Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Arado_kung ที่ มีนาคม 14, 2011, 22:30:10
-
อ่านข่าว นสพ. แต่ละฉบับแล้ว ไอ้คนเขียนข่าวมันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนิวเคลียร์ซักกะนิดเลย เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มันยังไม่ระเบิดเฟ้ย ไอ้ที่เห็นบึ้มเป็นโกโก้ครั้นน่ะ มันเป็นท่อของระบบหล่อเย็นที่มันทนแรงดันที่เพิ่มขึ้นของไอน้ำในท่อไม่ไหวแล้วระเบิดออกมาต่างหาก ต้วโดมครอบเตาปฏิกรณ์มันแข็งแรงมาก ขนาดให้บินลาเดนจี้เครื่องบินมาชนมันยังไม่พังเลย รังสีที่รั่วมาตอนนี้มันเป็นรังสีที่ปนเปื้อนอยู่ในไอน้ำของระบบหล่อเย็น ลองเตาระเบิดจริงๆมันคงจะให้คนเข้าไปถ่ายรูปได้หรอกนะ จนท.ยังเพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด สักแต่ว่าเขียนข่าวกันจริงๆเลย
-
ความหวังที่จะเห็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองไทยคงริบหรี่แทบจะหายไปเลยล่ะ หลังจากเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่น ::)
-
ให้คนที่ไม่มีความรู้ไปเป็นสื่อ หรือพูดง่ายๆคนโง่ๆคนนึงที่ไม่เรียนรู้ว่ามันคืออะไร มาเป็นคนกระจายข่าวออกไปย่อมส่งผลที่เลวร้ายมากๆ
-
จริงๆครับ
แบบนี้ถึงได้เวลาฟัง BBC/CNN บ้างแล้ว
-
ให้คนที่ไม่มีความรู้ไปเป็นสื่อ หรือพูดง่ายๆคนโง่ๆคนนึงที่ไม่เรียนรู้ว่ามันคืออะไร มาเป็นคนกระจายข่าวออกไปย่อมส่งผลที่เลวร้ายมากๆ
สื่ออย่างนี้ต้องมีการพัฒนาครับ
-
ตั้งแต่ดูมาทั้งวันมีสรยุทธ์เนี่ยอธิบายดีหน่อย
-
จริงๆครับ
แบบนี้ถึงได้เวลาฟัง BBC/CNN บ้างแล้ว
สื่อไทยมันก็แปลมาจากพวกนี้แหละครับ ถ้าจำไม่ผิดฝรั่งเค้าจะเขียนว่า ตัว Plant บางส่วนมีการระเบิด ยังไม่ได้บอกซักคำว่า reactor มันระเบิดแล้ว แต่ไอ้พวกสื่อโง่ๆมันตีความว่าโรงไฟฟ้าระเบิดคือเตาปฏิกรณ์ระเบิด เวรจริงๆโชว์โง่กันเกือบทุกสำนักข่าวไทย
-
ไม่ใช่แค่หริบหรี่ครับ รัฐบาลยกเลิกไปแล้วด้วย(มั้ง) เห็นข่าวแวบๆ
ซะงั้นจงซื้อไฟจากเพื่อนบ้านใช้ซะ เอวัง
-
ที่ฮากว่านั้นคือ มีการ broadcast massage ผ่านทั้งทาง BB Facebook What'sApp ว่า มีการระเบิดแล้ว กัมมันตรังสีจะแพร่กระจายมาถึงไทย ให้ป้องกันโดยการเอาเบต้าดีนชุบผ้า แล้วพันไว้รอบคอ เพื่อป้องกันต่อมไทรอยด์
ไม่ไหวจริงๆ กระจ่ายข่าวกันแบบไม่มีวิจารณญาณกันเลย
-
เสนอข่าวจนน่าตกใจมาก จนผมงงไปหมดแล้ว คือตอนแรกก็เข้าใจว่าไม่ใช่ตัวเตาปฏิกรณ์ แต่สื่อไทยเสนอข่าวซะเหมือนตัวเตาปฏิกรณ์มันระเบิดเลย ยิ่งเห็นพาดหัวในไทยรัฐนี่ยิ่งคิดเลยว่า หรือที่ตรูเข้าใจในตอนแรกมันผิดหว่าา ???
-
พูดตรงๆนะ
ตอนนี้ ผมต้องนั่งอ่าน Press Released ของทาง TEPCO เจ้าของโรงไฟฟาเอง
แถมพ่วงด้วยการอธิบายของคนรอบข้าง ถึงจะเข้าใจ
แต่ ขนาดคนญี่ปุ่น ที่ผมคุยติดต่องานด้วยกันนั้น เขายังบอกว่ากลัวมันจะระเบิดเลย
ก็คงไม่แปลกที่คนไทยจะกลัว
คุณอยากรู้กันไหมครับ ว่าทำไมคนที่เก่งๆ ถึงไม่อยากมาเป็นนักข่าว?
เงินเดือนนักข่าวเริ่มต้นมีแถวๆ ตั้งแต่ 12,xxx - 15,xxx กว่าจะขึ้นเงินเดือนหนะเหรอ นาน ไม่ค่อยได้ขึ้น
บางค่าย ตอนนี้ การเงินไม่ดี จ่ายพนักงานแบบ ต้นเดือนเอาไปก่อน ครึ่งนึง หรือ 60% ที่เหลือ จ่ายกลางเดือน
เขาหมุนกันแบบนี้เลยทีเดียว
อาชีพนักข่าว ก็เหมือนอาชีพครู
ในเมื่อค่าจ้าง มันน้อย ค่าวิชาชีพน้อย งานหนักเยี่ยงทาส ใครละอยากจะมาเป็น?
