Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sundown55 ที่ ตุลาคม 29, 2011, 22:47:46
-
คนที่ซื้อรถราคา 2-3 ล้านต้องมีเงินเดือนหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณเท่าไหร่ครับ ถึงจะพอผ่อนรถได้
ขอบคุณครับ
-
ผมว่ามันขึ้นอยู่กับเงินเก็บที่เหลือจากหักค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนนะครับ
ถึงจะมาดูรถนะครับรายจ่ายชนหรือใกล้เคียงรายรับไม่ควรซื้ออย่างยิ่ง
ครับไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่จริงๆแล้วผมว่าขึ้นอยู่กับว่ามีครอบครัวรึยังถ้ามีแล้ว
ก็ต้องดูอีกว่ามีลูกกี่คนค่าใช้จ่ายเด็กๆเดี่ยวนี้ก็แพงอยู่
รายจ่ายเท่าไหร่รายรับเท่าไหร่เพราะแต่ละบ้านใช้เงินในส่วนต่างๆ
ไม่เหมือนกันต้องลองดูรายจ่ายของพี่ก่อนแหละครับว่าเท่าไหร่แล้วดูว่า
เงินที่เหลือเฉลี่ยแต่ละเดือนเพียงพอเวลาฉุกเฉินรึเปล่าส่วนตัวมองว่า
จะมีครอบครัวหรือยังไม่มีความคิดส่วนตัวซื้อรถราคานี้ก็ต้องมีเงินเดือน
อย่างน้อยสักแสนสองขึ้นไปนะครับ
-
ที่บ้านมีอพาตเม้น ห้องเช่า +ทำงานบริษัทเอกชล/รายได้ประมาณ ประมาณ180000ครับ หักแล้วเหลือ สัก 100000ต่อเดือน แต่ที่บ้านมีทรัพสิน เยอะอะครับ กับเงินในบัญชี มากพอสมควร
หน้าจะผ่อนไหวไหมครับ
-
ต้องอิงหนังสือการเงินมากพอสมควรนะครับ
เหลือเดือนละประมาณแสน นี่คือรวมจ่ายหนี้อย่างอื่นแล้วใช่ไหมครับ
ถ้างั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา
-
ใช่ครับรวมหมด มีทรัพสินที่ดิน สองร้อยไร่ กับ ยี่สิบสามสิบครับ
-
ถ้าประมาณนี้ไม่ต้องห่วงแล้วครับ 2-3 ล้านซื้อได้อยู่แล้วครับ
-
ผมจะผ่อนรถไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งหมดต่อเดือนครับ
-
คนรู้จักรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายเกือบ 1mต่อเดือน ก็ยังไม่กล้าซื้อเลยครับ ขับรถญี่ปุ่นธรรมดาๆ
-
รวยขนาดมีที่ดิน 200ไร่ ยังไม่เคยซื้อรถยุโรปเลยหรอครับ
เอกชน ไม่ใช่ เอกชล
-
ซื้อรถยุโรปเงินถึงไม่พอครับ ใจต้องถึงด้วย ;D
-
ต่ำสุดควรมากกว่า 1 แสนบาทครับ
อย่างของผม BMW X3 ตัวใหม่ ก็จ่ายเดือนละเกือบ 5 หมื่น ขนาดเลือกแบบ Balloon นะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยู่ที่จำนวนปีที่เลือกผ่อนชำระด้วย
-
คนรู้จักรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายเกือบ 1mต่อเดือน ก็ยังไม่กล้าซื้อเลยครับ ขับรถญี่ปุ่นธรรมดาๆ
ธรรมดาที่ว่านี่ LS600 ล่ะสิ -*-
