Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Satanic za' ที่ กันยายน 10, 2011, 10:37:04
-
บอกก่อนนะครับ ข้อมูลที่ผมได้ไม่แน่ใจว่าถูกต้อง 100% ไหม ถ้าผิดพลาด ช่วงกันท้วงติงด้วยนะครับ
พอดีได้รับเมล์จากเพื่อนในบริษัท คิดว่าน่าจะเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์นะครับ
ใครที่คิดว่ารถใหญ่ หรือรถช่วงล่างดี แล้วจะช่วงได้ อยากให้ปรับ attitude ใหม่นะครับ
ไม่ว่าจะรถแบบใด มีระบบดีแค่ไหน ยางเทพขนาดไหน มันเป็นแค่"สิ่งที่ช่วย"ลดการเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น
ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เราไม่มีสิทธิโทษรถเลยนะครับ ทุกอย่างอยู่ที่เราเองทั้งหมด
รถซาเล้ง รถเก่าๆเค้าไม่มีระบบอะไรเลย ยางเก่าๆ แต่เค้าก็ไม่เกิดอุบัติเหตุกัน เพราะเค้าไม่ประมาทครับ
ขออนุญาตเจ้าของรถไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
"ระหว่างเดินทางกลับจาก กรุงเทพ-จันทบุรี 22/06/2010 บริเวณจุด
เลยโรงงานเอสบีฟู๊ด อ.วังจันทร์ จ.ระยอง น้ำขังผิวถนน ขับมาด้วยเร็วประมาณ 100-120 กม.
ล้อหน้าขวา ลงน้ำล้อเดียว พวงมาลัยดึงกลับไม่ได้ หมุนลงคูน้ำข้างถนน
สภาพรถ ก็เป็นอย่างที่เห็นข้างล่างครับ
-
ได้ไปค้นหา ข้อมูลมา
เขาเรียก อาการ Hydroplane คือการเหิร น้ำ ซึ่งมีตัวแปรคือ ความเร็วและความดันลมยางครับ
สูตรที่ผม เคยใช้กับเครื่องบิน คือ ความเร็ว Hydroplane = 9 Square root P มีหน่วย เป็นน้อตติคัลไมล์/ชม.หรือ Knots
9 คือค่า constant
Square root P คือถอดรู ทสองของความดันลมยางครับ
สมมุติว่า รถมีความดันลมยาง 33 psi ก็จะได้ ความเร็วของการเหิรน้ำ = 51.7 NM/hr ทำเป็น กม/ชม คูณด้วย 1.852 ได้ 95.75 กม/ชมครับ
คือถ้าขับรถด้วยความเร็วต่ำกว่านั้นก็จะ ไม่เกิดอาการ เหิรน้ำคือล้อจะลอยไปบนผิวน้ำทำให้ยางสูญเสียการเกาะ ถนนไป
สำหรับยางรถยนต์ซึ่งมีการออกแบบดอกยางให้รีดน้ำได้ดี กว่า อาจเกิดที่ความเร็วมากกว่านั้นได้อีกเล็กน้อยครับ
ดังนั้น เมื่อฝนตกควรชลอความเร็วลงให้ต่ำกว่า ความเร็ว ดังกล่าว เพราะเราไม่ทราบว่าจะมีน้ำขังอยู่บนถนน ณ ที่ใดบ้าง
ยิ่งถ้าเป็นแอ่งน้ำแถบเดียวยิ่งอันตรายมากครับ รถอาจโดนกระชากดึงไปด้านที่มีแรงต้านจาก น้ำทำให้รถหมุนได้ทันทีครับ
สรุปคันนี้ ตีราคาค่าซ่อมไปล้านกว่า ก็คืนซากครับ
-
ตัวผมนี่เข้าข่ายโรคจิตครับ เวลาเห็นน้ำแล้วชอบขับลงไปให้มันสแปลชขึ้นมา สนุกดี แต่ถ้าขับเร็วๆคงต้องหลีกบ้างล่ะ
ส่วนใหญ่ถ้าผมขับเข้าไปผมจะจับพวงมาลัยให้แน่นสุดๆเลยครับ ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
-
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก : คุณ Manit http://www.benzowner.net/forum/showthread.php?t=32058&highlight=hydroplane (http://www.benzowner.net/forum/showthread.php?t=32058&highlight=hydroplane)
