Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: supasak4112 ที่ พฤศจิกายน 23, 2011, 15:01:31
-
มีหลายๆคนบอกว่า รถเครื่องเล็กๆ 1200cc วิ่งทางไกลไม่ดี ก็เลยอยากรู้ว่า ต้องวิ่งระทางเท่าไรที่ว่าไกลครับ
วันอาทิตย์วิ่งกลับบ้าน 140 ก.ม. ทุกอาทิตย์ ถือว่าไกลไหมครับ
แต่ถ้าว่า 140 ก.ม. มันไกล ถ้าเทียบเวลาละพอได้ไหม
วิ่งกลับบ้าน 140 ก.ม. 1.30 ชั่วโมง กับรถติด กะดึ๊บๆ 1.30 ชั่วโมง แต่ระยะทางไกล้ๆ 20ก.ม.
อย่างนี้จะต่างกันไหมครับ
ขอบคุณครับ
-
มันแล้วแต่สภาพการจราจร
ถ้าถนนโล่ง เครื่องเท่าไรก็ขับสบาย
ถ้ารถติดแบบช่วงปีใหม่ 8สูบ6ลิตรก็ขับไม่สนุก
ไม่ต้องคิดมากครับ
ช่วง10ปีก่อนที่รถอย่าง โซลูน่าเครื่อง 1300-1500มาขายใหม่ๆ ก็มีคนค่อนขอดแบบนี้เหมือนกันว่าเครื่องเล็ก เอา 1600 1800 ดีกว่า
ทุกวันนี้เครื่อง 1500 กลายเป็นเครื่องใหญ่ไปละ เพราะมันมี 1200 มาทดแทน
เครื่อง1200ไม่ได้อืดอาดมากมายหรอกครับ อัตราเร่งดีกว่า ดีแมคซ์2500ไม่คอมมอนเรลอีกด้วยซ้ำ ดีแมคซ์ยังขับกันมาได้ตั้งหมายแสนคัน
-
วิ่งทางไกลไม่ดี ??? สมัยก่อนผมเห็น 1.2 - 1.3 วิ่งไปเหนือล่องใต้สบายแรงม้าก็น้อยกว่าสมัยนี้เยอะ มันวิ่งไม่ดีตรงไหนหว่า ^^'
ถ้ากลัวว่าช่วงแซงจะไม่มีแรงพอ ผมก็ว่าไม่นะคุณจิมมี่ก็ review ไปแล้วว่ามันไม่ได้อืดเลวร้ายอะไรมากมาย นอกจากว่าคุณเป็นคนตีนหนักชอบซิ่ง
อันนี้อีกเรื่องนึง :>
-
ตัวผมนะไม่ใช่ว่าวิ่งไกลไม่ดี
แต่บางจังหวะที่ต้องการกำลังมันจะไม่ค่อยมี
แต่ก็นะ ถ้าเรารู้จักรถรู้จังหวะก็ไม่ยากแล้ว
คนส่วนใหญ่มักตอบแบบมีอคติ
คิดว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้
เครื่อง 1200 ไปไหนก็ได้คับ
เครื่อง 660 K-Car ของญี่ปุ่นยังวิ่งไปไหนต่อไหนได้เลย
ที่เว็บโน้นยังมีคนขี่ Wave100 ไปสิงคโปร์เลย
-
จะดีไม่ดีอยู่ที่คนขับครับ ถ้าคนขับคุ้นเคยกับรถ+มีสติก็ไปได้ทั่วประเทศครับ
140กม.ผมถือว่าไม่ไกลครับ 1.30ชม.ผมยอมที่จะขับทางไกลมากกว่าขับที่รถติด ผมรู้สึกว่าผมขับรถทางไกลโล่งๆสบายกว่าขับที่รถติดๆ
-
คำตอบของผมไม่ได้ตอบเพื่อเอาใจมาร์ชด้วยเหตุผลที่บ้านผมมี March CVT แต่ตอบเพราะคนใช้จริง
March วิ่งดีและวิ่งได้ทุกที่ที่มีทางให้มันวิ่ง
แต่คำว่าไม่ดีคืออาจจะหมายถึงฟิลลิ่ง ฟันนี่ ในการขับขี่ แต่ด้วยความที่มันตัวเล็กใจใหญ่ มันก็ปรูดปร๊าด แซงซ้าย(ไมดี อย่าทำ) วิ่งขวา อัด 140 บนมอเตอร์เวย์ได้อย่างไม่เคอะเขิน
ส่วนคำว่าทางไกลในคำจำกัดความของผมคือ ขับรถเกิน 300 กิโลเมตรขึ้นไป มนุษย์ควรพักเมื่อยและพักรถเมื่อวิ่งทางไกล
.. ขึ้นเหนือผมกำหนดจุดพักรถที่กำแพงเพชรหรือพิษณุโลก
.. ล่องใต้ผมกำหนดจุดพักรถที่ชุมพร
.. เบิ่งอีสานผมกำหนดจุดพักรถที่โคราช
.. ไปกาญจ์ ไม่ต้องพัก พรวดเดียวไปถึงได้ แต่ยังไม่เคยไปถึงสะพานมอญที่สังขละสักที
-
ถ้ามีถนนที่ดีๆ ทางยาวๆ 6-7ร้อยกิโล เครื่อง 1.2 ลิตร ก็วิ่งได้สบายครับ..
แต่อยู่ที่คนขับมากกว่า ว่าจะสามารถขับได้ไกลและทนขนาดไหน..