-
ที่บ้านมีอพาตเม้น ห้องเช่า +ทำงานบริษัทเอกชล/รายได้ประมาณ ประมาณ180000ครับ หักแล้วเหลือ สัก 100000ต่อเดือน แต่ที่บ้านมีทรัพสิน เยอะอะครับ กับเงินในบัญชี มากพอสมควร
หน้าจะผ่อนไหวไหมครับ
ที่บ้านมีอพาร์ทเม้นท์ห้องเช่า +ทำงานบริษัทเอกชน/รายได้ประมาณ ประมาณ180000ครับ หักแล้วเหลือ สัก 100000ต่อเดือน แต่ที่บ้านมีทรัพย์สิน เยอะอะครับ กับเงินในบัญชี มากพอสมควร
น่าจะผ่อนไหวไหมครับ
เงินขนาดนี้เรียกว่ารวยคงได้แล้วครับ ไม่ทราบว่าปัจจุบันหรือที่บ้านใช้รถอะไรหรือครับเนี่ย
-
ในความคิดผมนะครับ ถ้ารายได้ส่วนใหญ่้ (รายได้หลัก) มาจาก ค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ ไหวครับ
แต่ถ้ามาจากเงินเดือน(ทำงานประจำเป็นงานหลัก อพาร์ทเม้น พึ่งทำ หรือ ทำแค่เล็กๆ) ไม่ไหวครับ เพราะการจะซื้อรถดีๆสักคัน มันไม่ไช่แค่
"มีรายได้มาก"เพียงอย่างเดียว ไม่ไช่ว่า เงินเดือนแสนนึง แล้วจะซื้อรถที่ผ่อนเดือนละ 5 หมื่นได้
แต่ต้องเป็นรายได้ที่ต่อเนื่อง มีความมั่นคงทางการเงินสูงระดับนึงครับ โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัวแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินขนาดนี้ ก็ถือว่า มั่นคงเหมือนกัน
เอาง่ายๆ ผมคิดว่า คนที่จะซื้อรถระดับ 2 ล้านบาทขึ้นไป ควรจะมีกิจการที่มั่นคงระัดับนึงเป็นของตนเอง เท่านั้น
ถ้ายังทำงานกินเงินเดือนอย่างเดียว อย่าเสี่ยงเลยครับ ก็เห็นๆกันอยู่ว่า น้ำท่วมทีนึง โดน Layoff กันระนาว จะเอาเงินที่ไหนผ่อนรถ
เพราะคนรับเงินเดือน เหยียบแสน หล่นเหลือ 0 ภายในชั่วข้ามคืน ก็มีให้เห็นกันเยอะแยะ
ย้ำนะครับ ว่าความคิดผม
ผมเคยแอบๆไปดู ค่างวดผ่อน BMW 320d SE E90 ราคา 2.89m ตกเดือนนึงก็ประมาน 3 หมื่นปลายๆครับ น่าจะ 48 เดือนนะ
คือไอซื้อหน่ะ ซื้อได้ครับ แต่ซื้อแล้ว มันเดือดร้อนเรารึป่าว ซื้อแล้ว ผ่อนสบายๆ หรือ ผ่อนกันขี้แตกขี้แตน
ไหนจะค่า Maintainance
ต้องคำนึงด้วยว่า ซื้อแล้ว เราจะเหลือเงินไปทำอย่างอื่น หรือ ไว้เก็บบ้างไหม
บ้านผมทำธุรกิจหมู่บ้านจัดสรร ผมเคยถามพ่อเล่นๆว่า ถ้าบ้านเราซื้อ E-Coupe บ้างได้ไหม เห็นแม่อยากได้
พ่อผมก็ตอบว่า ได้ แต่พวกผมก็ไม่ต้องเรียนมหาลัยก็แล้วกัน -*-
ในกรณีคุณ ผมขอตอบว่า ซื้อไหวครับ และไม่น่าจะเดือดร้อนด้วย แต่ไหวไม่ไหว คุณน่าจะรู้ตัวเองดีที่สุด
-
ถ้าโสด มีรายได้ระดับนี้ซื้อได้ครับ
แต่ถ้ามีครอบครัวมีลูก ไปเล่นล้านปลายๆน่าจะดีกว่าเช่น x1 s60
