Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: U9WS ที่ พฤษภาคม 01, 2011, 15:59:32
-
ข้อสรุปโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ จะมีการเพิ่มแรงจูงใจด้านการลดมลพิษ ซึ่งกำหนดว่ารถยนต์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) น้อยกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ให้เสียภาษีสรรพสามิตในอัตราปกติ
สำหรับโครงสร้างใหม่ภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งที่มีรถ E10 และ E20 รวมอยู่ด้วย จากที่มีอัตราภาษีหลายอัตราตามขนาดเครื่องยนต์ และกำลังแรงม้าตั้งแต่ 25 - 50% ก็จะลดลงเหลือ 2 อัตรา เพื่อความเท่าเทียม
คือ คิดตามขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3000 cc. อัตราภาษี 30% ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3000 cc. อัตราภาษี 50%
โดยให้แรงจูงใจการปล่อย CO2 ต่ำกว่า 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะได้ลดภาษี 5%
แต่หากปล่อย CO2 เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร ก็ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น 5%
ขณะที่รถยนต์ตรวจการณ์ หรือ PPV ยังคงอัตราภาษีเดิมที่ 20% และให้แรงจูงใจภาษีการปล่อย CO2 เหมือนกับรถยนต์นั่งเช่นกัน
การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ หากนำมาใช้ทันทีตามข้อเสนอของกรมสรรพสามิต จะกระทบกับผู้ประกอบการรถยนต์ ทำให้ต้นทุนเพิ่ม เพราะรถยนต์ที่ใช้ในประเทศในปัจจุบัน มีการปล่อย CO2 มากกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ทำให้ต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก 5% ซึ่งหากกรมสรรพสามิตเสนอมา จะต้องหารือให้ยืดเวลาการบังคับใช้ออกไป 2 - 3 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัว
(แต่การลดมลพิษโดยตรงก็จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคนเรา และเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม)
ซึ่งจะเป็นการทำลายข้อจำกัดเดิมของโครงสร้างภาษีเก่า ที่นับ CC และแรงม้าเป็นหลัก
และหันมาให้ความสำคัญถึงเรื่องการปล่อยมลพิษและอัตราบริโภคเชื้อเพลิงแบบประเทศที่เจริญแล้วเค้าทำกัน
เพราะเทคโนโลยีการขับเคลื่อนวันนี้ไปไกล ไม่ได้จำกันอยู่ที่บริมาณ CC เครื่องยนต์ หรือ แรงม้าอีกต่อไป
รถที่มี CC สูง หรือ แรงม้าสูง ก็สามารถทำอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ดี และสามารถปล่อย Co2 ได้น้อยกว่ามตราฐานทั่วไปมากมาย
(ที่สากลใช้หลัก Co2 เพราะ Co2 จะสามารถสท้อนถึงมลพิษอื่นๆที่ปล่อยออกมาร่วม รวมถึงอัตราบริโภคเชื้อเพลิง ได้อย่างสมเหตุสมผลที่สุด)
แต่ก็ยังมีหลายค่าย (ที่มีแกนนำโดย Toyota) พยามทุกวิถีทางโดยอ้างปัญหาวิกฤตการณ์ที่ญี่ปุ่น ทำการคัดค้านและขอเวลาเลื่อนเวลาจาก 3ปี ไปเป็น 7-8 ปี
(Toyota ค้านมาตั้งแต่ก่อนเกิดสินามิและแผ่นดินไหวแล้ว)
แต่ล่าสุด รัฐก็ยังหนักแน่นโดยทุบโต๊ะให้เวลาปรับตัว 3 ปี เช่นเดิม
(ไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำต่อไป ฝากให้ติดตามตรงนี้กันไว้ด้วย)
ปัญหามลพิษจากรถยนต์ นอกจากมีผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพของคนในสังคมโดยตรงแล้ว ก็เป็นยังเป็นปัญหาแก่สิ่งแวดล้อม ที่สุดท้ายแล้วก็ย้อนกลับมาทำลายมนุษย์เรา ในรูปแบบความแปรปวนของสภาพอากาศ และภัยธรรมาชาติต่างๆ ที่นับวันเราจะเจอกันได้บ่อยขึ้น
แล้วยังจะมัวมาเห็นแก่ตัว โดยนักการเมืองและนักวิชาการรับมาเงิน และปล่อยให้ค่ายรถมองกันแต่ตัวเลขการเติบโตของบริษัทกันอยู่อีกหรอ
ถึงเวลาแล้วที่ต้องมานั้งคิดถึงสังคมโดยรวม
-
นโยบายเพื่อการประหยัดพลังงานและลดมลพิษอย่างนี้ ผมสนับสนุนให้เปลี่ยนเต็มที่ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าต้นทุนต้องสูงขึ้นแน่นอน แต่ว่าพี่โตกับพี่อีแกกระโดดขวางเต็มลำจริงๆ
-
ขอให้่รีบบังคับใช้ภายใน 3 ปีเถอะครับ
ทุกวันนี้มีรถดีๆ หลายๆ รุ่นที่ไม่ได้มาขายในไทย เพราะภาษีสรรพสามิตแบบที่ใช้กันอยู่
ไม่รู้โตโยต้าจะขวางทำไม หรือรู้ตัวว่ารถตัวเองปล่อยมลพิษเยอะกว่าคนอื่น??
