Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: akkaroo ที่ ตุลาคม 13, 2011, 11:17:20
-
ตอนนี้กำลังสนใจ eco car ของมิตซูบิชิ ที่กำลังจะเปิดตัวอ่ะครับ เลยมีข้อสงสัยมาถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ ชาว HLM เพื่อประกอบการตัดสินใจดังนี้ครับ
1. ศูนย์บริการของมิตซูบิชิเป็นอย่างไรบ้างครับ เรื่องการบริการ และการซ่อมเวลามีรถปัญหา โดยส่วนตัวอยู่นครปฐมครับ (เรื่องนี้ขอความคิดเห็นเป็นภาพรวมก็ได้ครับ)
2. ค่าบำรุงรักษา ค่าใช่จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทาง/หรือเวลา เทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้างครับ พอ ๆ กัน หรือแพงกว่า-ถุกกว่ามากน้อยแค่ไหนครับ
3. อะไหล่ ได้ยินว่าอะไหล่นอกศูนย์จะค่อนข้างหายาก และถ้าเป็นอะไหล่ศูนย์ ค่อนข้างแพงครับ
4. ราคาขายต่อ อันนี้พอเข้าใจครับ ว่าไม่ใช่แบรนด์ตลาด เรื่องราคาขายต่ออาจจะสู้แบรนด์ตลาดไม่ได้ ก็เลยอยากรู้ว่า จะต่างกันมากน้อยแค่ไหนครับ
5. ถ้าเทียบระหว่าง มิตซูบิชิ กับยี่ห้ออื่น ๆ ในระดับเดียวกัน โดยรวมถือว่าเป็นรถที่น่าใช้ ราคาคุ้มค่ากับสมรรถนะที่ได้มั๊ยครับ
หรือใครมียี่ห้ออื่นหรือรุ่นอื่นไหนแนะนำเพิ่มเติมก็ได้ครับ
การใช้งานส่วนใหญ่คงใช้ขับทั่ว ๆ ไปในจังหวัดนครปฐม จะมีเข้ากรุงเทพบ้างวันเสาร์-อาทิตย์ ไปเรียนที่บางมดครับ ออกต่างจังหวัดถ้าจะไปบ่อย ๆ คงเป็นอยู่แถว ๆ ราชบุรี เพชรบุรี หัวหินอะไรประมาณนี้อ่ะครับ(ท่าจะไปพักผ่อนแบบไม่เช้าเย็นกลับ หรือช่วงเสาร์-อาทิตย์) ไปต่างจังหวัดแบบไกล ๆ จะมีบ้างแบบนาน ๆ ทีครับ (คงปีละ 2-3 ครั้ง)
ผิดพลาดประการใดขอคำแนะนำด้วยครับ จะรีบแก้ไขให้โดยไวครับผม ^^
-
ถ้าขับไกล นครปฐม-บางมด และออกต่างจังหวัดบ้าง ผมว่าน่าจะลองพิจารณา พวก city vios mazda 2 ด้วยก็น่าจะดีครับ แล้วใช้สิทธิ์รถคันแรกอาจจะคุ้มกว่าซื้อ ECO car ก็ได้
-
ทำไมถึงมีแต่คนบอกว่าถ้าขับออกจากต่างจังหวัดแนะนำ เครื่อง 1.5 ดีกว่า 1.2 คำถามคือ
1. อัตราสึกกร่อนของเครื่อง 1.2 มีมากกว่า 1.5 หรือครับ