จากประสบการณ์ส่วนตัว เอารถแพงๆมาครอบครองเป็นภาระมากนะครับ
แต่ถ้ายังโสด หากำไรให้ชีวิตครั้งหนึ่ง ก็จัดโลดครับ
-
คนเรา,,, มีวิธีใช้เงิน ไม่เหมือนกันครับ
จะผ่อนรถ 2-3 ล้าน ดอกเบี้ยจะไม่โดน ล้านกว่าบาทเลยหลอครับ
ไม่ใช่น้อยๆ นะครับ เงินเป็นล้านเลย ไม่เสียดายหรือ
ถ้ามีปัญหา หมุนเงินไม่ทัน หรืออยากลงทุนเพิ่ม ต้องไปกู้ ดอกเบี้ยแพงมากนะครับ
บ้านผมมีสมาชิก 5 คน มีรายได้หลักจากปั๊ม LPG 3 แห่ง ประมาณเดือนละ 200,000 บาท
4 คนทำงาน เงินเดือนหลักหมื่น, น้องชายคนสุดท้องเรียน ม. ปลาย
มีรายจ่าย ต้องผ่อนบ้าน เดือนละประมาณ 50,000 , น้องชายเรียนอยู่ เดือนละ 20,000
รถที่ใช้ 3 คัน มี Camry อายุ 10 ปี, Exior (ไม่รู้กี่ปี), กระบะ Datsun อายุ 20 ปี
ถ้าผมเป็นท่าน,,, ผมไม่ผ่อนนะ รอขายที่ ซื้อสดดีกว่า เสียดายค่าดอก :'(
-
เงินเดือนขนาดนั้นแสดงว่ามีเงินเก็บอยู่พอสมควรก็แบ่งเป็น 3 ส่วนอะครับ
1. เงินใช้จ่ายประจำวัน
2. เงินไว้หมุนเวียนกรณีฉุกเฉิน (ป่วย/อุบัติเหตุ/เหตุสุดวิสัย)
3. เงินเก็บไว้ใช้ทั่วไป เอาไว้ซื้อของที่อยากได้
ยกตัวอย่างนะครับ มีเก็บเงิน 1 ล้าน ควรมีเงินในข้อ 2 อยู่ซัก 70 เปอร์เซ็นต์ครับ ที่บ้านผมทำอย่างนี้ เงินแต่ละตัวไม่ยุ่งระหว่างกันครับ
ปกติออกสดครับ เพราะถึงแม้จะมีผ่อน 0% แต่ถ้าซื้อสดก็ลดอีก ดังนั้นผมจะรอจนเก็บตังในข้อ 3 ครบครับ ถ้ารอไม่ไหวก็ซื้อรถที่ไม่เกินวงเงินข้อ 3 จะมีความสุขครับ
-
คนเรา,,, มีวิธีใช้เงิน ไม่เหมือนกันครับ
จะผ่อนรถ 2-3 ล้าน ดอกเบี้ยจะไม่โดน ล้านกว่าบาทเลยหลอครับ
ไม่ใช่น้อยๆ นะครับ เงินเป็นล้านเลย ไม่เสียดายหรือ
ถ้ามีปัญหา หมุนเงินไม่ทัน หรืออยากลงทุนเพิ่ม ต้องไปกู้ ดอกเบี้ยแพงมากนะครับ
บ้านผมมีสมาชิก 5 คน มีรายได้หลักจากปั๊ม LPG 3 แห่ง ประมาณเดือนละ 200,000 บาท
4 คนทำงาน เงินเดือนหลักหมื่น, น้องชายคนสุดท้องเรียน ม. ปลาย
มีรายจ่าย ต้องผ่อนบ้าน เดือนละประมาณ 50,000 , น้องชายเรียนอยู่ เดือนละ 20,000
รถที่ใช้ 3 คัน มี Camry อายุ 10 ปี, Exior (ไม่รู้กี่ปี), กระบะ Datsun อายุ 20 ปี
ถ้าผมเป็นท่าน,,, ผมไม่ผ่อนนะ รอขายที่ ซื้อสดดีกว่า เสียดายค่าดอก :'(
รถคันละ 2-3 ล้าน ดอกล้านกว่านี้ยังไงก็เป็นไปไม่ได้นะครับยกเว้นจะมีให้ผ่อนเป็น 10 ปีนะถึงแน่
ซึ่งก็ไม่มีอยู่แล้วส่วนใหญ่ 4 ปี ประมาณ 2-3 แสนครับถ้าดอกล้านกว่าบริษัทขายรถรอคนซื้อสด
อย่างเดียวตัวแทนจำหน่ายอยู่ไม่ได้แน่ครับแต่ถ้ามีสดก็คุ้มกว่าครับแต่ในแง่ธุรกิจมีหนี้พวกนี้ไว้บ้าง
