Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: J!MMY ที่ มิถุนายน 16, 2009, 20:14:20
-
บทความ เชิญที่
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=468:-lexus-ls460-l-10-&catid=68:luxury&Itemid=87
เชิญแสดงความคิดเห็นได้ที่กระทู้นี้
และ หากพบข้อผิดพลาดใดๆของรีวิว ขอรบกวนช่วยแจ้งไว้ที่กระทู้นี้ด้วยเช่นกันครับ
จะได้รีบแก้ไข ปรับปรุงให้โดยเร็วที่สุด
ขอบคุณมากครับ
-
เสร็จซะที ขอบคุณมากครับ
ว่าแต่ รายการต่อไป มีอะไรมั่งครับ??
-
รายการต่อไป
ขึ้นอย่างฉับไวเป็นที่สุด
- CAMRY HYBRID !!
ไม่บอกว่าขึ้นวันไหน แต่ยืนยันได้เลยว่า First Impression รอไม่นานอย่างที่คิด
แต่ตอนนี้ยังบอกไมไ่ด้ว่าเอาขึ้นวันไหน
- จากนั้น Volvo XC60 หรือ Nissan Teana หรือ Mazda 3 ขึ้นกับว่า ใครพร้อมกว่ากัน
ที่แน่ๆ หลังแคมรี ไฮบริด แล้ว อาจจะขอเว้นวรรครีวิว ไป 1 สัปดาห์
มีงานด่วน ที่จะต้องเคลียร์ อย่างบ้าระห่ำเป็นที่สุด
เป็นงานที่ รู้สึกว่า เป็นบทความที่ เราจะก่อความเดือดร้อน ให้กับทั้ง คนไทย และคนญี่ปุ่น กันสนุกสนานมาก อยู่ในขณะนี้
รับประกันความละเอียด มันจะเยอะ และ แยะมากขนาดที่...ไม่เคยมีใครทำได้ละเอียดเท่านี้มาก่อนแน่ๆ กล้าท้า!
หึหึหึ
-
ขอบคุณคับ เดี๋ยวไปอ่านก่อนนะคับ
-
ขอบคุณครับ สำหรับรีวิวดีๆ
ถัดจาก Camry hybrid ภาวนาให้รีวิว New Teana พร้อมที่สุดเถิด
สู้ต่อไปนะครับ คุณจิมมี่
-
อ่านเสร็จแล้วครับ หลังจากรีเฟรชไปหลายที ;D
-
คอยสนับสนุนผลงานดีดีอย่างนี้เรื่อยๆครับ
-
ขอบคุณครับ
ผมว่า Lexus LS เป็นรถที่นั่งสบายที่สุดใน class แล้วอะ
นั่งแล้วแทบไม่อยากออกจากรถเลย
แต่ถ้าซื้อขอเลือก S-Class ดีกว่า
-
ชอบรูปสุดท้ายครับ มันสื่อถึงตัวตนของ LS460L ได้ตรงสุดๆ
อยากให้พี่จิมมี่ได้มีโอกาสเอาทั้ง S-Class/Series7 มาเทส แล้วคำตอบว่าใครเป็นอัครยานยนต์น่าจะได้ครับ
-
ด้วยความเคารพครับพี่จิมมี่
"แต่ถ้า หักพวงมาลัยไปทางซ้าย จานฉายเฉพาะไฟหน้าฝั่งซ้ายจะปรับมุมเบนไปทางขวา ไม่เกิน 10 องศา
ส่วนจานฉายไฟหน้าฝั่งซ้าย จะปรับมุมเบนไปทางซ้ายตามด้วย ไม่เกิน 5 องศา"
รายละเอียดของการทำงานของไฟหน้าตรงบทความช่วงนี้
อ่านแล้วแอบงงๆ อยู่เล็กน้อยครับ ฝากดูด้วยนะครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ รักษาสุขภาพด้วยครับ
-
งงไฟหน้าเหมือนกันคับ
เอ่อ แล้ว LS460 กับ CROWN อันไหนหรูกว่ากันอะคับ
-
เหอๆ รถรุ่นนี้ผมมีตังซื้ออยู่แล้วไม่แพงหรอก ซื้อแค่ล้อมันนะ 5555 ;D ;D ;D
-
:'( :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'(
อย่าลืม forester นะะะะะะะะะะะ
-
ขอบคุณมากครับสำหรับรีวิว :)
-
Clip ให้ดูตามเคย หลายคนที่เป็นขาประจำของตา Konnai คงเห็นหมดแล้วมั้ง
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=OV4ahtHfxIw[/youtube]
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=DRuKiJFB4MM[/youtube]
-
แม้เห็นพี่จิมนั่งข้างหลังแล้วนะ ถ้าใส่ชุดหรูๆนะ อาเสี่ยมาเองเลย
-
ตอนแรกๆของ โบนัส คลิป นี่ ย้อนกลับมาดูอีกที ก็ฮา เสียงตาแพนจริงๆ
บริดจ์สโตน ทารันตูรา...เออ เนาะ คิดได้ไง?