2. อัตราการเร่ง เครื่อง 1.2 ต้องมีอัดตราเร่งในการแซงน้อยกว่า 1.5 ดังนั้นข้อนี้ผมว่าเป็นนิสัยในการขับมากกว่า เพราะไม่น่าจะมีผลกับคนขับรถช้า อยู่ (80-110)
ปล.ผมก็กำลังเลื่อกระหว่าง Eco กับ city car เหมือนกันครับ การใช้งานเฉลี่ยขับเฉลี่ยเดือนละประมาณ 5000 โล (ระยอง-กรุงเทพบ่อยๆ) แต่นิสัยในการขับผมไม่ขับเร็ว (80-110) สิ่งที่เน้นจริงๆ คือการประหยัดค่าเชื้อเพลิงกับขับสบายไม่เมื่อย ที่เล็งๆไว้ก็ Almera แต่เดี๋ยวต้องไปลองขับก่อน ;D
-
ทำไมถึงมีแต่คนบอกว่าถ้าขับออกจากต่างจังหวัดแนะนำ เครื่อง 1.5 ดีกว่า 1.2 คำถามคือ
1. อัตราสึกกร่อนของเครื่อง 1.2 มีมากกว่า 1.5 หรือครับ
2. อัตราการเร่ง เครื่อง 1.2 ต้องมีอัดตราเร่งในการแซงน้อยกว่า 1.5 ดังนั้นข้อนี้ผมว่าเป็นนิสัยในการขับมากกว่า เพราะไม่น่าจะมีผลกับคนขับรถช้า อยู่ (80-110)
ปล.ผมก็กำลังเลื่อกระหว่าง Eco กับ city car เหมือนกันครับ การใช้งานเฉลี่ยขับเฉลี่ยเดือนละประมาณ 5000 โล (ระยอง-กรุงเทพบ่อยๆ) แต่นิสัยในการขับผมไม่ขับเร็ว (80-110) สิ่งที่เน้นจริงๆ คือการประหยัดค่าเชื้อเพลิงกับขับสบายไม่เมื่อย ที่เล็งๆไว้ก็ Almera แต่เดี๋ยวต้องไปลองขับก่อน ;D
กด Like !!!
ecocar ดีกว่า city car ตรงไหน
ไว้ตอนรวมบิลค่าน้ำมัน + เช็คระยะศูนย์ + ต่อประกัน + ต่อภาษีรถยนต์ ช่วงเวลาเหล่านั้นจะรู้ซึ้งครับ
ถ้าวิ่งรถเยอะๆ ห้าปี ก็เป็นแสนเหมือนกันนะเออ
-
รอ ECO CAR ดีกว่าครับ เยอะเลย ;)
-
รถน่ะดี แต่ศูนย์หาดีๆยากหน่อยครับ
-
ทำไมถึงมีแต่คนบอกว่าถ้าขับออกจากต่างจังหวัดแนะนำ เครื่อง 1.5 ดีกว่า 1.2 คำถามคือ
1. อัตราสึกกร่อนของเครื่อง 1.2 มีมากกว่า 1.5 หรือครับ
2. อัตราการเร่ง เครื่อง 1.2 ต้องมีอัดตราเร่งในการแซงน้อยกว่า 1.5 ดังนั้นข้อนี้ผมว่าเป็นนิสัยในการขับมากกว่า เพราะไม่น่าจะมีผลกับคนขับรถช้า อยู่ (80-110)
ปล.ผมก็กำลังเลื่อกระหว่าง Eco กับ city car เหมือนกันครับ การใช้งานเฉลี่ยขับเฉลี่ยเดือนละประมาณ 5000 โล (ระยอง-กรุงเทพบ่อยๆ) แต่นิสัยในการขับผมไม่ขับเร็ว (80-110) สิ่งที่เน้นจริงๆ คือการประหยัดค่าเชื้อเพลิงกับขับสบายไม่เมื่อย ที่เล็งๆไว้ก็ Almera แต่เดี๋ยวต้องไปลองขับก่อน ;D
กด Like !!!