-
ตัวผมนี่เข้าข่ายโรคจิตครับ เวลาเห็นน้ำแล้วชอบขับลงไปให้มันสแปลชขึ้นมา สนุกดี แต่ถ้าขับเร็วๆคงต้องหลีกบ้างล่ะ
ส่วนใหญ่ถ้าผมขับเข้าไปผมจะจับพวงมาลัยให้แน่นสุดๆเลยครับ ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
ระวังนะครับ เมื่อก่อนผมก็ชอบทำแบบนี้ ปรากฏว่าเป็นหลุม เหอๆ เลิกเลยครับ ยางปูดเลย
เวลามีของบนถนนอีกอย่าง เมื่อก่อนชอบไปขับคร่อมมัน (แทนที่จะหลบ) ดันไปเจอของชิ้นใหญ่ ดังปั๊ง สายออกซิเจนเซอเซอร์ขาด หมดไป 7 พัน หายบ้าเลย 5555
-
:-*
เป็นประโยชน์มากครับ
-
อันนี้รถเพื่อนผมเอง ขออนุญาตแล้วกันครับ
เคยลงไปแล้วรอบนึง เผื่อใครยังไม่เห็น
อันนี้ขับด้วยความเร็วแค่ 80-100 เท่านั้น แล้วเจอน้ำที่ไหลผ่าถนน(จากฝั่งหนึ่งมาอีกฝั่ง) ปรากฏว่ารถมันเหิน เพื่อนผมก็เลยถอนคันเร่ง ทำให้ล้อไม่มีแรงรีดน้ำ ซ้ำร้ายไปแตะเบรคอีก ลงข้างทางเลยครับ
สุดท้ายขายซาก
-
ขอบคุณครับ
วิ่งลุยฝนตกบ่อยๆครับ เจอแอ่งน้ำ โดนล้อข้างเดียว น้ำกระจายขึ้นมาที่กระจกเลย
จับพวงมาลัยให้มั่น เจอแอ่งน้ำก็จะถูกดึงครับ แต่ก็ไม่เคยเป๋แต่อย่างใดครับ
สังเกตว่ารอบขึ้นสูงเอง
ก็ผ่านไปด้วยดี จุดสำคัญคือ จับพวงมาลัยให้มั่น และปล่อยคันเร่ง และอย่าวิ่งเร็วนัก ไม่เกิน 100 ก็พอแล้วครับ เวลาฝนตก
ผมยังไม่เคยเป๋แม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนใหญ่ที่เกิดอุบัติเหตุ คงเพราะำำไม่เคยเจอ และแอ่งน้ำใหญ่มากมั้งครับ เลยตกใจ
เวลาถนนลื่นๆ เราจะรู้สึกได้เองแหละครับว่าควรวิ่งเ่ท่าำไหร่ครับ ถ้าวิ่งช้ายังรู้สึกว่ายังลอยๆ คงต้องเปลี่ยนยางครับ
เคยเจอว่า ถ้าถนนแห้งมากๆ แล้วมีน้ำไหลผ่านเป็นผิวๆแค่ช่วงสั้นๆ อาการนี้ก็มีเช่นกันครับ
-
เคยเหินอยู่หลายที ส่วนใหญ่จะใช้ sense พาตัวเองออกมา เพราะรู้สึกว่าถ้าถอนคันเร่งมากไป รถมันจะแถๆ และเบรคนี่ไม่เคยลอง เพราะคิดในใจว่ามันต้องลงข้างทางแน่ๆ
คิดแล้วสยอง >:(
-
ผมยิ่งเห็นน้ำยิ่งชอบเหยียบใส่ คิดแล้วน่ากลัวทีหลังจะไม่ทำแล้วครับ :(
-
ขอบคุณครับ
เป็นประโยชน์มากครับ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งได้รถ หรือหัดขับรถแล้วคิดว่าการลงแอ่งน้ำสนุก
จริงๆ มันไม่สนุกเลยครับ ทั้งจะเป็นอันตรายต่อตัวเองและบุคคลอื่นด้วย
ยังไงๆ ก็จับพวงมาลัยให้แน่นครับ
ขับรถด้วยความไม่ประมาท เคารพกฎหมาย สังคมจะได้น่าอยู่ครับ
-
สมมติว่าถ้าเกิดว่ามันเหินจริงๆ จะแก้อาการยังไงอ่ะครับ
-
สมมติว่าถ้าเกิดว่ามันเหินจริงๆ จะแก้อาการยังไงอ่ะครับ
ถ้ามาไม่ไวก็พอแก้ได้ครับคือ ความรู้สึกคือจะเหมือนถนนลื่นอย่างแรงอ่ะครับ แล้วพวงมาลัยจะเบาหวิวเลยครับ ทำง่ายๆคือจับพวงมาลัยให้ตรงเข้าไว้ หลายคนชอบหักหลบทันทีตอนเหินน้ำซึ่งไม่ควรทำเด็ดขาดเพราะจะทำให้รถเสียการทรงตัวครับ ง่ายๆคือทำได้แค่ประคองรถให้ตรงๆ อ่ะครับ อย่าหักพวงมาลัยเด็ดขาด หลายคนทำเพราะตกใจ