แต่ขอยืนยันว่า คลิปนี้ ถ้าคิดว่า ฮา มันจะยังฮา ไม่เท่า โบนัส คลิป ของ เทียนา ที่เรายังไม่ปล่อยจนกว่ารีวิวจะคลอด!!
อันนั้นละ 5 มุข รวด ติดๆๆๆๆ กันเลยทีเดียว
-
เยียมเช่นเคยครับ
-
สำหรับผมแล้วรถคันนี้เรียกได้ว่าเป็นรถที่แรงอันดับ 2 ที่ได้ขับมาตั้งแต่ต้นปี 2009 และถ้านับเฉพาะรถป้ายแดงในกระบวนที่ได้ร่วมทดสอบกับ J!MMYแล้วล่ะก็ นี่คือรถที่ให้คาแร็คเตอร์ของพลังที่ประทับใจและปลอดภัยไปพร้อมๆกัน
สำหรับของเล่นมากมายบนคอนโซล และทั่วคันรถ สิ่งเหล่านั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจนัก และอันที่จริงผมไม่ได้นั่งบนเบาะหลังของมันในขณะที่แล่นเลยด้วยซ้ำ ในฐานะคนที่ชอบการขับรถ ผมมักให้ความสนใจกับสิ่งที่รถตอบสนองต่อผู้ขับขี่มากกว่า
เบาะนั่งของ LS460 เป็น 1 ในเบาะรถไม่กี่รุ่นที่ผมนั่งลงไปแล้ว ไม่รู้จะหาที่ติตรงไหน มันเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก แต่ก็ทำให้เราพอนึกออกได้ว่าวิศวกรคนที่ออกแบบเบาะ ไม่ได้สักแต่ว่าทำแท่นหุ้มหนังควายมาให้เราประทับทวารระหว่างขับ แต่ดีไซน์มาโดยเอาคนหลายไซส์มาลองนั่ง และถามคำถามกับคนเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะได้รูปแบบของเบาะที่สบายที่สุด และสบายกับคนทุกไซส์ ไม่ใช่สบายแบบเสื้อฟรีไซส์..ฟรีไซส์บ้านแกดิ คับชิบเผง
ค่าตัวระดับสิบล้านมันมีเหตุผลของมันนอกเหนือจากภาษี แม้ผมจะนั่งอย่างสบายอารมณ์ใน Teana 250XV และบอกคุณได้ว่านี่ล่ะเบาะที่นั่งสบาย แต่ Lexus จะยิ่งพาคุณลึกเข้าไปในความสบายนั้นจนคุณเริ่มทำใจยอมรับได้ว่าค่าตัวที่แพงมันแพงแบบมีที่มา และแน่นอนมันสบายกว่าเบาะที่สบายอยู่แล้วอย่างของ Teana แน่ๆ
J!MMY อาจจะบอกให้คุณทราบถึงขนาดตัวยังกะเรือเดินสมุทรของ LS460 แต่ระหว่างขับ ผมกลับไม่รู้สึกว่านี่เป็นรถใหญ่เลยถ้าไม่มองไปข้างหลัง ถ้าถนนเปิดโล่งและหนทางข้างหน้ามีเรื่องสนุกรออยู่ LS460 ให้ความคล่องชนิดที่ผมสงสัยเหลือเกินว่าทำไมสมัยก่อน LS400 รุ่นแรกที่เบากว่านี้ ตัวเล็กกว่านี้ แคบกว่านี้ กลับไม่มีชีวิตชีวามากเท่านี้...นี่เป็นสิ่งที่ Lexus หลายรุ่นมักจะขาด คือรถหรู แรง แต่เวลาขับ มันขาดชีวิตชีวา นุ่ม และทื่อ