ecocar ดีกว่า city car ตรงไหน
ไว้ตอนรวมบิลค่าน้ำมัน + เช็คระยะศูนย์ + ต่อประกัน + ต่อภาษีรถยนต์ ช่วงเวลาเหล่านั้นจะรู้ซึ้งครับ
ถ้าวิ่งรถเยอะๆ ห้าปี ก็เป็นแสนเหมือนกันนะเออ
ถ้างบไม่ใช่ปัญหาก็เป็นธรรมดาที่รถที่มีขนาดใหญ่กว่าจะเดินทางได้สะดวกกว่าแต่ถ้าเอาเรื่องเงินค่าใช้จ่ายมาพูดก็จะได้คำตอบอย่างที่คุณว่ามาแหละครับ
แต่ถ้าเรื่องการขับขี่ก็คงไม่ต้องมานั่งเถียงกันรู้ๆกันอยู่ถ้าขับต่างจังหวัดแต่ถ้าในเมืองผมก็มองว่า ECO CAR เพียงพอครับออกต่างจังหวัดนี้ถ้าไกลๆแค่ตกหลุมทีก็แย่แล้วครับ
-
ใช่ครับ Eco Car ไม่ดีตรงไหน?
ที่บ้านผมใช้ Jazz รุ่นแรกอยู่ อายุ 6-7 ปีแล้ว
- เครื่อยนต์กลไก เริ่มสั่นแล้ว
- ระบบหม้อน้ำเปลี่ยนไปแล้ว 1 ครั้ง (หมื่นกว่าบาท)
- ระบบเบรค เริ่มมีเสียงดัง
- ยางก็ต้องเปลี่ยนทุก 2 ปี
ทุกอย่างต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น
ตอนนี้ กำลังสนใจ Eco Car เหมือนกัน
เล็ง Nissan Almera กับ Mitsubishi Ecocar ปีหน้า
เพราะ ที่บ้านมี
1.Jazz
2.Yaris
3.Mazda 2 (รับรถเดือนหน้า)
บ้านผม ต้องการใช้รถหลากหลายยี่ห้อ
เพื่อทดลองประสบการณ์ด้วยตนเอง
-
อยากลองใช้เหมือนกันครับ eco car แต่ไม่ไหวสันดานผมขับอีโค่คาร์ รถเยินหมด สงสารรถ
-
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ที่ผมเลือก eco car เพราะเดาเอาจากสไตล์การขี่รถมอร์เตอร์ไซค์ทุกวันนี้อ่ะครับ อาศัยไปเรื่อย ๆ(ขี่อยู่ 20-40 เองครับ) ก็เลยคิดว่า eco car ไม่น่ามีปัญหา แถมยังประหยัดน้ำมันด้วย อิ อิ
ส่วนที่เล็ง มิตซูบิชิไว้ เพราะรูปแล้ว รู้สึกว่ามันสวยมากเลยครับ ก็เลยกะว่าจะรอดูจนวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการจริง ๆ ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะเล่นตัวนี้ดี หรือ จะเล่นตัวอื่น เพราะ ก็ดูตัวอื่น ๆ ไว้เหมือนกันครับ อย่าง city vios mz2 jazz yaris (แอบตัวเลือกเยอะ) ^^
แถมอีกอย่างตอนนี้ชักเริ่มปันใจให้กระบะ 4 ประตู อยู่เหมือนกันครับ เพราะที่พึ่งเปิดตัวกันไปแต่ละยี่ห้อนั้น สวยมาก ๆ เลยครับ เห้อออออ ตัดสินใจไม่ถูกจริง ๆ
-
จะEco หรือไม่Ecoก็ขับต่างจังหวัดได้หมดแหละครับ
-
เลือกในสิ่งที่คิดว่าใช้ครับไม่ต้องคิดมาก. ผมคนหนึ่งที่เคยเลือกมิตซูแล้วก้อมีแต่คนถามทำไมไม่เอาเจ้าอื่น
สำหรับมิตซูถ้าจะซื้อนะครับแนะนำไปดูศูนย์ใกล้บ้านก่อนว่ายอมรับสภาพได้หรือเปล่า บริการเป็นไง
ถ้าไม่ถูกใจก็ไม่ต้องซื้อครับ เพราะรถออกที่ไหนก็ได้แต่ศูนย์บริการต้องเอาใกล้บ้านเข้าว่าครับ ไม่งันเวลา