คนเหนื่อย จอดพัก รถมันก็ได้พักไปในตัวครับ.. ;D
-
หยุดความเชื่อที่ว่าไม่ดี ไว้ที่ gen คุณน่าจะดี ^^' เพราะคนที่เชื่อแบบนี้มักจะเป็น gen เก่าๆ
รถต่อให้แรงแค่ไหน/cc เท่าไหร่ ขับทางไกลก็แนะนำให้พัก ทุก 2 ชม. น่าจะดี(2-300 กม) ขับนานมากๆ จะเครียด+เหนื่อย ไปถึงเร็วก็ต้องไปพักอยู่ดี ไปเที่ยวไหนต่อก็ยังไม่ค่อยสนุก
เคยขับจากเชียงใหม่-หนองบัวลำภู พักทีเดียวคือ อุตรดิถต์ แค่ 10 นาที กะว่าจะทำเวลา สรุปใช้เวลาไป 6 ชม ครึ่ง
แต่พอถึงปุ๊บ เลือดกำเดาไหล จากไหนไม่รู้ (สงสัยความดันขึ้น) ต้องนอนพัก สัก ชม-2 ชม อยู่ดี -*- สรุป ไปเรื่อยๆ พักบ่อยๆ น่าจะดีกว่า
ปล. ไม่ชอบคำถามอีกอย่างนึง คือ "รถ 1200/1500 ขึ้นดอยไหวไหม" อะไรแบบนั้น มันแบบไม่ค่อย make sence เท่าไหร่
-
ออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่ได้ใช้ Eco car แต่ใช้ Jazz อนุมานว่ามันก็คันเล็กขนาดต่างกับ Ecocar ไม่มาก
ตอนที่ตัดสินใจใช้ Jazz ก็มีคนถามผมเหมือนกัน ว่าทำไมถึงลดขนาดจากคันเก่า(แอคคอร์ดลงมาเหลือ Jazz) ขับทางไกลมันจะไม่มีปัญหาเหรอ ซึ่งจากการพิสูจน์ด้วยตัวเองมาหลายปี มันเป็นดังด้านล่างครับ
ผมขับรถมาทำงานโดยปกติวันละราวๆ 100 ก.ม. ครับ อาจจะมี + นิดหน่อย
ใช้เวลาอยู่บนรถตั้งแต่วันละ 2 ชม. ไปจนถึง 4 ช.ม. แล้วแต่ว่าจะเจอรถติดหรือเปล่า(ส่วนใหญ่จะ 2 ช.ม. มีช่วงน้ำท่วมนี่แหละ ที่รถวิ่งเส้นแปดริ้ว - ชลบุรีมากเป็นพิเศษ)
แถมเจ้า Jazz ผมยังขับตะลอนไปทั่วประเทศแล้ว เหนือสุดก็แม่อ่องสอน ใต้สุดก็ภูเก็ต
สำหรับผมที่ว่ารถเครื่องเล็กวิ่งทางไกลไม่ดีนั้น จุดหลักอยู่ที่ความเครียด + ความสบายของคนขับกับผู้โดยสารครับ สมัยผมอายุแถวๆ 25 ปี ผมขับ Jazz จากศรีราชาไปเชียงใหม่ แบบพักเฉพาะกินข้าวกับเติมน้ำมัน ผมสามารถเที่ยวต่อได้เลย
แต่ตอนนี้เลข 3 นำหน้าแล้ว ทำอย่างนั้นไม่ได้แล้วครับ พอผมไปถึงเชียงใหม่ ผมต้องนอนพักอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงครับ เพราะความเมื่อยล้าจากการขับรถครับ ยิ่งถ้ามีผู้โดยสารเต็มคันด้วย เวลาขับขึ้นหรือลงเขานี่ ยิ่งต้องใช้สมาธิมากกว่าปกติ ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมทำให้ผมซึ่งเป็นผู้ขับมีความเครียดเพิ่มมากขึ้น
ตัวรถน่ะพละกำลังเหลือเฟือ สามารถพาคุณไปได้ทุกที่ ที่ถนนดี
ดังนั้น สำหรับคนที่มีกำลังที่จะซื้อรถในพิกัด 1.8 ลิตร ขึ้นไปได้ และต้องใช้เดินทางไกลบ่อยๆ ผมว่าคุณเลือกรถที่เครื่องใหญ่ดีกว่าครับ อย่างน้อยเรื่องความเมื่อยล้ารวมถึงความเครียดจากการขับขี่น้อยกว่ารถ Subcompact รวมถึง Ecocar แน่ๆครับ
-
เห็นด้วยกับความเห็นบนทุกประการ
ส่วนตัวใช้MARCH CVT กับ D-Max3.0 DDI
เวลาขับไกลๆมาร์ชเหนื่อยกว่าเครียดกว่าแต่เรี้ยวแรงก็มีให้พอใช้งานแบบไปได้ทุกที่
อยากขับไกลแค่ไหนก็ขับไปเลยไม่ต้องพัก รถมันไหวอยู่แล้ว
คนขับล่ะไหวรึปล่าวไม่ปวดเยี*วก็ให้มันรู้ไป ;D
-
หยุดความเชื่อที่ว่าไม่ดี ไว้ที่ gen คุณน่าจะดี ^^' เพราะคนที่เชื่อแบบนี้มักจะเป็น gen เก่าๆ
รถต่อให้แรงแค่ไหน/cc เท่าไหร่ ขับทางไกลก็แนะนำให้พัก ทุก 2 ชม. น่าจะดี(2-300 กม) ขับนานมากๆ จะเครียด+เหนื่อย ไปถึงเร็วก็ต้องไปพักอยู่ดี ไปเที่ยวไหนต่อก็ยังไม่ค่อยสนุก
เคยขับจากเชียงใหม่-หนองบัวลำภู พักทีเดียวคือ อุตรดิถต์ แค่ 10 นาที กะว่าจะทำเวลา สรุปใช้เวลาไป 6 ชม ครึ่ง
แต่พอถึงปุ๊บ เลือดกำเดาไหล จากไหนไม่รู้ (สงสัยความดันขึ้น) ต้องนอนพัก สัก ชม-2 ชม อยู่ดี -*- สรุป ไปเรื่อยๆ พักบ่อยๆ น่าจะดีกว่า
ปล. ไม่ชอบคำถามอีกอย่างนึง คือ "รถ 1200/1500 ขึ้นดอยไหวไหม" อะไรแบบนั้น มันแบบไม่ค่อย make sence เท่าไหร่