มันได้เครดิตครับแล้วแต่คนจะมองครับเห็นมาเยอะเหมือนกันจ่ายสดได้แต่ไม่เอาเพาะเค้าต้องการเครดิตครับ
ก็ผ่อนระยะสั้นเลยเช่นสองปีเวลาไปลงทุนทำอย่างอื่นก็จะกว่าครับ
ลองคร่าวๆให้ดู รถราคา 2.3 ล้าน
ดาวน์ 25% = 575,000
- กับเงินราคารถเงินต้น 2 ล้าน 3 - 575,000
ราคาที่เหลือต้องผ่อน 1,725,000
ดอกเบิ้ย 3% ต่อปี ผ่อน 4 ปี 4 * 3 =12 ดอกเบี้ย 4 ปี =2 แสน 7
ลองคำนวนเล่นๆดูครับ
http://www.bmw.co.th/th/th/general/finance_service/comparison_payment/payment_estimator.html (http://www.bmw.co.th/th/th/general/finance_service/comparison_payment/payment_estimator.html)
-
http://www.bmw.co.th/th/th/general/finance_service/comparison_payment/payment_estimator.html (http://www.bmw.co.th/th/th/general/finance_service/comparison_payment/payment_estimator.html)
ขอบคุณมากครับ (http://www.soccersuck.com/soccer/images/smiles/onion_sorry.gif)
ดอกเบี้ยไม่ถึงล้านจริงๆ ด้วย
แต่ก็หลายแสนอยู่นะครับ :-\
ซื้อรถกระป๋องได้อีกคันนึงอะ
-
ยอมได้แค่ไม่เกิน 2% ของมูลค่าทรัพย์สินที่มี
เกินกว่านี้มิกล้า
-
มีรายได้ ทรัพย์สิน มากขนาดนี้ เป็นผมซื้อเงินสดดีกว่า ไม่ชอบเสียดอกอะครับ
-
พี่เป็นเจ้าของเงิน พี่ต้องรู้จักเิงินก้อนนั้นดีที่สุด
หากมีภาระเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนของเป็นจำนวนนั้น
จะรับได้หรือไม่ หรือ หากมีได้ควรเป็นจำนวนเท่าไร
หรือ
หากที่ดินราคาดี หรือกำไรมากพอ อาจจะขาย(บางส่วน)
เพื่อนำกำไรจากการลงทุน(ที่ดิน) ไปลงทุนกับการซื้อรถยนต์ต่อไป
(อาจต้องใช้เวลาบ้างพอควร)
เิงินที่ได้จากการดำเนินงานจะได้เหนียวแน่น
สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจประเทศที่กระท่อนกระแท่น(ณตอนนี้)
-
ผมเคยทำสรุปง่ายๆว่า คนที่จะผ่อนรถราคา 6 แสน
ถ้าโสด ไม่มีภาระอะไรเลย(และไม่มีหนี้) เงินเดือน 22,000 - 25,000 บาท ก็ผ่อนได้
แต่ถ้าเริ่มมีภาระ มีลูก แต่งงาน ต้องเกิน 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน
ถ้าลูกโตแ้ล้ว ค่าเทอมแพงตาม ค่าครองชีพสูงตาม ก็ไล่ขึ้นไปอีก
ยังมีอีก... ค่าใช้จ่าย เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เช็คระยะ บำรุงรักษา
ต่อประกัน พรบ ภาษีประจำปี ซ่อมบำรุง อะไหล่ ผ้าเบรค ยาง แบต ลูกหมาก ลูกปืน และอีกมากมาย
ผมเคยคำนวนแล้ว ในรถ B Segment ตลาดๆทั่วๆไป ค่าใช้จ่ายต่อปี = 33,000 บาทต่อปี