ปล.ทำไมรถในรูปข้างในมันเยินขนาดนั้นอ่ะครับ
-
ผมเข้าใจว่า
อาการเหินน้ำ คือ การที่ยางลอยอยู่เหนือพื้นถนน
โดยมีน้ำ เป็นต้านแรงกด ของยางไว้
ทำให้มีอาการลื่นไถล ไม่สามารถควบคุมรถได้
ส่วน,,, การโดนแอ่งน้ำดึง ผมไม่รู้ว่า เรียกว่า เหินน้ำ ด้วยหรือปล่าว
แต่โดยส่วนตัว คิดว่าไม่น่าใช่ เพราะอาการไม่เหมือนกัน
กระบะ,,, คันเก่าของผม ยางอายุ 8 ปี
ขับแล้วออกอาการเหินน้ำ เจอแอ่งไหน ก็จะออกแนวแฉลบๆ
แต่,,, พอเปลี่ยนยางให้ แล้วเจอแอ่งเดิม ปรากฏว่า "โดนแอ่งดึง"
กลับไปถามร้านยาง เค้าบอก "ก็มันเกาะไง มันเลยดึง" :-\
"ถ้ามันไม่ดึง มันก็แฉลบไปเหมือนเดิมแล้ว" :-\
ผมก็แอบงง แต่เพราะอาการมันต่างกันจริงๆ ผมก็เลยเข้าใจตามนี้
จึงคิดว่า อาการลื่นไถล กับอาการโดนดึง ไม่น่าจะเรียกว่า เหินน้ำ ได้เหมือนกัน
แต่ก็เข้าใจว่า แนวทางการแก้ไขบางอย่าง อาจจะเหมือนกันได้ครับ :)
ผิด-ถูก โปรดชี้แจง,,, ขอบพระคุณครับ ::)
-
สมมติว่าถ้าเกิดว่ามันเหินจริงๆ จะแก้อาการยังไงอ่ะครับ
ถ้ามาแรงๆ ก็,,, เก็บคอ, งอเข้า, เท้าชิด เลยครับ ;D
พูดเล่นนะครับ :D
ผมว่า,,, ก็น่าจะคล้ายๆ กับยางแตกนั่นแหละครับ
มีสติ,,, ประคองพวงมาลัย รักษาการทรงตัวของรถไว้ครับ
-
ส่วนใหญ่ที่เกิดอุบัติเหตุ คงเพราะำำไม่เคยเจอ และแอ่งน้ำใหญ่มากมั้งครับ เลยตกใจ
จริงครับ สติและประสบการณ์เท่านั้นที่จะเอาตัวรอดสถานการณ์ได้
-
ผมเคยเจอตอนไปภูเก็ตแบบนี้ละ มันจะดึง เราแค่มีสติดึงพวกมาลัยกลับมาแค่นั้นครับ
แรงเหวี่ยงของรถมันแรงกว่าการชนนะครับ เพราะการชนทั่วไปเรายังเบรคเพื่อหยุดได้ แต่นี้ทำไรไม่ได้ ยิ่งเบรก ยิ่งลื่น
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
-
ถึงทุกท่าน
ถ้าเจออาการว่าล้อรถมันดึง และเหมือนไม่อาจคุมรถได้
ไม่ว่ารถจะพุ่งไปทางไหน
ให้ ถือพวงมาลัยตรงอย่างเดียว ไม่ต้องคิดไปหักเลี้ยว
ถอนคันเร่งทิ้งไปเลย จะบอกว่า การถอนคันเร่ง เพื่อช่วยชะลอรถลงมานั้น
จะช่วยลดโอกาสที่รถจะไปในทิศทางที่เราไม่ต้องการลงได้อีกนิดหน่อย
แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ที่สำคัญ ห้ามตกใจ แล้วเบรกเด็ดขาด
เทคนิคอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกเอาไว้คือ เวลาขับรถต่างจังหวัด หรือแม้แต่บนทางด่วน ในวันฝนตก...
โค้งซ้าย ให้วิ่งที่เลนขวา เพราะมักมีแอ่งน้ำไหลมาที่ไหล่ทางฝั่งซ้าย
ทางกลับกัน โค้งขวา ให้วิ่งที่เลนซ้าย เพราะน้ำมักไหลมากองรวมกันที่ไหล่ทางฝั่งขวา ครับ
บนทางด่วน หลังๆนี้ เริ่มมีแอ่งน้ำเป็นบางจุดแล้ว ใช้ความระมัดระวังด้วยนะครับ
-