หยุดความเชื่อที่ว่าไม่ดี ไว้ที่ gen คุณน่าจะดี ^^' เพราะคนที่เชื่อแบบนี้มักจะเป็น gen เก่าๆ (อันนี้แรงไปนิดนะครับ จขกท เค้าสงสัยเลยมาถาม เพราะตัวเค้าเองก็ใช้ eco car อยู่ละ
ผมแค่จะบอกว่าเด๋วมีคนตีความหมายแบบกวนๆ จะมีดราม่ากันอีกน่ะครับ ระวังนิดนึงนะครับ)
-
เครื่อเล็กๆแบบนี้ ที่คนบอกว่าวิ่งทางไกลไม่ดีคือ วิ่งทางไกลแช่ๆครับเช่น 140 แช่ตลอดทางจะทำให้เครื่องพังไดครับ ถ้าวิ่งปกติไม่เร็วมากก็จะไม่มีอะไรเสียหายครับ มาร์ชคลับเขาก็ไปเที่ยวกันบ่อยนะครับ ;) ;)
-
ใช้บนนถนนโล่งๆ หรือถนนกว้างๆ ผมว่าไม่มีปัญหาหรอกครับ แม้ว่าจะขับไกลแค่ไหน
แต่ถ้าต้องขับบนนถนนแบบเลนเดียวแล้วรถสวนกัน แบบนี้ล่ะครับที่จะเหนื่อยและค่อนข้างเครียด
การจะแซงรถสักคัน ต้องใช้สมาธิมากๆ ยิ่งถ้าถนนนั้นเป็นถนนที่มีรถบรรทุกจำนวนมากๆ จะรู้สึกอึดอัดมากเวลาขับ
ถ้าต้องขับบนนถนนประเภทนี้บ่อยๆ ผมว่า Eco car ไม่เหมาะครับ เพราะอัตราเร่งแซงคือจุดอ่อนของ Eco car เลยจริงๆ ครับ
-
ผมว่า march ยังขับทางไกล สบายกว่า อีสุสุ มังกรอีกครับ อันนี้แรงก็ไม่ค่อยมี ขึ้นเขาก็เหนื่อย เร็วก็ดัง 555 แต่ผมก็ขับไปทุกที่ครับ อีผุผุเก่าๆอายุเกือย 20 ปี ขึ้นแม่สลอง ก็ยังไปได้ ไม่รีบ กะดีๆ ค่อยๆไปก็ไปได้คร้าบ
และผมก็เชื่อว่า eco car รุ่นใดๆก็แล้วแต่ ก็ไปได้ทุกที่เช่นกันครับ อาจจะใช้เวลามากกว่ารถเครื่อง 1800 2400 หน่อย ขับยากกว่าหน่อย แต่ก็ถึงเหมือนกันคร้าบ ;)
-
เพื่อนผมมัน ยังเคยขับ มาร์ชขึ้นแม่ฮ่องสอนเลย (จาก กทม. ) 13ชม. มีแวะปั๊มเติมน้ำมัน ทานเข้าซื้อขนมบ้าง
ปล. เห็นมันอัด 130 รอบเครื่องมันพุ่งไปแตะ3พันกว่ารอบได้มั๊ง ผมได้แต่ขี่แจ๊สตาม ไม่อยากให้มันอยู่ข้างหลังเดี๋ยวเป็นไรขึ้นมาจะลำบาก5555
-
เครื่อเล็กๆแบบนี้ ที่คนบอกว่าวิ่งทางไกลไม่ดีคือ วิ่งทางไกลแช่ๆครับเช่น 140 แช่ตลอดทางจะทำให้เครื่องพังไดครับ ถ้าวิ่งปกติไม่เร็วมากก็จะไม่มีอะไรเสียหายครับ มาร์ชคลับเขาก็ไปเที่ยวกันบ่อยนะครับ ;) ;)
ลองถามคนที่พูดแบบนั้นหน่อยว่า March วิ่ง 140 ใช้รอบเครื่องเท่าไหร่?
ผมคิดว่าไม่ได้ใช้รอบเครื่องหรือพลังเครื่องสูงมากจนพังแน่นอนครับ
แต่ถ้าเครื่อง B20 โมดิฟายแช่ 8000 รอบ บางนา ลงชลบุรี..พังครับ อันนี้ชัวร์ลองมาแล้ว
จะรถอะไร จะใช้วิ่งทางไกล มันไปได้หมดแหละครับ อุปสรรคถ้าจะมีคือความชันเช่นดอยอ่างขางอะไรทำนองนี้
ถ้าวิ่งทางราบๆ March และ Almera ต่างก็พาตัวเองทะลุ 150 ได้ครับ มันเกินพอให้คุณโดนจับได้แล้ว
ฉะนั้นเรื่องเครื่องยนต์ พอครับ ไม่ต้องห่วง กระบะดัทสันช้างเหยียบรุ่นเก่าวิ่งสุด 125-130 อัตราเร่ง
0-100 1 บะหมี่สุก ก็มีคนขับกรุงเทพยะลาได้ ไม่แปลก
ส่วนเรื่องการทรงตัว และความสบายในการขับ อันนี้แหละอาจเป็นปัญหา
แต่มันขึ้นอยู่กับความเร็วที่คุณใช้ด้วยครับ ถ้าขับ 150 แล้วบอกเครียดจนเหนื่อย ก็เพราะว่า
ช่วงล่างมันไม่มั่นคงสำหรับการขับขี่เร็วๆแบบนั้น อันนี้ผมเข้าใจนะว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่วิธีแก้ไม่ยาก คุณก็ขับไม่เกิน 120 สิครับ...แต่ถ้าคุณอยากขับ 140 แล้วอยากได้รถที่ขับแล้วไม่เครียด
ไม่เหนื่อย อีโคคาร์ไม่ได้ทำมาเพื่อสิ่งนั้นครับ คุณต้องขยับไปเล่นพวกรถช่วงล่างดีๆ พวงมาลัยมั่นๆ
-
มันก็จริงของเค้า
เครื่องเล็กวิ่งทางไกลได้จริง
ผมไม่เถียง
แต่ถึงมันจะวิ่งได้
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะวิ่งได้ดี เท่ารถที่เครื่องใหญ่กว่า
สมมติว่ามีรถ 2 คัน
คันนึง เครื่อง 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 80-90 แรงม้า ที่ 6000 รอบ
อีกคันหนึ่ง เครื่อง 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6000 รอบ
