Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: PREM ที่ มีนาคม 07, 2011, 22:01:55
-
ด้วยความตื่นเต้น ที่ในที่สุดระบบภาษีที่ยกเลิกข้อจำกัด 220 แรงม้าบ้าๆ บอๆ แล้วมาเก็บตาม CO2 แทน
ผมลองนึกลิสต์รถดีๆ แรงๆ ที่น่าจะมีโอกาสมาทำตลาดในราคาไม่แพงเกินเหตุ
เท่าที่นึกออกตอนนี้คือ
BMW 530d มาเป็น CKD ได้ (จริงๆ เอามาแทน 525d ยังได้เลย)
BMW 535i
BMW 730Ld, X5 xDrive30d, X6 xDrive30d ไม่ต้องตอนแรงม้าอีกต่อไป
BMW 740Li ราคาก็จะถูกลงเยอะ เผลอๆ ไม่ต้องมี 730Li แล้วก็ได้
BMW 1-Series M Coupe :o
BMW Z4 sDrive35i, 35is ราคาคงถูกลงเป็นล้านๆ
Mercedes E350 CDI อยากให้เอามาขายเป็น CKD
Mercedes S350 CDI ไม่ต้องตอนแรงม้า
Volkswagen Golf R/Scirocco R
Audi TT RS :o
Audi S4/S5
Subaru Impreza WRX STi :o
Mitsubishi Lancer Evolution :o
มีใครคิดรุ่นไหนออกอีกช่วยกันหน่อยนะครับ ;D
-
ยังคิดรุ่นต่างๆไม่ออกครับ
เพราะเห็นรายชื่อรถที่น้องเปรมพิมพ์มาก็ตาเยิ้มแล้วครับ
:)
-
ไม่ยักกะทราบเลยครับเรื่องนี้ แค่ข่าวลือหรือเปล่า
แต่เอาเป็นว่า เฮ!!!
AUDI น่ะ ยกทัพกันมาให้หมดเลยยยยยยยยยยยยยยย!!!! ;D ;D
-
Cayanne Hybrid จะเหลือเท่าไหร่เนี่ย... :o
-
lexus ls460/ls460l
lexus gs300
kia k7
bentley mulsanne คิออกแค่นี้ล่ะครับ
-
รถจาก EU ส่วนมากเลยครับ ว่าแต่ลดภาษีกี่เปอร์เซ็นต์ครับ?
-
scirocco r , golf r, ราคาจะเหลือเท่าไหร่น้อ รถเกรย์ 2.6 M
-
Mazda Speed2-3
Honda Integra DC5
Peugeot 207GT
.-_-.
-
รถเกรย์ ย่อมถูกกว่า ดีลเลอร์ อยู่แล้ว ผมเดาว่าอยู่ระหว่าง 2.8-3.2 ล้านครับ
-
GS300 ไม่โดนตอนม้าแล้วสินะ
และ
Camry / Accord 3.5 จะถูกลงสินะ
-
ตาโตตั้งแต่ 530d ละครับ ;D
-
หยอดกระปุกรอแล้วครับ อีกตั้ง3ปีมั้งกว่ากฎหมายจะบังคับใช้ สะสมเงินรอไว้ก่อนเลย 5555
-
ภาษีใหม่ รถ hybrid จะถูกลงกี่ %
-
คนที่หวังว่า mazda จะเอาเทคโนโลยี skyactive มาไทยรึเปล่า
ข่าวนี้น่าจะทำให้มีความหวังมากขึ้นกว่าเดิมมากๆ
และผมก็ดีใจที่จะได้ใช้ เครื่องยนต์ดีๆ เทคโนโลยีดีๆ ในราคาที่เอื้อมได้ (^^)
-
Exploler ecoboost 3.5V6 พระเจ้า
-
ถ้าเป็นจริงก็เยี่ยม อนาคตจะได้ไม่ต้องนั่งฝันอย่างเดียวแล้ว อิอิ
-
ว่าแต่ใครมีโครงสร้างภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ช่วยลงให้ดูหน่อยสิครับ
ผมหาไม่เจอ ><
-
คลังรีดภาษีรถปล่อยมลพิษ อี20อ่วม!จ่ายเพิ่ม5%-พีพีวีเสียเท่าเดิม
นายมั่น พัธโนทัย รมช.คลัง กล่าวว่า กรมสรรพสามิต กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ได้สรุปการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยโครงสร้างภาษีใหม่จะเพิ่มแรงจูงใจด้านการลดมลพิษ ซึ่งกำหนดไว้ว่ารถยนต์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ (CO2) น้อยกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ให้เสียภาษีสรรพสามิตในอัตราปกติ หากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต่ำกว่า 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะได้ลดภาษีสรรพสามิต 5% แต่หากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออก ไซด์เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นอีก 5%