ผมเคยเจอเหินเลยล่ะครับแต่เป็นเพราะอยู่เลนขวา จะมีน้ำอยู่เยอะในนอกเส้น เหมือนวิ่งกวาดน้ำให้รถหลังนั้นล่ะพูดง่ายๆ อาการล้อขวาลอยเลยจับพวงมาลัยรู้สึกได้เลย ความเร็วถ้าจำไม่ผิดฝนตกตอนนั้น 110กับอเวนซ่า โอ้นึกย้อนกับไปน่ากลัวนะเนี้ยยางก็3ปี :-X ดีที่ไม่เป็นอะไรเพราะถอนคันเร่งไม่หยีบเบรค แล้วค่อยๆดึงรถกับเลน
-
เรื่องนี้น่ากลัวมากครับ
ทั้งเหินและดูด เกิดจากการที่ยางรีดน้ำไม่ได้ครับ
ป้องกันเบื้องต้น ดูที่ยางเป็นหลักครับ เวลาฝนตก ลมยางอย่าให้อ่อนมาก เลือกลายยางให้ดีๆครับ ยางที่วางขายมีหลายลายที่รีดน้ำไม่ค่อยออก
ถ้าลายดีๆ รถแฉลบน้อยมากครับ จะเห็นได้จาก ปิคอัพพวกล้อใหญ่ลายลึกๆ เลยไม่เป็นอะไรไงครับ
อีกอย่างที่จะทำให้เหินง่าย คือ หน้ายิ่งกว้าง ยิ่งเหินง่ายกว่าหน้าแคบ
ยิ่งโหลด ก็จะไปเจออาการน้ำกระแทกบังโคลนอีกครับ ยิ่งหนักกว่ารถไม่โหลดอีก
ถ้าเราเบรก ระยะห่างมันก็จะน้อยลง ก็จะยิ่งหนักขึ้นครับ ถ้าโดนแล้วพยายามตั้งสติอย่าเบรกก็แล้วกันครับผม
-
ผมว่า คันที่ยกมาเกิดอาการโดนดึงมากกว่าเหินน้ำครับ
ส่วนข้อมูลด้านทฤษฎี ขอบคุณมากครับ ผมเพียงสงสัยนิดเดียวว่า
สูตรมันคำนวณมาจากแรงดันลมยาง คูณกับค่าคงที่ แล้วสุดท้าย
ทำไมมันออกเป็นหน่วยไมล์ทะเลต่อชั่วโมงได้ล่ะครับ
อันนี้ ถามเพราะอยากได้เป็นความรู้นะครับ ไม่ได้จะลองวิชากัน
ส่วนเรื่องรถลงแอ่งน้ำแล้วถูกดึง ผมเห็นต่างจากพี่จิมมี่นิดนึง
ถ้าเป็นรถขับหน้า ผมคิดว่าการยกคันเร่งออกหมด หรือ Accelerator off นั้น
น่าจะควบคุมรถได้ยากกว่าเดิม การคุมน้ำหนักคันเร่งให้เท่าเดิม น่าจะเสถียรกว่า
ส่วนพวงมาลัย ให้ถือให้มั่น และหักเลี้ยวอย่างนุ่มนวลไปในทางที่รถควรจะไปครับ
ถ้าไปกระชากแล้ว โอกาสเสียหลักจากอาการ Overcorrect ก็มีสูงมาก
ถ้ารถขับหลัง ยกคันเร่งจะโอเคครับ
-
เมื่อวานไป ธุระที่สัตหีบ ออกจากสมุทรปราการ ไปทางมอเตอร์เวย์ ฝนเริ่มตก ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่ขากลับ ออกจากพัทยา 5 ทุ่ม ฝนตกตลอดทาง พอเข้าเมอเตอร์เวย์ ทำไมแอ่งน้ำ มันเยอะไปหมด วิ่งตรงกลาง ซ้ายขวา มีทุกจุด โดยเฉพาะหลังจากจ่ายตังด่าน แถวๆ ชลบุรี พอออกจากด่านมา กำลังเร่งเครื่องได้ประมาณ 60km/h ก็รู้สึกหัวทิ่มเลย แฟนผมถามเลยละว่ามีอะไรหรือเปล่า หลังจากนั้นก็วิ่งไม่เกินร้อยตลอดทาง เพราะเห็นรถที่แซงไป วิ่งสาดน้ำตลอดทาง
ปกติผมจะวิ่งบนบูรพาวิถี แต่เมื่อวานเห็นฝนตก เลยอยากวิ่งข้างล่างบ้างเลยไปทางมอเตอร์เวย์ แต่ไม่เอาแล้วละ บูรพาถนนเรียบกว่าเยอะ
-
นานๆ จะเจออาการนี้ครับ เห็นแอ่งน้ำทีไร กลัวสาดไปโดนคนอื่น เลยค่อยๆ คลานผ่านทุกที :D
-
เจอน้ำกลัวมากเลยครับ แอ่ง เวลาเจอผมจะค่อยๆ ไป เพราะรถผมเล็ก เบา ขับเร็วๆไม่รอดแน่นอน
-
อันตราย! จริงๆ ผมเคยครั้งนึงขับรถจะกลับบ้านฝนตกแรงมาก
ทางข้างหน้าเป็นโค้งขวาแบนกว้าง ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวแต่รถไม่เลี้ยวตาม!!
