Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: p-Navierstoke ที่ เมษายน 29, 2011, 20:56:09
-
คือผมสงสัยน่ะครับว่า เวลาสตาร์ทรถในตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน หรือ หลังจากการจอด(เช่นจอดรถตอนเช้าที่ที่ทำงาน เย็นจะขับกลับบ้าน)
ที่ถูกต้องแล้วเราจำเปนต้องทิ้งไวัสักพักไหมครับ หรือ สามารถขับออกไปได้เลย คือผมเหนบางคนสตาร์ทปั๊ปเปิดแอร์ขับพรวดออกไปเลย การกระทำแบบนี้มีส่วนให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วหรือไม่คับ ::) และที่ถูกต้องแล้วควรจะทำอย่างไร
ปล ....วิธีผมที่ทำประจำกับเจ้าcityผมดูไฟรูปน้ำหล่อเย็นที่มันติดขึ้น และรอให้ดับก่อนแล้วค่อยเปิดแอร์แล้วออก ทำแบบนี้ถูกต้องไหมครับ ????
-
ถ้ารีบๆก็ออกไปได้เลยครับ แต่ก็อย่าไปเค้นมันมาก เพราะเครื่องยนต์จะมีอุณหภูมิการทำงานอยู่
ถ้าเราใช้งานมันมากๆตอนเครื่องเย็น มันจะสึกหรอเยอะกว่าครับเพราะเหล็กยังไม่ได้อุณหภูมิ
พอเหล็กได้รับความร้อนที่พอเหมาะแล้วมันจะขยายตัวเล็กน้อยครับ และการเสียดสีต่างๆก็จะน้อยลง
อายุการใช้งานก็จะนานขึ้นครับ
ผมเองถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไรก็สตาร์ทเครื่องไว้ แล้วก็ขึ้นไปหยิบถุงเท้าใส่ ใส่รองเท้า เปิดประตูบ้าน ล๊อคบ้านให้เรียบร้อยก่อน
ใช้เวลาประมาณ 3-4 นาทีละ พอขับรถออกไปก็ไปเรื่อยๆจนถึงปากซอย .. ออกปากซอยได้ก็ แบร๊นนนนน ไปทำงาน
สบายใจ :-*
-
ปกติแล้วผมก็เห็นน้องชายมักจะสตาร์ทรถอุ่นเครื่องสักพักก่อนแล้วค่อยไป
แต่ก็ไม่ได้อุ่นนานเท่าไหร่ครับ แค่สตาร์ทแล้วเปิดแอร์ นั่งหา CD หรือคลื่นวิทยุก่อนแล้วค่อยออกครับ พ่อผมก็สอนแบบนั้น ;D
-
ขออนุญาต จขกท. ถามเพิ่มนะครับ สงสัยมานานเหมือนกัน (จะได้ไม่เปลืองกระทู้)
คือ ผมเคยขับ D-max เวลาที่บิดกุญแจไป ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
เราต้องรอให้ เข็มไมล์มันกวาดให้เสร็จก่อนหรือเปล่าครับ?
หรือว่า บิดต่อไปได้เลยขณะเข็มไมล์กำลังกวาดอยู่???
-
ตอบ จขกท.