เขาศูนย์ทีก็ลำบากเดินทางไกล ส่วนเรื่องค่าซ่อมบำรุงก็ไม่ต่างกันมากครับบางรายการถูบางอย่างแพง
รถใหม่เรื่องซ่อมหนักไม่ต้องกังวลอะไรไว้ใจได้ แต่สำหรับ Eco ของมิตซูสวยจริงแต่ก็เล็กกว่า march
อยู่นะครับไว้รอดูตัวเป็นๆดีกว่าครับ
-
ขอเทียบกับโต้าละกันครับ
บ้านผมใช้ vigo กับ lancer
เรื่องค่าเข้าศูนย์เช็คระยะ มิซูถูกกว่าครับ
แต่ศูนย์มิซูเกรียนครับ ชอบมีลูกเล่น เช่นตอนเช็ค 10000 โล มีการใส่น้ำยาล้างห้องเครื่องราคาเกือบ 400 ครับ
ตอนเช็ค 20000 โล เนื่องจากระยะเกินไป 2000 โล เค้าคิดค่าแรงผม 250 ครับ ทั้งๆที่โตต้าผมเกินมา 5000 โล ยังไม่เปนไรเลยครับ
มิซูเวลาเข้าศูนย์นี่ต้องเช็ครายละเอียดดีๆครับ แถมไม่มีความยืดหยุ่นให้ลูกค้า
ส่วนเรื่องอะไหล่ ผมเทียบ แท้กับแท้นะครับ มันพอๆกันครับ บางรายการมิตซูถูกกว่า
มิซูอะไหล่หายากกว่าโตต้าหน่อยนึงครับแต่ไม่ต้องวิ่งวุ่นเหมือนไทยรุ่งคันเก่าครับ
ส่วนคุณพ่อใช้ dmax ครับ คุณพ่อบอกว่าบริการดีมากครับ
-
ที่บ้านมี Triton กับ Strada ครับ
Triton ป้ายแดง Strada มือสองครับ ขอตอบเรื่องอะไหล่นะครับ
อะไหล่มันอาจจะแพงกว่าบางเจ้านิดหน่อยครับ แต่ไม่ค่อยห่วงครับเพราะคุณลุงขายอะไหล่รถ ;D ;D ;D
เวลาไปเซอร์วิสที่ศูนย์เค้าก็โอเคนะครับ ที่บ้านไม่ค่อยแคร์เท่าไรครับ
-
ที่บ้านมี Triton กับ Strada ครับ
Triton ป้ายแดง Strada มือสองครับ ขอตอบเรื่องอะไหล่นะครับ
อะไหล่มันอาจจะแพงกว่าบางเจ้านิดหน่อยครับ แต่ไม่ค่อยห่วงครับเพราะคุณลุงขายอะไหล่รถ ;D ;D ;D
เวลาไปเซอร์วิสที่ศูนย์เค้าก็โอเคนะครับ ที่บ้านไม่ค่อยแคร์เท่าไรครับ
triton ชั้วโมงนี่ยังน่าชื้อน่าขับไม่ครับ
หรือว่าไปดูค่ายอื่นดีกว่า เพราะว่าสดกว่า
เห็นว่าจะออกโฉมใหม่ร่วมกับ navara แบบนี่
ถ้าชื้อตอนนี่ ปีกว่าก็ตกรุ่นแล้วชิครับเนี้ย....... :
-
สาเหตุที่แนะนำ city car มากกว่า ตามความคิดเห็นผม
1. city car มีอัตราเร่งที่ผมคิดว่าน่าจะดีกว่า เร่งแซงน่าจะเวิร์คกว่า
2. สภาพถนนในเมืองกับ ถนนออกต่างจังหวัดต่างกันนะครับ ถ้าไปเจอที่ขรุขระ หลุม ฯลฯ ด้วยความเชื่อส่วนตัวคิดว่า city น่าจะเวิร์คกว่า น่าจะซับแรงได้ดีกว่าด้วยขนาดล้อและยาง
3. การขับรถที่เล็กนั้น ต่างจังหวัดจะมีรถสิบล้อมาก หากเจอเข้าไปอาจจะโคลงเคลงได้ และด้วยความเชื่อส่วนตัวเวลาขับเร็วด้วยรถที่เบาพวงมาลัยเบาก็ไม่น่าจะให้ความมั่นใจในการขับขี่นัก
4. ขับออกต่างจังหวัดรถขับเร็ว หากเกิดอุบัติเหตุผมคิดว่ารถ city car น่าจะรับแรงกระแทกทั้งจากด้านหน้าและด้านหลังได้ดีกว่า ยังไงก็ปลอดภัยกว่าแน่นอน