ผมพยายามหมุนพวงมาลัยให้ล้อมันเลี้ยว แต่ตัวรถก็ไม่เลี้ยวตาม.. นี่คงเป็นอาการเหิรน้ำเหมือนกันอย่างที่เข้าใจ
สุดท้ายตัวรถไปเลี้ยวออกตอนจะชนที่ขอบที่กันข้างถนนเกือบเละแล้วครับ
-
ผมวิ่งมอเตอร์เวย์ทุกวันอยากจะบอกว่า น้ำจะขังที่เลนขวาเยอะที่สุดและแทบตลอดทางครับ
สังเกตจากหลังจากฝนหยุดแล้ว 3 เลนที่เหลือจะแห้ง แต่เลนขวาสุดจะยังเปียกและแห้งช้าที่สุดครับ
ยังไงฝนตกวิ่งบนมอเตอร์เวย์อย่าวิ่งขวาสุดเลยครับ อันตราย
-
ไม่แน่ใจว่า อาการ เหินน้ำ กับ โดนน้ำดูด จะเป็นอันเดียวกันหรือป่าว
ผมคิดว่า อาจจะใช่นะ เพราะการเหินน้ำ คือทำให้ ล้อใดล้อหนึ่ง ไมมี friction กับพื้น เพื่อที่จะผลักรถไปข้างหน้า ในขณะที่ อีกสามล้อ ยังคงมี frictional force ที่ยางกับพื้นอยู่
ผลก็คือ เหมือนรถโดนดูดนั่นแหละครับ
ส่วนการแก้ไข ผมคิดว่า ปล่อยคันเร่งดีกว่าครับ เพราะ ยิ่งเร่ง เท่ากับ ยิ่งทำให้ล้อที่อยู่บนพื้น มี frictional force มากขึ้น ในขณะที่ ล้อที่อยู่ในน้ำ เร่งยังไงก็ไม่ไปครับ
ที่สำคัญคือ อย่าแตะเบรกครับ
-
กรรม ผมเป็นไอโรคจิตชอบเหยียบน้ำบ่อยๆเลย ;D ;D ;D ต้องระวังหน่อย
-
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ถามเพื่อนสมาชิกเป็นความรู้เพิ่มเติมนะครับ
ในเคส camry นี้ VSC TRC มันช่วยลดอาการเหินน้ำได้ไหมครับ?
และมีระบบใดบ้างในรถยนต์ปัจจุบันที่ช่วยลดอาการดังกล่าวได้บ้างครับ?
ขอบคุณครับ
-
ที่ผมคิดว่า อาการเหินน้ำ และอาการโดนดูด รวมๆ แล้ว เรียกว่าเหินน้ำหรือปล่าว
เพราะ ผมรู้สึกว่า อาการของรถก็ต่างกัน และความรู้สึกของคนขับก็ต่างกัน
ถ้าให้เปรียบเทียบ น่าจะเหมือน
การเหินน้ำ เหมือน "เดินเหยียบเปลือกกล้วย แล้วลื่น"
ส่วนโดนดูด เหมือน "เดินเหยียบหมากฝรั่ง แล้วมันดึงรองเท้าไว้"
หรือ "เดินเหยียบกองขี้ควาย แล้วมันดูดเท้าไว้" หนะครับ
ถ้าใครเคยเจอทั้ง 2 อาการ จะแยกออก เพราะมันรู้สึกต่างกันจริงๆ :-\
-
ผมเกือบแย่กับอาการเหิรน้ำเมื่อสักชั่วโมงที่ผ่านมานี้เองครับ เรื่องของเรื่องคือพาคุณแม่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด ขากลับฝนตกหนักมาก ช่วงที่กำลังขับรถกลับกำลังจะแซงสิบล้อ (ถนนสี่เลน) เผอิญข้างหน้ามีน้ำไหลผ่านทาง ช่วงที่ตีคู่อยู่กับสิบล้อ และบังเอิญตรงกับตำแหน่งที่น้ำไหลผ่านทางพอดี สิบล้อเจ้ากรรมดันเบียดมาทางขวา (อาจเป็นเพราะกำลังเข้าโค้งขวา) ผมเลยจำเป็นต้องแตะเบรค รู้สึกได้ทันทีว่ารถเกิดการเหิร แต่โชคดีที่ ABS ทำงาน ผมได้แต่ัจับพวงมาลัยแน่นๆ ตรงๆ แล้วโชคยังดีอีกที่สิบล้อหักหลบกลับเข้าเลนซ้ายได้ทัน ไม่งั้นป่านนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร
หากจำเป็นต้องขับรถลงน้ำระวังอย่าเหยียบเบรค ให้ถอนคันเร่ง แล้วจับพวงมาลัยให้แน่น ตรงๆ จะทำให้สามารถพารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ขอบคุณ จขกท ที่นำเรื่องราวมาฝากเตือนกันนะครับ
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ส่วนตัวก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ครับ
เพราะเวลาฝนตกผมจะขับประมาณ 60-80 เท่านั้น ต่อไปนี้ต้องระวังแอ่งน้ำให้มากขึ้นซะแล้วล่ะ
-
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ถามเพื่อนสมาชิกเป็นความรู้เพิ่มเติมนะครับ
ในเคส camry นี้ VSC TRC มันช่วยลดอาการเหินน้ำได้ไหมครับ?
และมีระบบใดบ้างในรถยนต์ปัจจุบันที่ช่วยลดอาการดังกล่าวได้บ้างครับ?
