Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: PumpNISMO ที่ สิงหาคม 16, 2011, 21:06:57
-
คือผมสงสัยเพราะความจุมันตั้ง2.7ลิตร แต่แรงม้าพอๆกับเครื่องดีเซล3.0 เทอร์โบ
แต่ด้วยความเป็นเครื่องเบนซินน่าจะทำให้200แรงม้าโดยไม่ใช้เทอร์โบไม่ยากมั้งครับ
เลยอยากทราบว่าจะต้องทำยังไง แล้วถ้า210 220 แรงม้านี่จะยากขึ้นมากมั้ยครับ แต่เข้าใจว่า270แรงม้าทำยากอยู่
-
เครื่องใหญ่ ความจุเยอะ พื้นฐานดี
อาจจะทำได้ครับ
แต่ถามว่า 200ม้าที่ว่า อยู่ในรถแบบไหน
ถ้า 2.7 ตัวนี้ น่าจะเป็นฟอร์จูนเนอร์ ไม่ก็วีโก้ ตัว 2.7
อยากบอกว่า ต่อให้ 200 ม้า ก็วิ่งได้ไม่ดี เพราะพื้นฐานมันจำกัด
รถใหญ่ ต้านลม ยางใหญ่ ล้อใหญ่
น้ำหนักตัว 2ตันกว่าๆ จะทำให้วิ่งดี คงยากครับ
สมมุติจูนเต็มที่ กับเครื่องเบนซิน 2.7 เล่นกล่อง เล่นไอดีไอเสีย แคมชาร์ฟ
อาจจะได้แค่สูสี C Segment เครื่อง 2.0 เอง
-
อาจจะไม่เกี่ยวกับกระท้นี้แต่ขอถามนิดนึงครับว่าไอ้ก้นหอยข้างๆเครื่องของตัวเบนซินมันคืออะไรครับ เทอร์โบหรอ ??
-
เทียบงบประมาณ วางเครื่องโบ ขับหลัง toyota ซึ่งมีเยอะมากกกกกก
น่าจะได้ความแรงที่ชัวร์ และจบง่ายกว่าครับ
-
1JZ ฝาดำ 2,500 ซีซี ไม่มี VVT-i ก็ทำได้ 200 ม้าแล้วครับ
เครื่องยนต์เขาออกจะโด่งดัง ไปหามาลงซะนะครับ :D ;)
-
อืมมมมมมมมมมมมมม ผมว่าพื้นฐานรถมันไม่น่าจะเร้วร้ายมากนะครับ
เพราะที่ Australia Toyota Hilux (Vigo บ้านเรา)
ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่ซิดนีย์ผมเห็น
มีเครื่อง V6 4.0 วางอยู่ในรถกระบะบ้านๆของHilux ด้วยนะ
ผมยังนั่งคิดเลยว่า กะอีแค่ 3.0D ก็ไม่ไหวจะควบคุมละ
เจอ 4.0V6 Petrol แล้วมันจะยังไงหว่าาาา
4.0L V6 (1GR-FE) DOHC, 24-valve with VVT-i
Aiming to strengthen the attractiveness of HiLux, an advanced 4.0L V6 engine is available.
-
2.7 vvti เป็นเครื่องเบนซินที่ทำออกมาเพื่อเน้นแรงบิดมารอบต่ำมากกว่าเพื่อที่จะใส่ในรถกระบะหรือ suv คือๆกันกับเครื่อง jeep cherokee ละครับ ความจุเยอะ แต่แรงน้อย แต่ทนมากๆ พื้นฐานเครื่อง 2.7 ตัวนี้เท่าที่ผมทราบมาออกแบบมาดี ทนทานมากครับ
เป็นผมผมจะไม่ยอมเอาเครื่องที่ปีใหม่กว่าอย่าง 2.7 vvti ไปแลกกับ 1j ถึง 2.7 มันอาจจะวิ่งได้ไม่ดีเท่าในรอบปลาย แต่ลองเอาไปขึ้นทางชันดูสิ มันใช้รอบต่ำกว่าและไปได้มั่นคงกว่าเครื่อง 1j เยอะ
อยากจะทะลุ 200 ม้า ผมว่าหาหอยใส่เป็นทางออกที่ง่ายที่สุดครับ และคิดว่า 2.7 vvti ตัวนี้มีความเหนียวพอสมควรที่สามารถเล่นแรงๆกับมันได้
-
ยากกว่าเอาเครื่องดีเซลเทอร์โบมาเพิ่มม้าเยอะมั้งครับ นอกจากไปลงเทอร์โบเหมือนกันเป็นเบนซินเทอร์โบ
-
