Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sedan lover ที่ พฤษภาคม 31, 2011, 13:37:59
-
ขอบคุณ คุณจิมมี่กับคุณแพนมากครับ
สืบเนื่องจากที่เคยถามระหว่าง BMW 520d กับ MB200CGI ครับ ตอนนี้ผมได้ไปทดลองขับแล้วครับ
ผมกับภรรยาติดใจใน520d ครับแรงดึงดีชอบ feelingครับ แต่คันเร่ง+เครื่องดีเซลค่อนข้างกระชาก แต่ controlได้รับได้ครับ
แต่คุณพ่อกับคุณแม่controlคันเร่งไม่ได้เลยครับ เลยเหลือบไปมอง 523i ครับ( option+ภายในเหมือนกันเลยครับ)
อัตราเร่งพอๆกับ 520d แต่ให้ feeling ไปนุ่มๆครับ ส่วน E200CGI ไปนุ่มสไตล์MBเหมือนใน clipเลยครับ ชอบครับ
อยากถามคุณแพน และเพื่อนสมาชิกว่า อัตราสิ้นเปลืองของ E200 เทียบกับ 523i เป็นอย่างไรบ้างครับ, 520d มีปัญหากับ
น้ำมันดีเซลเมืองไทยไหมครับ? เครื่องดีเซลกับเบนซินของ BMW maintenanceต่างกันไหมครับเมื่อหมด BSI เทียบกับBENZ
review เพิ่มเติมจากกระทู้ที่แล้วครับ รถใช้ 4 คน ผม/ภรรยา/คุณพ่อ/คุณแม่ครับ ใช้ในเมือง เดินทางไกล เดือนสองเดือนครั้ง
ขับไม่เร็วนอกจากรีบจริงๆครับเวลารีบจะเน้นสมรรถนะครับและเน้นสะดวกสบายทุกที่นั่งครับ
-
เพื่อนผมคนนี้ ใช้ 520ดี มานานขนาดนี้ ไม่เคยบ่นเรื่องน้ำมันเลยครับ แต่เห็นว่าจะขายออกไปแล้ว เธอใช้ ตัวแรก 163 แรงม้า
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,8936.0/topicseen.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,8936.0/topicseen.html)
-
ถ้า ไม่ใช่เบนซิลที่เหนือกว่าดีเซล 1 รุ่น ผมเลือกดีเซลครับ
-
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ใช้ด้วยผมว่า E200 น่าเล่นกว่าครับ เพราะอย่างที่ทราบว่าบุคลิคมันออกแนวผู้ใหญ่ขับ ขับแล้วผ่อนคลายกว่า และถ้าสมมุติไปกัน 4 คนเลยแล้วคุณพ่อคุณแม่นั่งหลัง ผมว่าท่านน่าจะปลื่มกับตำแหน่งที่นั่งของ E200 มากกว่าครับ เพราะ F10 ขนาดผมเป็นวัยรุ่นยังลุกออกยากเลย
-
เลือกยากจริงๆครับ ....
ถ้าให้เลือก ผมเอา 520D ครับ ...
-
ตอบเฉพาะเท่าที่มั่นใจนะครับ
รถ BMW 520d ตัวปัจจุบันยังใหม่ต่อประเทศไทยมาก ผมไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาอะไรในระยะยาวหรือไม่
แต่กับ 520d กับ 320d ตัวเก่านั้น มีเพื่อนที่อยู่ต่างจังหวัดใช้อยู่ ไม่เคยพบปัญหากับน้ำมันในช่วง
30,000-35,000 ก.ม. ที่ผ่านมา แต่เขาเลือกเติมเฉพาะปั๊มที่ดูน่าเติมหรือปั๊มที่รู้จักครับ
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ถ้าจำไม่ผิดการทดสอบของจิมมี่ 523i ได้ประมาณ 13.61 ก.ม./ลิตร
ส่วน E200CGI อยู่ที่ 13.03 ก.ม./ลิตรครับ
การใช้งานในเมือง ผมไม่ทราบ แต่เดาเอาล้วนๆว่าเครื่อง 4 สูบเล็กๆที่เดินคันเร่งเบาๆไม่ติดบูสท์
น่าจะประหยัดเชื้อเพลิงกว่าเครื่อง 6 สูบเรียง...แต่ไม่แน่ใจจริงๆครับ
การขับแบบเรื่อยๆไม่รีบ เบนซ์อาจให้ความรู้สึกที่เป็นกันเองมากกว่า การเข้าออกจากตัวรถง่ายกว่า
ส่วนพอคิดจะรีบขับแบบเร็วๆขึ้นมานั้น ช่วงล่างของมันสามารถรองรับความเร็วสูงระดับ 140-160 ได้
แต่หลังจากนั้นจะออกอาการขึ้นมาบ้าง..ประมาณว่าตัวรถมีออกอาการแต่ล้อยังรู้สึกติดพื้นดีอยู่
ซึ่งเป็นธรรมดาของรถโช้คค่อนข้างนุ่ม ซึ่งถ้าหากไม่พอใจ ผมว่าอนาคตสั่งโช้ค Avantgarde มาใส่
ที่นี้ล่ะรับงานรีบๆได้ดีขึ้นเยอะครับ
-
ผู้ใหญ่นั่งด้วย น่าจะเป็น Benz นะครับ
520d ดึงดี แรงดี แต่ผู้ใหญ่คงไม่ปลื้มเท่าไหร่
ส่วนตัวไปลองสัมผัส BMW ตัวนี้แล้ว นั่งสบายมากกก
แต่ก็รู้สึกว่าลุกนั่งลำบาก เข้าออกยากไปนิดนึงถ้าเทียบกับ E Class
-
ไม่เคยขับทั้ง 523i 520d และ e200cgi แต่เคยขับ 520d e60 ที่บ้านใช้ c180 kom
กับ camry 2.4 acv30 ความ smooth ของเครื่องผมว่า 523 กิน e200 แน่นอน
เพราะพอ e200 ติดบูสต์มันจะพุ่งเป็นจรวดเลย ผิดกับ 523 ที่มันจะดึงนุ่มๆ ผมว่ามัน control
ง่ายกว่า(เหมือนที่บ้าน camry กับ c180 บอกเลย camry ขับง่ายกว่า คันเร่ง linear กว่า ตัว c180 กดนิดเดียว
มันก็ไม่ไป กดเยอะมันก็พุ่งเกินเหตุ ขนาดอายุ 25 ยังไม่ชอบเลย) สำหรับ 520d มันดึงดีแฮะ ผมชอบนะ
แต่สำหรับผู้ใหญ่คงมีปัญหาบ้างนิดหน่อย สรุปโดยส่วนตัวถ้าเป็นเคสนี้(ให้พ่อแม่ขับด้วย) 523 ครับ
แต่ถ้าขับเอง 520d โลดครับ
-
camry 2.0G ผมวนรอบเมือง 3 รอบ 8.45 L/Km.
-
ดีเซลครับ ใช้ e60 ดีเซล อยู่ วิ่งมาจะ 8 หมื่นละ ไม่มีปัญหาใดๆ มีแต่เกียร์พังเพราะขับโหดไปหน่อย แต่ เคลม bsi ไปแล้วครับ
-
โจทย์ข้อนี้E200คือคำตอบที่เหมาะสมที่สุดครับหรือจะไปที่E250ก็จะลงตัวมากที่สุดครับ