ขอบคุณครับ
เท่าที่ขับมา4ปี ไม่ได้ช่วยเลยคับ ต้องลงแบบแรงๆที่ล้อที่โดนน้ำมันจะหมุนช้าลง จนคอมฯมันจับได้ จึงจะร้องเตือนบนหน้าปัทม์ แต่ไม่ได้จะช่วยอะไรคับนอกจากตัดกำลังเครื่องตาม นี่รวมไปถึงระบบ ASC+T ที่อยู่ใน BMW ซักเกือบ10ปีที่ผ่านมา
แต่ BMW ที่มี DSC DTC(DSC+TRC) ช่วยคับ รถแฉลบทางไหนมันจะไปเบรคหรือตัดกำลังในล้อมุมแทยงกับที่เสียการทรงตัว เพื่อดึงรถกลับ
รถอื่นๆ ผมไม่ทราบคับ ไม่เคยขับแล้วเจอน้ำจนระบบพวกนี้ต้องทำงาน ;D
-
ยับซะจนน่ากลัว..ต้องระวังครับ
-
ขอบคุณครับ
ปล.ขับรถช้าลงช่วยได้เยอะมากครับ
-
เล่นเกมส์ขับรถบ่อยๆครับ เอาที่พวกดริฟหรือออฟโรดเลยยิ่งดี
มันช่วยในเรื่อง reflection ซึ่งบางทีเร็วมากจนคิดไม่ทัน ต้องใช้ปฏิกริยาตอบรับ
เหมือนเล่นกีฬาน่ะครับ บางจังหวะก็เร็วมากจนไม่ทันคิด แต่ก็ทำได้ ซึ่งประสาทต่างๆจะส่งไปคำนวนที่สมองไม่ทัน
จะใช้ไขสันหลังในการคำนวนหรือจดจำแทน อะไรที่เคยทำซ้ำๆมันจะออกมาเองอัตโนมัต (อันไหนไม่ถูกแย้งได้นะครับ)
ผมเคยขับรถหลับใน แล้วเกยเกาะกลางถนน พอรู้ตัวล้อหลังกำลังขึ้นตามไป เลยหักซ้ายกลับมาอย่างแรง
ทำให้รถแถไปข้างหน้าแล้วหันหน้าไปทางฟุตบาท ถ้าเป็นคนทั่วไปคงตกใจแล้วกระทืบเบรค ซึ่งจะทำให้หมุน
แต่ผมแตะเบรคเบาๆ แล้วประคองรถแล้วก็จอดได้ปรกติ แค่สเกิร์ตและตัวบังน้ำข้างใต้หลุด คนมุงเพียบ ต้องขอบคุณเกมส์ขับรถครับ
-
เล่นเกมส์ขับรถบ่อยๆครับ เอาที่พวกดริฟหรือออฟโรดเลยยิ่งดี
มันช่วยในเรื่อง reflection ซึ่งบางทีเร็วมากจนคิดไม่ทัน ต้องใช้ปฏิกริยาตอบรับ
เหมือนเล่นกีฬาน่ะครับ บางจังหวะก็เร็วมากจนไม่ทันคิด แต่ก็ทำได้ ซึ่งประสาทต่างๆจะส่งไปคำนวนที่สมองไม่ทัน
จะใช้ไขสันหลังในการคำนวนหรือจดจำแทน อะไรที่เคยทำซ้ำๆมันจะออกมาเองอัตโนมัต (อันไหนไม่ถูกแย้งได้นะครับ)
ผมเคยขับรถหลับใน แล้วเกยเกาะกลางถนน พอรู้ตัวล้อหลังกำลังขึ้นตามไป เลยหักซ้ายกลับมาอย่างแรง
ทำให้รถแถไปข้างหน้าแล้วหันหน้าไปทางฟุตบาท ถ้าเป็นคนทั่วไปคงตกใจแล้วกระทืบเบรค ซึ่งจะทำให้หมุน
แต่ผมแตะเบรคเบาๆ แล้วประคองรถแล้วก็จอดได้ปรกติ แค่สเกิร์ตและตัวบังน้ำข้างใต้หลุด คนมุงเพียบ ต้องขอบคุณเกมส์ขับรถครับ
ผมเล่น Burnout ชนแหลกเลยครับ
;D ;D ;D
-
ยางดีๆ ช่วยได้ในระดับนึงครับ
มาเกิน 100 มีเหินน้ำทุกราย
ว่ากันว่า ยางยิ่งหน้ากว้างมาก ยิ่งเหินน้ำ่ง่าย
-
ผมเห็นแอ่งน้ำแล้วชอบวิ่งเข้าใส่เป็นเด็กๆ ^^
-
เท่าที่ขับรถที่มีระบบคุมการทรงตัวมา ได้แค่เห็นไฟกระพริบเป็นประจำแค่นั้น ส่วนอาการเสียการทรงตัวไม่มีเพราะอาจจะไม่ได้เป็นแอ่งใหญ่มาก แต่เท่าที่เคยเจอมาพบว่าไม่ได้ช่วยอะไรได้มากเพียงแต่ว่าจากที่จะลงข้างทางอาจจะทำให้ไม่ลงข้างทางได้แต่นั้นหมายถึงต้องมีระยะพอให้มันเสียการทรงตัวไปเป็นเลนเลยนะ
จากประสบการณ์พอว่า ยางติดรถทำให้ไฟหน้าปัดกระพริบบ่อยกว่ายางที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่มากๆ ทั้งที่ยางติดรถมันก็ใหม่เหมือนกัน ให้ความสำคัญกับยางเยอะๆนะครับ