การวอร์มอัพเครื่องยนต์ หลังจากจอดมานานจนเครื่องเย็น เป็นเรื่องที่ควรทำครับ
สาเหตุนั้น บอม Rhino Mango อธิบายไว้ชัดเจนแล้ว
ผมมีเพิ่มเติมนิดเดียวว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้ขนาดไฟแสดงเครื่องเย็นดับก็ได้ครับ
เราสามารถสตาร์ทเครื่องรอสักอึดใจเดียวก็เปิดแอร์ แล้วก็ขับออกไปได้เลย แต่ขับแบบนิ่มนวล
ไม่ใช่ออกตัวล้อฟรี ซัดจนรอบกวาดไปยันขีดแดงตั้งแต่ออกจากบ้าน เครื่องยังเย็นเย็นอยู่
พอวิ่งไปสักพัก ไฟสีฟ้าแสดงสถานะเครื่องเย็น ดับไป เราก็ขับได้ตามปกติแล้วครับ
ตอบคุณ MiT!PlErN
จริงจริงไม่น่าเกี่ยวข้องกันครับ แต่เป็นผมคงจะรอให้มันกวาดกลับมาก่อน
เหตุผลไม่ใช่เพราะตัวเรือนไมล์ แต่ผมจะรอให้ปั๊มติ๊กปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นมาในระบบ
และสร้างแรงดันให้พร้อมจะสตาร์ทเครื่องก่อน ซึ่งก็จะใช้เวลาแค่ 1-2 วินาที พอพอกับเข็มไมล์กวาด
แล้วค่อยบิดกุญแจต่อ เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งก็จะติดขึ้นมาได้ง่ายดายกว่าที่จะบิดพรวดเดียวครับ
-
ขอบคุณมากครับ คุณเนย
-
ส่วนตัวแล้ว ติดเครื่อง กดเปิดประตูบ้าน เตรียมพร้อมรวมแล้วก็ประมาณครึ่งนาที แล้วก็เปลี่ยนเกียร์คลานออกจากบ้านไปครับ แต่อาจจะได้เปรียบตรงที่อยู่ในซอยเลยยังไม่ต้องเค้นกำลังเร่งของเครื่องมากครับ
-
ขอบคุณทุกๆ ความเหนนะครับ
-
ของผมนี่ ตอนสตาร์ทเผาหัวก่อนสองที (รถดีเซลรุ่นเก่าอ่ะครับแหะๆ ไม่รู้รุ่นใหม่ต้องทำรึเปล่า) แล้วรอเข็มวัดอุณหภูมิมันเริ่มขึ้นก่อนถึงขับออกไปน่ะครับ ถ้ารีบๆก็ออกไปเลย ใช้รอบไม่เกิน2พันครับ
-
ผมจะสตาร์ททิ้งไว้ก่อน 1-2 นาที แล้วออกรถช้าๆ (รอบต่ำๆ) คลานไปก่อนประมาณ 500 เมตร แล้วดูขีดความร้อนถ้าขึ้นถึงจุดปกติค่อยขับแบบปกติครับ
-
ของผมสตาร์ทแล้วออกเลย ใช้รอบไม่เกิน 2 พันรอบ กว่าจะคลานถึงปากซอยหมู่บ้านก็เกือบ 5 นาทีแล้วครับ
เคยอ่านเจอและได้ยินหลายท่านว่า เครื่องยนต์จะสึกหรอมากที่สุดตอนเครื่องเย็น (หลังสตาร์ทใหม่ๆนั่นแหละ)
การจะให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุดคือพยายามให้ถึงอุณหภูมิใช้งานเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ (แต่ต้องไม่เค้นรอบเครื่อง)
การสตาร์ททิ้งไว้กว่าความร้อนจะขึ้นถึงอุณหภูมิใช้งานมันก็จะนานและเสียเวลาเปล่าๆโดยไม่เกิดประโยชน์
ที่ถูกต้องคือสตาร์ทแล้วขับออกมาเลย แต่ใช้รอบเครื่องต่ำๆ (ให้ใกล้เคียงกับรอบเดินเบาช่วงสตาร์ทใหม่ๆ เช่นประมาณ 1,500 รอบ)
ซึ่งผมว่ามันก็ make sense นะครับ เพราะถึงเราจะจอดเฉยๆ รอบมันก็ 1,500 รอบอยู่แล้ว ควันพิษก็อยู่ตรงโรงจอดรถ
แต่ถ้าเราขับออกมาเลยโดยให้รอบอยู่ประมาณ 1,500 - 1,700 รอบเช่นกัน
นอกจากควันพิษจะไม่ตกค้างในโรงรถ ยังได้ระยะการเดินทางและเครื่องยนต์ได้อุณหภูมิทำงานเร็วขึ้นด้วย
ผิดถูกขออภัย แต่ทุกวันนี้ผมก็ใช้วิธีนี้ตลอดครับ
ส่วนเรื่องบิดกุญแจแล้วรอแป๊บนึงก่อนสตาร์ท ก็เคยได้ยิน (อีกแล้ว) ว่าควรทำ เพราะนอกจากจะรอให้ปั๊มติ๊กเตรียมทำงานแล้ว
ยังจะได้มีเวลาเช็คความผิดปกติของรถผ่านทางหน้าปัทม์อีกต่างหาก ถ้ามีอะไรผิดปกติจะได้ระวังไว้ก่อน