แต่กระนั้นผมเห็นด้วยกับ J!MMY ว่าช่วงล่างของมันยังติดนุ่มอยู่นิดๆ มันก็แค่อาจจะสร้างความรำคาญให้คุณเวลาไล่จี้ท้าย GT-R ในสนาม Nurburgring แต่นี่คือถนนประเทศไทย ความนุ่มนวลเหล่านี้น่าสนกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเป็นความนุ่มชนิดที่เอาอยู่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ความเงียบในห้องโดยสาร ผมไม่แปลกใจในรถตระกูล LS ของ Lexus เพราะนับตั้งแต่20ปีก่อน LS400 รุ่นแรกเข้าตีตลาดรถหรู มีนิตยสารดังๆเอาเครื่องวัดเสียงในห้องโดยสารตอนวิ่ง LS400 ชนะรถหรูทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น 560SEL, 750iL, ฺBentley Turbo R
LS460 ของทุกวันนี้เก็บเสียงลมจนเบาชนิดที่ว่าถ้ามีใครในรถพูดอยู่แม้แต่คนเดียวคุณก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นแล้ว
ยิ่งมาเทียบกับรถสามัญชนที่ผมขับไปทำงานทุกวัน โอ้โห Lexus วิ่ง 160 เพิ่งจะมีเสียงลมเข้ามาเท่ารถของผมเองที่วิ่ง 100นึง
ส่วนสมรรถณะและอัตราเร่งนั้น ตัวเลขที่ J!MMY แสดงให้คุณเห็นคงประจักษ์อยู่แล้ว และในคลิปที่คุณเห็นนั้นคือรถที่บรรทุกน้ำหนักเต็มอัตรา การออกตัวเกียร์ 1 คุณได้แรงจีประมาณ Ford Focus TDCi แต่หลังจากนั้นมันคือความแตกต่างกันชนิดดาวอังคารกับพระอาิทิตย์ 380 แรงม้าของมันลากรอบหวานๆให้เร้าใจเล่นได้ แม้จะไม่ได้ออกอาการทมิฬอย่างที่คุณจะพบได้กับซาลูนอย่าง E55 Kompressor
การเร่งแซงรถช้า จาก 60 ไป 100 คุณไม่จำเป็นต้องกดมิดเลย เกียร์จะทำหน้าที่เลือกอัตราทดตามน้ำหนักคันเร่งที่คุณกดลงไป บางจังหวะเหมือนเกียร์จะเดาพลาดไปบ้างก็มีเหมือนกัน โชคดีว่าแรงบิดเยอะ ไม่งั้นอาจจะไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ในภาพรวมแล้วแรงของมันนั้นมากจนผมคิดว่า Lexus น่าจะไปได้รุ่งในตลาดรถหรูประเทศไทยมากกว่านี้หากมีรุ่น LS350L ขาย
ทำไมน่ะเหรอ? ดูอย่างรถที่ทำยอดขายให้ S-Class สิครับ เวอร์ชั่น 6สูบนี่ล่ะคือตัวฟันยอดขายที่ดี คนไทยชอบรถหรู แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบรถแรง ผมดูอัตราเร่งของ LS460 แล้วยังถามตัวเองอยู่เลยว่ามันเกินขีดของความพอเพียงมามากน้อยเพียงไร จริงอยู่ว่าผมชอบรถแรง และถ้าให้ซื้อ LS ผมคงต้องขอเครื่อง V8 อยู่แล้วล่ะ แต่กับผู้ใหญ่หลายคนที่จะใช้ชีิวิตอยู่บนเบาะหลังของรถคันนี้เพื่อผ่อนคลายหลังการทำงาน เขาคงไม่จำเป็นต้องใช้ V8 และความจริง เครื่อง V6 3.5 ลิตร 277 แรงม้าก็เพียงพอแล้วที่จะลากบอดี้ LS ไปไหนมาไหนได้โดยไม่อืดเป็นเรือเกลือ
และมันจะเป็นประตูที่เปิดนำ Lexus เข้าไปสู่บ้านคนรวยได้ง่ายขึ้น การจ่ายเงิน 10 ล้านเพื่อ Lexus กับ 6ล้านเพื่อรถที่เหมือนกันเด๊ะ แค่เครื่องแรงน้อยกว่า คุณคิดว่าอย่างไรกันล่ะครับ?
