Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: RockShow ที่ พฤษภาคม 02, 2011, 22:17:30
-
สมมุติว่าเพื่อนๆพี่ๆกำลังจะมีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเองซักแบรนด์
จะวางตำแหน่งทางการตลาดของรถยังไงครับ
ถ้าเป็นของผมจะสร้างรถพรีเมียมครับ ยิ่งเป็นระดับเอ็กโซติคคาร์ได้เลยยิ่งดี
เพราะตลาดนี้จะสังเกตุได้ว่า แบรนด์ใหม่ๆเกิดง่ายกว่าตลาดอื่นๆ
แล้วเน้นขายเมืองนอกก่อน สร้างชื่อให้แบรนด์ค่อนข้างแข็งแรงโดยไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศว่าเป็นรถไทยแต่ไม่ได้ปิดบังอะไร
เมื่อซูเปอร์คาร์ติดตลาดแล้ว จึงค่อยๆสร้างรถในเซกเมนต์ที่ต่ำลงเช่นสปอร์ตซีดาน
เมื่อดังในระดับนึงแล้วจึงค่อยมาเปิดตลาดในไทย
ที่คิดแบบนี้เพราะว่าเห็นหลายๆคนพูดถึงแบรนด์รถของไทยแล้วมักจะนึกถึงการเิ่ริ่มต้นที่รถระดับอีโคคาร์หรือราคาถูก
ผมว่าแนวคิดไม่ผ่านสำหรับคนไทย เพราะเมื่อพูดถึงรถเล็กหรือรถยนต์ราคาประหยัด คนไทยจะนึกถึงความก๊องแก๊งก่อน
และผมว่าคนไทยไม่ค่อยอุดหนุนคนไทยด้วยกันเองเท่าไหร่เพราะทันทีที่พูดถึงของไทยก็มักจะไปเทียบกับแบรนด์เมืองนอกเสมอๆ
และผมว่าคนไทยที่ซื้อรถส่วนใหญ่มักจะซื้อรถน้อยคันมากในชีวิตๆนึง รถที่เลือกจึงมักจะเ้น้นคุณภาพในราคาที่เหมาะสมมากกว่าราคาถูกอย่างเดียว
ถ้าสร้างเป็นรถพรีเมียมที่ได้รับการยอมรับในระดับสูงมาจากเมืองนอก รถก็มีโอกาสจะทำตลาดได้ในระยะยาวมากกว่ารถราคาถูกที่จะบูมแค่ระยะแรกแล้วเพื่อนๆพี่ๆละครับ คิดว่าถ้ามีแบรนด์รถยนต์ของตัวเองจะวางตำแหน่งของแบรนด์ในระดับไหน
-
พรีเมี่ยมคาร์ราคาเหมาะสมครับ
ออกแนว Suzuki Kizashi: Everything premium, except price.
-
อืมม ถ้าผมจะทำ แล้วรัฐสนับสนุนเรื่องภาษีเหมือนมาเลย์ ผมจะทำรถ Mass market ธรรมดา นี่ละครับ (แต่รัฐต้องดันแบบ Proton นะ) เพราะรถ mass market ถ้าทำราคาให้ถูก และรัฐช่วยตั้งกำแพงกีดกันรถ brand นอกได้ ก็มีโอกาสเกิดครับ เพราะรถตลาดนี้ cost (price+running cost) สำคัญ ถ้าเราทำให้ cost ถูกกว่า ก็น่าจะขายได้
คนไทยยังไงก็ยังชอบรถกระบะ ดังนั้นรถที่ผมจะขาย
Eco-Car โดยครึ่งหน้าจะใช้ร่วมกับ Eco-Truck เป็น Ute
Compact car และ compact ute เครื่อง 1500-1800 CC.