ถ้าไม่ใช่คนที่ตั้งใจจริง บ้านพอจะมีปัญญาดูแลไหว หรือเป็นคนที่อุดมการณ์แน่วแน่มาแต่เด็ก
อยู่ไม่รอดหรอกครับ
ถ้าอยากให้นักข่าวไทยเก่งๆ ลงทุนจ้างนักวิชาการ พวกเรียนเก่งๆมาเปนนักข่าวก็ได้
แต่เชื่อเถอะ หลายคน เก่งแต่ตำรา พอต้องมาอธิบายให้คนทั่วไป ก็เขียนต้นฉบับกันไม่ได้เรื่อง เยอะแยะไป
เราถึงยังต้องมีนักข่าว ที่เขียนให้คนอ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างอยู่นี่ไงครับ
อ้อ ถ้าคิดว่า CNN เชื่ออถือได้แล้วละก็ สมัยก่อนอาจใช่
แต่สำหรับทุกวันนี้ กรุณาย้อนไปดูกรณีของ คุณสุกี้ ที่อัดยับนักข่าว CNN เรื่องความไม่สงบในบ้านเมืองเรา
ช่วงปีที่แล้วเสียก่อนเถอะครับ
ส่วนตัวผม ผมเลิกให้ความเชื่อถือสื่อมวลชนทั้งไทย และเทศ ไปหมดสิ้นแล้ว ทุกค่าย ทุกสำนัก
พวกไม่เก่งในด้านท่ตัวเองต้องรายงานหนะมีเยอะ
อย่าแปลกใจถ้าจะบอกว่า แม้แต่ในวิชาการเขียนข่าว ของ มหาวิทยาลัย รามคำแหง
มีคำอธิบายไว้ เล่าถึงกรณีตัวอย่าง การสัมภาษณ์นักข่าวคนนึงเมื่อช่วงราวๆ 1978-1979 ที่สหรัฐฯ
ว่า "อาชีพนักข่าวหนะ มันไม่ต่างอะไรกับถังขยะ ที่จะต้องรับสารพัดสิ่งในตอนเช้า เททิ้งทุกอย่างในตอนเย็น
เพื่อเตรียมถังให้ว่าง สำหรับการรองรับทุกสิ่ง ในวันรุ่งขึ้น"
ครับ ตลอหลายปี ที่ผมใช้ชีวิตแถวๆนี้ ผมเชื่อแล้วละว่า มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
-
นักข่าว ก็คือนักขายข่าว ข่าวอะไรที่ขายได้ ก็ใส่ๆลงไปพร้อมไข่หลายๆฟอง เอิ๊กๆ
-
ถ้าสงสัยอะไร ต้องนั่งไล่อ่านหลายๆที่ หลายๆข้อมูลครับ ถึงจะใช้ได้
เพราะบางครั้งนักข่าวมาไม่พร้อมกัน ข่าวก็อาจไม่ตรงกันแล้วครับ
-
ผมแค่ไม่เข้าใจว่า อะไรมันโชว์โง่ได้โดยพร้อมเพรียงกันซะเกือบทุกสำนักข่าวไทย จนผมสงสัยว่ามีคนแปลข่าวอยู่คนเดียวแล้วส่งข่าวให้ทุกเจ้ารึไงเนี่ย สคริปมันถึงได้เหมือนกันซะขนาดนี้ พวกนักข่าวรุ่นเก่าๆหน่อยไม่มีใครเอะใจมั่งเลยรึไง บก.ไม่มีการเช็ครายละเอียดข่าวเลยรึไง
-
อยากให้พวกนั้นเข้ามาอ่านจัง ถ้าระเบิดนะตอนนี้ก็ยังดับไม่ได้ ต้องใช้ตะกั่วมาดับด้วยซ้ำ น้ำทะเลน่ะทำอะไรไมได้หรอก
ถ้าไปอ่านประวัติเชอโนบิว คงจะคิดได้บ้าง
-
ผมนั่งฟัง NHK World อยู่ตลอด ดีมาก ๆ เมื่อเชาคุณสรยุทธ์ก็ดีมากเช่นกัน
แต่ล่ะคนเอะอะก็จะระเบิดให้ได้ เมื่อกี้ไทยรัฐมาส่งที่บ้าน เห็นพาดหัวข่าวแล้วแทบจะโยนทิ้งเลย (โยนไม่ได้เพราะคนที่บ้านจะอ่าน)
-
นักข่าว คุณจะให้ฉลาดแค่ไหนก็ไม่รู้ไปทุกเรื่องหรอกคุณเอ๊ย ก็ข่าวตั้งแต่ ผัวเมียตีกัน สึนามิ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด อะไรๆมันก็คือข่าว ซึ่งเขาก็พยายามสื่อให้เร็วและตรงที่สุดเท่าที่พอทำได้อยู่แล้ว นักข่าวจะรู้เรื่องโรงฟฟ้านิวเคลียร์แบบ แกนทำความเย็น บ้าบอพวกนั้นได้ยังไงครับ พอข่าวเริ่มหายร้อนขึ้นนิดๆ เขาถึงต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมานั่งคุย วิเคราะห์ กันในรายการอีกทีไง
ส่วนที่คุณ jimmy บอกนักข่าวเงินเดือนน้อย ก็ส่วนนึงนะแต่นั่นพวก field คนใหม่ๆมากกว่าครับ พวกนั่งอ่านข่าว โดยเฉพาะที่ดังแล้ว เงินเดือนไม่น้อยนะครับ ยังไม่รวมค่าพิเศษ(แอบโฆษณา)อีกจิปาถะ ไม่งั้นสรยุทธ์จะรวยเป็นร้อยๆล้านหรือ พวกนั่งอ่านข่าวที่ไม่ดัง เด็กใหม่ๆหลายๆคน ยังได้หลายหมื่นเลยครับ (แต่คิดเป็น ช.ม นะ)
-
สื่อต่างๆมีการบิดเบือน
-
เคยทำรายงานเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลีย
มันมีประโยชน์มากจริงๆนะ ใช้พลังงานน้อย ให้พลังงานมหาศาล
โอกาสที่จะระเบิดก็น้อยมากจริงๆ