ผมเคยเห็นรูป march โดนชนหลังยุบไปติบกับเบาะหลังเลยน่ากลัว (ลองเข้าไปดูครับ http://www.thaimarch.com/index.php?topic=26652.15 (http://www.thaimarch.com/index.php?topic=26652.15))
-
เงินใครเงินมันครับ ผมขับ Mighty-X เครื่องออกจะใหญ่ แต่โคตรจะอืด ล้อก็เล็ก (14) ระบบความปลอดภัยก็ไม่มีซักอย่าง ก็ไปได้ทั่วประเทศ ไม่เคยมีปัญหาใดๆทั้งสิ้น มันขึ้นอยู่กับเราครับ บางคนมีเงินก็เลือกสิ่งที่ดีกับตัวเอง เราบอก มิตซูดี นิสสันดี เพื่อนผมที่ขับ Audi ก็บอกกากทุกคัน รถญี่ปุ่น มันแล้วแต่พื้นเพของแต่ละคนจริงๆครับ
ถ้าผมเป็นจขกท. คือชอบ อีโคคาร์ของ Mitsu ราคาโอเค เรื่องศูนย์รับได้ กำลังของเครื่องยนต์ไม่มีปัญหา เป็นผมซื้ออย่างไม่ลังเลเลยครับ ^^
-
สาเหตุที่แนะนำ city car มากกว่า ตามความคิดเห็นผม
1. city car มีอัตราเร่งที่ผมคิดว่าน่าจะดีกว่า เร่งแซงน่าจะเวิร์คกว่า
2. สภาพถนนในเมืองกับ ถนนออกต่างจังหวัดต่างกันนะครับ ถ้าไปเจอที่ขรุขระ หลุม ฯลฯ ด้วยความเชื่อส่วนตัวคิดว่า city น่าจะเวิร์คกว่า น่าจะซับแรงได้ดีกว่าด้วยขนาดล้อและยาง
3. การขับรถที่เล็กนั้น ต่างจังหวัดจะมีรถสิบล้อมาก หากเจอเข้าไปอาจจะโคลงเคลงได้ และด้วยความเชื่อส่วนตัวเวลาขับเร็วด้วยรถที่เบาพวงมาลัยเบาก็ไม่น่าจะให้ความมั่นใจในการขับขี่นัก
4. ขับออกต่างจังหวัดรถขับเร็ว หากเกิดอุบัติเหตุผมคิดว่ารถ city car น่าจะรับแรงกระแทกทั้งจากด้านหน้าและด้านหลังได้ดีกว่า ยังไงก็ปลอดภัยกว่าแน่นอน
ผมเคยเห็นรูป march โดนชนหลังยุบไปติบกับเบาะหลังเลยน่ากลัว (ลองเข้าไปดูครับ http://www.thaimarch.com/index.php?topic=26652.15 (http://www.thaimarch.com/index.php?topic=26652.15))
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งคับ
city car เหมาะสำหรับเดินทางไกลมากกว่า eco car ปลอดภัยกว่าด้วยนะผมว่า
ส่วนในเคสนี้ผมก็เคยเปิดอ่านก็น่ากลัวอยู่นะคับ หากมีคนนั่งเบาะหลังด้วยคงไม่รอดแน่ :o :o :o
-
จากส่วนตัวที่อยู่กับรถยี่ห้อนี้มาตั้งแต่ 5 ขวบ มุมมองผมเป็นแบบนี้นะครับ
1. ศูนย์ Mitsubishi เรื่องการตกแต่ง สู้ Toyota, Honda ไม่ได้
2. หาศูนย์ยาก (และแน่นอน หาศูนย์ดีๆ ก็ยากไปอีก แต่ยืนยันได้ว่ามี แต่ไม่ขอเอ่ยละกัน)
3. อะไหล่แพง อืมม อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ผมว่า มันก็ไม่ได้ต่างกับเจ้าตลาดอย่าง Honda, Toyota เท่าไร
4. อะไหล่เก่าหายาก อันนี้แน่นอนครับ รถมีวิ่งน้อยกว่านี่นา มันก็ต้องยากกว่าเจ้าตลาดแน่นอน แต่ยังไงก็มีครับ รถญี่ปุ่นซะอย่าง
