Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: north ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 03:22:37

หัวข้อ: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: north ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 03:22:37
รบกวนสอบถามเพื่อนๆในคลับครับว่า
ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่าค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ของรถญี่ปุ่นครับ
รบกวนขอเปรียบเทียบละหว่าง  "" X1 หรือซี่รี่ 3 ""  กับ  ""ตัว Camry , Accord , Teana คับ""

แล้วตอนนี้ ณ ปัจจุบันยังแพงกว่าจริงๆไหมคับ  
ผมสนใจรถรถ BMW พอไปบอกคนอื่นๆ มีแต่คนบอกว่า ระวังนะ ถ้าหมด BSI แล้วต้องโดนค่าบำรุงรักษามากมาย
คือผมเป็นคนที่ขับรถเยอะคับ และคิดว่า BSI คงหมดภายใน 2-3 ปีคับ (ทราบคับว่าสามารถซื้อเพิ่มได้อีก 20,000 กิโล หรือ 1 ปี)

ตอนนี้รถผมไป Test Drive มาแล้วคับ ห่วงแต่ค่าบำรุง ดูแลรักษาและค่าอะไหล่นี่หละคับ
รบกวนทุกๆท่านด้วยคับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NineKlao ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 07:07:25
ที่แพงเพราะมีเหตุผลครับ

ดูกรองน้ำมันเครื่องก็ไม่เหมือนกันแล้ว และีะยะเวลาเปลี่ยนก็ไม่เท่ากันื ปริมาณน้ำมันเครื่องก็ไม่เท่ากันครับ

BMW มี BSI 5 ปีครับ ไม่ใช้3ปีครับ ง่ายๆภายใน5 ปีเขาเก็บค่าMTคุณก่อนเท่านั้น

เทียบกันดูน่ะครับ  ราคาบำรุงรักษาต่างกันไม่มากแล้ว. ขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: anikuz ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 07:55:20
ถ้ารถญี่ปุ่นราคาเท่ากับรถยุโรป ผมว่าค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ คงใกล้เคียงกันมั๊งครับ
แต่นี่รถยุโรปคันละ 2 ล้านกว่า รถญี่ปุ่นคันละล้านต้นถึงล้านกลาง ค่าตัวต่างกันมากเลยครับ

หากถามว่าทำไมค่ารักษาโครงการประกันสังคมถึงถูกกว่าแบบธรรมดา ก็เพราะยามันคนละแบบ การวินิจฉัยในการรักษาก็ตามระดับราคากระมัง
หากมีกำลังสักหน่อย คนก็คงไม่เลือกรักษาประกันสังคม

เช่นกัน หากมีกำลังทรัพย์สักหน่อย ผมคงไม่เลือกรถญี่ปุ่นหรอกครับ

หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: templeboy ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 08:20:43
ลองดูจากผู้ใช้งานจริงครับ
http://www.bmwsociety.com/board/showboard.asp?id=135664 (http://www.bmwsociety.com/board/showboard.asp?id=135664)
http://www.bmwsociety.com/board/showboard.asp?id=132368 (http://www.bmwsociety.com/board/showboard.asp?id=132368)
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php?topic=4516.0 (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php?topic=4516.0)

รถผมเองยังไม่หมด BSI เลยยังบอกไม่ได้ว่าจะหนักขนาดไหน รู้แต่ว่าถ้ามีอะไรเกี่ยวกับ กล่อง, เกียร์, เครื่อง ก็เตรียมไว้เลยอย่างต่ำสุด...ครึ่งแสนครับ  :o
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 08:35:28
ถ้ารถญี่ปุ่นราคาเท่ากับรถยุโรป ผมว่าค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ คงใกล้เคียงกันมั๊งครับ
แต่นี่รถยุโรปคันละ 2 ล้านกว่า รถญี่ปุ่นคันละล้านต้นถึงล้านกลาง ค่าตัวต่างกันมากเลยครับ