-
อย่ากลัวว่ารถปล่อย Co2 ต่ำแล้วต้องไม่แรง
Nissan 1.6i DIG-Turbo 190แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 159g/km
Honda 2.2 i-DTEC 180แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 154g/km
Audi 2.0 TFSI 211แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 149g/km
Merc-Benz 250 CDI 204แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 131g/km
Merc-Benz 250 GDI 204แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 156g/km
BMW 20d 184cแรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 140g/km
BMW 25d (เครื่อง 3.0) 204แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 151g/km
BMW 30d (เครื่อง 3.0) 245แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 152g/km
Ford 1.6 Ecoboost 180แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 149g/km
Ford 2.0 TDCi 163แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 139g/km
Volvo 2.0 D4 177แรงม้า ปล่อย Co2 เพียง 149g/km
-
3 ปีนี้ ตามที่คาดไว้ ณ เวลานั้นก็คงมีรถยนต์ประเภท C-seg และ D-seg บางรุ่นออกใหม่ๆ เยอะเหมือนกัน
(ส่วน B-seg คิดว่า 3 ปีคงไม่ทัน แต่ยกเว้น Aveo กับ Vios ที่คิดว่าทัน และ Mazda 2 ตัวเดิมแต่มีข่าวลือเรื่องจะเอา Skyactiv มาลง อันนี้ก็อาจจะได้อยู่)
ที่จริงแล้ว ผมว่า 3 ปีนี้ก็ถือว่าให้เยอะเหมือนกันนะครับ ถ้าเป็นไปได้ควรเป็นปีหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่หลายค่ายคงสะดุดล้ม เจ็บมิใช่น้อย
7-8 ปีที่พี่โตขอนี่ยาวไปครับ อาจจะได้เห็น C-seg บางตัวเปลี่ยนไปแล้ว 2 โฉมก็กว่าจะได้กฎหมายนี้เข้ามา อย่างงี้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ
ยังไงก็คิดว่าควรจะมาไวๆ ครับ เพราะผลพวงกฎหมายใหม่นี้จะส่งผลไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการลดมลพิษ ที่จะใส่มาในรถยนต์ขายในไทยในอนาคตด้วย :D
-
สงสัยโตโยต้าคงวางแผนใช้เครื่อง Dual VVT-i ไปอีกซัก 7-8 ปีล่ะมั้ง ถึงได้พยายามค้าน ;D
-
เสร็จแน่ไอ้โต ;D ;D ;D
-
ดีครับโครงสร้างภาษีแบบนี้ ผมว่าที่โตโยต้าค้านน่าจะเพราะว่าเครื่องที่แรงๆ