Lexus อาจจะมองการกระทำแบบนี้ว่าเป็นการ Degrade แบรนด์ชั้นสูงของตัวเอง ผมคงต้องถามก่อนว่าแล้ว 735i กับ S300 ทำให้ 7-Series และ S-Class กลายเป็นแบรนด์ราคาประหยัดหรือเปล่า หรือมีใครเคยล้อเจ้าของ S300 ว่าทำไมเขาจึงขับรถรุ่นเดียวกับที่เป็นแท็กซี่โรงแรมบ้างหรือเปล่า? ในประเทศไทยน่ะคงมีน้อยครับ
ผมคงฝากไว้แค่นี้ และที่พูดในเรื่องนี้ ก็เพราะว่าโดยแท้จริงแล้ว ผมพยายามจะหาข้อติมากัด LS460 ตรงๆสักสามสี่ข้อ แต่ในที่สุดเมื่อผมคืนกุญแจให้ J!MMY ผมก็ยังคิดไม่ไ้ด้อยู่ดีว่าจะหาเรื่องอะไรมากัดนอกจากเรื่องรูปทรง ซึ่งเป็นเรื่องนานาจิตตัง
J!MMY ขึ้นอันดับให้มันเป็นรถที่น่าขับที่สุดคันนึงตั้งแต่ขึ้นปี 2009 เป็นต้นมา แต่ผมขอยกย่องให้มันเป็นความพยายามอันดีเยี่ยมของ Lexus ในการประหมัดกับรถหรูพันธุ์ยุโรปที่สู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี..ขอเพียงแค่มันมาพร้อมกับทรงภายนอกที่ดุดัน มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนกว่านี้
-
สำหรับผมแล้วรถคันนี้เรียกได้ว่าเป็นรถที่แรงอันดับ 2 ที่ได้ขับมาตั้งแต่ต้นปี 2009 และถ้านับเฉพาะรถป้ายแดงในกระบวนที่ได้ร่วมทดสอบกับ J!MMYแล้วล่ะก็ นี่คือรถที่ให้คาแร็คเตอร์ของพลังที่ประทับใจและปลอดภัยไปพร้อมๆกัน
สำหรับของเล่นมากมายบนคอนโซล และทั่วคันรถ สิ่งเหล่านั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจนัก และอันที่จริงผมไม่ได้นั่งบนเบาะหลังของมันในขณะที่แล่นเลยด้วยซ้ำ ในฐานะคนที่ชอบการขับรถ ผมมักให้ความสนใจกับสิ่งที่รถตอบสนองต่อผู้ขับขี่มากกว่า
เบาะนั่งของ LS460 เป็น 1 ในเบาะรถไม่กี่รุ่นที่ผมนั่งลงไปแล้ว ไม่รู้จะหาที่ติตรงไหน มันเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก แต่ก็ทำให้เราพอนึกออกได้ว่าวิศวกรคนที่ออกแบบเบาะ ไม่ได้สักแต่ว่าทำแท่นหุ้มหนังควายมาให้เราประทับทวารระหว่างขับ แต่ดีไซน์มาโดยเอาคนหลายไซส์มาลองนั่ง และถามคำถามกับคนเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะได้รูปแบบของเบาะที่สบายที่สุด และสบายกับคนทุกไซส์ ไม่ใช่สบายแบบเสื้อฟรีไซส์..ฟรีไซส์บ้านแกดิ คับชิบเผง
ค่าตัวระดับสิบล้านมันมีเหตุผลของมันนอกเหนือจากภาษี แม้ผมจะนั่งอย่างสบายอารมณ์ใน Teana 250XV และบอกคุณได้ว่านี่ล่ะเบาะที่นั่งสบาย แต่ Lexus จะยิ่งพาคุณลึกเข้าไปในความสบายนั้นจนคุณเริ่มทำใจยอมรับได้ว่าค่าตัวที่แพงมันแพงแบบมีที่มา และแน่นอนมันสบายกว่าเบาะที่สบายอยู่แล้วอย่างของ Teana แน่ๆ
J!MMY อาจจะบอกให้คุณทราบถึงขนาดตัวยังกะเรือเดินสมุทรของ LS460 แต่ระหว่างขับ ผมกลับไม่รู้สึกว่านี่เป็นรถใหญ่เลยถ้าไม่มองไปข้างหลัง ถ้าถนนเปิดโล่งและหนทางข้างหน้ามีเรื่องสนุกรออยู่ LS460 ให้ความคล่องชนิดที่ผมสงสัยเหลือเกินว่าทำไมสมัยก่อน LS400 รุ่นแรกที่เบากว่านี้ ตัวเล็กกว่านี้ แคบกว่านี้ กลับไม่มีชีวิตชีวามากเท่านี้...นี่เป็นสิ่งที่ Lexus หลายรุ่นมักจะขาด คือรถหรู แรง แต่เวลาขับ มันขาดชีวิตชีวา นุ่ม และทื่อ