1JZ ฝาดำ 2,500 ซีซี ไม่มี VVT-i ก็ทำได้ 200 ม้าแล้วครับ
เครื่องยนต์เขาออกจะโด่งดัง ไปหามาลงซะนะครับ :D ;)
แรงบิดที่รอบมันต่างกันนะครับ ::)
-
เห็นด้วยครับ ผมว่าคงต้องพี่ง Turbo นั่นแหล่ะครับ น่าจะทำได้อยู่ เพราะเครือง 2.7 ตัวนี้ ดูๆแล้วน่าจะทนมากครับ ถ้าจูนเอาอย่างเดียวมันคงไม่ถึงใจ เพราะรถมันหนัก แต่ผมว่าผมไม่ค่อยเห็นใครโมเครื่องตัวนี้นะครับ
หรืออีกทางก็วางเครื่อง J bo vvti ไปเลย อันนี้แรงชัวร์ จะทำให้ถึง 300 ม้าก็ไม่ยาก แต่เสียดายเครื่องเดิมอะสิครับ คงจะยังใหม่อยู่เลย แถมต้องรอรอบมากขึ้นด้วย
เคยขับอยู่เหมือนกัน ระยะทางสั้นๆ ออกแนวคล้ายๆเครื่องดีเซลเลย คือแรงบิดมาตั้งแต่พันกว่ารอบต่อนาที เหยียบปุ้บมาปั้บ แต่ 3.0 D4D แรงกว่า
-
ตกลงว่านี่เราพูดถึงเครื่องเบนซินโตโยต้า 2TR-FE 2,700 ซีซี 160 แรงม้าที่5,200 แรงบิด 241 ที่ 3,800 อยู่ใช่มั้ยครับ จะได้เข้าใจตรงกัน..
งงเล็กน้อยว่า เจ้าของกระทู้คุยเรื่องแรงม้า ผมก็ตอบเรื่องแรงม้า แต่กลายเป็นคุยเรื่องแรงบิดซะงั้น ::)
ถ้าพูดถึงแรงบิด ต้องยอมรับว่าเจแซดฝาดำ ให้แรงบิดมากกว่า
แต่ก็ต้องลากรอบสูงกว่าเช่นกัน เป็นของธรรมดา เพราะเจแซดความจุซีซีน้อยกว่านี่เนอะ
อยากแรงกว่า ก็ต้องกินน้ำมันกว่า เป็นของธรรมดาเช่นกัน
ในความคิดผมเอง เข้าใจว่าเครื่องเบนซิน 4 สูบ 2.7 น่าจะเปราะกว่าเครื่องเบนซิน 6 สูบ 2.5 เพราะแต่ละสูบแบกภาระปริมาณซีซีไว้มากเพื่อรีดแรงม้า
ปล. เป็นความเห็นส่วนตัว ผิดถูกอย่างไร แลกเปลี่ยนกันได้ครับ
-
อู้ยยย ผมว่า อย่าเอาไปแลกกับ JZ เลยครับ
เครื่องอายุต่างกันเป็น 10 ปี
ถึง JZ จะแรงกว่า แต่ถ้าจะถามถึงความประหยัดกับความมั่นใจ รวมถึงความแรงที่ต่างกันไม่มาก
ผมมองว่า 2.7 เดิมๆ ก็ดีกว่า (เสียดาย)
เครื่อง 2.7 ตัวนี้ออกแบบมาทนมากๆครับ
เจ้าตัวนี้ เพื่อนผมใช้ตั้งแต่เรียน ขับไป-กลับ สระแก้ว กรุงเทพทุกอาทิตย์
3 ปี ตอนนี้ จะ3แสนโลแล้ว จับดมแก๊สตั้งแต่ป้ายแดง ปัจจุบัน ยังฟิตอยู่เลยครับ
เครื่องตัวนี้ ออกแบบเน้นแรงบิดช่วงรอบต่ำๆ และแรงบิดมาแบบต่อเนื่อง
มองว่าไม่ใช่เครื่องแนวรถซิ่งนะ ออกแนวรถทำมาเพื่อใช้งานมากกว่า
อย่าเอามาเทียบกับ 1JZ เลยครับ (ตัวไม่โบ นะ)
ถ้ารถใช้งาน 1JZ โบ ผมว่าไม่เหมาะกับการวิ่งปกติ หรือใช้งานยาวๆ
แต่ถ้าเทียบกับตัวไม่โบ ผมคิดว่าึความแรง JZไม่โบ แรงกว่ากันไม่มากครับ
ยิ่งถ้าติดแก๊ส แล้วจับมาวัดว่าเครื่องตัวไหนทนกว่า
JZ ที่ว่าทนนักหนา ก็ผ่านการใช้งานมาแล้ว ถึงจะการันตีว่าอึดมากๆก็ตาม
แต่เจ้า 2.7 ตัวนี้ ยังใหม่ๆ อะไหล่พร้อม ความทนก็ระดับแนวหน้าของเครื่องยุคใหม่
สูสีพอๆกัน แต่เราจะเอาใหม่ไปแลกเก่าทำไม ถูกมั้ยครับ??