หากถามว่าทำไมค่ารักษาโครงการประกันสังคมถึงถูกกว่าแบบธรรมดา ก็เพราะยามันคนละแบบ การวินิจฉัยในการรักษาก็ตามระดับราคากระมัง
หากมีกำลังสักหน่อย คนก็คงไม่เลือกรักษาประกันสังคม

เช่นกัน หากมีกำลังทรัพย์สักหน่อย ผมคงไม่เลือกรถญี่ปุ่นหรอกครับ



ถ้าระดับราคารถมันบ่งบอก ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่พอจะรับกันได้ แต่ถ้ารถญี่ปุ่นราคาล้านครึ่ง รถยุโปปราคา2ล้านกว่า นั้นหมายถึงประมาณเกือบเท่าตัวที่ราคารถแพงกว่า แต่จะข้อมูลที่ได้เคยพูดคุยกันมาพอว่ามันไม่ได้แพงกว่าแค่เท่าตัวน่ะสิครับ กลับกลายเป็น4-5เท่าตัว  มันก็เลยอึ้งครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 10:04:58
เรื่องค่าตัวรถผมเข้าใจว่ามันโดนค่าภาษีแรงม้า ภาษีนำเข้าแต่ในประเทศอื่นๆที่ไม่เน้นเรื่องภาษีสินค้าแบบบ้านเราราคารถพวกนี้ต่างจากรถญี่ปุ่นไม่กี่แสนเอง ราคารถในบ้านเราแพงอันนี้เข้าใจ แต่ราคาอะไหล่แพงด้วยนี่สิ? อะไหล่รถเค้ามีการคิดราคาภาษีด้วยเหรอ? หรือว่าเป็นการกำหนดราคาเองจาก BMW ประเทศไทย? ราคาแพงแบบบ้าเลือดเกินไปมาจริงๆ แบบนี้ผมว่าในระยะยาวมีแต่จะแย่ลงนะเพราะรถญี่ปุ่นพยายามกระเถิบทั้งด้านาคุณภาพและวัสดุให้ดีขึ้นใกล้เคียงรถยุโรปมากขึ้นทีละนิดทีละหน่อย รู้ตัวอีกทีการใช้งานโดยทั่วไปแทบจะไม่รู้สึกถึงความต่างจากรถยุโรปแล้วหากว่าไม่ได้ถึงจุดจริงๆเช่นว่าแล่นเร็วมากๆจนเสียงลมเข้ารถโคลงเคลงหรือเข้าโค้งจนรถออกอาการอะไรพวกนี้ คนรวยมีแต่จะเบื่อรถยุโรปมาใช้รถญี่ปุ่นมากขึ้น เงินน่ะเค้ามีจ่ายกันแน่ๆสบายๆ แต่ต่อให้รวยแค่ไหนแต่การที่เจอราคาอะไหล่แค่สายอะไรนิดๆหน่อยๆเอาเข้าไป5-6พัน ไหนจะปัญหาประจำตัวในแต่ละรุ่นอีก เค้าก็รู้สึกว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่มันไม่สมควรจะต้องแพงขนาดนี้เลย ไม่สมเหตุสมผลเหมือนโดนโก่งราคา ในเมื่อเป็นแบบนี้ถ้ารถญี่ปุ่นที่มีการใช้งานแล้วไม่แสดงถึงความแตกต่างจากรถยุโรปมาก คนรวยก็ไปหารถญี่นกันหมด ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าแม้กระทั่งจากในกลุ่มคนใช้จริงราคาของอู่นอกเองก็สูงแทบไม่ต่างจากเข้าศูนย์แล้ว  :o
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Niti ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 10:08:38
ออกตัวไว้ก่อนว่าผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แต่เท่าที่ประสบมา (Benz และ Volvo) ความเห็นผมคือนอกจากค่าอะไหล่ต่อชิ้นโดยทั่วไปจะสูงกว่ารถญี่ปุ่นแล้ว โดยพื้นฐานตัวรถยุโรป"บางยี่ห้อ"อาจจะไม่ได้ถูกออกแบบสำหรับอากาศบ้านเราโดยเฉพาะขนาดนั้น (ถึงแม้ว่าจะมีการทดสอบในสภาวะต่างๆ และเอามาวิ่งจริงๆ แล้วก็ตาม) ทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอเร็วขึ้นด้วย ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ารถยุโรปจุกจิกกว่าและค่าบำรุงรักษาสูงกว่า  :-\
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PKS8 ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 10:46:58
ถ้ารถญี่ปุ่นราคาเท่ากับรถยุโรป ผมว่าค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ คงใกล้เคียงกันมั๊งครับ
แต่นี่รถยุโรปคันละ 2 ล้านกว่า รถญี่ปุ่นคันละล้านต้นถึงล้านกลาง ค่าตัวต่างกันมากเลยครับ