สมมุติว่ารถทั้งสองคันนี้ ต้องการกำลังทั้งหมด 70 แรงม้า เพื่อที่จะลากตัวเองฝ่าลมไปที่ความเร็ว 140 กม/ชม เหมือนกัน
รถคันแรกจะต้องใช้รอบเครื่องสูงถึง 4500-5000 รอบ เพื่อปั่นแรงม้าออกมา 70 แรงม้า
ในขณะที่รถคันที่สอง จะใช้รอบเครื่องเพียง 3000-3500 รอบ ก็จะได้ม้าออกมาใช้งาน 70 ตัวเหมือนกัน
วิ่งด้วยรอบแบบนี้ตลอดระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร น่าจะเห็นความต่างได้นะครับ
อีกอย่างครื่องเล็กรถมันก็เล็กตาม ความมั่นคงในความเร็วสูงมันก็ด้อยตามไปด้วย
ถ้าเลือกได้ผมก็เลือกเครื่องใหญ่ไว้ก่อนครับ
แต่หลายๆคนเลือกไม่ได้
ภาระผ่อนอย่างอื่นอีกบานตะเกียง
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
จำเป็นต้องขับเครื่องเล็กก็ขับกันไป
แต่พอเราได้ยินแบบนี้
เราอาจจะคิดว่าเค้าดูถูก
จริงๆแล้ว
เค้าอาจจะพูดด้วย ความหวังดี เห็นว่าเพิ่มเงินอีกหน่อยได้รถที่ขับดีกว่า
ไม่เห็นต้องไปโกรธเคืองอะไรกัน
-
แอบรู้สึกเล็กๆว่าตอนเทสไดร์อมรามันพุ่งกว่าmz3 1.6 อาจเป็นเพราะเกียร์cvtที่ทำรถไปได้ตลอด
แต่กับ3 1.6 ถ้ากดเต็มตีนตั้งแต่รถหยุด พอขึ้นเกียร์2ก็นั่งหาวได้เลยทีนี้
-
ไม่รู้สิ
ฟอร์จูนเนอร์ เครื่อง 3.0 หนีวีออสเครื่องแค่ 1.5 ไม่ออก
แคมรี่ 2.4 กับอัลติส 1.6
แคมรี่ก็ไม่ได้แรงกว่าอัลติสมากมาย ค่อยๆแซงขึ้นไปเท่านั้น
0-100
วีออส ได้ราวๆ 12.5 วิ
อัลติส 1.6 ได้ราวๆ 11.5 วิ
แคมรี่ 2.4 ได้ราวๆ 9.5-10 วิ
ฟอร์จูนเนอร์ ได้ 12 วิ
อัตราเร่งแซง แต่ละคันก็ไม่ได้ต่างกันมาก
สรุปแล้ว ตามตัวเลขการจับเวลาข้างบน
ไม่ต่างกันมากเลยครับ
เจ้าออส รับใช้ผมมาจะ 5 ปี แล้ว
ถ้าออกต่างจังหวัดไม่ได้ ผม ไม่ก็รถ คงตายไปนานแล้วครับ
...............................
มาร์ช เพื่อนผมพิสูจน์แล้วนะ 400 กิโล ไม่พัก ทุกอาทิตย์
อัด 140+ ตลอดทาง เป็นอย่างงี้มาเป็นปีแล้ว
เพื่อนผมใช้มา 4 หมื่นกิโลแล้ว สบายๆ
-
มันไม่ได้อยู่ที่กำลังเครื่องยนต์อย่างเดียวครับ ที่มีคนพูดว่าวิ่งทางไกลไม่ดีน่ะ
1. กำลังเครื่องยนต์ เวลาต้องการเร่งแซงในเวลาคับขัน เราหวังพึ่งมันไม่ได้มาก
2. ช่วงล่าง ไม่ได้ออกแบบมาวิ่งเร็วเร็ว ดังนั้นมันไม่มั่นคงและไม่มั่นใจเท่า
3. ขนาดและน้ำหนักตัวรถ มันคันเล็กมันเบา เวลาโดนลมก็ส่ายง่ายกว่า
แต่มันไม่ได้เป็นการบอกว่ารถเล็กออกต่างจังหวัดไม่ได้นะครับ
เพียงแค่ถ้าคุณรู้ว่าคุณขับเร็ว และคุณเดินทางประจำ และคุณมีงบประมาณมากพอ
คุณก็อาจจะอยากซื้อรถที่คันใหญ่กว่าช่วงล่างดีกว่าจะได้มั่นคงกว่า
และมีกำลังเครื่องยนต์มากกว่า เวลาต้องการเร่งแซงก็ไม่ต้องเครียด
สรุปแล้วรถสองคัน ขับถึงที่หมายเหมือนกัน
แต่ความเหนื่อยของคนขับที่ขับออกไป มันไม่เหมือนกันครับ
แต่ก็นะ...ถ้าเรามีรถขับอยู่คันเดียว ไม่ได้เปรียบเทียบ เราก็ไม่รู้สึกหรอกครับ มันชิน
-
ผมเคยขับแจ๊ส idsi ผู้โดยสาร 5 คน จากยะลา ไปทัวร์รอบมาเลเซียมาแล้ว ไมมีปัญาหาเรื่องรถอะไรเลย และเคยขับมันไปเที่ยวกรุงเทพแบบม้วนเดียวสลับกับแม่บ้านมาแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน ส่วนปัจจุบันสมาชิกในครอบครับใหญ่โตขึ้ยนั่งไม่สะดวกก็เปลี่ยนมาใช้ปาเจโร่ วิ่งไป กทม. แบบม้วนเดียวจบเช่นกัน มันให้ความสบายผิดกัน ผมสามารถขับไปจนถึง กทม.โดยขัยไปมือเดียวโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนมือได้ แวะพักทานอาหาร กาแฟ ตามปั้ม ตามปกติ ประมาณ 4 - 5 ครั้ง มันก็บอกอะไรให้กับผมได้หลายข้อเหมือนกันครับ เช่น ความกังวลในขณะรถวิ่งทำความเร็วสูง การวิ่งแซง การแซงซ้ายในถนนที่แย่ ๆ จากรถบรรทุก การเข้าโ้ค้งโดยไม่ต้องแตะเบรถเลย (แค่ยกเท้าขึ้นนิดหน่อย) การวิ่งตอนกลางคืนที่มั่นใจกว่า กากรถูกเบียดแซง ๆลๆ สรุปแล้วมันไม่ได้อยู่ที่รถ แต่อยู่ที่ตัวเราว่าจะเข้าใจรถและกล้าพอ