แต่กระนั้นผมเห็นด้วยกับ J!MMY ว่าช่วงล่างของมันยังติดนุ่มอยู่นิดๆ มันก็แค่อาจจะสร้างความรำคาญให้คุณเวลาไล่จี้ท้าย GT-R ในสนาม Nurburgring แต่นี่คือถนนประเทศไทย ความนุ่มนวลเหล่านี้น่าสนกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเป็นความนุ่มชนิดที่เอาอยู่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ความเงียบในห้องโดยสาร ผมไม่แปลกใจในรถตระกูล LS ของ Lexus เพราะนับตั้งแต่20ปีก่อน LS400 รุ่นแรกเข้าตีตลาดรถหรู มีนิตยสารดังๆเอาเครื่องวัดเสียงในห้องโดยสารตอนวิ่ง LS400 ชนะรถหรูทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น 560SEL, 750iL, ฺBentley Turbo R
LS460 ของทุกวันนี้เก็บเสียงลมจนเบาชนิดที่ว่าถ้ามีใครในรถพูดอยู่แม้แต่คนเดียวคุณก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นแล้ว
ยิ่งมาเทียบกับรถสามัญชนที่ผมขับไปทำงานทุกวัน โอ้โห Lexus วิ่ง 160 เพิ่งจะมีเสียงลมเข้ามาเท่ารถของผมเองที่วิ่ง 100นึง
ส่วนสมรรถณะและอัตราเร่งนั้น ตัวเลขที่ J!MMY แสดงให้คุณเห็นคงประจักษ์อยู่แล้ว และในคลิปที่คุณเห็นนั้นคือรถที่บรรทุกน้ำหนักเต็มอัตรา การออกตัวเกียร์ 1 คุณได้แรงจีประมาณ Ford Focus TDCi แต่หลังจากนั้นมันคือความแตกต่างกันชนิดดาวอังคารกับพระอาิทิตย์ 380 แรงม้าของมันลากรอบหวานๆให้เร้าใจเล่นได้ แม้จะไม่ได้ออกอาการทมิฬอย่างที่คุณจะพบได้กับซาลูนอย่าง E55 Kompressor
การเร่งแซงรถช้า จาก 60 ไป 100 คุณไม่จำเป็นต้องกดมิดเลย เกียร์จะทำหน้าที่เลือกอัตราทดตามน้ำหนักคันเร่งที่คุณกดลงไป บางจังหวะเหมือนเกียร์จะเดาพลาดไปบ้างก็มีเหมือนกัน โชคดีว่าแรงบิดเยอะ ไม่งั้นอาจจะไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ในภาพรวมแล้วแรงของมันนั้นมากจนผมคิดว่า Lexus น่าจะไปได้รุ่งในตลาดรถหรูประเทศไทยมากกว่านี้หากมีรุ่น LS350L ขาย
ทำไมน่ะเหรอ? ดูอย่างรถที่ทำยอดขายให้ S-Class สิครับ เวอร์ชั่น 6สูบนี่ล่ะคือตัวฟันยอดขายที่ดี คนไทยชอบรถหรู แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบรถแรง ผมดูอัตราเร่งของ LS460 แล้วยังถามตัวเองอยู่เลยว่ามันเกินขีดของความพอเพียงมามากน้อยเพียงไร จริงอยู่ว่าผมชอบรถแรง และถ้าให้ซื้อ LS ผมคงต้องขอเครื่อง V8 อยู่แล้วล่ะ แต่กับผู้ใหญ่หลายคนที่จะใช้ชีิวิตอยู่บนเบาะหลังของรถคันนี้เพื่อผ่อนคลายหลังการทำงาน เขาคงไม่จำเป็นต้องใช้ V8 และความจริง เครื่อง V6 3.5 ลิตร 277 แรงม้าก็เพียงพอแล้วที่จะลากบอดี้ LS ไปไหนมาไหนได้โดยไม่อืดเป็นเรือเกลือ
และมันจะเป็นประตูที่เปิดนำ Lexus เข้าไปสู่บ้านคนรวยได้ง่ายขึ้น การจ่ายเงิน 10 ล้านเพื่อ Lexus กับ 6ล้านเพื่อรถที่เหมือนกันเด๊ะ แค่เครื่องแรงน้อยกว่า คุณคิดว่าอย่างไรกันล่ะครับ?