หากถามว่าทำไมค่ารักษาโครงการประกันสังคมถึงถูกกว่าแบบธรรมดา ก็เพราะยามันคนละแบบ การวินิจฉัยในการรักษาก็ตามระดับราคากระมัง
หากมีกำลังสักหน่อย คนก็คงไม่เลือกรักษาประกันสังคม

เช่นกัน หากมีกำลังทรัพย์สักหน่อย ผมคงไม่เลือกรถญี่ปุ่นหรอกครับ



ถ้าระดับราคารถมันบ่งบอก ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่พอจะรับกันได้ แต่ถ้ารถญี่ปุ่นราคาล้านครึ่ง รถยุโปปราคา2ล้านกว่า นั้นหมายถึงประมาณเกือบเท่าตัวที่ราคารถแพงกว่า แต่จะข้อมูลที่ได้เคยพูดคุยกันมาพอว่ามันไม่ได้แพงกว่าแค่เท่าตัวน่ะสิครับ กลับกลายเป็น4-5เท่าตัว  มันก็เลยอึ้งครับ

มันแล้วแต่อู่ครับ จากประสบการณ์ผมถ้าเข้าศูนย์มันจะแพงกว่าอู่นอกประมาณ 2 เท่าครับ แล้วมันจะไม่แพงกว่าได้ยังไง

ผมก็มีรถญี่ปุ่นไว้ให้เซลล์ขับ ลองเทียบค่าอะไหล่กับรถผมที่ซ่อมอู่นอกดูแล้ว ส่วนตัวผมว่ามันสมเหตุสมผลครับที่อะไหล่ยุโรปจะแพงกว่า แต่ก็ไม่ได้แพงเว่อร์มีบางตัวถูกกว่าด้วยซ้ำ รถญี่ปุ่นสมัยใหม่ๆไฟฟ้าก็เยอะไม่น้อยกว่ายุโรปหรอกครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: idolking ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 10:47:30
จากที่ใช้มานะครับ(e34 525i กับ x3 2.0d) รถ ยุโรป เป็นรถที่ดี ทั้งการขับขี่ สมรรถนะ แต่แลกมาด้วยค่าซ่อมบำรุงที่มากกว่า

ถ้าซ่อมถึงก็แนะนำครับ และควรมีอู่ประจำด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: parwitch ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 11:28:50
อะไหล่รถยุโรปผลิตที่ไหนเหรอครับ
สถานที่ผลิตมีผลต่อราคารึเปล่า
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: FyGI ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 11:50:00
อะไหล่รถยุโรปผลิตที่ไหนเหรอครับ
สถานที่ผลิตมีผลต่อราคารึเปล่า