ท่าเทียบกันหมัดต่อหมัด ปลอดภัยกว่าโรงงานธรรมดาเยอะะะะครับ
เสียอย่างเดียว ลงทุนสูงมากกก
แต่ท่ามองในระยะยาวก็ถือว่า คุ้มยิ่งกว่าคุ้มครับ
-
จริงๆจะไปว่าเขาลูกเดียวเลยก็ไม่ถูกหรอกครับ
เพราะคนเขียนข่าว หาข่าว ก็คน ไม่มีทางที่จะรอบรู้เชี่ยวชาญไปเสียทุกเรื่อง
แต่อย่างน้อยก็ควรที่จะตรวจสอบความถูกต้องของข่าวก่อนตีพิมพ์
สรุปว่า เขาก็ไม่ถึงกับแย่อะไรมากมายหรอก แค่น่าจะรอบครอบให้มากกว่านี้ :D
-
ผู้รับสัมปทาน ผู้ก่อสร้าง ผ้รับเหมา พลังงานไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน อ้าว คนกันเองทั้งนั้น
เราไม่สร้าง
เวียดนาม เมียนม่า กัมพูชา สร้าง มาชิดชายแดนไทยเอาไฟมาขายเรา แล้วเราจะประท้วงได้งั้นหรอ
-
ผู้รับสัมปทาน ผู้ก่อสร้าง ผ้รับเหมา พลังงานไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน อ้าว คนกันเองทั้งนั้น
เราไม่สร้าง
เวียดนาม เมียนม่า กัมพูชา สร้าง มาชิดชายแดนไทยเอาไฟมาขายเรา แล้วเราจะประท้วงได้งั้นหรอ
เห็นด้วย อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด คิดอะไรมากละครับ :D
-
คนที่บอกว่าสื่อ"โชว์โง่".. อย่าไปว่าเค้าขนาดนั้นเลยครับ
เคสนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ผู้คนจะให้ควาสนใจในชีวิตประจำวันมากนัก เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะด้านพอสมควร
และยิ่งการนำเสนอข่าวที่ต้องแข่งกับเวลา คน"ไม่รู้"จะปล่อยไก่ออกมาก็คงจะต้องมี
ตำหนิพอสมควรพอประมาณ แล้วช่วยกันแก้ไขข้อมูลจะดีกว่าครับ
และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานปรมาณู มันไม่ง่ายขนาดที่จะต้องไปกลัวว่าประเทศเพื่อนบ้านจะชิงตัดหน้าสร้างก่อน
อย่าลืมว่าประเทศที่ต้องการพลังงานนิวเคลียร์ จะถูกตรวจสอบความพร้อมในทุกๆด้านโดย IAEA อยู่แล้ว
ไทยยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ และการนำเสนอความพร้อม
ประเทศที่น้ำไฟยังเข้าไม่ถึงทั่วทุกพื้นที่อย่างเพื่อนบ้านเรา ก็คงจะไม่ง่ายไปกว่าเราหรอกครับ ไหนจะงบประมาณอีก
.-_-.
-
ผมกลับเห็นใจนักข่าวนะ
ข่าวสมัยนี้ต้องเน้นไวอยู่แล้วครับ ส่วนเนื้อหาถ้ามีผิดมีพลาด เดี๋ยวเค้าก็ต้องเอามารายงานซ้ำอยู่แล้ว ว่าผิดตรงไหนไปบ้าง
ถ้าจะให้เค้าพิจารณาทุกข่าวก่อนที่จะเอาลงให้ผู้อื่นได้รับชมได้อ่าน มันคงกลายเป็นข่าวล้าหลังที่สำนักอื่นรายงานไปหมดแล้วล่ะครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ามันเป็นยังไง บางคนพูดถึงโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ดันคิดไปถึงระเบิดนิวเคลียร์ซะนั่น ก็เลยกลัวกันไปหมด
-
เห็นมีคนพูดว่าระเบิดแล้ว จริงเท็จอย่างไร ผมกำลังหาแหล่งข่าวอยู่
-
จากที่ได้เคยคลุกคลีกับคนที่เป็นนักข่าว และตัวเองก็จบสื่อสารมวลชนมาด้วย ก็ขอแสดงความเห็นนิดนึงนะครับ
จริง ๆ นักข่าว ส่วนใหญ่ ของบ้านเรา ไม่ได้ฉลาดอะไรหรอกครับ ออกจะโง่ด้วยซ้ำ
ข่าวก็สักแต่เขียน ๆ ไป โดยเฉพาะข่าวเมืองไทย มันต้องเขียนให้ตื่นตา ตื่นใจ ตื่นเต้น เร้าอารมณ์
ความถูกต้อง กับ จรรยาบรรณ์ ไว้ทีหลัง
สังเกตว่า เมืองไทย จะีมีแต่ข่าวเสี้ยม ข่าวกระแส อ้างแหล่งข่าว ทั้ง ๆ ที่ บางเรื่อง ประชาชนเค้าเห็น เค้าทราบด้วยตาเค้าชัดเจนแจ่มแจ้ง
ก็มีแต่นักข่าวนี่แหละตีมึนมองไม่เห็น ไปตะแบงถามอีกฝ่ายอยู่ได้ เพียงเพื่อจะเอาไปตีเขียนข่าวหากินไปวัน ๆ
กว่าข่าว ๆ นึงจะเผยแพร่ออกไป ต้องผ่านหลายอย่าง ข่าวสารเมืองไทยมันถึงบิด ๆ เบี้ยว ๆ ยิ่งเสพแล้วก็ยิ่งโง่อยู่อย่างทุกวันนี้...