-
ผมใช้ทั้ง March และ Altis 1.6 CNG
ขอตอบเลยว่า เครื่องนะพอๆกันเลยครับ ผมว่า March คันเล็กแรงม้าน้อยแต่น้ำหนักน้อย
พอรวมกับ CVT เลยดูขับมันจัดจ้านกว่า Altis CNG ที่เครื่องต้องแบกถังกับเกียร์ 4 speed
ต้องลากรอบแต่ความเร็วไม่ขึ้นเท่าใดนัก
แต่ปัญหาคือ ช่วงล่าง รถเล็กขับทางไกลในระยะทางเท่าๆกัน
ผมว่าเหนื่อยกว่าครับ ผมขับ March กลับบ้านระยะทางไกลๆแทบหลับไปเลยเมื่อถึงบ้าน
แต่ Altis ยังไม่ง่วงเท่าใดนักครับ ผมเดาว่าพอรถMarchเป็นรถเล็กโดนลมปะทะมาก ความที่น้ำหนักเบาช่วงสั้น
เลยทำให้ต้องตั้งใจควบคุมไปโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าพวงมาลัย ทั้งสองคันจะหนักเวลาขับเร็วก็ตามครับ
-
ผมว่าประเด็นเรื่องเครียดไม่เครียด เวลาขับทางไกล มันอยู่ที่ขนาดของรถนะครับ ไม่ใช่ขนาดของเครื่อง (แต่เครื่องเล็ก รถมันดันเล็กไปด้วย)
ถ้าช่วงล่างดี ขับแล้วนิ่ง ก็ไม่เครียด
แต่ถ้าช่วงล่างแย่ อย่างเล่น Mighty-X ของผมเนี่ย เครื่อง 2400 นะครับ แต่ขอบอกว่าถ้าไม่บรรทุกอะไรเลย ครับ100กว่าๆก็เครียดแล้วครับ เพราะพวงมาลัยเบาหวิว และช่วงล่างแบบกระบะยุคเก่า ถ้าทางไม่เรียบจริงๆนี่เหนื่อยมาก แต่ผมไม่เครียดเรื่องแซง เพราะถ้าคิดซะว่า ไว้แซงตอนโล่งๆก็หมดปัญหาครับ
ถ้าขับแอคคอร์ด 2.0 แล้วรู้สึกว่าต่างกับ 3.5 V6 อันนี้ค่อยมาบอกว่าเครื่องเล็กขับทางไกลไม่ดีครับ
-
ช่วงที่ผมทำงานต่างจังหวัดวิ่งทางไกล ผมได้ขับทั้ง Galant E33 และ New Vios ของตัวเอง และ Altis 1.6 ของบริษัท และ March ของเพื่อน
ผมก็สรุปว่า มันก็พาคุณวิ่ง 200 กว่ากิโลได้ ไม่เห็นจะแปลกครับ
เพียงแต่แน่นอน รถเล็ก เครื่องเล็ก ย่อมจะโคลงเคลงกว่า และอัตราเร่งย่อมสู้รถเครื่องใหญ่ไม่ได้ เท่านั้นเอง
ซึ่งคำว่าโคลงเคลง ก็คือจะทำให้คุณขาดความมั่นใจนิดนึง และอัตราเร่งที่น้อยกว่า ก็ทำให้คุณต้องเร่งแซงเหนื่อนหน่อย
แต่เชื่อเถอะครับ รถเล็กสมัยนี้ ยังไง๊ ยังไง ก็แรงกว่ารถเครื่อง 1500-1600 เมื่อ 10 ปีที่แล้วแน่ๆ เทคโนโลยี มันคนละเรื่อง
Vios ผมเครื่อง 1500 DOHC ยังไงก็ไปเร็วกว่า Galant เครื่อง 2000 SOHC แน่ๆ ครับ (แต่ถ้าเร็วเกิน 140 เมื่อไร ผมขอนั่ง Galant ครับ หนูเจี๋ยว......)
อย่าลืมว่า Lancer CK2 1500 มีแค่ 80 กว่าม้า, Jazz GD ก่อน MC มีแค่ 88 ม้า (ไม่ต้องย้อนไปหา KE70 เครื่อง 3K หรอกนะครับ มันไกลตัวไปนิด)
รถอะไรๆ ก็พาคุณไปถึงที่หมายได้ครับ เพียงแต่ถ้าคุณมีเงินมากกว่า คุณก็จะได้วิธีไปถึงที่หมายสบายกว่าเท่านั้นเองครับ
-
จริงอยู่ครับที่ เครื่อง 1.2 ก็สามารถพาเราขึ้นเหนือล่องใต้ได้
แล้วมันก็สามารถพาเราวิ่งด้วยความเร็ว 170 กม/ชม ได้เช่นกัน
แล้วอัตราเร่งของรถ Eco car สมัยนี้ ก็ยังดีกว่ารถรุ่นเก่าๆที่เราเคยใช้มันขับขึ้นเหนือล่องใต้มาแล้วอีกหลายๆรุ่้น
แต่ถ้าเลือกได้ เราก็คงอยากได้รถที่คันใหญ่ กว้างสบาย ช่วงล่างหนึบ อัตราเร่งดี เวลาที่เราขับไกลๆ ขับแล้ว เราก็รู้สึกอุ่นใจ ไม่เครียด
มากกว่ารถที่คันเล็ก นั่งนานๆก็เมื่อย แล้วก็เวลาเร่งแซง ถึงรู้ว่าสามารถแซงเลนเดียวได้ แต่เราก็คงไม่อยากขับรถแบบเครียดๆ ไม่ไช่หรือครับ
อีกคำถาม สมมุดว่า คุณจะไปเชียงใหม่กับครอบครัว ไปกัน 4 คน
ที่บ้านคุณมี Teana 250XV Navi กะ March คุณจะเลือกเอาคันไหนไปครับ?? ถึงแม้จะรู้ว่า March ประหยัดน้ำมันกว่า Teana ก็เถอะ
แต่ถ้าใครโอเคกะรถเล็ก ก็โอเคหนิครับ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสะหน่อย
-
wave 110I ก็วิ่ง220 กิโลเมตร หยุดแค่เติมน้ำมันได้นี่ครับ
เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่มุมมองครับ
เข้าใจรถรวมถึงการขับขี่
และการดูแลรักษารถด้วยนะครับ
(เช่นถ้าคิดว่าขับช้าๆแล้วเหนื่อย ผมเห็นรถบรรทุก ไม่มีใครขับเกิน80-90 กันนี่ครับ ที่เขาขับส่งของไกลๆนะ)
ซึ่งมันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน อย่ายึดติด
-
เพราะรถบรรทุกมันขับเร็วกว่านั้นแล้วเครียดครับ
เบรกก็จะเอาไม่อยู่ ช่วงล่างก็จะคุมไม่ได้ ถ้ามีพ่วงท้ายก็ส่ายไปส่ายมา
แล้วกำลังเครื่องยนต์มันไม่สามารถลากให้ไปเร็วกว่านั้นได้ครับ ถ้าบรรทุกเต็มพิกัด
-
ผมมี march กับ lancer ex ทั้งสองคันผมขับ อุดร - สุราษฎร์ ไปกลับมาแล้ว ยิงยาวประมาณ 17 ชั่วโมง
มีแค่พักเติมน้ำมันกับทานข้าวสองครั้ง ก็ไปได้ดีทั้งสองคัน ความเร็วเฉลี่ย 120-130 มีี 160-170 บ้าง
ต่างกันแค่ 2 อย่าง คือ อัตราเร่ง ความสบาย การควมคุม ความเครียด และ อัตราสิ้นเปลื่อง
-
รถเล็กวิ่งทางไกล ไม่ดีตรงที่่ สิบล้อ หรือ รถพ่วง มันจะคาบเอาไปกิน อ่ะซิครับ น่ากลัวสุด ๆ
-
ถ้าพวกที่บอกว่า เครื่อง 1.2 วิ่งไม่ออกอย่างนั้นอย่างนี้
ไปลองขับ Skoda Yeti ดูสิ เครื่อง 1.2 นี่ก็ทำให้ขับแสบได้
-
มันก็จริงของเค้า
เครื่องเล็กวิ่งทางไกลได้จริง
ผมไม่เถียง
แต่ถึงมันจะวิ่งได้
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะวิ่งได้ดี เท่ารถที่เครื่องใหญ่กว่า
สมมติว่ามีรถ 2 คัน
คันนึง เครื่อง 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 80-90 แรงม้า ที่ 6000 รอบ
อีกคันหนึ่ง เครื่อง 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6000 รอบ
สมมุติว่ารถทั้งสองคันนี้ ต้องการกำลังทั้งหมด 70 แรงม้า เพื่อที่จะลากตัวเองฝ่าลมไปที่ความเร็ว 140 กม/ชม เหมือนกัน
รถคันแรกจะต้องใช้รอบเครื่องสูงถึง 4500-5000 รอบ เพื่อปั่นแรงม้าออกมา 70 แรงม้า
ในขณะที่รถคันที่สอง จะใช้รอบเครื่องเพียง 3000-3500 รอบ ก็จะได้ม้าออกมาใช้งาน 70 ตัวเหมือนกัน
วิ่งด้วยรอบแบบนี้ตลอดระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร น่าจะเห็นความต่างได้นะครับ
อีกอย่างครื่องเล็กรถมันก็เล็กตาม ความมั่นคงในความเร็วสูงมันก็ด้อยตามไปด้วย
ถ้าเลือกได้ผมก็เลือกเครื่องใหญ่ไว้ก่อนครับ
แต่หลายๆคนเลือกไม่ได้
ภาระผ่อนอย่างอื่นอีกบานตะเกียง
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
จำเป็นต้องขับเครื่องเล็กก็ขับกันไป
แต่พอเราได้ยินแบบนี้
เราอาจจะคิดว่าเค้าดูถูก
จริงๆแล้ว
เค้าอาจจะพูดด้วย ความหวังดี เห็นว่าเพิ่มเงินอีกหน่อยได้รถที่ขับดีกว่า
ไม่เห็นต้องไปโกรธเคืองอะไรกัน
+1 คิดเหมือนกัน
ลองเอา march วิ่ง 160 กับ E Class ซักตัว วิ่ง 160 แช่ไว้ซัก3-4 ชั่วโมงสิ ระยะสั้นเครื่องคงไม่พังทันที แต่โทรมเร็วกว่าแน่ แต่ที่แน่ๆ
March เร่งอีกไม่ได้แล้ว ขณะที่ Benz ยังตะกายต่อได้เหลือๆ ถ้าจะแซง คงเหมือนเราวิ่งแข่งกับเด็กอนุบาลน่ะ และ ต่างจังหวัดวิ่ง 140-160 บ่อยอยู่แล้ว เขาจึงว่ารถเล็กมันวิ่งไม่ค่อยดี แต่ถ้าใครขับชิวๆ 100-120 จะรถเล็กรถใหญ่ก็ไปถึงได้ แต่ความเหนื่อยล้าอาจจะต่างกันนิดหน่อย
ปล. ไม่ได้พูดถึงประเด็นเรื่องความปลอดภัยจากช่วงล่าง และเวลาเกิด อุบัติโหด นะ เอาแค่ประเด็นวิ่งได้ วิ่งไม่ได้
-
มันก็จริงของเค้า
เครื่องเล็กวิ่งทางไกลได้จริง
ผมไม่เถียง
แต่ถึงมันจะวิ่งได้
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะวิ่งได้ดี เท่ารถที่เครื่องใหญ่กว่า
สมมติว่ามีรถ 2 คัน
คันนึง เครื่อง 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 80-90 แรงม้า ที่ 6000 รอบ
อีกคันหนึ่ง เครื่อง 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6000 รอบ