สถานที่ผลิตมีผลต่อราคานิดเดียวครับ

แต่สิ่งที่มีผลต่อราคาอย่างยิ่งยวดคือ

สถานที่ขาย กับ พะยี่ห้อรถบนตัวอะไหล่

ถ้าเราใช้ในบ้านเกิดราคาคงไม่แพงเท่าไหร่



ไม่แน่ใจว่ารถยุโรปรุ่นใหม่ๆ มีอะไหล่เทียบแล้วหรือยัง

รุ่นเก่ามีอื้อ เลยครับ อย่างผมใช้ W124 อยู่

แค่ยางแท่นเครื่องมีให้เลือกหลายยี่ห้อจน งง

ราคามีตั้งแต่ ตัวละ 900 จึงถึงตัวละเกือบ 2 พัน

แต่ของแท้ตัวละ 4 พันกว่า เบิกร้านนอก



ผมสงสัยว่าทำไมญี่ปุ่นถึงสร้างรถยนต์ได้ออกมาทนทานกว่ายุโรป

แม้กระทั่งในยุโรปหรืออเมริกาเองยังยอมรับ

ตะวันออกกลางร้อนตับแตกกลางทะเลทรายยังใช้

หรือแม้กระทั่ง UN ยังนิยมรถญี่ปุ่นโดยเฉพาะ Land Cruiser

ในเมื่อ Land Rover/Jeep ก็มี
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PKS8 ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 12:06:48
เอ....รถญี่ปุ่นทนทานกว่ารถยุโรปจริงหรือครับ ส่วนตัวผมไม่คิดแบบนั้นนะ ถ้าได้ลองดูคลิปการทดสอบคุณภาพรถแล้วผมว่า QC ยุโรปโหดกว่าเยอะเลยนะครับ

หรือลองดูง่ายๆ รถยุโรป 10 ปี กับ รถญี่ปุ่น 10 ปี ก็ได้ครับ ถ้าไม่พอลองดูไปรุ่น 20-30 ปีที่แล้วผมยังเห็นรถยุโรปหลายคันวิ่งเยอะอยู่นะครับ

ปล รถยุโรปคือรถที่แบร์นดมาจากยุโรป รถอเมริกันไม่ใช่รถยุโรป ในความคิดผมนะครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: beerrl ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 12:29:59
ค่าบำรุงรักษา ของสิ้นเปลืองที่จะต้องเปลี่ยนตามระยะเข้าเช็ค พวกน้ำมันเครื่อง ใส่กรอง
ผมว่าจริงๆ ไม่ได้ต่างกันมากครับ เพราะ บางยี้ห้อใช้ได้นานกว่า แต่จ่ายแพงกว่าต่อครั้ง แต่ไม่ต้องจ่ายบ่อย
พวกน้ำมันเครื่อง บางยี้ห้อถูกจริงแต่ดูเกรดน้ำมัน มันเป็นแค่ se-mi หรือ คนละเกรดกัน ดังนั้นจะมาเทียบคงลำบากครับ

แต่สิ่งที่ต่างกันชัดเจน คือค่าแรง และ อะไหล่ ซึ่ง รถที่มีการผลิตเยอะ สามารถผลิตในประเทศไทยได้ ราคาก็ย่อมถูกกว่า พวกอะไหล่นำเข้า หรือ มีจำนวณผู้ใช้น้อย

ในความคิดผมถ้าใช้งานรถเยอะ เลือกรถญี่ปุ่น
ถ้าขับไม่มากตามระยะที่รับประกัน ผมว่า ไม่ต่างกันครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: HYDE-- ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 12:42:52
รถยุโรปกะรถญีั่ปุ่น ผมว่ามันแล้วแต่รุ่นครับ
เช่น W124 ผมว่า ทนกว่ารถญี่ปุ่นชัวร์ครับ

อะไหล่แพงกว่าอาจเป็นเพราะวัสดุที่ใช้ในการผลิต ดีกว่า จึงทำให้ต้นทุนสูงกว่าครับ
อีกอย่าง อะไหล่รถยุโรป ไม่ได้มีจำนวนสต็อคไว้เยอะเหมือนรถญี่ปุ่นครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: keanetona ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 12:57:25
ลองเทียบราคาโช้ค bilstein ที่เกาะถนนดี กับ โช้ค tokico ของโตโยต้าที่ชอบตายคาฮอยท์ แถมยังร่อนและย้วย ดูสิครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 13:10:43
เรื่องรถยุโรป กับ ญี่ปุ่นนี่ ถกกันยากครับ  และผมรู้สึกว่า รถยุโรป หมกเม็ด กว่าญี่ปุ่นเยอะครับ

เมื่อก่อน รถยุโรป นำเข้ามาทั้งคัน ราคาแพงอันนี้เข้าใจ

ต่อมา ผลิตไทย ..... ประกอบไทย ... แต่ก็ยังขายราคานำเข้าอยู่ ..