Lexus อาจจะมองการกระทำแบบนี้ว่าเป็นการ Degrade แบรนด์ชั้นสูงของตัวเอง ผมคงต้องถามก่อนว่าแล้ว 735i กับ S300 ทำให้ 7-Series และ S-Class กลายเป็นแบรนด์ราคาประหยัดหรือเปล่า หรือมีใครเคยล้อเจ้าของ S300 ว่าทำไมเขาจึงขับรถรุ่นเดียวกับที่เป็นแท็กซี่โรงแรมบ้างหรือเปล่า? ในประเทศไทยน่ะคงมีน้อยครับ
ผมคงฝากไว้แค่นี้ และที่พูดในเรื่องนี้ ก็เพราะว่าโดยแท้จริงแล้ว ผมพยายามจะหาข้อติมากัด LS460 ตรงๆสักสามสี่ข้อ แต่ในที่สุดเมื่อผมคืนกุญแจให้ J!MMY ผมก็ยังคิดไม่ไ้ด้อยู่ดีว่าจะหาเรื่องอะไรมากัดนอกจากเรื่องรูปทรง ซึ่งเป็นเรื่องนานาจิตตัง
J!MMY ขึ้นอันดับให้มันเป็นรถที่น่าขับที่สุดคันนึงตั้งแต่ขึ้นปี 2009 เป็นต้นมา แต่ผมขอยกย่องให้มันเป็นความพยายามอันดีเยี่ยมของ Lexus ในการประหมัดกับรถหรูพันธุ์ยุโรปที่สู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี..ขอเพียงแค่มันมาพร้อมกับทรงภายนอกที่ดุดัน มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนกว่านี้
ผมว่ายังขาดตรงส่วน รูปทรง นี่แหละ ที่หรูไม่เสร็จ
-
สมค่าแก่การรอคอย
คิวต่อไป ขอเป็น new teana นะพี่จิม อยากดูคลิปละ
เอาเน้นตัวนี้ก่อน นะ นะ
-
ตัวต่อไป อาจจะไม่ใช่เทียนา
แต่ต้องเป็น First Impression : รีวิว Camry Hybrid ก่อนครับ
-
รูปถ่ายสวยมากเลยน่ะครับ ;D เนือหาช่วยอ่านเรื่อยๆดีจริงๆครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ
เป็นกำลังใจให้น่ะครับ
-
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ อีกครั้งครับ อยากทราบว่าทำเนียบรถที่ประทับใจที่สุดของคุณ จิมมี่ มีอะไรบ้างครับ
-
นั่นสิผมเดาอยู่เหมือนกัน อยากรู้ว่าในรอบ 2ปีที่ผ่านมา มีรถอะไรที่จิมประทับใจจริงๆบ้าง
1. LS460
2. Focus TDCi
3. MX-5 foldable hardtop
-
สำหรับผม ผมว่า สวยแบบเรียบๆ ครับ
รีวิวคุณ จิมมี่ ก็ครบถ้วนดี สามารถสื่อความรู้สึกต่อรถคันนี้ได้ครบแล้ว