-
คือว่าคนไทยยังมีความเข้าใจ หรือความรู้ด้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์น้อยเกินไปหน่อย
เลยเกิดความกลัวว่า มันจะระเบิดเหมือนระเบิดนิวเคลียร์ที่เห็นในหนังหรืออื่น
แต่ก็ว่าแหละเป็นใครๆก็กลัว แต่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความปลอดภัยที่สุด
ถ้าเป็นเขื่อน เขื่อนแตกขึ้นมาก็เสียหายมากเหมือนกัน
เตาปฎิกรณ์จะหยุดอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตู แผ่นดินไหว แต่ในแท่งปฎิกรณ์ยังมีความร้อนอยู่
จึงต้องปั๊มน้ำเข้าไปหล่อเย็น แต่บังเอิญที่ ดีเซลเจนเนอร์เรเตอร์ ดันถูกน้ำท่วม ใช้การไม่ได้อีก
ความร้อนเลยสูงขึ้น จึงเกิดระเบิด แต่ไม่ใช่ที่แท่งยูเรเนียม ถ้าจำไม่ผิดเตาปฏิกรณ์จะถูกหุ้มด้วย
เหล็กที่หนาถึง 7 นิ้วโดนยิงโดนระเบิดก็ไม่เป็นไร
สื่อหรือนักข่าวก็อาจจะไม่มีความรู้ลึกๆด้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากนักก็ได้ แต่เห็นก็นำผู้มีความรู้
มาอธิบายแล้วเหมือนกัน
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีโครงการสร้างที่ศรีราชาตั้งแต่ผมเกิด 2517 แต่ก็ล้มไปเพราะไปเจอถ่านหิน
ที่แม่เมอะ ลำปาง แต่ตอนนี้งบประมาณก็แพงขึ้นเป็น 10 เท่าแล้ว (70 % เป็นเรื่องควบคุมความปลอดภัย)
ที่ไม่ได้สร้างเพราะเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว
-
จากข้อมูลล่าสุด
เตาปฏิกรณ์ถูกปิดไปตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวแล้วครับ เป็นมาตรการด้านความปลอดภัยของระบบเอง
แต่ที่ยังมีปัญหาอยู่ คือความร้อนภายในแกนแท่งเชื้อเพลงที่เป็นยูเรเนียมและพลูโตเนียม
เท่าที่หาข้อมูลมา แกนแท่งเชื้อเพลิงจะไม่มีการระเบิดครับ
แต่ความร้อนสะสมจะหลอมละลายจนทำให้ปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมาในปริมาณสูงมาก
ซึ่งการแพร่กระจายของรังสีนี่ล่ะ ที่ผมว่าน่ากลัวไม่น้อยกว่าการระเบิดเลย เพราะมันเป็นภัยที่เรามองไม่เห็น
ส่วนการระเบิดภายในอาคารโรงไฟฟ้า เป็นเพราะเกิดแรงดันของก๊าซที่ระเหยจากน้ำครับ
น้ำที่หล่อเย็นปริมาณมหาศาลได้รับความร้อนจนเกิดการระเหย เป็นอ็อกซิเจนและไฮโดรเจน
ถ้าไม่เปิดช่องให้ระบายออกไป แรงดันภายในระบบปิดก็เป็นอันตรายต่ออาคารโรงไฟฟ้าได้ครับ
อันนี้คือข้อมูลเท่าที่ผมหาได้จากข่าวและนักวิชาการที่ออกสื่อนะ
**แก้คำผิดหน่อยครับ
.-_-.
-
ขอคิดด้วยคนครับ!!!
เชื่อหรือไม่แต่ละสังคม แต่ละสาขาอาชีพในโลกนี้ ใช่ว่าคนกลุ่มนั้นๆจะรู้เรื่องราวในสังคมตัวเอง สาขาอาชีพตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่งไปเสียทั้งหมด
บ้างก็รู้เยอะ บ้างก็รู้น้อย บ้างก็กลางๆ ตามความสามารถ
แค่การไปหาหมอ คิดว่าทุกคนคงได้ยินคนรอบข้างพูดว่า ไปหาหมอคนนี้ซิเก่งนะ! ไม่เอา ไปโรงพยาบาลนี้ดีกว่า
อาชีพสื่อคงรายได้น้อยจริง แต่ใช่ว่ารายได้น้อยจะนำมาซึ่งความรับผิดชอบในการทำงานกันทุกคน และสื่อที่ตรงไปตรงมามักจะได้รับความนับถือ ซึ่งมีค่ามากกว่าเงินหลายเท่า
เหมือนสื่ิอรถยนต์นั่นแหละครับ คุณ J!MMY รู้ดีว่า มีทั้งดีทั้งเลว มีทั้งรับผิดชอบและไม่รับผิดชอบปะปนกันไป
วงการข่าวโดยรวมก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ
ผมว่าเรามองแง่ลบมากเกินไป
ถ้าอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ให้ละเอียด หรือดูทีวีตั้งแต่ต้นจนจบข่าว บทสรุปของเนื้อหาไม่ได้บอกว่า เตาปฏิกรณ์ระเบิด แต่แท่งเชื้อเพลิงน่าจะหลอมเหลวไปแล้ว ที่ระเบิดคือตัวอาคารที่ครอบเตาปฏิกรณ์ซึ่งทนแรงกดดันที่มหาศาลไม่ได้
อาจจะมีบ้างที่มั่วข่าว แต่ก็เป็นเรื่องของการ"ให้"และ"เสพ"สื่อ ในยุคแดกด่วน! คือจุดอ่อน นำไปสู่ความผิดพลาดในการสื่อสาร ยิ่งเจอผู้ให้ที่มักง่าย กับผู้เสพที่สิ้นคิด บทสรุปคือ กระต่ายตื่นตูมดีๆนี่เอง แค่มะพร้าวหล่นลูกเดียวกลายเป็นโลกจะถล่ม