จะพูดถึงมาตราฐาน อาจต่างกัน แต่ .. อะไหล่ของรถยุโรป ก็ออกมาจากโรงงานญี่ปุ่น ที่ผลิตให้รถญี่ปุ่นอยู่แล้ว ซะด้วย

เครื่องฉีดอลูมิเนียม ก็เครื่องเดียวกัน กับที่ผลิตรถญี่ปุ่น ต่างที่แม่พิมพ์ แต่ราคาขายให้ลูกค้าต่างกันมาก (แต่ราคาผู้ผลิตชิ้นส่วนคิดราคาต่อหน่วยผลิตไม่ต่างจากชิ้นส่วนของญี่ปุ่นนัก)

เอาง่ายๆ  BMWซีรี่ 3 ยุโรปขายเท่าไร เมืองไทยขายเท่าไร ...

เราแพงกว่าพอสมควร แต่ก็ถูกเป่าหูมาตลอดว่า ราคานำเข้า ..... นำเข้าอะไร เค้าผลิตในไทยได้เกือบ 100% แล้ว ....

คนชอบสิ่งใด ก็ใช้สิ่งนั้น แต่ถ้ามองความคุ้มค่า ... ผมยินดี ซื้อ แคมรี่ คันละ 1.7ล้าน แล้วเปลี่ยนใหม่ ทุก 4 ปี ดีกว่า ใช้รถยุโรป คันละ 3 ล้าน แต่ใช้ 6-7 ปีนะ 

หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 13:14:45
เรื่องรถยุโรป กับ ญี่ปุ่นนี่ ถกกันยากครับ  และผมรู้สึกว่า รถยุโรป หมกเม็ด กว่าญี่ปุ่นเยอะครับ

เมื่อก่อน รถยุโรป นำเข้ามาทั้งคัน ราคาแพงอันนี้เข้าใจ

ต่อมา ผลิตไทย ..... ประกอบไทย ... แต่ก็ยังขายราคานำเข้าอยู่ ..

จะพูดถึงมาตราฐาน อาจต่างกัน แต่ .. อะไหล่ของรถยุโรป ก็ออกมาจากโรงงานญี่ปุ่น ที่ผลิตให้รถญี่ปุ่นอยู่แล้ว ซะด้วย

เครื่องฉีดอลูมิเนียม ก็เครื่องเดียวกัน กับที่ผลิตรถญี่ปุ่น ต่างที่แม่พิมพ์ แต่ราคาขายให้ลูกค้าต่างกันมาก (แต่ราคาผู้ผลิตชิ้นส่วนคิดราคาต่อหน่วยผลิตไม่ต่างจากชิ้นส่วนของญี่ปุ่นนัก)

เอาง่ายๆ  BMWซีรี่ 3 ยุโรปขายเท่าไร เมืองไทยขายเท่าไร ...

เราแพงกว่าพอสมควร แต่ก็ถูกเป่าหูมาตลอดว่า ราคานำเข้า ..... นำเข้าอะไร เค้าผลิตในไทยได้เกือบ 100% แล้ว ....