แต่รูปน่าจะเยอะกว่านี้นิดนึง พวก ปุ่มควบคุม ลูกเล่นต่างๆ (ไม่ใช่จอมอนิเตอร์) น่ะครับ
ได้อ่านแล้วไม่เสียดายครับ ที่รออ่านมาตั้งหลายวัน เมื่อวานกดรีเฟรชทั้งวันเลย
-
ขอบคุณมากๆๆครับสำหรับรีวิว ดีๆ มันเป็นรถที่คนทั่วๆไปคงได้แต่มองครับ และก็เห็นด้วยกับท่านผู้เกินที่บอกว่าควรมีเครื่องรุ่นเล็กออกมาเพราะว่าเศรษฐีส่วนใหญเค้าจะมีคนขับรถให้ครับ แรงไม่แรงเค้าไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว เค้าสนใจที่ว่าภาพลักษณ์ดูดีแล้วก็ความสบายในการโดยสารมากกว่า
-
ความคิดเห็นคุณ commander ก้อมีเหตุผลเช่นกันสำหรับเครื่อง v6 กะ v8 ผมเห็นด้วยนะถ้าที่เมืองไทยคงจะนิยมทาง v6มากกว่าประหยัดตังค์กว่าเยอะ หน้าตาเหมือนกัน ที่สำคัญรถระดับนี้เจ้าของนั่งหลังอย่างเดียว คงไม่สนหรอกว่าจะเเรงเเค่ไหน ตรงจุดครับบบบ เเต่ผมคิดว่าทาง Lexus เค้าทำออกมาตีตลาดโลก ซึ่งถ้าอยู่เมืองนอกเเล้วจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าคนมีกะตังค์เกินกว่าร้อยละ 90 เค้าขับเองครับ ซื้อรถถูกกว่าเราเยอะมากกกก ค่าจ้างพนักงานขับรถส่วนตัวเเพงมากเเล้วหายากด้วย ภูมิประเทศค่อนข้างไม่ราบเรียบเหมือนเมืองไทยครับ ฝรั่งเค้าจึงนิยมรถเครื่องใหญ่ทั้งนั้นครับ เท่าที่เห็นมาเเถบยุโรปกะออสเตรเลีย series 7 นิยมที่สุดในคลาสครับ ก้ออย่างที่คุณ commander ให้ข้อคิดเห็นไว้ว่าถ้าขับเองก้อต้องเลือกที่ handling ก่อน
สุดท้ายผมประทับใจในตัว LS รุ่นนี้สมาก เเละเชื่อว่าน่าจะดีที่สุดในคลาสในเวลานี้ครับ ขอขอบคุณทีมงานทุกคนครับ
-
ผมว่าในรถยังมีชิ้นส่วนสหกรณ์บางอย่าง (เช่น ที่ปรับกระจกมองข้าง) ที่ทำให้มันดูราคาถูกไปหน่อยครับ
แล้ว dashboard ฝั่งซ้าย ผมว่ามันดูทื่อๆ เชยๆ ไม่ค่อยเข้ากับคอนโซลกลางและ dashboard ฝั่งคนขับ
โดยรวมผมให้ภายในสวยกว่า S-Class, 7-Series แล้วก็ Jaguar XJ
เรื่อง gadgets ต่างๆ นี่มีให้เล่นมันส์น่าดู แต่ผมอยากรู้ว่าไ้อ้เบาะ Ottoman นี่ ไม่ใช่อุปกรณ์มาตรฐานใช่มั้ยครับ?