ลองกลับไปพลิกดูข่าวอีกทีนะครับ สื่อส่วนใหญ่ใช้ว่าว่า "อาคารเตาปฏิกรณ์" นะครับ ไม่ใช่"เตาปฏิกรณ์"" มีการเปรียบเทียบด้วยซ้ำว่า เคสนี้ยังไม่เท่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เชอเนอบิว ที่เตาปฏิกรระเบิด
อีกอย่างคนทำข่าวใช่ว่าจะโง่ดักดานไม่เคยหาความรู้ใส่ตัวเสียทุกคน ไม่งั้นวงการนี้พังไปนานแล้ว พวกโง่เง่ามีจริง แต่ไม่โง่ก็มีมากอยู่เหมือนกัน
มีนักข่าวสายอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสายยานยนต์ แต่สนใจเรื่องรถยนต์ เ้ข้าขั้นคลั่งก็มีอยู่หลายคน และผมว่ามากกว่าคนในนี้อยู่ำไม่น้อยเหมือนกัน หลายคนเก่งเรื่องต้นไม้ใบหญ้า เก่งเรื่องทำอาหาร บางคนเก่งเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ สรุปคือรู้่เรื่องนอกเหนือจากงานที่ทำอยู่ ก็มีอยู่เยอะ ไอ้พวกที่ไม่รู้่เรื่องอะไรเลยทำตัวถ่วงวงการก็มีอยู่
เคยสังเกตมั๊ยเรามักจะได้ยินคำพูดว่า สื่อไทยโง่กว่าสื่อนอก ไม่มีความเป็นอาชีพ
จริืงๆแล้วทุกเรื่องด้วยซ้ำ เมืองนอกดีกว่าไทย,ของนอกดีกว่าของไทย
ผมตั้งคำกลับกลับนิดหนึ่ง แล้วช่วยกันหาคำตอบ (เชิงสร้างสรรค์นะครับ)
คนไทยสักกี่คนคิดว่าตัวเองได้ทำ "หน้าที่" และใช้ "สิทธิ์" ในฐานะพลเมืองของประเทศ ได้ไม่แพ้คนญี่ปุ่น คนอเมริกา คนยุโรป?
ผมในฐา่นะคนทำข่าวการเมืองคนหนึ่ง (มานาน) ยอมรับข้อตำหนิของพี่ๆน้องๆ แต่ผมคงไปกอบกู้วงการไม่ได้หรอกครับ นอกจากปรับที่ตัวผมเอง
และสำหรับผมเรื่ิองนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ ถือเป็นความรู้พื้นฐานครับ เฉพาะแหล่งความรู้จาก national geographic ผมมีเก็บไว้หลายเล่ม
ปล.1 http://www.headlightmag.com (http://www.headlightmag.com) คือบ้านอีกหลังหนึ่งของผมนะครัีบ ผมไม่ใช่คนแปลกหน้า ผมมาเที่่ยวบ้านแทบทุกวัน ออนบ้างไม่ออนบ้าง มานอน มากิน มาถ่าย ในบ้านนี้บ่อยครั้ง แม้จะไม่ึถึงกับได้รู้จักหน้าค่าตา แต่ก็รักบ้านหลังนี้ ที่ให้ความรู้ดีๆเรื่องยานยนต์ ในยุคนี้น่าจะดีที่สุดแล้วหละ ความเห็นข้างบนถือเป็นความเห็นต่าง ที่ต่างทางความคิดนะครับ ไม่ได้คิดให้แตกแยก
ปล.2 ผมรู้จักชื่ิอจิมมี่ครั้งแรกตอนฟังวิทยุ ในรายการอาหมู จำคลื่่นไม่ได้ช่วงเที่ยงๆบ่ายๆ อาหมูแนะนำว่า นี่จิมมี่หลานผม อะไรทำนองนั้น ฟังอยู่พักใหญ่เลยมาถาม "วศิน"(จิมมี่คงรู้จัก) ว่า เอ้ยรู้จัก จิมมี่ป่าววะมันเป็นคนยังไง วศินบอกว่า ใช้ได้ๆพี่ จากนั้นก็ตามมาเรื่อย ได้เห็นผลงานดีๆออกมาเป็นระยะๆและสม่ำเสมอ และชักพาให้ผมหลงรัก TDCI นี่แหละ
-
แต่ผมชอบช่างภาพนักข่าวของประเทศญี่ปุ่นเองนะครับ..สังเกตุดูให้ดีๆเค้าไม่ถ่ายภาพผู้เสียชีวิตให้เราดูนะครับ..ไม่มีออกสื่อที่ไหนเลย..เค้าให้เกียรติผู้เสียชีวิตครับ....
(แต่ดูสื่อไทยเถอะครับ...คิดแล้วเซ็ง)
-
ผมไม่เข้าใจว่า อย่าง นสพ.เนี่ย พาดหัวมันทุกฉบับเลยว่า "เตาปฏิกรณ์ระเบิดแล้ว" แต่เนื้อข่าวข้างในมีอยู่หน่อยนึงว่าเป็นการระเบิดของโรงไฟฟ้า เอ็งก็บอกไปซิฟระว่าโรงไฟฟ้าระเบิด ประโยคนี้ดีกว่าเห็นๆ เป็นกลางกับเรื่องที่ยังไม่แน่ใจแต่ดันพาดหัวฟันธงไปแล้ว เวลาคนอ่านมันจำพาดหัวแม่นกว่าเนื้อข่าวซะอีก โอยตายๆ
-
ให้คนที่ไม่มีความรู้ไปเป็นสื่อ หรือพูดง่ายๆคนโง่ๆคนนึงที่ไม่เรียนรู้ว่ามันคืออะไร มาเป็นคนกระจายข่าวออกไปย่อมส่งผลที่เลวร้ายมากๆ
ถูกต้องนะก๊าบบบบบ
-
แต่ผมชอบช่างภาพนักข่าวของประเทศญี่ปุ่นเองนะครับ..สังเกตุดูให้ดีๆเค้าไม่ถ่ายภาพผู้เสียชีวิตให้เราดูนะครับ..ไม่มีออกสื่อที่ไหนเลย..เค้าให้เกียรติผู้เสียชีวิตครับ....