สำหรับโครงสร้างใหม่ภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งจะมีรถที่ใช้แก๊สโซฮอล์ 10% (อี10) และรถที่ใช้แก๊สโซฮอล์ 20%(อี20) รวมอยู่ด้วย ส่วนอัตราภาษีที่มีหลายอัตราตามขนาดเครื่องยนต์ และกำลังแรงม้า มีอัตราภาษีตั้งแต่ 25-50% ก็จะลดลงเหลือ 2 อัตรา คือ คิดตามขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3000 ซีซี อัตราภาษี 30% ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3000 ซีซี อัตราภาษี 50% โดยให้แรงจูงใจการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า 150 กรัมต่อกิโลเมตรจะได้ลดภาษี 5% แต่หากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร ก็ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น 5% ขณะที่รถยนต์ตรวจการณ์(พีพีวี) ยังคงอัตราภาษีเดิมที่ 20% แล้วได้แรงจูงใจภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เหมือนกับรถยนต์นั่งเช่นกัน
สำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงานทั้งรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ 85% (อี85) อัตราภาษีลบ 3% จากอัตรารถยนต์นั่ง ส่วนรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี) ที่ผลิตจากโรงงานอัตราภาษี 20% และรถยนต์ไฮบริดอัตราภาษี 10% พร้อมทั้งแรงจูงใจภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหมือนกับรถยนต์นั่ง และพีพีวี แต่รถยนต์ประหยัดพลังงานประเภทรถยนต์ไฮบริด รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงและรถพลังงานไฟฟ้า(อีวี) เสียภาษีอัตราเดิม 10% และไม่มีแรงจูงใจด้านภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงรถยนต์อีโคคาร์ก็ใช้อัตราภาษีเดิม 17%
นายมั่นกล่าวว่า การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่หากนำมาใช้ทันทีตามข้อเสนอของกรมสรรพสามิตจะกระทบกับผู้ประกอบการรถยนต์ทำให้ต้นทุนเพิ่ม เพราะรถยนต์ที่ใช้ในประเทศปัจจุบันมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ทำให้ต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก 5% ซึ่งหากกรมสรรพสามิตเสนอขึ้นมาจะต้องหารือให้ยืhttpดเวลาการบังคับใช้ออกไป 2-3 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัว
ทั้งนี้กรมสรรพสามิตประเมินผลที่คาดการณ์จะได้รับจากการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ในส่วนของภาษีรถยนต์นั่งภาษีที่เก็บได้น่าจะขยายตัวถึง 27.71% เทียบกับปี"53 เนื่องจากรถอี 20 ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
