจะเก็บไว้ใช้อีกนาน จนกว่ามันจะไม่สามารถวิ่งบนท้องถนนอย่างปลอดภัยได้
3. ผมมี Legacy BC5 อยู่อีกคัน ซึ่งรถคันนั้นมีความพร้อมในการรองรับแรงบิดแบบเทอร์โบได้ดีกว่า
ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวรถมีความแข็งแกร่ง ปลอดภัย ทนต่อแรงกระทำมากกว่า ดังนั้นผมจึงตัดสินใจ
ให้รถสองคันนี้มีหน้าที่ไ่ม่ซ้อนกัน รถคันนึงจะสอนชีวิตด้านที่มีเทอร์โบให้ผม ในขณะที่รถอีกคันจะทำให้ผมรู้
ว่ารถ NA มีความน่ารักตรงไหน
สำหรับ Legacy ปัจจุบันไม่ได้มีการทำอะไรมากไปกว่า Downpipe และท่อ มันยังต้องถูกเพิ่มความแรงอีกมาก
ปัจจุบัน 200 แรงม้า มันยังต้องขยับเพิ่ม เป็น 260,320, 350, 400, 450 ตัว แล้วแต่ว่าเงินจะหมดก่อน
หรือผมจะตายก่อน ส่วน NX นั้น ม้าเท่าที่คุณเห็นในวิดิโอนั่นคือมากสุดที่ผมจะมอบให้กับมัน ผมจะหยุดไว้แค่นี้
เพื่อให้มันสามารถอยู่กับผมต่อไปได้อีกนานๆครับ
โอ้ว คุณแพนครับ
อนาคตอันใกล้ ผมมีแผนจะเล่นซนกับ
Nissan Primera P11 เดิมๆ พอดี
อยากแรงแบบ step เบาะๆ กับ N/A
เดี๋ยวไปจัดการภารกิจซื้อรถให้พ่อก่อน
แล้วเงินเหลือเท่าไหร่ค่อยมาดูกันอีกที ;D ;D
จากวิดิโอที่ผมโพสท์ จะเห็นได้ว่าม้าจำนวนนี้มากกว่ารถ SR20DE เดิมๆสนิททำท่ออยู่ราว 50 ตัว
แต่ 50 ตัวนี้ เท่าทำจำได้คร่าวๆค่าใช้จ่ายมันไม่น้อยเท่าไหร่ครับ
แคมชาฟท์+สปริงวาล์วและรีเทนเนอร์ ก็ 24,000 บาทแล้ว นี่ไม่มีค่าส่งจากอเมริกานะ เพราะแม่ผมหิ้วมาให้
สมัยนี้อาจจะถูกเพราะค่าเงินเหลือดอลลาร์ละ 30 บาท
ค่าทำฝาสูบและติดตั้งแคมชาฟท์พร้อมอุปกรณ์ทั้งหมด 10,000 บาท ถ้าไม่ใช่ว่าคนเป็นพี่น้องกันเขาไม่ทำให้หรอกครับ
เพราะราคานี้ดีสุดแล้ว ถ้าเป็นราคาร้านทั่วไป อย่าหวังครับ เตรียมคูณสองคูณสามกันได้เลย
กล่อง ECU ผมโมดิฟายโดยการใช้กล่อง F-Con V Up โปรแกรมเป็น V Pro ซึ่งเพื่อนผมคิดว่ามีความเหมาะสมที่สุด
กับเครื่องสไตล์นี้ ทำให้เราสามารถถอดแอร์โฟลว์ทิ้งไม่ต้องใช้ เปลี่ยนจานจ่ายมาใช้คอยล์ดับเบิ้ลของ 4G63 ได้
ตรงนี้ ราคาหน้าบ้านพร้อมติดตั้งและจูน มี 30,000 บาทได้ครับ (แน่นอน ผมจ่ายน้อยกว่านี้ เพราะเป็นของขวัญ
วันเกิดที่เพื่อนผมตั้งใจให้ผม ..ออกเองแค่ค่ากล่อง F-Con ซึ่งได้มาในราคาที่ถูกกว่าปกติ)
ทำเสร็จแล้ว ความทุกข์ที่ตามมาหลังจากเสียเงินทั้งหมด ซึ่งตัวเองก็ไม่ทันได้คิดไว้..