5. ราคาขายตก อันนี้ของตายครับ เทียบง่ายๆ Galant 2.0 GLSi ปี 90-93 ของผม ราคาตอนนี้ป้วนเปี้ยนอยู่ราวๆ 70000-100000 แต่ Toyota สามห่วง เห็นว่าคุณ SilverG ขายไปได้ 1.8 แสนมั้ง คิดแล้วเจ็บใจจัง Galant เป็นรถ D-Segment แต่ Corolla เป็น C-Segment นะฮ่วย!!!
ส่วนเทียบ Eco-Car กับ B-Segment ทั่วไป ผมว่ามันขึ้นกับใช้รถแบบไหน
ถ้าวิ่งในเมือง ระยะทางสั้นๆ ผมว่าไม่ได้ต่าง
แต่ถ้าวิ่งทางไกล รถใหญ่กว่ามักจะนั่งสบายกว่า (แต่ไม่เสมอไป) แต่รถ B-Segment กับ Eco มันก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น
แต่ที่ต่างคือกำลังเครื่องยนต์ คิดง่ายๆ คือ ยิ่งเครื่องใหญ่ เครื่องแรงเท่าไร คุณก็สบายในการเร่งแซงมากขึ้นเท่านั้น ผมขับ Vios แซงสิบล้อง่ายกว่า March แน่นอนครับ
อันนี้ลองกลับไปคิดดู
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ผมว่าเอาเข้าจริง มันก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น ยกเว้นราคาตอนซื้อเท่านั้นละครับ ที่ต่างกันชัดเจน แต่เรื่องค่าน้ำมัน กับค่าดูแลรักษา ไม่น่าจะต่างขนาดนั้น
อันนี้จากที่ได้ยินมา กับที่เคยลองขับ March ผมว่า March ที่ไม่ได้ใช้ Idle Stop (เชื่อเหอะ เมืองไทย ใครใช้ก็เก๋าสุดๆ ร้อนโคตร คอมตัด 30 ผมก็แย่แล้ว) ไม่ได้ประหยัดกว่ารถเครื่อง 1.5 มากนักหรอกครับ และชิ้นส่วนที่ใช้หลายๆ อย่าง ก็มาจากรถ B-Segment นี่แหละ (Brio พัฒนาบน platform ของ Jazz ที่สั้นลง) ผมจึงไม่คิดว่าค่าบำรุงรักษาจะต่างกันมากขนาดที่เห็นเงินเป็นก้อนๆ ลอยมาหรอกครับ
ลองดูครับ
-
จากส่วนตัวที่อยู่กับรถยี่ห้อนี้มาตั้งแต่ 5 ขวบ มุมมองผมเป็นแบบนี้นะครับ
1. ศูนย์ Mitsubishi เรื่องการตกแต่ง สู้ Toyota, Honda ไม่ได้
2. หาศูนย์ยาก (และแน่นอน หาศูนย์ดีๆ ก็ยากไปอีก แต่ยืนยันได้ว่ามี แต่ไม่ขอเอ่ยละกัน)
3. อะไหล่แพง อืมม อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ผมว่า มันก็ไม่ได้ต่างกับเจ้าตลาดอย่าง Honda, Toyota เท่าไร
4. อะไหล่เก่าหายาก อันนี้แน่นอนครับ รถมีวิ่งน้อยกว่านี่นา มันก็ต้องยากกว่าเจ้าตลาดแน่นอน แต่ยังไงก็มีครับ รถญี่ปุ่นซะอย่าง
5. ราคาขายตก อันนี้ของตายครับ เทียบง่ายๆ Galant 2.0 GLSi ปี 90-93 ของผม ราคาตอนนี้ป้วนเปี้ยนอยู่ราวๆ 70000-100000 แต่ Toyota สามห่วง เห็นว่าคุณ SilverG ขายไปได้ 1.8 แสนมั้ง คิดแล้วเจ็บใจจัง Galant เป็นรถ D-Segment แต่ Corolla เป็น C-Segment นะฮ่วย!!!