แล้วก็ Compact Pick up แบบ body on frame
ผมคงขายแค่นี้ละครับ ส่วนตลาดที่สูงกว่านี้ คนซื้อเริ่มจะ concern เรื่อง brand แล้ว อาจจะขายยากครับ
-
ถ้าจะสร้างแบรนด์ในไทย
ผมจะเริ่มจากการเป็นผู้ผลิตของแต่งและทำเวอร์ชั่นปรับจูนพิเศษสำหรับรถยนต์ที่มีอยู่ในตลาดก่อน
หลังจากนั้น เมื่อทุกอย่างอำนวย ค่อยลองนำประสบการณ์ที่ได้จากรถแต่ละรุ่นที่เคยทำ
มาทำเป็นรถโมเดลเฉพาะตัว ใช้วิธีเลือกรถที่มีอยู่แล้วจากในตลาดโลก มาดัดแปลงภายนอก
ให้มีลักษณะพิเศษ แล้วค่อยเปิดมาในอีกชื่อนึง
ชิ้นส่วนเกือบจะทั้งหมดที่ใช้จะต้องสามารถหาได้ในท้องตลาด หรือสามารถเบิกจากศูนย์ที่มีอยู่ในประเทศไทย
และรถที่ผมอยากทำ แน่นอนว่าจะไม่เน้นตลาด 10-20 ล้าน แต่จะเน้นตลาดที่วัยรุ่นสามารถซื้อหามาใช้
เป็นรถคันแรกได้ และมันต้องขับสนุก มันต้องคม
ทั้งหมดนี้ใช้เวลานานมาก แต่เป็นไปได้ ถ้าจะทำ ไม่ใช่แค่แข่งในเรื่องราคาถูก แต่ต้องเป็นการนำรถที่มีอยู่ใน
ท้องตลาด มาขัดเกลาให้ขับได้สนุกขึ้น เน้น Position ของ Brand ไปในทางสนุก มันส์ มากกว่าหรูหรา
ของเล่นเยอะ ...ลองคิดดูว่าถ้าคุณส่ง Honda City, Jazz ให้ Lotus เอาไปโมดิฟายแชสซีส์กับช่วงล่าง
และให้คนไทยกันเองกับปัญญาไทยในการทำเครื่องยนต์ให้ขับสนุก ลบจุดอ่อนที่เกิดจากต้นทุนให้เหลือน้อยลง
และขายในราคาที่คุณไม่ต้องขายบ้านมาซื้อ
มันจะขายได้น้อย แต่ผมว่านี่คือแบรนด์ในลักษณะที่ผมอยากผลักดันให้เกิด
เพราะผมเชื่อว่าถ้าทำรถโดยเริ่มจากการสร้างรถราคาถูก ภาพลักษณ์ของแบรนด์จะต้องใช้เวลาในการปรับอีกมาก
รวมถึงใช้ทุนมหาศาล อีกทั้งยังต้องฟังคำดูถูกจากคนไทยด้วยกันเองอีกต่างหาก ผมสู้ทำรถที่มันแสดงศักยภาพ
และความรู้ในเชิงวิศวกรรมออกมา โดยทำบนพื้นฐานของรถที่สามารถเดินหาอะไหล่ได้จากวรจักรนับตั้งแต่
วันที่รถผมเปิดตัวเลย จะเหมาะกว่า
-
แบรนด์ Chariot เราเน้นกลุ่มล่าง เน้นความแตกต่างด้วยประเภทรถ รูปทรง และชูจุดเด่นความทนทาน และราคาคุ้มค่า
สังเกตว่า รถหลายรุ่นที่ดังเป้นพลุแตกในอดีต มักจะมาจากรถราคาถูกทั้งนั้น เช่น มินิ บีทเทิล กอล์ฟ โคโรล่า
และสังเกตดูจากแบรนด์ไทยรุ่ง แม้ว่าคนไทยจะไม่ชอบเสพของไทยทำ แต่ไทยรุ่งก็อยู่ได้ด้วยความทนทาน ราคาคุ้มค่าเป็นหลัก อยู่มาจนถึงทุกวันนี้
-
ผมวางแบบ Mass Market ครับ
วางตำแหน่งรถแบบให้เข้าถึงทุกคน (เน้นขายรถ 5 ประตูเป็นหลัก)
ออปชั่นเยอะ ราคาถูก คุณภาพเกินราคานิดๆ
ศูนย์บริการนั้นปรับให้ดีเทียบเท่าพี่โตในทุกๆด้าน
โดยรวมแล้วจะมาแนวตามตลาดญี่ปุ่นมากกว่าครับ
-
ตอนแรกผมจะค่อยๆ ทำตลาด เริ่มจากรถรุ่นเล็กที่ใช้ในเมืองและรถกระบะเป็นหลัก
ต่อจากนั้นก็จะเพิ่มขนาดเป็น C และ D-Segment รวมไปถึงเริ่มที่จะพัฒนารถยนต์พลังงานทดแทน (EV Car เป็นต้น)
หลังจากนั้น ปรับปรุงคุณภาพเรื่องศูนย์บริการอย่าให้ขาดตกบกพร่อง
หลังจากนั้นก็จะทำแบรนด์พรีเมียมอีกแบรนด์หนึ่ง (คล้ายๆ Lexus Infiniti Acura Genesis)
คติพจน์ของแบรนด์ ...