หาร 12 สมมุติว่าเดือนๆนึง ตก 3พันบาท
3,000+7,000(ค่างวด) = 1 หมื่นบาทต่อเดือนพอดีๆ
ถ้าเป็นรถราคา 2ล้าน ก็คูณ 3 คูณ 4 เข้าไป
สรุปแล้วว่า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ "รถ" ล้วนๆ คือ ราวๆ 4-5 หมื่นบาทถ้วน
คิดย้านหลังขึ้นไปครับ ว่าตัวเองมีรายจ่ายทั่วๆไปเท่าไหร่ แล้วคิดย้อนขึ้นไปหารายได้ต่อเดือน
-
ทำงานเอกชลนี่หมายถึงโรงพยาบาลเอกชล ที่ชลบุรีเหรอครับ อิอิ
-
เงินที่หามา ทรัพย์สินที่มี ธุรกิจที่ทำ มันยากกว่า คำตอบกระทู้นี้นะว่า เงินของเรา
ผมซื้อ e46 เมื่อ10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีรายได้ เกือบ 2 แสน ภาระมากมาย เงินเก็บ 8 ล้าน
ก็ผ่อนมัน 4 ปีจนหมด และก็ใช้จนขายไปละด้วย
-
ราคารถลดลงทุกวัน ผมซ้ือรถไม่ซื้อสดนะ เอาเงินไปหมุนดีกว่าเพราะว่าใน4ปีนี้เงินท่่ีเอาไปซ้ือสดสามารถเอาไปสร้างเงินให้เราได้อีกโขเลยขอรับ ;D
-
ส่วนมาก พวกเล่นรถราคา2-3 ล้าน เค้าจะมีฐานอย่างน้อยก้อรถคันเก่า พวกเล่นผ่อนกันเดือนแค่หมื่นกว่าก้อมี หรือเลือกแบบ ผ่อนปีเดียว ตัดปัญหาดอกเบี้ย
ถ้าเปิดบัญชีใหม่เลย ยังไม่น่าเสี่ยงครับ ;D
-
ถ้ายังต้องมานั่งคิดเรื่องนี้ ผมว่ายังไม่ควรซื้อนะครับ
ในความเห็นผม วันไหนที่เลิกคิดเรื่องประมาณว่า เรารายได้เท่านี้ หักค่าใช้จ่ายออกเท่านี้ เหลือเท่านี้ ต้องผ่อนเท่านี้ .....
จะซื้อรถในราคาระดับนี้ ต้องมีเงินมากพอจนเลิกคิดเรื่องพวกนี้ก่อนนะครับ
-
พี่เป็นเจ้าของเงิน พี่ต้องรู้จักเิงินก้อนนั้นดีที่สุด
หากมีภาระเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนของเป็นจำนวนนั้น
จะรับได้หรือไม่ หรือ หากมีได้ควรเป็นจำนวนเท่าไร
หรือ
หากที่ดินราคาดี หรือกำไรมากพอ อาจจะขาย(บางส่วน)
เพื่อนำกำไรจากการลงทุน(ที่ดิน) ไปลงทุนกับการซื้อรถยนต์ต่อไป
(อาจต้องใช้เวลาบ้างพอควร)
เิงินที่ได้จากการดำเนินงานจะได้เหนียวแน่น
สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจประเทศที่กระท่อนกระแท่น(ณตอนนี้)
ผมก็มองแบบนี้เหมือนกันครับเจ้าของเงินต้องรู้อยู่แล้วว่าไหวหรือไม่ครับ
สุดท้ายแล้วก็ต้งตัดสินใจเองถามว่าเท่าที่เจ้าของกระทู้บอกมาผมว่าอยากมีรถดีๆใช้สัก
คันไม่แปลกครับ
-
ถ้ายังต้องมานั่งคิดเรื่องนี้ ผมว่ายังไม่ควรซื้อนะครับ
ในความเห็นผม วันไหนที่เลิกคิดเรื่องประมาณว่า เรารายได้เท่านี้ หักค่าใช้จ่ายออกเท่านี้ เหลือเท่านี้ ต้องผ่อนเท่านี้ .....