สมมุติว่ารถทั้งสองคันนี้ ต้องการกำลังทั้งหมด 70 แรงม้า เพื่อที่จะลากตัวเองฝ่าลมไปที่ความเร็ว 140 กม/ชม เหมือนกัน
รถคันแรกจะต้องใช้รอบเครื่องสูงถึง 4500-5000 รอบ เพื่อปั่นแรงม้าออกมา 70 แรงม้า
ในขณะที่รถคันที่สอง จะใช้รอบเครื่องเพียง 3000-3500 รอบ ก็จะได้ม้าออกมาใช้งาน 70 ตัวเหมือนกัน
วิ่งด้วยรอบแบบนี้ตลอดระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร น่าจะเห็นความต่างได้นะครับ
อีกอย่างครื่องเล็กรถมันก็เล็กตาม ความมั่นคงในความเร็วสูงมันก็ด้อยตามไปด้วย
ถ้าเลือกได้ผมก็เลือกเครื่องใหญ่ไว้ก่อนครับ
แต่หลายๆคนเลือกไม่ได้
ภาระผ่อนอย่างอื่นอีกบานตะเกียง
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
จำเป็นต้องขับเครื่องเล็กก็ขับกันไป
แต่พอเราได้ยินแบบนี้
เราอาจจะคิดว่าเค้าดูถูก
จริงๆแล้ว
เค้าอาจจะพูดด้วย ความหวังดี เห็นว่าเพิ่มเงินอีกหน่อยได้รถที่ขับดีกว่า
ไม่เห็นต้องไปโกรธเคืองอะไรกัน
+1 คิดเหมือนกัน
ลองเอา march วิ่ง 160 กับ E Class ซักตัว วิ่ง 160 แช่ไว้ซัก3-4 ชั่วโมงสิ ระยะสั้นเครื่องคงไม่พังทันที แต่โทรมเร็วกว่าแน่ แต่ที่แน่ๆ
March เร่งอีกไม่ได้แล้ว ขณะที่ Benz ยังตะกายต่อได้เหลือๆ ถ้าจะแซง คงเหมือนเราวิ่งแข่งกับเด็กอนุบาลน่ะ และ ต่างจังหวัดวิ่ง 140-160 บ่อยอยู่แล้ว เขาจึงว่ารถเล็กมันวิ่งไม่ค่อยดี แต่ถ้าใครขับชิวๆ 100-120 จะรถเล็กรถใหญ่ก็ไปถึงได้ แต่ความเหนื่อยล้าอาจจะต่างกันนิดหน่อย
ปล. ไม่ได้พูดถึงประเด็นเรื่องความปลอดภัยจากช่วงล่าง และเวลาเกิด อุบัติโหด นะ เอาแค่ประเด็นวิ่งได้ วิ่งไม่ได้
คิดต่างครับ ขับมาร์ชให้พังไปเลย เงินที่ซื้อ อีคลาส คงซื้อมาร์ชดได้หลายคันอยู่
-
รถเล็กวิ่งทางไกล ไม่ดีตรงที่่ สิบล้อ หรือ รถพ่วง มันจะคาบเอาไปกิน อ่ะซิครับ น่ากลัวสุด ๆ
ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมขับ10ล้อลากอ้อย มีมาร์ชแซงไปหลายคัน ก็ไปได้นี่ครับ
รถไม่ได้เบาขนาดนั้น
หรือ10ล้อ โค่นลงมาทับรถเก๋ง ผมว่าเบนซ์รุ่นกันกระสุน เอส คลาส ก็แบนได้นะ อิอิ
-
ถ้าว่ากันตามหลักการ(มั่ว แบบกำปั้นทุบดิน ;D)แล้ว
รถได้ถูกออกแบบมาแบบใหน ก็ควรจะใช้งานอย่างนั้น
แต่ในความเป็นจริงด้วยสภาพทางการเงินแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางท่านจำเป็นต้องออกรถเล็กแทน
ซึ่งมันก็ไปได้ทุกที่น่ะแหละ
แต่คนใช้ก็ต้องยอมรับในจุดที่ว่า ถ้าไปใช้งานไม่ตรงวัตถุประสงค์ ความสะดวกสะบายขณะขับขี่ที่ควรจะได้รับก็จะต่างออกไป
แล้วก็มีความเสี่ยงที่อายุการใช้งานของมันจะสั้นลง(พังเร็ว)แค่นั้นเอง
ปล. ผมมั่วเอา ;D
-
ขึ้นอยู่กับทรัพย์ในกระเป๋าเยอะเหมือนกันครับ ผมขับสามห่วงไปกลับระยอง นครพนม วิ่ง 70-90-110 แล้วแต่สภาพถนนก็เหนื่อยพอดู เทียบกับซีวิคแล้วขับ 90-140 ก็ต่างกันเยอะแต่กำลังทรัพย์ไม่เพียงพอแล้วก้ไม่ค่อยได้ขับทางไกลนัก กลับบ้านปีละ 2-3 ครั้ง ก็ทนๆเอาหน่อย พักบ่อยหน่อยก็แล้วกัน
ที่เหนื่อยมากๆก็ตอนเร่งแซงครับ ต้องมั่นใจจริงๆถึงจะแซงม่ายงั้นอันตรายเพราะมันอืดเหลือเกิน แต่มั่นใจได้ว่าไปถึงแน่ๆ
-
มันแค่ตอนเร่งแซงไม่สู้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า
และการควบคุมไม่ดีเท่ารถที่ตัวถังกว้างกว่าและช่วงล่างที่ดีกว่า
นอกนั้นการไปไหนมาไหนขอให้มีสติครับ
อย่างผมขับรถ 1500 ซีซี ก็ไม่ค่อยขับเกิน 120 สักเท่าไร
ขับชิลๆ สบายๆดีกว่า ใครอยากรีบก็ให้เขาแซงไป เดี๋ยวเราก็ถึงที่หมาย
-
ผมมีความเห็นว่า
ไม่ว่ารถอะไรก็ขับไปถึงจุดหมายได้หมด ไม่ว่าจะเครื่องเล็กใหญ่ 1200 - 2500 cc
แต่ผมห่วงประเด็นสำคัญ คือเรื่องการเร่งแซง ถ้าใครเคยขับเส้น ชัยภูมิ จะเห็นว่าเป็นถนนสองเลน