คนชอบสิ่งใด ก็ใช้สิ่งนั้น แต่ถ้ามองความคุ้มค่า ... ผมยินดี ซื้อ แคมรี่ คันละ 1.7ล้าน แล้วเปลี่ยนใหม่ ทุก 4 ปี ดีกว่า ใช้รถยุโรป คันละ 3 ล้าน แต่ใช้ 6-7 ปีนะ 



+1 ครับ ใช้รถแบบเปลี่ยนบ่อยๆดีกว่า :D
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kritcc ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 13:57:54
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมอะไหล่ BMW แพง ทั้งที่บางชิ้นยี่ห้อผู้ผลิตยี่ห้อเดียวกัน เสปคของก็ใกล้เคียงกันมาก และตอนซื้อก็ซื้อกับร้านอะไหล่ร้านเดียวกัน แต่ของ BMW จะแพงกว่า Benz สัก 40%
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 15:08:23
รถญี่ปุ่นทนกว่า ผมว่าไม่จริงครับ

รถยุโรปทนกว่า ผมก็คิดว่าไม่จริง

มันอยู่ที่รุ่น อยู่ที่วัสดุ และที่สำคัญ อยู่ที่คนใช้

...............

ผมเห็นด้วยที่ว่า ซื้อรถญี่ปุ่นใช้ แล้วเปลี่ยนเอาบ่อยๆ 5-6 ปี ค่อยขาย
ดีกว่าซื้อรถยุโรป แล้วใช้เป็น 10 ปีค่อยเปลี่ยน

สมมุติผมซื้อแอคคอด ราคา 1.4 ล้าน
เทียบกับ BMW F10 คันล่ะ 4.2 ล้าน

ผมใช้แอคคอด 6 ปี ขาย ผมได้เงินมา 7 แสน
แปลว่า 6 ปีที่ผ่านมา ผมเสียค่าเสื่อมไป 7 แสน หรือตกปีล่ะ 116,000 บาทต่อปี
และเอาเงิน 7 แสนกว่าบาทตรงนั้น เป็นทุนในการหารถคันใหม่ไว้พร้อมใช้งานต่อไป

ทีนี้ ถึงเวลาคิดแล้วว่า รถคันไหน ให้อะไรเราบ้าง

Accord
ให้ความใหญ่โตระดับ D Segment พื้นที่ใช้สอยกว้าง
นั่งสบายพอประมาณ ตึงตังไปหน่อย แต่เบาะนั่งก็โอเค
ขับสบาย เกาะถนนพอตัว มุดง่าย คล่อง พวงมาลัยเบา
เครื่อง 2.4 ลิตร 4 สูบ มีม้าญี่ปุ่นตัวเล็กๆให้ควบเล่นๆ 180 ตัว
ประหยัดใช้ได้ อะไหล่ถูก กับค่าตัวไม่แพง
คุณจะได้ใช้รถใหม่ก่อนคนที่ขับ F10 4ปี
ในราคาที่รวมๆกันแล้ว คนขับ F10 แค่ซื้อรถก็จ่ายมากกว่าแล้ว...

BMW
ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เหนือกว่า Accord ที่ผมเขียนไว้ทั้งหมด
เครื่องดีกว่า ประหยัดกว่า แรงกว่า นุ่มกว่า นั่งสบายกว่า เกาะถนนกว่า แน่นกว่า
วัสดุดีกว่า หรุหรา ดูดีกว่า

จริงอยู่ครับ
มองแล้ว Accord จะดีกว่า ถ้าเราพอใจในจุดๆนั้น
เอาเงินไปทำอย่างอื่น
แต่บางที ความสุขในการขับขี่ มันก็หาอะไรมาแทนไม่ได้เหมือนกัน
นั่นทำให้รถยุโรปยังคงขายได้เรื่อยๆ ตราบใดก็ตามที่มีคนที่มีกำลังซื้อครับ

ปล. สำหรับผม ผมเลือกเปลี่ยนรถบ่อยๆเหมือนกัน
รถญี่ปุ่น จึงเป็นคำตอบของผม
แต่ที่ผมเคยขับรถยุโรปมา ก็เป็นความสุนทรีในการขับขี่ที่ลืมไม่ลงเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: north ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 15:16:00
ขอบคุณทุกๆความคิดเห็น ทุกๆคำแนะนำนะคับ
ขอบคุณมากคับ :)
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Chariot ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 16:10:46
อะไหล่รถชาติใดแพงกว่าหรือถูกกว่า บางทีมันก็สรุปแบบเหมารวมไม่ได้ เพราะ