"รถทุกคันจะต้องเป็นรถที่ขับสนุก สะดวกสบาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดูแลรักษาง่าย และรักษาทุกชีวิตบนท้องถนน ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด"
-
ผมจะวางแบรนด์ในระดับ RR, Bentley ครับ และผลิตในจำนวนจำกัด มีนามเบอร์ของแต่ล่ะคัน
เพราะอะไรรู้มั้ยครับ เพราะการที่เราเล่นในตลาดบน เราสามารถตั้งราคาขายเท่าไหร่ก็ได้ เพราะพวกเขามีกำลังซื้อ และส่วนมากจะขายได้ ถ้าของคุณดีจริง
แต่ขอเน้นในตลาดสุภาพสตรีนะครับ
แต่ผมว่าเริ่มอยากแล้ว เพราะถ้าจะเปิดบริษัทโดยพึ่งตัวเองกันจริงๆ นั้นคือเริ่มจาก 0
คือมันยังไม่มีอะไรเลย ขนาดที่บริษัทอื่นเขาไปไหนต่อไหนกันแล้ว(เทคโนโลยี)
ผมว่าไทยรุ่งมาถูกทางนะ แต่ยังผิดเป้าหมายไปนิดนึง คือดันไปทำแข่งกับเจ้าตลาด ไม่ทำอะไรที่แตกต่าง
ไทยรุ่งน่าจะดำเนินการให้ลักษณะของ AMG ในสมัยก่อน ป่านี้บริษัทใหญ่เข้ามาร่วมทุนไปแล้ว
-
มองในมุมผู้บริโภค ถ้าคนไทยดูถูกแบนด์คนไทยด้วยกันเอง ก็คงเกิดรถสัญชาติไทยยากครับ
มองในมุมผู้ผลิต ถ้าเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มาก่อน เจอรายใหญ่ตีก็จุกแล้วครับ
ระดับ Exotic car แบบจขกท. น่าสนใจครับ แต่ต้องมีทุนที่หนา กับเทคโนโลยีที่ดีครับ
ส่วน ไทยรุ่ง ตอน TR ก็น่าจะดี เจอ MU 7 มาเองก็แย่ไปเลย มาทำ chev ตัว chev เองยอดก็ยังไม่ได้เยอะ ก็ต้องหาโอกาศกันต่อไปครับ
-
ถ้าจะสร้างแบรนด์ในไทย
ผมจะเริ่มจากการเป็นผู้ผลิตของแต่งและทำเวอร์ชั่นปรับจูนพิเศษสำหรับรถยนต์ที่มีอยู่ในตลาดก่อน
หลังจากนั้น เมื่อทุกอย่างอำนวย ค่อยลองนำประสบการณ์ที่ได้จากรถแต่ละรุ่นที่เคยทำ
มาทำเป็นรถโมเดลเฉพาะตัว ใช้วิธีเลือกรถที่มีอยู่แล้วจากในตลาดโลก มาดัดแปลงภายนอก
ให้มีลักษณะพิเศษ แล้วค่อยเปิดมาในอีกชื่อนึง
ชิ้นส่วนเกือบจะทั้งหมดที่ใช้จะต้องสามารถหาได้ในท้องตลาด หรือสามารถเบิกจากศูนย์ที่มีอยู่ในประเทศไทย
และรถที่ผมอยากทำ แน่นอนว่าจะไม่เน้นตลาด 10-20 ล้าน แต่จะเน้นตลาดที่วัยรุ่นสามารถซื้อหามาใช้
เป็นรถคันแรกได้ และมันต้องขับสนุก มันต้องคม
ทั้งหมดนี้ใช้เวลานานมาก แต่เป็นไปได้ ถ้าจะทำ ไม่ใช่แค่แข่งในเรื่องราคาถูก แต่ต้องเป็นการนำรถที่มีอยู่ใน
ท้องตลาด มาขัดเกลาให้ขับได้สนุกขึ้น เน้น Position ของ Brand ไปในทางสนุก มันส์ มากกว่าหรูหรา
ของเล่นเยอะ ...ลองคิดดูว่าถ้าคุณส่ง Honda City, Jazz ให้ Lotus เอาไปโมดิฟายแชสซีส์กับช่วงล่าง
และให้คนไทยกันเองกับปัญญาไทยในการทำเครื่องยนต์ให้ขับสนุก ลบจุดอ่อนที่เกิดจากต้นทุนให้เหลือน้อยลง