วิ่งสวนกัน ซึ่งหากเจอรถพวง ( ซึ่งเจอบ่อยมาก เส้นนั้น) การที่จะแซงรถพวงนั้นหากใช้เวลานาน
อาจจะเกิดอันตราย จากรถที่สวนมาก หรือ ก่ออันตรายกับรถที่วิ่งแซงตามเรามา
เพราะฉะนั้น ความคิดผมรถเล็ก อัตราการเร่งแซง มักจะด้อยกว่ารถใหญ่ ซึ่งส่วนมากเป็นแบบนั้น
ซึ่งหากบางคนบอกว่าก็ขับเรื่อยๆ (จริงๆก็ได้นะ) แต่เราเองจะเป็นภาระของรถที่จะแซงเอง
และการวิ่งตามรถพวง ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรทั้ง เศษหิน เศษดิน ทัศนวิสัยที่แย่.... บลาๆๆๆ
ส่วนถ้าเป็นเส้นทางโล่งๆ ไม่ใช่ถนนแบบสวนกัน ผมว่า eco car ไปได้ทุกที่ครับ ^-^
-
ผมยังคงเห็นด้วยกับคนสมัยก่อน ว่ารถเล็กวิ่งทางไกลลำบากกว่ารถใหญ่
ลำบากในที่นี้คือ เหนื่อยที่ตัวรถ โดยอาจรวมถึงคนขับด้วย
แต่สภาวะปัจจุบันมันแตกต่างจากในอดีต รถเครื่อง 1200 cc สมัยนี้ แรงม้า แรงบิด พอๆกับ 1600 cc เมื่อ 30 ปีก่อน
นั่นคือที่มาว่าทำไมรถความจุเครื่องน้อยๆ ในสมัยนี้จึงนิยมวิ่งออกต่างจังหวัดกันมากขึ้น
คนที่เถียงอาจต้องลองมานั่งรถเครื่อง 1300 cc เทคโนโลยีเมื่อ 30 ปีก่อน ว่าเมื่อวิ่งเกิน 100 แล้วมันแทบเร่งไม่ไปไหน แค่ 0-100 ปาไปเกือบ 20 วิแล้ว
แล้วคุณจะเข้าใจว่า ทำไมคนที่อายุมากกว่าคุณ 30 ปี เค้าถึงได้คิดแบบนั้น ..
สมมติว่าคุณมีลูกสาวที่คุณรักมากๆ จะไปทำงานต่างจังหวัด กทม ไปเชียงใหม่ ผ่านเส้นทางแบบที่รู้ๆ กัน ว่ารถบรรทุกวิ่งเยอะแ่ค่ไหน หลุมบ่อมากแค่ไหน
ระหว่าง Brio คันเล็กๆ กับ accord 2.0 คุณอยากให้ลูกคุณขับคันไหนไป ?
ไม่มีอะไร 100% ในโลกนี้ครับ ไม่ใช่ว่ารถเล็กมันต้องวิ่งไม่ได้แน่ๆ มันขึ้นอยู่กับว่า เหตุผลคืออะไร ;)
-
อันนี้ผมว่ามันขึ้นอยู่กับคนด้วยครับ
สำหรับผมๆ เป็นคนขับรถค่อนข้างเร็วเพราะฉะนั้นรถเล็กตอบสนองไม่ค่อยได้เพราะกำลังไม่พอ :D
อันนี้จากประสบการณ์ตรงนะครับ คันเก่า civic 2.0 ขับไปพัทยาสบายๆ พอผมเปลี่ยนมาเป็นแจ๊ส ขับแค่ไปพัทยาเหนื่อยกว่าเยอะ เพราะกำลังเครื่อง ภายในที่แคบกว่า ความสบายของเบาะ ช่วงล่างที่ทำมาให้ใช้ในเมือง มันตอบสนองความต้องการของผมไม่ได้
เพื่อนผมชอบพูดว่ารถน่ะมันก็ไปได้หมดแหละ ใช่ครับรถน่ะไปได้ทุกที่แต่ ถ้าคุณเอาแจ๊สไปขึ้นเขากับกระบะ หรือ รถเก๋งเครื่องสัก 2000 cc ดูสิครับแล้วคุณจะรู้ว่าเวลาต้องการกำลังของเครื่องยนต์แล้วรถไม่มีให้คุณน่ะน่ากลัวขนาดไหน
-
จากคำถาม : รถเครื่องเล็ก เช่น ECO CAR วิ่งทางไกลไม่ดี ต้องไกลเท่าไรครับถึงไม่ดี ?
ผมต้องถามกลับว่า คุณสามารถขับรถคันนั้นๆ ได้ความเร็วสูงสุดกี่ KM/H และยังมีรู้สึกสบาย หรือผ่อนคลายอยู่ ?
และต้องถามอีกว่า คุณสามารถอยู่ในสภาพนั้นๆได้ เป็นระยะเวลานานเท่าไร ?
เมื่อตอบคำถามนี้ได้ก็ เอาผลลัพท์มาคูณกัน ก็จะได้ระยะทางดังกล่าวครับ..
-
ตรรกะเทพ รถเล็ก วิ่งทางไกลไม่ดี ได้ยินจนชินหูแล้วครับ
และมักจะได้ยินจากปากคนที่ชีวิตนี้ป้วนเปี้ยนอยู่แต่กับรถคันใหญ่ๆเครื่อง 2.0 ขึ้นไป ไม่ก็กระบะ
ส่วน ดีไม่ดี มันอยู่ที่ คนขับ
ถ้าคุณ เป็นคนที่ใจเย็น ขับรถเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ประสบการณ์โชคโชน
คุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี ยังไงก็ขับได้ทุกคัน ทุกประเภท ทุกขนาดเครื่องยนต์
แต่ถ้าคุณเป็นคนรีบร้อน ไม่ชอบอยู่ท้ายใคร และไม่ชอบให้ใครแซง
สามารถขับออกจากกรุงเทพ 6 โมงเช้า ไปถึงเชียงใหม่ได้ในเวลาไม่เกินเที่ยงวัน
แน่นอน รถเล็กๆ แม้อัตราเร่งช่วงต้นดี แต่บางคัน เกิน 140 ก็เริ่มจะออกอาการขี้เกียจแล้ว
ฉะนั้น รถเครื่องใหญ่ๆ จึงตอบสนองได้ดีกว่า ในช่วงย่านความเร็วปลาย
รวมถึงช่วงล่างที่น่าจะสบายก้นกว่ารถเล็ก