แต่ปล่อยมลพิษน้อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องพ่วงหอย
-
ไอ้โตมันก้เอาตัวมาขวางอีกตามเคย 3 ปีมันน้อยไป น่าจะปีหน้าเรยด้วยซ้ำ เนอะ
-
พี่โต คง คิดว่า ถ้าโดนอย่างงี้ เขามีแค่ HB อย่างเดียว ซึ่งค่าใช้จ่ายและราคารถสูง
จะไปสู่กับฝั่งยุโรปที่ Co2 เขาน้อยๆ จากเครื่องดีเซลได้ไงครับ
อันนี้ก็อยากถามกลับไปว่า แล้วภาษีน้ำมันดีเซล จะยังตรึงอยู่อีกหรือครับ
หากรถดีเซล มีค่า Co2 ต่ำกว่า ราคาถูกว่า และรัฐยังช่วยเรื่องเงินต่างๆอีก แต่ไปเก็บกับพวกติด LPG นี้ น่ะ
-
ขอคิดในด้านไม่ดีบ้างนะ ผมว่าจากภาษีนี้ รถเล็กจะราคาแพงขึ้น รถใหญ่จะราคาถูกลง
เช่น Accord 2.0 จากเดิมเสียแบบ E20 ที่ 25% จะกลายเป็น 30% รวมทั้งรถเล็กอื่นๆ ทั้ง B และ C ด้วย ถ้าไม่สามารถทำได้ต่ำกว่า 150 จะไม่ได้ลด 5%
ส่วนรถใหญ่ แพงๆ ก็ได้รับผลดี เช่น 530 525D จากเดิมเสียภาษี 40 และ 50 ตามลำดับ จะกลายเป็นเสียเพียง 30 % เท่านั้น
-
ขอคิดในด้านไม่ดีบ้างนะ ผมว่าจากภาษีนี้ รถเล็กจะราคาแพงขึ้น รถใหญ่จะราคาถูกลง
เช่น Accord 2.0 จากเดิมเสียแบบ E20 ที่ 25% จะกลายเป็น 30% รวมทั้งรถเล็กอื่นๆ ทั้ง B และ C ด้วย ถ้าไม่สามารถทำได้ต่ำกว่า 150 จะไม่ได้ลด 5%
ส่วนรถใหญ่ แพงๆ ก็ได้รับผลดี เช่น 530 525D จากเดิมเสียภาษี 40 และ 50 ตามลำดับ จะกลายเป็นเสียเพียง 30 % เท่านั้น
เขาก็เลยให้เวลาปรับตัวนานถึง 3 ปียังไงล่ะครับ
เรื่องนี้ผมก็มองว่ารถยุโรปจะได้เปรียบ เพราะที่นู่นเขาเก็บภาษีประจำปีโดยคิดจาก CO2 มานานแล้ว และเก็บโหดมากสำหรับรถที่ปล่อยเยอะๆ ดังนั้นรถยุโรปหลายรุ่นจึงปล่อย CO2 น้อยกว่ารถญี่ปุ่นที่เป็นคู่แข่งกัน
อย่าง Camry 2.4 ปล่อย CO2 ถึง 208 g/km (อ้างสเป็กออสเตรเลีย) ในขณะที่ BMW 535i เครื่อง 3.0 เทอร์โบ 306 แรงม้า กลับปล่อยแค่ 195 g/km
ถ้าเป็นแบบนี้ ภายใต้ภาษีสรรพสามิตใหม่ Camry 2.4 จะเสีย 35% ขณะที่ 535i เสีย 30%
-
น่าจะเป็นแบบนี้ได้ตั้งนานแล้วครับ สำหรับการประเมิน :D
-
จะได้ใช้ เฟียสต้า เครื่องดีเซล แล้วสิเนี่ย เย้ๆๆๆๆๆๆ
-
สนับสนุนเต็มที่ครับ แต่ขอก่อน Focus ตัวใหม่ออกเถอะขอร้อง
-
เบื่อจริงๆเ้จ้าตลาดมันก็สนแต่เงินของตัวเองไม่ได้ดีขึ้นเลย จะทำเครื่องมันดีกว่านี้ก็ได้แต่มันไม่เอาจะเอาของเก่าๆมาหลอกขายคนไทยหลายๆปีก่อน >:(
-
รถใช้ LPG ล่ะ
Co2 ต่ำมั๊ย?