(แต่ดูสื่อไทยเถอะครับ...คิดแล้วเซ็ง)
คน ที่ถูกฝึกมาแล้ว พัฒนา มาแล้ว เป็นมนุษย์ จริงๆ
-
คุณอยู่ประเทศไทย พูดยังไงก็ได้
แต่ที่ญี่ปุ่่นตอนนี้ (ไซตามะ ขนาดอยู่ห่างทะเล)
น้ำกินไม่ได้ ต้องกินน้ำขวด ไม่มีขายด้วย
ไฟฟ้าดับวันละ สี่ชั่วโมง ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เป็นของหายาก
ผู้คนซื้ออาหารไปเก็บ จนหมดห้าง
ห้ามออกนอกบ้าน ต้องระวัง โดนรังสี
น้ำมันไม่มีขาย แต่บางที่ก็มี ต้องต่อแถวยาวประมาณ หกชั่วโมง
สุดท้ายลองดูภาพร้านขายของนะ (รูปถ่ายเองครับ)
ถ้าอยากให้ประเทศไทยเป็นแบบนี้ก็รีบสร้าง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
-
ก็ให้มาสร้างเลย หน้าบ้านผมก็ได้ ไม่กลัวหรอก เพราะโอกาสเกิดอะไรแบบนั้นมันน้อย คาดว่านี่เป็นแค่โรงที่ 2 โลกที่เสียหาย
แต่ที่ฟูกูชิม่า ยังไม่ถึงขนาดเชอโนบิล ด้วยซ้ำ มันเป็นรังสีระดับต่ำด้วย แต่เพื่อความปลอดภัยเค้าก็ไม่ให้คนกิน
ลองดูในข่าวก็ได้รังสีที่กระจายออกมา ยังไม่เท่ากับที่คนเรานั่งเครื่องบินแล้วได้รับรังสีจากธรรมชาติด้วยซ้ำ
-
คุณอยู่ประเทศไทย พูดยังไงก็ได้
แต่ที่ญี่ปุ่่นตอนนี้ (ไซตามะ ขนาดอยู่ห่างทะเล)
น้ำกินไม่ได้ ต้องกินน้ำขวด ไม่มีขายด้วย
ไฟฟ้าดับวันละ สี่ชั่วโมง ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เป็นของหายาก
ผู้คนซื้ออาหารไปเก็บ จนหมดห้าง
ห้ามออกนอกบ้าน ต้องระวัง โดนรังสี
น้ำมันไม่มีขาย แต่บางที่ก็มี ต้องต่อแถวยาวประมาณ หกชั่วโมง
สุดท้ายลองดูภาพร้านขายของนะ (รูปถ่ายเองครับ)
ถ้าอยากให้ประเทศไทยเป็นแบบนี้ก็รีบสร้าง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
คุณAlice อยู่ตรงไหนของญี่ปุ่นครับ ผมเรียนอยู่ที่防衛大学校 ที่横須賀 อ่ะครับ รร ยังเหมือนไม่เดือดร้อนเรื่องกัมมันตภาพรังสีเลยครับ ห่วงแต่เรื่องไฟดับเป็นเวลา เรื่องให้ประหยัดไฟ ผมออกนอก รร ไม่ได้ครับ ไม่รู้ว่าข้างนอกตอนนี้ตื่นตัวเรื่องกัมมันตภาพรังสีแค่ไหนครับ เพื่อนๆใน รร ยังทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกันเลยครับ
-
Oku-san หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่ผมรู้จักมักจี่กันด้วยเพราะเรื่องงาน อีเมล์กลับมาแล้ว....
สรุปใจความสั้นๆแล้วกันว่า ตอนนี้ ทางการประกาศอะไรมา
เขาขอไม่เชื่อแล้ว เขาจะขอปกป้องตัวเองก่อนละ! เพราะสถานการณ์มันมีแต่แย่ลง และแย่ลง ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย
ตอบเมล์เสร็จ เจ้าตัวก็ปิดคอม รีบเพ่นออกจากตึกระฟ้าใจกางโตเกียว กลับบ้านแต่หัววัน ผิดวิสัยคนญี่ปุ่นปกติทั่วไป
เพราะเขาบอกว่า "ว่ากันว่า ฝนที่ตกในโตเกียว ค่ำวันนี้ จะปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี"
-
คุณอยู่ประเทศไทย พูดยังไงก็ได้
แต่ที่ญี่ปุ่่นตอนนี้ (ไซตามะ ขนาดอยู่ห่างทะเล)
น้ำกินไม่ได้ ต้องกินน้ำขวด ไม่มีขายด้วย
ไฟฟ้าดับวันละ สี่ชั่วโมง ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เป็นของหายาก
ผู้คนซื้ออาหารไปเก็บ จนหมดห้าง
ห้ามออกนอกบ้าน ต้องระวัง โดนรังสี
น้ำมันไม่มีขาย แต่บางที่ก็มี ต้องต่อแถวยาวประมาณ หกชั่วโมง