จะซื้อรถในราคาระดับนี้ ต้องมีเงินมากพอจนเลิกคิดเรื่องพวกนี้ก่อนนะครับ
+1 ครับ กำลังจะเขียนพอดี
-
สำหรับพี่นะ มองในแง่สีขาวก่อน คนที่ทำมาหากินสุจริต คนที่ใช้รถราคาขนาดนั้น หรือแพงกว่านั้น
น้อยคนจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ส่วนมากเค้าจะมีกิจการเอง เหมือนๆน้องที่ถามมาล่ะครับ ถ้ามีเงินเก็บก้อนโตด้วย พี่ว่าลุยเลย เพื่อนๆถึงได้บอกว่า ไม่มานั่งคิดหรอกว่าได้เท่าไร เหลือเท่าไรต่อเดือน
การซื้อรถสำหรับ เจ้าของกิจการ
-มันมีแบบผ่อนผ่านหักภาษีได้อีก
-ซื้อมาใช้ในกิจการ อาศัยการเล่นแร่แปรธาตุ ถ้าคุณมีความสามารถในการหมุนเงิน กู้แบ้งมาซื้อรถว่าใช้ในกิจการ ผ่อนได้เปนสิบปี หรือใช้ว่าซื้อบ้าน ได้เงินจากแบ้งค์มาก้อมาซื้อรถ แล้วเอารถไปจัดไฟแนนซ์อีกที แบบนี้ก้อได้เงินก้อนมาหมุนอีก แต่ต้องหมุนเปนนะ เพราะมันก้อคือหนี้ บางคนมีทุนแล้วต่อยอดได้ ซึ่งมันก้อคือธุรกิจ
เราถึงเห็นรถหลายๆล้านวิ่งกันเกลื่อน พวกนี้เค้าคิดข้ามสเตปคนใช้รถบ้านๆเราๆไปอีกขั้นน่ะครับ
.... ต้องถามก่อนว่าศักยภาพเราแค่ไหนเท่านั้นเอง ตัวเรารู้ดีที่สุด
-
ที่ดินที่ชลบุรีอมตะนคร บางแสนครับ ระยอง รถคันเก่า vovlo s40 ,e-class 10กว่าปีแล้ว แล้วก็mazda ,อีซุซุ
-
เป็นผมจะนั่งคิด และไตร่ตรองเอาเองครับ ;) เพราะก็รู้กันอยู่ว่าต่างคนต่างความคิด อยู่ที่ตัวเราเท่านั้นแหละครับว่าไหวหรือไม่ไหว
-
ผมขอนิดนึง ว่าผมแปลกใจทุกครั้งที่มีคนมาถามว่า เงินเดือนเท่าไหร่ถึงซื้อรถเท่านี้ ๆ ได้
ทั้ง ๆ ที่คนที่รู้ดีที่สุด คือ ตัวคุณเอง
เพราะพี่บอกว่า มีรายได้ 180000 หักแล้วเหลือ 100000 แต่บอกมีทรัพย์สินและเงินอีก คนอื่นจะทราบไหมครับว่าพี่มีเท่าไหร่ ?
ไม่มีทางทราบเลยใช่ไหมละ ;D
อย่่างผมค่าขนมจากคุณแม่เดือนละ 20,000 รวมค่าข้าว หนังสือเรียน น้ำมัน ทางด่วน แต่อาศัยบารมีคุณแม่ซื้อ e60 เอา
เพราะฉะนั้นผมคิดว่าแต่ละคันปัจจัยมันไม่เหมือนกันอ่ะครับ
100,000 บาท ถ้ามีทุนสำรองก็ซื้อ ferrari ได้ เพราะอาจมีเงินดาวน์เยอะ
หรืออย่างอากู๋ผมเงินเดือนแค่ 250000 แต่เงินในบัญชีเยอะมาก ๆ ก็ซื้อรถคันละหลายสิบล้้านเงินสดได้
เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเงินเดือนมันตัดสินรถที่ขับไม่ได้อ่ะครับ ;D
-
มันแล้วแต่ความชอบ ลุงผมรายได้เดือนละล้านสอง ยังขับD-Max เลย
ถ้าเป็นเราก็ไม่เอา ส่วนเรื่องซื้อสดไม่ค่อยมีใครซื้อหรอกครับ เงินมันจม ดอกเบี้ยถูกก็มี ดาวน์เยอะหน่อยก็ได้
-
ชอบจริงหรือเปล่า ถ้าชอบก็เก็บตังค์ซื้อสดเลย
มีที่ตั้ง 200 ไร่ รถคันละ 2-3 ล้าน (หน่อมแน้มมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าที่ดิน ยกเว้นว่าจะไม่ใช่ที่ดินของตัวเอง) ;D
เป้าหมายของผมคือ 520d เท่านั้น ไม่มีไขว้เขว ผมทำสวน ตอนนี้เมียให้ใช้ส่วนตัวเดือนละ 5000
ขอนู่นขอนี่ ทีวี เครื่องเสียง เมียไม่ให้สักอย่าง บอกอย่างเดียว เงินครบเมื่อไหร่ ซื้อBMWให้เมื่อนั้น