และขายในราคาที่คุณไม่ต้องขายบ้านมาซื้อ
มันจะขายได้น้อย แต่ผมว่านี่คือแบรนด์ในลักษณะที่ผมอยากผลักดันให้เกิด
เพราะผมเชื่อว่าถ้าทำรถโดยเริ่มจากการสร้างรถราคาถูก ภาพลักษณ์ของแบรนด์จะต้องใช้เวลาในการปรับอีกมาก
รวมถึงใช้ทุนมหาศาล อีกทั้งยังต้องฟังคำดูถูกจากคนไทยด้วยกันเองอีกต่างหาก ผมสู้ทำรถที่มันแสดงศักยภาพ
และความรู้ในเชิงวิศวกรรมออกมา โดยทำบนพื้นฐานของรถที่สามารถเดินหาอะไหล่ได้จากวรจักรนับตั้งแต่
วันที่รถผมเปิดตัวเลย จะเหมาะกว่า
ทำไมผมนึกถึง RUF กับ Tommy Kaira จัง
-
ผมจะเปิดแบรนด์ eco car ครับ
เน้นเจาะตลาดตรงช่องว่างระหว่าง อีโคคาร์ญี่ปุ่น กับ รถจักรยานยนต์
ผมมองว่าช่องว่างตลาดตรงนั้น บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายไม่เล่นแน่ๆ เพราะมันทั้งไม่คุ้มทุน
และเผลอๆจะเป็นตัวดึงภาพลักษณ์ของทั้งบริษัทให้ด้อยลง
โดยการเปิดแบรนด์อีโคคาร์ไทยนี้ ผมจะชูจุดแข็ง 3 อย่าง
1. ไทยเป็นผู้ผลิตบางชิ้นส่วน และเป็นผู้ประกอบรถในเอเชีย ที่ได้รับการยอมรับจากหลายๆประเทศ
ตรงนี้เป็นจุดแข็งของเรา เราสามารถผลิตรถแบบ mass product ได้
2. การร่วมมือจากภาครัฐ หากภาครัฐนั้นเอื้อประโยชน์ต่อผู้ผลิต เหมือนอย่าง อินเดีย-ทาทา มาเล-โปรตรอน ฯลฯ
การยกเว้นภาษีบางอย่างนั้นก่อประโยชน์มหาศาลต่อการเติบโตของเอกชนครับ และถ้าจะมองกันเชิงนโยบายสาธารณะจริงๆ
สมมุติรัฐยกเว้นภาษีเป็นพิเศษกับรถผลิตในไทย ผู้ผลิตไม่ต้องผลักภาระภาษีมูลค่าเพิ่มมาให้ผู้ซื้อ รถยนต์นั้นก็จะมีราคาต่ำลง
และเมื่อราคาต่ำ การครอบครองจะเกิดได้ง่ายขึ้น ตรงนี้ช่วยลดช่องว่างทางสังคม ที่เป็นปัญหาเรื้อรังของไทย ลงได้เยอะเลยนะครับ
3. ความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค
ผมใช้ตรรกะคิดแบบทารกๆว่า รถยนต์ที่คนไทยทำ ก็ต้องถูกใจคนไทยมากกว่าคนอื่นทำน่ะสิ
เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน รถยนต์นั้นน่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้ดีกว่า
(แต่ข้อนี้ผมไม่มั่นใจนะว่า มันจะเป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน เพราะตัวผมเองก็ยังอคติกับ made in thailand เหมือนกัน ;D)
ขอบคุณจขกท ครับ สำหรับคำถามลองคิดดูเล่นๆ สนุกดีครับ :)
-
ทำรถบัส กับรถบรรทุก ก่อนครับ รวมถึงรถกระบะ ทำแบบป้อนกองทัพด้วยก็ดีไม่น้อย พอรากฐานมั่นคงเริ่มดัง ก็ส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงประเทศในแถบ อัฟริกัน ตะวันออกกลาง อเมริกากลาง-ใต้ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของรถจำพวกนี้