ผมไปใส่สปริงวาล์วแข็ง ซึ่งหวังผลในด้านการป้องกันอาการวาล์วดีดกลับไม่ทันที่รอบสูง แต่สปริงแข็งๆ
ก็มีข้อเสียคือมันไปฝืนกำลังการหมุนของเครื่องยนต์มากเหลือเกินครับ
ผล?..เคยเจอไหมครับ รถ 2.0 ลิตร หนัก 1.1 ตัน เกียร์ธรรมดา กินน้ำมันในเมือง 5.7 กิโลลิตร ซึ่งในที่เดียวกันนี้
Legacy Turbo 2.0 ลิตร หนัก 1.35 ตัน ทำได้ 6.2 กิโลลิตร...นั่นแหละไอ้เจ้า NX ผม
ดังนั้น สำหรับคนที่มี Primera P11 อยู่แล้ว และมีงบ 7-8 หมื่นในการทำแรง..SR20VE น่าสนกว่าครับ
ถึงแม้อะไหล่บางส่วนหาไม่ง่ายเหมือน SR20DE แต่ปัจจุบันที่ซ.นวลจันทร์มีร้านที่ขายเครื่องเคราของเครื่อง VE
โดยเฉพาะอยู่แล้ว ก็ทำให้เบาใจลงไปได้มากอยู่
-
ท่านผู้การ ใส่สปริงแข็งดีแล้ว อิอิิอิ เคยเห็นต่อหน้าต่อตาB18 C สับเกียร์ว่าว
กล่องเอาเซฟ โหมดออก รอบฟาดไปหมื่นฝ่าๆเอง วาล์วลอยโหม่งลูก ดังป๊อง
จบข่าวเลย
-
SR20VE คงต้อง 6MT เท่านั้น 204 ม้า อยู่ใน Primera HP12 และ WHP12 ครับ
-
20VE เอาจาก P11 ก็มีครับ แต่เป็นเกียร์ CVT เท่านั้น เครื่องตัวนี้หาง่ายกว่า
ประกบกับเกียร์ธรรมดา 5 เกียร์จาก SRขับหน้าตัวใดก็ได้ตามชอบ
(CVT เดิม...ไม่มันส์)
20VE จาก P12 เคยมีหลุดเข้ามาให้เห็นตัวนึง สภาพน่าโดนมาก แต่ไม่เอา
เพราะตอนนั้นซื้อแคมแต่งมาครบชุดแล้ว
-
พวก ferrari อะคับนั้นก็ไม่มีโบนิคับ
-
ขอบคุณครับอธิบายซะละเอียดเลย
อีก4ปีเท่านั้นเรียนจบบบทำงาน น้อง3 จะได้แปลงร่างกับเขาบ้างงงงงง 5555
(บ้าไปแล้วววว)
-
มันคนละอารมณ์กันเนอะ เหมือนที่พี่ๆ ว่ากันนั่นแหละ
เครื่องเทอร์โบ อัดหนักอัดมากๆ ลากยาวๆ มีพัง ถ้าน้ำมันจ่ายไม่ทันและอื่นๆ กระจายคาเท้ามาแล้ว 55
ส่วนเครื่อง na อย่าง bm หรือ honda จะอัดจะลากให้ตาย ก็พังยากกว่าเทอร์โบ กดเป็นมาทุกย่านความเร็ว
อารมณ์ต่างกันเยอะครับ แล้วแต่ชอบมั้ง
พวกเฟอร์ ลัมโบ ถึงเล่น na สูบเยอะๆ กันมากกว่า เพราะสบายใจกว่าเทอร์โบเยอะครับ
-
ที่สุดของ 1500 ซีซี NA ของโลก
ผมว่าคือ D15B 130 แรงม้านะครับ
-
ใช่หรอคับ เครื่องพวก F1 ก็ไม่มีโบนะได้กี่ม้าหว่า
-
ลองหาเอาจาก wikipedia ก็ได้ครับ
ที่พูดถึงกันอยู่นี่ คงจะเป็นรถถนนมากกว่า
เครื่อง F1 จะสตาร์ททีนึง ต้องเลี้ยงน้ำอุ่นเข้าไปให้โลหะขยายตัวก่อน ไม่งั้นชิ้นส่วนต่างต่างติดหนึบขยับไม่ได้
ต้องพ่นอากาศเย็นเข้าไป ไม่งั้นเดินเบานานจอดอยู่กับที่ก็ Overheat
แรงม้าแรงบิด มากันแถว 10,000 รอบขึ้นไป เสียงแว้ดลั่นไปหมด
อายุการใช้งาน วิ่งได้ 3-4 สนาม หรือจบฤดูกาลก็ลาโลก
แบบนี้ เอามาวิ่งบนถนนคงไม่ไหวกันล่ะครับ
-
1,500 ซี.ซี. ไม่มีระบบอัดอากาศใดๆ และเป็นเครื่องยนต์ที่พบในรถยนต์นั่งทั่วไป
D15B มักจะมาเป็นอันดับต้นๆในใจผมเช่นกัน อาจเป็นเพราะม้า 130 ตัวมันฟังดู
เยอะมาก
แต่ถ้าเอาเข้าจริงๆ จับ D15B มาใส่เกียร์อัตโนมัติ สร้างเงื่อนไขน้ำหนักบรรทุก
ให้เท่ารถ B-Segment ทั่วไปของสมัยนี้ คุณจะแปลกใจที่ 130 ม้าของมัน
ไม่ยักกะแผลงฤทธิ์ปราบ Jazz GE แบบคาที่
แต่เออเนาะ Jazz สมัยนี้มันก็ Auto 5 สปีดนี่หว่า
-
ที่สุดของ 1500 ซีซี NA ของโลก
ผมว่าคือ D15B 130 แรงม้านะครับ
ผมว่าอีกไม่นานคุณจะลบความเชื่อนี่ครับ!!! ก๊ากกกกกกกกกกกก ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
;D ;D ;D ;D ;D