-
เล่นเกมส์ขับรถบ่อยๆครับ เอาที่พวกดริฟหรือออฟโรดเลยยิ่งดี
มันช่วยในเรื่อง reflection ซึ่งบางทีเร็วมากจนคิดไม่ทัน ต้องใช้ปฏิกริยาตอบรับ
เหมือนเล่นกีฬาน่ะครับ บางจังหวะก็เร็วมากจนไม่ทันคิด แต่ก็ทำได้ ซึ่งประสาทต่างๆจะส่งไปคำนวนที่สมองไม่ทัน
จะใช้ไขสันหลังในการคำนวนหรือจดจำแทน อะไรที่เคยทำซ้ำๆมันจะออกมาเองอัตโนมัต (อันไหนไม่ถูกแย้งได้นะครับ)
ผมเคยขับรถหลับใน แล้วเกยเกาะกลางถนน พอรู้ตัวล้อหลังกำลังขึ้นตามไป เลยหักซ้ายกลับมาอย่างแรง
ทำให้รถแถไปข้างหน้าแล้วหันหน้าไปทางฟุตบาท ถ้าเป็นคนทั่วไปคงตกใจแล้วกระทืบเบรค ซึ่งจะทำให้หมุน
แต่ผมแตะเบรคเบาๆ แล้วประคองรถแล้วก็จอดได้ปรกติ แค่สเกิร์ตและตัวบังน้ำข้างใต้หลุด คนมุงเพียบ ต้องขอบคุณเกมส์ขับรถครับ
เกมอะไรหรอคับ เดี๋ยวจะเอาไว้เล่นมั่ง ;D ;D ;D
-
ถ้าเจอแอ่งน้ำ ช่วยกันเบาๆลงหน่อยก็ดีนะครับ ถึงแม้จะไม่เกิดอาการเหิรน้ำจนเกิดกว่าจะควบคุมไว้ แต่หลายครั้งน้ำที่พวกเราซัดเข้าไปมันกระเด็นไปสาดกระจกหน้าของรถที่วิ่งสวนมา ทำให้รถคันนั้นมองไม่เห็นทาง อาจเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ
ช่วยกันลดความเสี่ยงทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นสักหน่อยนะครับ
-
ผมหรับผม พ่อสอนมาตั้งแต่เด็กๆ เกิดอะไรขึ้นให้จับพวงมาลัยให้แน่นเข้าไว้ ถ้าเป็นมอไซก็จับแฮนให้แน่น
ระยะห่างระหว่างตัวกับพวงมาลัยก็สำคัญ ผมเห็นหลายคนโดยเฉพาะวัยรุ่น ระยะห่างของพวกมาลัยกับตัวห่างกันมาก แขนตึงตัวเอน แท๊บจะนอนขับอยู่แล้ว แล้วถ้าเกิดฉุกเฉินขึ้นจะบังคับพวงมาลัยแบบกระทันหันด้หรือป่าวก็ไม่รู้ ???
-
สวัสดีครับ
เข้าไปหาความรู้ใน You tube เรื่อง Car hydroplane มีมากมาย
สาเหตุที่เกิด องค์ประกอบ 3 ข้อ
1.ความเร็ว
2.ความสูงดอกยาง และ
3.ความสูงของน้ำที่ผ่าน
มีเรื่องที่ขอให้พวกเราระวังคือการเปลี่ยนยางใหม่ไม่ครบ 4 ล้อเปลี่ยนทีละ 2 ล้อ( เรืองเงิน เสียดาย เห็นว่าสภาพยาง 2 ล้อหลังยังดูดี )
การใส่ยางใหม่ไว้ที่ล้อหน้า ( ส่วนมากจะไว้ล้อหน้าเพราะต้องการความปรอดภัยที่สุดเวลายางระเบิด)
วิ่งถนนแห้งเข้าโค้งคงไม่มีปัญหา แต่เมื่อวิ่งฝ่าสายฝน และเข้าโค้ง โอกาสที่จะเกิด Hydroplane ที่ล้อหลัง และทำให้รถหมุน
ในโค้งได้ สาเหตุเพราะ การคายน้ำของยางใหม่ที่ล้อหน้าจะส่งมาเข้าล้อหลังที่ดอกยางไม่ใหม่เหมือนล้อหน้า ยิ่งเหลือน้อย
ยิ่งเสี่ยงมาก ยางเก่าอยู่ล้อหน้า เราจับความรู้สึกเมื่อจะเกิดอาการเหิรน้ำพวงมาลัยเริ่มจะเบา เราก็แค่ถอนคันเร่ง เข้าองค์ประกอบข้อ 1
ใส่คำว่า New tires Front or Rear ใน You tube ครับ
-
เห็นน้ำเมื่อไร กำพวงมาลัยให้แน่น แล้วชะลอความเร็วลง แต่อย่าแตะเบรค แล้วผ่านไปเลยครับ
จริงๆ ที่ความเร็วไม่เกิน 100 ถ้าเรากำพวงมาลัยแน่นๆ แล้วสภาพรถดีในระดับหนึ่ง ไม่น่าจะมีปัญหานะครับ