พอรวยมากๆ ก็เริ่มทำรถซูเปอร์คาร์ หาดีไซน์เนอร์ดังออกแบบ ทำเป็น Limited เพราะจากที่เคยเจอ รถจำพวกนี้ได้รับความนิยมเหมือนกัน ถึงเเม้จะผลิตไม่มาก และคนไม่ค่อยรู้จักก็จริง พอมีตัวเบิกทางแล้วต่อไปก็ลุยรถเก๋งล่ะครับ
;D ;D ;D
-
ผมจะทำรถแบบ Tailor made ครับ
อยากได้แบบไหนก็สั่งเอาเลย
มี check List มาให้ลูกค้าเลือกพร้อมราคาแต่ละรายการ
โดยคงตัวแชสซีไว้ แต่ที่เหลือ Custom ได้หมด
เอาล้อขนาดไหน เครื่องยนต์เท่าไหร่ กี่ประตู กี่ที่นั่ง
เทอร์โบลูกขนาดไหน หรือจะใส่ไนตรัส ใส่คอมพิวเตอร์
ติดทีวี เปลี่ยนกระโปรงท้ายเป็นกระบะ ทำหลังคาสูง
เปิดประทุน หรือไม่เอามันซักอย่าง ขอให้วิ่งได้ก็พอ
ทุกคันไม่มีซ้ำกัน และลูกค้าควบคุมราคาได้
Option ครบโดนใจ ไม่มีขาด ไม่มีเกิน เพราะเลือกเอง
-
ถ้าจะทำยี่ห้อรถคนไทยยี่นึง
ผมว่า เราควรสร้างแบรนด์ให้มีความเป็นมาตรฐานสูง สามารถสู่สากลได้
และในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างรถในต้นทุนที่เราสามารถควบคุมได้ และจำหน่ายในราคาที่ทุกคนคิดว่า มันไม่แพงไปกว่าคุณภาพตัวรถที่ได้รับ
แล้วมันต้องเป็นรถที่เหมาะสำหรับทุกคนด้วย
ด้วยความที่ว่าบ้านเราเป็นฐานการผลิตของรถยนต์ต่างชาติหลายๆ ยี่ห้อแล้ว จะทำให้เราได้เปรียบตรงที่ เราสามารถผลิตรถเองได้ในต้นทุนที่เหมาะสม
อะไหล่ในช่วงแรกก็อาจจะนำเข้าจากต่างประเทศเป็นบางชิ้นที่เรายังไม่มีความชำนาญในการผลิตมากพอ
แล้วจากนั้นเราก็ใช้อะไหล่ในไทยทั้งหมด
รถที่ผมจะทำเป็นรุ่นแรกเลยก็คือรถกระบะครับ เพราะสามารถเข้าถึงได้หลายระดับ
ปูพื้นฐานด้านความแข็งแรง ประหยัดน้ำมัน ต้นทุนไม่สูงมาก แต่ได้รถคุณภาพที่เป็นสากล และที่สำคัญคือ ราคาถูกกว่ารถต่างชาติ
ส่วนรุ่นต่อมาจะทำเป็นรถ Eco car (Sedan B-segment) เพราะเข้าถึงได้หลายระดับรองลงมาจากกระบะ
ปูพื้นฐานด้านความประหยัดน้ำมันโดยมีพื้นความเชื่อเดิมจากรถกระบะที่ทำออกมา ต้นทุนไม่สูงมาก แต่ได้รถคุณภาพสากลเช่นกัน
และเป็นรถที่มีความสบายในห้องโดยสารและการขับขี่ ออพชั่นติดมาสมราคา และราคาก็ถูกกว่ารถต่างชาติ (แต่ไม่ควรถูกกว่ากันมากนัก)
แล้วจากนั้นก็จะทำรถ Sedan C-Segment เลยครับ เพราะเข้าถึงได้หลายระดับรองลงมาอีก
ปูพื้นฐานด้านคามสบายในห้องโดยสารและการขับขี่โดยมีพื้นความเชื่อเดิมจาก Eco car ที่ทำออกมา แต่เราต้องใส่การขับขี่ที่ดีกว่าเดิม
และไม่ควรทิ้งเรื่องความประหยัด ต้นทุนไม่สูง ได้รถคุณภาพสากล ราคาถูกกว่ารถต่างชาตินิดหน่อย ประมาณนี้ครับที่คิดออก