สุดท้ายลองดูภาพร้านขายของนะ (รูปถ่ายเองครับ)
ถ้าอยากให้ประเทศไทยเป็นแบบนี้ก็รีบสร้าง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ประเทศไทยมีเตาปฏิกรณ์เดินเครื่องมาจะ 50 ปีแล้ว แต่ใช้เพื่อการวิจัยอย่างเดียว ไม่มีการผลิตกระแสไฟฟ้าครับ ส่วนเรื่องของขาดตลาดเป็นปกติไม่ใช่รึ ระบบคมนาคมอัมพาตไปเกือบหมด สึนามิบ้านเราช่วงแรกๆก็ขาดแคลนแบบนี้เหมือนกัน
-
ก็ให้มาสร้างเลย หน้าบ้านผมก็ได้ ไม่กลัวหรอก เพราะโอกาสเกิดอะไรแบบนั้นมันน้อย คาดว่านี่เป็นแค่โรงที่ 2 โลกที่เสียหาย
แต่ที่ฟูกูชิม่า ยังไม่ถึงขนาดเชอโนบิล ด้วยซ้ำ มันเป็นรังสีระดับต่ำด้วย แต่เพื่อความปลอดภัยเค้าก็ไม่ให้คนกิน
ลองดูในข่าวก็ได้รังสีที่กระจายออกมา ยังไม่เท่ากับที่คนเรานั่งเครื่องบินแล้วได้รับรังสีจากธรรมชาติด้วยซ้ำ
นั่งเครื่องบินได้รับรังสีเท่าไหร่ผมก็ไม่ทราบนะครับ
แต่ข่าวตอนเย็นๆ ก็มีการประกาศเขตห้ามบินเหนือพื้นที่เกิดเหตุแล้ว เพราะระดับกัมมันตรังสีสูงมาก
การรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีขึ้นไปพีกที่ราวๆ8,000ไมโครซีเวิร์ตเมื่อช่วงบ่ายๆ เกินมาตรฐานIAEAไปแล้ว
และมีข่าวล่าสุดที่ระบุว่ารังสีอาจจะพุ่งไปถึง400มิลลิซีเวิร์ต(400,000ไมโครซีเวิร์ต)
และแม้ต่อมาทางรัฐบาลญี่ปุ่นจะแถลงเพิ่มเติมว่าการแผ่รังสีลดระดับลงแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์ได้อยู่
ผู้คนในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ก็หนีตายออกจากโตเกียวกันแล้ว เพราะไม่มีใครมั่นใจกับสิ่งที่ประสบด้วยตัวเอง
พูดง่ายๆก็คือเริ่มตื่นตระหนก และมีบางส่วนสงสัยในขีดความสามารถในการรับมือปัญหาของรัฐบาล
เคสที่ญี่ปุ่นนี้รุนแรงในเรตติ้งระดับ4 เป็นเคสใหญ่ๆเคสที่3ที่เคยเกิดขึ้นบนโลกครับ ก่อนหน้านี้คือที่เชอร์โนบิล(ระดับ7) และที่เกาะทรีไมล์,อเมริกา(ระดับ5)
พูดง่ายๆก็คือสถานการณ์ในญี่ปุ่นร้ายแรงพอที่จะทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องทบทวนนโยบายพลังงานของตนเอง
ชาติที่เจริญแล้วอย่างเยอรมันยังต้องปรับแผนการใช้งานโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์สั่งระงับโครงการไปแล้ว และยังมีอีกหลายประเทศที่ชะลอการดำเนินการไป
ที่จะยังคงยืนกรานเดินหน้าต่อ เห็นจะมีแต่ในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกเท่านั้น
และเหตุผลหลักๆก็ค่อนข้างจะอิงการเมืองอยู่มาก นั่นคือประเทศอดีตสหภาพโซเวียตกล่มนี้ไม่ต้องการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียมากจนเกินไป
เหตุการณ์ที่ไล่ตั้งแต่แผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์ จีน และลามมาจนเป็นนิวเคลียร์นามิ(นุ๊ก+สึนามิ)ล่าสุดนี้
แน่นอนครับ มันเป็นเหตุการณ์ที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่มีใครคาดคิดว่าสักวันหนึ่งมันจะมา..
ภัยธรรมชาติในยุคสมัยช่วงชีวิตของพวกเรา มันเกินกว่าการพยากรณ์หรือหลักสถิติใดๆจะคาดเการณ์ไว้ได้แล้วครับ
ทั่วโลกเค้าเต้นกันขนาดนี้แล้ว คุณยังจะอยากให้มาสร้างหน้าบ้านคุณอยู่อีกเหรอครับ?
อยากให้ลองทบทวนดูดีๆนะครับ
.-_-.