-
ไม่มั่นใจนะว่า ไปถอดเอาโบของ SR20 มาใส่จะได้มั้ย
ใส่แล้วจูนกล่องเพิ่มอีก น่าจะเกิน 220 ม้า
ถ้าใส่แล้วไม่เวิร์ค จะหาโบของเครื่องใหญ่ๆที่ไหนมาใส่
อย่าบอกนะว่าไปหาถอดโบของเครื่อง ดีแม๊กซ์3.0 ไม่คอมมอนเรลโฉมแรกมาใส่ อิอิ
-
จูนใหม่ ใส่โบเพิ่มกับเครื่อง 2.7 มันง่ายนักหรือครับ ไหนจะต้องลดกำลังอัดกระบอกสูบ ไหนจะต้องเพิ่มน้ำมัน เพิ่มไฟ
มีแต่คนสักแต่ว่าบอกให้ไปทำ แต่มีใครรับประกันงานมั้ย ความทนทานล่ะ คิดกันเดากัน นั่งเทียนกันไปว่ามันทน เอาไปต่อยอดได้ เครื่องรถอะไรมันก้อลากไปได้กันยัน 500000 โลทั้งนั้นล่ะครับ
งานนี้ต้องเอาใจไปไว้ที่ช่างหรือคนจูนเท่าไร แถมเงินอีก ไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่น
เปลี่ยนเครื่องใหม่ มือสองเชียงกง ไม่จำเป็นต้องเจ ก้อได้ เครื่อง 3.0 + turbo ที่วางในพวก prado หรือขับหลัง ก้อมีเยอะแยะปีใหม่ๆ เครื่องเก่า 2.7 จะมาเสียดายทำไม ขายสิครับ เห็นขายกันบางที ได้เงินไปซื้อเครื่องเชียงกง ยังมีเงินทอนกลับมาอีก
เครื่อง N/A set turbo ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าจะทำให้วิ่งเนียน วิ่งทน ไม่ใช่กดที บูสต์มา กระจายทั้งเครื่องแบบนี้ก้อไม่ไหวนาาา
-
ดูค่าน้ำมันด้วยเน้อ อิอิ
-
ถ้าจะเทอร์โบ ทำได้
แต่ถ้าบอกว่าอยากแรงแบบปลอดภัย งบประมาณเท่ากับค่าเครื่อง JZ 3 เครื่องจะสู้หรือเปล่า
กำลังอัดไม่ต้องลดก็ได้ ถ้าใช้บูสท์ต่ำ ที่จริง สำหรับรถเน้นแรงบิดออกตัว ไม่ต้องลดกำลังอัดน่ะดีแล้ว
แต่อย่าบ้าบูสท์ ให้คิดซะว่าบูสท์น้อย แต่อัดลงในพื้นที่น้อย แรงระเบิดมันก็ได้เยอะเหมือนกัน
และ 200 แรงม้า ก็ทำได้ ไม่ยากด้วยบูสท์เท่านี้ ก้านสูบเล็กๆอย่าง Vios ยังทนได้
การจูนให้ไม่กระจายอยู่ที่น้ำมัน ไฟ บูสท์
น้ำมัน อ่านค่า A/F ได้ ไฟจุดระเบิด ใช้น็อคเซนเซอร์ฟังอย่างละเอียด ดันจนสุดบนไดโน่แล้วปรับกลับลงมาหน่อย
เผื่อเซฟกรณีอากาศร้อนมากหรือน้ำมันคุณภาพต่ำลง บูสท์ ใช้ปรับบูสท์ไฟฟ้าคุม ใช้มาตรวัดแบบมี Warning
ค่าเกินเมื่อไหร่ให้ไฟวาบเตือน
เครื่องลักษณะแบบ 2.7 มีอวัยวะที่หนาตามสไตล์เครื่องใหญ่ เราต้องรู้ว่ามันทำอะไรได้ และไม่ได้