ส่วนเทียบ Eco-Car กับ B-Segment ทั่วไป ผมว่ามันขึ้นกับใช้รถแบบไหน
ถ้าวิ่งในเมือง ระยะทางสั้นๆ ผมว่าไม่ได้ต่าง
แต่ถ้าวิ่งทางไกล รถใหญ่กว่ามักจะนั่งสบายกว่า (แต่ไม่เสมอไป) แต่รถ B-Segment กับ Eco มันก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น
แต่ที่ต่างคือกำลังเครื่องยนต์ คิดง่ายๆ คือ ยิ่งเครื่องใหญ่ เครื่องแรงเท่าไร คุณก็สบายในการเร่งแซงมากขึ้นเท่านั้น ผมขับ Vios แซงสิบล้อง่ายกว่า March แน่นอนครับ
อันนี้ลองกลับไปคิดดู
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ผมว่าเอาเข้าจริง มันก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น ยกเว้นราคาตอนซื้อเท่านั้นละครับ ที่ต่างกันชัดเจน แต่เรื่องค่าน้ำมัน กับค่าดูแลรักษา ไม่น่าจะต่างขนาดนั้น
อันนี้จากที่ได้ยินมา กับที่เคยลองขับ March ผมว่า March ที่ไม่ได้ใช้ Idle Stop (เชื่อเหอะ เมืองไทย ใครใช้ก็เก๋าสุดๆ ร้อนโคตร คอมตัด 30 ผมก็แย่แล้ว) ไม่ได้ประหยัดกว่ารถเครื่อง 1.5 มากนักหรอกครับ และชิ้นส่วนที่ใช้หลายๆ อย่าง ก็มาจากรถ B-Segment นี่แหละ (Brio พัฒนาบน platform ของ Jazz ที่สั้นลง) ผมจึงไม่คิดว่าค่าบำรุงรักษาจะต่างกันมากขนาดที่เห็นเงินเป็นก้อนๆ ลอยมาหรอกครับ
ลองดูครับ
ผมขายได้ 1.2-1.4 แสนครับ อิอิ..
แต่ว่าก็อย่างที่คุณ YIM บอก ค่าซ่อม Eco car มันคงไม่ถูกไปกว่า B-seg ซักเท่าไร จะถูกก็เช่น น้ำมันเครื่อง March ใช้ 3 ลิตร พวก B-seg 1.5-1.6 ใช้ 3.5-3.8 ลิตร แต่แบตตารี่ แพงมากครับ ขอบอก ที่มี Idle Stop นี่ 85 แอม ราคา 2 พันปลายๆ(เติมน้ำกลั่น) ของ Mitsu ก็น่าจะพอๆกันครับ
เรื่องการแซง ถ้าขับรถเครื่อง 1.2 3 สูบ(Eco car Mitsu) ต้องพึงระลึกเสมอว่าเครื่องมันเล็ก เอาแบบแรงๆแบบ 1.5 ก็คงยากครับ การแซงต้องดูจังหวะดีๆครับ
แซงพ้นแน่นอนครับ Idle Stop ไม่ได้ใช้หรอกครับ เว้นแต่รถคุณเป็นคอมแอร์ไฟฟ้า อันนี้ละได้ใช้แน่ๆครับ ;)