-
ก็ให้มาสร้างเลย หน้าบ้านผมก็ได้ ไม่กลัวหรอก เพราะโอกาสเกิดอะไรแบบนั้นมันน้อย คาดว่านี่เป็นแค่โรงที่ 2 โลกที่เสียหาย
แต่ที่ฟูกูชิม่า ยังไม่ถึงขนาดเชอโนบิล ด้วยซ้ำ มันเป็นรังสีระดับต่ำด้วย แต่เพื่อความปลอดภัยเค้าก็ไม่ให้คนกิน
ลองดูในข่าวก็ได้รังสีที่กระจายออกมา ยังไม่เท่ากับที่คนเรานั่งเครื่องบินแล้วได้รับรังสีจากธรรมชาติด้วยซ้ำ
นั่งเครื่องบินได้รับรังสีเท่าไหร่ผมก็ไม่ทราบนะครับ
แต่ข่าวตอนเย็นๆ ก็มีการประกาศเขตห้ามบินเหนือพื้นที่เกิดเหตุแล้ว เพราะระดับกัมมันตรังสีสูงมาก
การรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีขึ้นไปพีกที่ราวๆ8,000ไมโครซีเวิร์ตเมื่อช่วงบ่ายๆ เกินมาตรฐานIAEAไปแล้ว
และมีข่าวล่าสุดที่ระบุว่ารังสีอาจจะพุ่งไปถึง400มิลลิซีเวิร์ต(400,000ไมโครซีเวิร์ต)
และแม้ต่อมาทางรัฐบาลญี่ปุ่นจะแถลงเพิ่มเติมว่าการแผ่รังสีลดระดับลงแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์ได้อยู่
ผู้คนในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ก็หนีตายออกจากโตเกียวกันแล้ว เพราะไม่มีใครมั่นใจกับสิ่งที่ประสบด้วยตัวเอง
พูดง่ายๆก็คือเริ่มตื่นตระหนก และมีบางส่วนสงสัยในขีดความสามารถในการรับมือปัญหาของรัฐบาล
เคสที่ญี่ปุ่นนี้รุนแรงในเรตติ้งระดับ4 เป็นเคสใหญ่ๆเคสที่3ที่เคยเกิดขึ้นบนโลกครับ ก่อนหน้านี้คือที่เชอร์โนบิล(ระดับ7) และที่เกาะทรีไมล์,อเมริกา(ระดับ5)
พูดง่ายๆก็คือสถานการณ์ในญี่ปุ่นร้ายแรงพอที่จะทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องทบทวนนโยบายพลังงานของตนเอง
ชาติที่เจริญแล้วอย่างเยอรมันยังต้องปรับแผนการใช้งานโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์สั่งระงับโครงการไปแล้ว และยังมีอีกหลายประเทศที่ชะลอการดำเนินการไป
ที่จะยังคงยืนกรานเดินหน้าต่อ เห็นจะมีแต่ในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกเท่านั้น
และเหตุผลหลักๆก็ค่อนข้างจะอิงการเมืองอยู่มาก นั่นคือประเทศอดีตสหภาพโซเวียตกล่มนี้ไม่ต้องการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียมากจนเกินไป
เหตุการณ์ที่ไล่ตั้งแต่แผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์ จีน และลามมาจนเป็นนิวเคลียร์นามิ(นุ๊ก+สึนามิ)ล่าสุดนี้
แน่นอนครับ มันเป็นเหตุการณ์ที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่มีใครคาดคิดว่าสักวันหนึ่งมันจะมา..
ภัยธรรมชาติในยุคสมัยช่วงชีวิตของพวกเรา มันเกินกว่าการพยากรณ์หรือหลักสถิติใดๆจะคาดเการณ์ไว้ได้แล้วครับ
ทั่วโลกเค้าเต้นกันขนาดนี้แล้ว คุณยังจะอยากให้มาสร้างหน้าบ้านคุณอยู่อีกเหรอครับ?
อยากให้ลองทบทวนดูดีๆนะครับ
.-_-.
ถ้าให้เลือกโรงไฟฟ้าถ่านหินกับนิวเครียส์ คุณจะเลืออะไร เพราะ กฟผ มีตัวเลือกแค่นี้ อย่างอื่นมันขาดทุนและไม่ยั่งยืน
ควรเอาแผนจริงมาดูด้วยครับ ไทยไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ๆมีแผ่นดินไหวรุณแรงแบบเค้า ดังนั้นไม่ต้องไปกลัวอะไรแบบเค้า
ยังไง นิวเครียส์นี่แหละตัวเลือกที่ดีในการนร้างโรงไฟฟ้า ถ้าตราบใดที่พลังงานแบบอื่นๆมันดีกว่านี้ นี่คือพลังงานที่สะอาดและให้พลังงานมากที่สุด โดยใช้ทรัพยากรณ์น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่ดินก็ตาม
-
ผมไม่ได้อยากจะตั้งประเด็นเรื่อง"สร้าง-ไม่สร้าง"กับใครครับ
เพราะตามแผนนโยบายด้านการพัฒนาแหล่งพลังงานของไทย
กำหนดธงไว้แล้วว่าภายในปี54-56 ควรจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างส่วนอาคารสถานที่ได้แล้ว
และเริ่มเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าภายในปี2564 อันนี้ชัดเจนครับว่าสักวันต้องสร้าง
แต่Effectที่เกิดขึ้นทั่วโลกตอนนี้ มันก็สะท้อนอะไรออกมาได้อย่างชัดเจน
ว่าแม้แต่ประเทศยักษ์ใหญ่หรือจ้าวเทคโนโลยีจากตะวันตก ก็ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่ารับความเสี่ยงจากประโยชน์ทางด้านพลังงานนี้ได้อีกแค่ไหน?
ผมจึงอยากเห็นความพร้อมของทั้งทางด้านรัฐบาลไทย และความเชื่อมั่นของประชาชนไทย ว่ารับได้แค่ไหนกับความเสี่ยง
ไม่ได้จะบอกว่าไม่ให้สร้าง แต่เย้วๆจะให้สร้างกันจนป่านนี้แล้วยังไม่เห็นแผนงานพวกนี้ให้ประชาชนได้ทำความเข้าใจกันเลย
ความพร้อมของประเทศเรา ณ ตอนนี้มันอยู่จุดไหน ผมก็ไม่ทราบ คุณก็ไม่ทราบ
ผมแค่ต้องการจะร่วมนำเสนอข้อมูลกับหลายๆท่านในกระทู้ต่างๆที่พูดถึงเรื่องนี้
เพราะผมก็รู้ไม่หมดทุกอย่าง ก็ต้องการข้อมูลจากท่านอื่นๆที่มีมาเพิ่มเติมมาแชร์กัน
ดูข่าวสัมพาษณ์ทางไกลคนไทยที่อยู่ที่นู่น มีแต่คนให้สัมพาษณ์เสียงสั่นเครือ ไม่ต้องการอะไรนอกจาก"อยากกลับบ้าน"
การประกาศเขตห้ามบิน การอพยพชาวบ้านในรัศมี20-30km.รอบโรงไฟฟ้า
รวมไปถึงวิธีการนำน้ำทะเลเข้าไปลดความร้อนแท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์โดยตรง แบบที่ปกติเค้าจะไม่ทำกันแน่ๆ
ผมว่าประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ มันไม่ใช่แค่"นั่งเครื่องบินยังรับรังสีเยอะกว่านี้"แน่ๆครับ
.-_-.