ลูกสูบยักษ์ ชักยาว หมุนรอบสูงมากๆ ก้านจะขาดเอา เพราะ Piston speed เร็วเกินไป
ดังนั้นไม่ต้องเพิ่มรอบ เล่นแคม แต่อัดอากาศด้วยเทอร์โบ แล้วหมุนรอบเท่าเดิม
ส่วนเทอร์โบ ที่จริงจะให้ละเอียดต้องวัดปริมาณไอเสียที่ช่วงรอบต่างๆเทียบกับโข่งไอเสียและไอดี
แต่ถ้าเอาแบบรวบรัด ก็วัดจากแรงม้า ในรถ NA เซ็ตเทอร์โบ ผมชอบใช้ขนาดใหญ่กว่าปกติแต่ไม่บ้าบูสท์
เพราะถ้าโข่งเล็ก ไอเสียที่รอบสูงอั้นจนย้อนกลับมาถึงห้องเผาไหม้ อันนี้ไม่ดี..เรื่องรอบต่ำไม่ห่วงเพราะ
ไม่ได้ลดกำลังอัดอยู่แล้ว
เซ็ตเทอร์โบใส่ NA ถ้าเมื่อ 20 ปีก่อนคงเป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้สมองกลและตัวคุมต่างๆมีคนเล่นเป็น
เยอะขึ้น ดังนั้นจะบอกว่าง่ายขึ้นก็ไม่ผิด..แต่ปัญหาคือไม่ใช่ทุกคนที่ใช้เทคโนโลยีและความรู้เหล่านั้น
ในการตั้งใจทำรถให้เรามากกว่า คือไม่คำนวณอะไรทั้งนั้น ในอู่มี Part อะไรอยู่ก็หยิบมาใช้
กล่องจูนไปก็ไม่เสียบ A/F ไม่มีวัดเซนเซอร์อะไร จูนแบบแค่เหยียบคันเร่งแป๊ดๆบนไดโน่ ม้าสูงพอก็จบ
แบบนี้มันถึงยังมีพังกันให้เห็นๆอยู่
-
จูนใหม่ ใส่โบเพิ่มกับเครื่อง 2.7 มันง่ายนักหรือครับ ไหนจะต้องลดกำลังอัดกระบอกสูบ ไหนจะต้องเพิ่มน้ำมัน เพิ่มไฟ
มีแต่คนสักแต่ว่าบอกให้ไปทำ แต่มีใครรับประกันงานมั้ย ความทนทานล่ะ คิดกันเดากัน นั่งเทียนกันไปว่ามันทน เอาไปต่อยอดได้ เครื่องรถอะไรมันก้อลากไปได้กันยัน 500000 โลทั้งนั้นล่ะครับ
งานนี้ต้องเอาใจไปไว้ที่ช่างหรือคนจูนเท่าไร แถมเงินอีก ไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่น
เปลี่ยนเครื่องใหม่ มือสองเชียงกง ไม่จำเป็นต้องเจ ก้อได้ เครื่อง 3.0 + turbo ที่วางในพวก prado หรือขับหลัง ก้อมีเยอะแยะปีใหม่ๆ เครื่องเก่า 2.7 จะมาเสียดายทำไม ขายสิครับ เห็นขายกันบางที ได้เงินไปซื้อเครื่องเชียงกง ยังมีเงินทอนกลับมาอีก
เครื่อง N/A set turbo ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าจะทำให้วิ่งเนียน วิ่งทน ไม่ใช่กดที บูสต์มา กระจายทั้งเครื่องแบบนี้ก้อไม่ไหวนาาา
/me like this
อ้าว ไม่ใช่เฟซบุค... ;D
นี่แหละคือประเด็นที่ผมอยากจะสื่อ แต่อธิบายไม่เป็น..