วันที่ 07 มีนาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7403 ข่าวสดรายวัน
-
ใครช่วยทำให้เป้นตารางให้ดูหน่อยได้หรือเปล่าครับ อ่านแล้วงงจังเลย โดยเฉพาะตรงนี้อ่ะครับ
"สำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงานทั้งรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ 85% (อี85) อัตราภาษีลบ 3% จากอัตรารถยนต์นั่ง ส่วนรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี) ที่ผลิตจากโรงงานอัตราภาษี 20% และรถยนต์ไฮบริดอัตราภาษี 10% พร้อมทั้งแรงจูงใจภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหมือนกับรถยนต์นั่ง และพีพีวี แต่รถยนต์ประหยัดพลังงานประเภทรถยนต์ไฮบริด รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงและรถพลังงานไฟฟ้า(อีวี) เสียภาษีอัตราเดิม 10% และไม่มีแรงจูงใจด้านภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงรถยนต์อีโคคาร์ก็ใช้อัตราภาษีเดิม 17%"
ตกลงว่ารถไฮบริด ได้ลดภาษี 5% หรือเปล่าครับ ถ้าปล่อย CO2 ไม่ถึง 150g/km
-
แสดงว่ารถไฮบริดที่ปล่อย CO2 ไม่ถึง 150g/km ก็จะเสียภาษีเพียง 5% เท่านั้นสินะ ;D
-
เพิ่งนึกออกเพิ่ม
Volvo C30 T5, S40 T5, V50 T5, S60 T6, S80 T6 ได้หมดเลยยย
-
ใช่เลยครับ ทางเลือกมากขึ้นมากมายแน่ๆ ถึงจะโดนภาษี50% ก็เถอะ
-
อ่านยาก สรุปหน่อยน่าจะดี
1. เดิม E20 30% เดิม 25%
2. รถนั่ง
ต่ำกว่า 3000 ซีซี 30%
สูงกว่า 3000 ซีซี 50%
3. E85
ต่ำกว่า 3000 ซีซี จะเสีย 27%
สูงกว่า 3000 ซีซี จะเสีย 47%
4. PPV 20% เท่าเดิม
5. ECO Car 17% เท่าเดิม
6. NGV โรงงาน 20%
7. Hybrid 10%
โดย 1 - 6 จะมีเรื่องมลพิษมาเกี่ยวข้องด้วย
1. ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 150 ลดลงอีก 5%
2. ปล่อย CO2 สูงกว่า 200 เพิ่มขึ้นอีก 5%
-
อ่านยาก สรุปหน่อยน่าจะดี
1. เดิม E20 30% เดิม 25%
2. รถนั่ง
ต่ำกว่า 3000 ซีซี 30%
สูงกว่า 3000 ซีซี 50%
3. E85
ต่ำกว่า 3000 ซีซี จะเสีย 27%
สูงกว่า 3000 ซีซี จะเสีย 47%
4. PPV 20% เท่าเดิม
5. ECO Car 17% เท่าเดิม
6. NGV โรงงาน 20%
7. Hybrid 10%
โดย 1 - 6 จะมีเรื่องมลพิษมาเกี่ยวข้องด้วย
1. ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 150 ลดลงอีก 5%
2. ปล่อย CO2 สูงกว่า 200 เพิ่มขึ้นอีก 5%
ขอบคุณครับ สำหรับทำตารางครับ
แต่พวก รถ super cars ราคาจะขึ้นนะครับ ได้อย่างเสียอย่าง คนรวยๆๆต้องรีบซื้อครับ ;D
พวกเครื่องยนต์ 3000 ซีซี ขึ้นไป แพงขึ้นอีก 50+5% นะครับ ถ้า CO2 เกิน 200 นะ
แต่ว่า งง รถยนต์คันไหนเกินไม่เกิน น้ำมันที่ทดสอบต้องเป็นน้ำมันในไทย สิครับ จะเปิดช่องโกง CO2 หรือเปล่าครับ
คงเทียบกับ spec ยุโรป ไม่ได้สิครับ เพราะ น้ำมันเขา EU5-6 กันแล้ว
รถแพงขึ้น ถ้า option เหมือนเดิม ไม่มีใครซื้อกันหรอกครับ ผมว่า บริษัทรถยนต์ต้องแข่งกันที่ option กันแล้วครับ
-
ผมจะได้เห็น Bugutti Veron ในราคาไม่ถึง 10 ล้านในชีวิตนี้จริงๆ หรอครับ :o