ผมก็เจอบ่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะแบบข้างเดียวเนี่ย สมัยอยู่อุบล เจอประจำ ก็ยังไม่เคยลงข้างทางนะครับ สำคัญที่คุมสตินั่นละครับ
-
ผม ก็เป็นคนนึงที่เคยเกือบตาย บนทางด่วน เพราะ เรื่องนี้ครับ วิ่งมา ประมาณ 120 แล้วเจอน้ำ ไหลเท ลงด้านข้าง รู้สึกว่า น้ำนองกว่า ปกตินิดหน่อยเป็นทางยาว แค่ 10 เมตร ถึงกับเหินครับ หลังจากนั้น ฝนตก รีบแค่ไหนก็ไม่สนขับไม่เคย เกิน 100 ถ้าวิ่งแล้วเจอ น้ำนองหนาหน่อย ถึง กับต้องถอนคันเร่ง
คนไม่เคยเจอก็คงไม่รู้ครับ แค่จังหวะผิดนิดเดียว ได้เข้าโรงพยาบาลแน่นอนครับ
-
เคยขับรถลงน้ำแบบ ลงตูมเดียวทั้ง 4 ล้อเลยครับ
ดีว่ามาไม่เร็ว ประมาณสัก 50-60 พอลงน้ำเท่านั้นแหละ หัวทิ่มเหมือนกระทืบเบรคเลยครับ เห็นความเร็วไปอยู่แถวๆ 20 ได้ น่ากลัวจริงๆครับ
ถ้าลงวันนั้นลง แค่ฝั่งใดฝั่งนึงคงปีนฟุตบาทเล่นล่ะครับ ;D
-
เสริมอีกสักวิธีหนึ่ง...ถ้าขับตามรถคันอื่นอยู่...ให้สังเกตรถคันหน้าด้วย...เอาเขาเป็นหนูลองยาก่อน
ถ้ามันมีทางน้ำผ่าน...เราจะเห็นรถคันข้างหน้าเหยียบผ่านแล้วน้ำกระจายสูง เราก็ชะลอรถครับ ค่อยๆ ขับไป อย่าจี้ตรูดคนอื่น ป้องกันไว้ก่อนครับ
-
ผมชะลอแล้วนะ แต่พี่"แท๊ก" เนี่ยสิ
สาดใส่ประจำ นึกว่าสงกรานต์หรือไง?
-
อาการดึง น่าจะเพราะดอกยางรีดน้ำ น้ำต้านการหมุนของล้อ แสดงว่าล้อยังไม่ลอย แต่ถ้าเกินกว่านั้น
ดอกยางรีดน้ำไม่ทัน จะเกิดอาการลอย
-
Focus without ESP (http://www.youtube.com/watch?v=TTjGDQEuVf4#)
ไม่มี ESP
Focus with ESP (http://www.youtube.com/watch?v=RKoHscL7BFU#)
มี ESP
-
สรุปว่า ฝนตกยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น อย่าขับเร็ว ที่สำคัญอย่าใจร้อนครับ ค่อยๆไป
ปล.หากซัดมาเต็มๆจานเบรคร้อนๆลงน้ำนี่มีคดนะครับ เสียค่าเจียร์จานเป็นอย่างน้อย ::)
-
อาการคล้ายๆกับล้อล็อคใน initial D ปะครับ ที่ซิ่งๆอยู่แล้วเลี้ยวไม่ไปเบรคไม่อยู่เวลาเล่นสนาม WET
หน้าแถชนกำแพง ;D
-
เคยขับ prado ขับ 4 ล้อแบบ full time วิ่งบนทางหลวงขณะฝนตก มีน้ำบนถนนเป็นแอ่งๆ วิ่งตามรถกระบะขนของที่ความเร็วประมาณ 100 km/h เวลาเจอแอ่งก็เห็นรถกระบะวิ่งฉิวๆ ผ่านไปได้สบายๆ แต่รถผมกลับรู้สึกเป๋ๆ ไปซะทุกแอ่งเลยครับ กลับรู้สึกว่ารถขับ 4 full time เวลาเจอแอ่งน้ำแบบนี้ ขับยากยิ่งกว่าซะอีก เลยคาดเดาไปว่าเพราะเจอแอ่งน้ำแล้วกำลังมันถูกเทไปที่ล้อเดียวหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นรถขับ 2 อย่างน้อยๆ อีก 2 ล้อที่ไม่ได้ขับเคลื่อนก็ยังมีแรงที่จะส่งให้รถอยู่ในแนวที่ถูกต้อง
คือไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจถูกไหม แต่จากประสบการณ์ที่ใช้รถมา ผมรู้สึกจริงๆ ครับว่าขับรถขับเคลื่อน 2 ล้อธรรมดานี่แหล่ะ วิ่งไปเจอแอ่งน้ำรู้สึกว่าขับง่ายกว่ารถขับ 4 full time นะ แต่ถ้าไม่มีแอ่งน้ำ แค่เป็นทางเปียกๆ อันนี้จะวิ่งดีมากครับ