-
จูนใหม่ ใส่โบเพิ่มกับเครื่อง 2.7 มันง่ายนักหรือครับ ไหนจะต้องลดกำลังอัดกระบอกสูบ ไหนจะต้องเพิ่มน้ำมัน เพิ่มไฟ
มีแต่คนสักแต่ว่าบอกให้ไปทำ แต่มีใครรับประกันงานมั้ย ความทนทานล่ะ คิดกันเดากัน นั่งเทียนกันไปว่ามันทน เอาไปต่อยอดได้ เครื่องรถอะไรมันก้อลากไปได้กันยัน 500000 โลทั้งนั้นล่ะครับ
งานนี้ต้องเอาใจไปไว้ที่ช่างหรือคนจูนเท่าไร แถมเงินอีก ไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่น
เปลี่ยนเครื่องใหม่ มือสองเชียงกง ไม่จำเป็นต้องเจ ก้อได้ เครื่อง 3.0 + turbo ที่วางในพวก prado หรือขับหลัง ก้อมีเยอะแยะปีใหม่ๆ เครื่องเก่า 2.7 จะมาเสียดายทำไม ขายสิครับ เห็นขายกันบางที ได้เงินไปซื้อเครื่องเชียงกง ยังมีเงินทอนกลับมาอีก
เครื่อง N/A set turbo ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าจะทำให้วิ่งเนียน วิ่งทน ไม่ใช่กดที บูสต์มา กระจายทั้งเครื่องแบบนี้ก้อไม่ไหวนาาา
พี่แพนตอบให้หมดแล้วครับ คือต้องรู้ว่าพื้นฐานเครื่องเป็นแบบไหน เราทำอะไรกับเครื่องนั้นได้แค่ไหน ผมไม่รู้อะไรลึกมากมายหรอกครับ แต่ได้เห็นได้คลุกคลีกับเพื่อนที่ set bo กับรถรถตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆที่ set bo ให้กับ honda jazz ใหม่ ล่าสุดกับ honda city ที่มีม้า 200 ตัว (ก็คันสีน้ำเงินที่อยู่ในรูปลายเซ็นพี่แพนนั้นแหละครับ) เลยรู้สึกว่า turbo มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเราพิถีพิถัน รอบคอบ รู้ว่าเครื่องมีภาระเพิ่มขึ้น ก็หาวัดค่าต่างๆมาติดซะ ให้ดูได้ละเอียดมากขึ้น
มีงบ 1 แสนผมว่าเหลือนิดหน่อย เทียบกับไปวางเครื่องใหม่พวก 1J 2J ผมก็ว่าถ้าจะให้จบเนียนๆต้องมี 1 แสนเหมือนกัน มันต่างกันตรงที่ 2.7 ที่ใช้อยู่เรารู้ประวัติว่ามันเป็นยังไง ซ่อมอะไรไปแล้วบ้าง ดูแลแค่ไหน ตัดเรื่องเฟืองท้ายกับเรื่องสายไฟออกไปได้ ผมคิดว่ามันจบง่ายกว่าวางเครื่องใหม่ครับ
ผิดถูกประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ :D
-
จะมาบอกว่าเครื่องตัวนี้ทนมากครับ รถตู้เครื่องเบนซินที่ใช้วิ่งๆ กันอยุู่ก็เครื่อง 2TR FE
เหมือนกันครับผมนั่งรถตู้คุยกันคนขับวิ่งไปเท่าไรแล้วครับ เขาตอบว่า ห้าแสนกว่าแล้ว
ติดแก๊ส NGV มาตั้งแต่ออกจากบริษัท เห็นรถตู้แต่ละคันกดกันบรู๊ดปร๊าดน่าดู...
-
เครื่องตัวนี้มีปัญหาความร้อนครับ
รถตู้พี่ที่วินรู้จักกัน
เอาไปเซ็ทโบของ Isuzu แล้วแก้ปัญหาความร้อนไม่จบ
พอแกถอดใจเลยถอดโบออก ก็ปกติ เพียงแต่ลิมิตของเครื่องมันเดิม ความร้อนมันก็ปริ่มๆแล้ว
ต้องอาศัย กรองน้ำมันเครื่องลูกโตกว่าเดิมช่วย เพื่อให้จุน้ำมันเครื่องเพื่มขึ้น
เครื่องตัวนี้ละ ที่มีรถตู้เอาไปเติมแก็ส แล้วสตาร์ทแก็สเครื่องนอน ซัก ๔ ชั่วโมง เครื่องระเบิดเลย
-
ไม่แน่ใจว่ารถตู้ที่มีปัญหาความร้อนกันเนื่องมาจากเป็นรถนำเข้าจากญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้เหมาะสมกับบ้านเรารึเปล่า เพราะ toyota thailand เองมีจำหน่อยเฉพาะตัว 2.5 D4D อะครับ
ผมว่าถ้าเป็น 2.7 vvti ที่อยู่ในบอดี้ Forturner และ Vigo ถ้าโมเพิ่มน่าจะจัดการเรื่องความร้อนได้ดีกว่ารถตู้ เพราะมันมีพื้นที่สำหรับอัพระบบหม้อน้ำมาใส่ได้มากกว่าห้องเครื่องคอมมูเตอร์ครับ