-
รอดูตอนปฏิบัติจริงครับ แต่ก็เป็นนิมิจหมายที่ดี
-
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนะครับ มีความเอาใจใส่โลกมากขึ้น ที่ว่าจะทำให้รถเล็กแพงขึ้นนั้นผมว่าอาจจะไม่แพงขึ้นก็ได้นะครับ เพราะตอนนี้รถยนต์หลายค่ายก็พัฒนาเครื่องเล็กที่ให้ทั้งความแรงและปล่อยไอเสียน้อย อย่างเครื่อง Ecoboost ของฟอร์ด หรือ Skyactiv ของมาสด้า ;D
-
ทำไมโตโยต้าค้านแล้วมันมีอะไรกันหนออ
ผู้ผลิตรถ มันมีแต่โตโยต้ารึยังไง -*-
-
ถ้าบังคับใช้โครงสร้างภาษีใหม่แล้ว รถที่ีแรงเกิน 220 แรงม้า ก็จะไม่โดนตอนอีกต่อไปใช่มั้ยครับ
-
Camry Hybrid ก็จะราคาต่ำลง จนรุ่นธรรมดาขายไม่ออกกันเลยมั้ยเนี่ย
ดีไม่ดี อาจจะได้เห็น Leaf กับ Volt เข้ามาขายก็เป้นได้
-
โXXXXX มันก็ค้านทุกที่เลย กลัวรถปิกอัพ มีปัญหาต้อง up common rail เป็น version ใหม่ มลพิษต่ำ ไม่อยากลงทุน
เพราะ version ปัจจุบันก็หลอกคนไทยว่าแรงอย่างเดียวรวยมาเยอะ แต่ก็ปล่อยมลพิษโคตรเยอะเหมือนกัน
ทำมาเป็นรักสังคม รักสิ่งแวดล้อม โรงงานสะอาด
แต่ที่รัฐบาลจะลดมลพิษทำมาตั้งตัวเป็นจรเข้ขวางคลองทุกครั้ง อย่างนี้มันก็สร้างภาพกันชัดๆนี้
เห็นหลายที่ละ ว่าจะไม่พูดแล้วเชี่ยว
-
พี่โตก็หยิบเครื่องไอ้โก้มาทำสิโว้ย เสียงก็เพราะ แรงก็ดี จับปรับนิดหน่อยเรื่องมลพิษแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกน่าา ยึดติดกับไอ้เทคโนโลยีเดิมๆอยู่ได้
วุ้ยย พูดแล้วเซง
-
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนะครับ มีความเอาใจใส่โลกมากขึ้น ที่ว่าจะทำให้รถเล็กแพงขึ้นนั้นผมว่าอาจจะไม่แพงขึ้นก็ได้นะครับ เพราะตอนนี้รถยนต์หลายค่ายก็พัฒนาเครื่องเล็กที่ให้ทั้งความแรงและปล่อยไอเสียน้อย อย่างเครื่อง Ecoboost ของฟอร์ด หรือ Skyactiv ของมาสด้า ;D
เห็นด้วยครับ ;)
-
สามปีก็ให้เวลาพอควรแล้วนะครับ
อีกอย่าง ยูโร4 ก็จะมาแล้ว
จะขอ7-8ปีไปอีกทำไม
-
พี่โต ค้านทุกปีครับ
มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ
จะเอาเปรียบคนไทยไปถึงไหน
ยอดขายเป็นอันดับ 1 มากี่สิบปีแล้วครับ
จ้องจะเอาแต่เงิน แต่ไม่ลดมลพิษ
-
โครงสร้างใหม่อันนี้ ล่าสุดยังไม่ผ่านมติครม.เลยครับ
และถ้าผมมอง ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยากอยู่นะครับ
เพราะโครงสร้างใหม่อันนี้ มันไปกระทบกับกลุ่มผลประโยชน์เก่าบางกลุ่มครับ
ในโครงสร้างเดิมที่เอื้อประโยชน์กับรถอย่าง ppv และ ปิคอัพแคปเปิดได้
รถกลุ่มนี้ เป็นตลาดที่ใหญ่ครับ
ถ้าโครงสร้างใหม่นี้บังคับใช้ มันจะไปกระทบในสองลักษณะ
1.คือมีการเพิ่มต้นทุนการผลิต
2.คือจะโดนเพิ่มภาษี เพราะกลุ่มppv มีผู้เรียกร้องมานานแล้วว่า กลุ่มนี้ภาษีน้อยเกินไป
ดังนั้น โครงสร้างใหม่ที่ผมมองว่าน่าจะใช้มาตั้งนา่นแล้ว
เพราะ คนไทยจะได้ใช้รถที่มีเครื่องยนต์ดีๆ ระบบความปลอดภัยดีๆ เท่ากับประเทศผู้ผลิตสักที
คงจะโดนยืดระยะไปอีกครับ เพราะผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใครครับ
ปล. เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ผิดถูก ว่ากันได้เลยครับ