ระบบ touch screen จากประสบการณ์ใช้ใน Prius ผมว่าง่ายดี แต่เท่าที่ผมลอง COMAND ของ Merc ก็ไม่ยากนะครับ
ภายนอกสวยกว่า S-Class อย่างมาก และดูดีกว่า 7-Series ใหม่พอสมควร โดยเฉพาะด้านท้าย
แต่ติที่ล้อมาตรฐาน (18 นิ้ว) เล็กไปหน่อย ถ้าเป็น 19 นิ้วจะดีมาก
ถ้าผมมีตังค์ ก็คงจะไม่ซื่อคันนี้ เพราะผมอยากได้ Quattroporte มากกว่า
แต่ถ้าตัด Quattroporte ออกไป ก็คงเป็น LS460 (ไม่มี L) อันดับแรกเลยครับ :)
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆมากครับ
สวย หรู ดีจริงๆเลยครับ
-
OTTOMAN เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น LWB ครับ
-
พี่จิมมี่ครับ ผมอยากทราบว่าเมื่อนำเจ้า LS460 ไปเทียบกับ S-class แล้ว มันเป็นอย่างไรครับ ผมทราบมาว่าเรื่องความประณีตของ Lexus นั้นดีมากจนนิตรสารอังกฤษฉบับหนึ่งบอกว่า ถ้าจะหารถที่ประกอบประณีตที่สุดคงต้องเป็น Rolls-Royce แต่ถ้าพอๆกันเค้านึกถึง Lexus ผมอ่านแล้วไม่ทราบว่ามันเวอร์ไปรึเปล่า ผมเคยเข้าไปนั่ง LS460 ในงาน motor show กับเพื่อน ลองสังเกตความประณีตต่างๆยอมรับว่าดีจริง แต่การปิดประตูของ LS460 ที่มีการล็อคแต่ละจังหวะมันยังไม่ให้ความรู้สึกแข็งแรงบึกบึนอย่างที่พบกับ S-class หรือ 7 seriers ที่ทั้ง 2 จากเยอรมันนั้น จังหวะล็อคของบานประตู พอล็อคแล้วมันจะนิ่งสนิทเลยไม่สั่นเล็กน้อยเหมือน Lexus พูดจริงๆพบชอบ LS460 นี้มากกว่า S-class ซะอีกทั้งที่ผมชอบใน Mercedes มาตลอด ที่ชอบเพราะหน้าตาที่ผมว่าดูดีกว่า ภาพในที่ยังไม่ให้ความรู้สึกล้ำยุคเกินไปเหมือนใน Mercedes หรือ BMW ที่คันเกียร์กลายเป็นด้ามเล็กๆอยู่หลังพวงมาลัย และอุปกรณ์ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่ที่ไม่ชอบก็มีไฟท้ายที่ออกจะดูเทอะทะเกินไปหน่อย ผมสังเกตเห็นว่า ปกติเจ้า LS460 นี้จะมีระบบควบคุมให้รถวิ่งอยู่ในเลนส์ตลอด แต่คันที่จำหน่ายในประเทศถูกตัดออกไป ซึ่งน่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะมันไม่จำเป็น แต่ผมอยากทราบว่า รุ่นที่จำหน่ายในประเทศมีระบบถอยหลังจอดเองรึเปล่าครับ
-
http://www.youtube.com/watch?v=HsHqrPIT7xo
-
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=nS4WMJR_JZs[/youtube]
-
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=HsHqrPIT7xo[/youtube]
-
รถในฝันครับ
ไม่รู้เมื่อไรจะมีโอกาสได้นั่งมั่ง
พยายามเข้า อาจจะได้เป็นเจ้าของก็ได้ครับ อิอิ
-
ชอบรีวิวตัวนี้เลยครับ คือมันเป็นรถที่ผมชอบมากๆ
แล้วอันนี้คุณจิมมี่เขียนได้ดี ไม่ยาวมากเท่าไหร่
อาจเป็นเพราะว่าคุณได้เขียน ประวัติของLS ในบทความก่อนหน้านี้
และด้วยความที่คุณเป็นคนที่มีความรู้แตกฉานในเรื่องรถยนต์
พร้อมกับเป็นคนที่มีรายละเอียด ทำให้หลายๆรีวิวค่อนข้างยาว
จนบางครั้งผมต้องขออนุญาติข้าม แต่นั่นมันก็ไม่ใช่การพรรณนาโวหาร
แบบนำ้ท่วมทุ่งดังที่เราเคยเห็น แต่เพียงแค่ผมไม่ชอบอ่านอะไรในจอคอมที่มันยาวๆ
ถ้าเป็นหนังสือล่ะก็ได้อยู่แล้วครับ
เห็นด้วยที่ท่านผู้การกล่าวไว้เลยครับ
ที่ว่าการที่คุณลดขนาดเครื่องลงมามันจะทำให้เข้าไปอยู่ในบ้านคน(รวย)ได้ง่ายขึ้น
และมีโอกาสมากขึ้นในการเข้ามาอยู่ในบ้านผม(ในฐานะรถมือสอง)
หลังจากอ่านรีวิวนี้ และเมื่อใดก็ตามที่ผมอยากเห็นเจ้าLS นี้
เพียงแค่ชะเง้อ มองบ้านตรงข้ามด้วยสายตาละห้อย ปนกับความอิจฉา
พร้อมกับคิดว่าเมื่อไหร่เมิงปล่อย นึกถึงกรูด้วยนะ
สองล้านไม่ต่อเลย ซักบาท 555