- พื้นฐานรถต่างกัน เช่น รถยุโรปช่วงล่างถุงลม รถถญี่ปุ่นคานแข็ง เวลาซ่อมรถยุโรปก็หน้ามืดกว่า
- คุณภาพอะไหล่ต่างกัน เช่น วอลโว่ใช้พัดลม 2 สปีด โตโยต้าใช้พัดลมธรรมดา
- แหล่งและความแพร่หลาย เช่น รถยุโรปมีแค่แหล่ง OEM อย่างบอช หรือวาลิโอ้ ส่วนรถญี่ปุ่น มีทั้งOEMและก๊อปปี้สารพัดเกรด

แต่ที่คนส่วนใหญ่นิยมฟันธงว่ารถยุโรปแพง แค่เอาบิลค่าอะไหล่มาเทียบกันแล้วตัดสินเลย ง่ายดีเนอะ


อีกเรื่องที่ตัดสินยากก็คือ รถชาติไหนทนทานกว่า ผมว่ามันก็สรุปไม่ได้ เพราะ

พื้นฐานรถ, การR&D และการQC มันต่างกัน บางรุ่นเป็น Local Car พัฒนาเฉพาะบางประเทศ บางรุ่นเป็น Global Car พัฒนาให้ครอบคลุมการใช้งานทั่วโลกมากกว่า อย่างเช่น
- ถ้าเราเอา Soluna รุ่นแรกไปวิ่งรอบโลก มันคงจะเยินรอบคัน แต่ถ้าเอา 190E ไปวิ่งรอบโลก ยังน่าจะรอดมากกว่า
- ในทางกลับกัน ถ้าเราเอา Dacia Logan ไปวิ่งรอบโลก คงสู้ Nissan March ไม่ได้
แล้วยั่งงี้จะสรุปได้ยังไงว่ารถชาติไหนทนกว่า ?
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: popdemonic ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 19:27:26
เพิ่มเติมให้สั้นๆครับ อะไหล่ญี่ปุ่นบางตัวเช่นสวิทช์ไฟ1อัน กับรถยุโรป ทำงานเป็นสวทิช์เหมือนกัน แต่พอรื้อมาดู ความละเมียดในการออกแบบหรือ

ความซับซ้อนมันต่างกัน ซึ่งบางครั้งก็ยอมรับว่ามันเข้าใจทำมาก บางครั้งก็สงสัยว่าเมิงจะทำมาทำไมให้ซับซ้อน เพราะประโยชน์ใช้งานเหมือนกัน

แต่อุปกรณ์ในสวิทช์ มันออกแบบมาซะเว่อร์มา บางครัง้ยังนึกว่าจะออกแบบมาให้เสียนิหว่า หรือไฟหน้ารถ ดูเผินมันก็แค่ไฟหน้าแต่ลองรื้อออกมาดู

กลไกการทำงานพวกยุโรปมันมีอะไรก็ไมรู้ซับซ้อน ซ่อนเงื่อนชนิดที่เราคาดไม่ถึง
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 19:43:24
รถทัวร์อะไหล่เบนซ์ถูกกว่าอีซุซุก็มีครับ งงไหมล่ะ ถ้ารถเข้าศูนย์ทั้งคู่จะรู้สึกได้เลยครับว่าเวลาบิลมันออกมาพวกรถยุโรปจะรู้สึกว่าแอร์ในศูนย์มันเย็นผิดปกติ หุหุ แต่ถ้าเป็นอู่นอกราคาก็รุนแรงบ้างเป็นบางรายการสำหรับรถยุโรป ส่วนบางท่านที่บอกว่ารถยุโรปเค้าใช้นมค.เทพๆมันเลยแพง จะบอกว่ามันมีขายนะครับแต่ไม่มีร้านไหนกล้าเอามาวางขายเพราะมันแพง เคยคิดจะซื้อมาลองใส่ accord G8 อยู่ให้พี่ที่ซี้กันเช็คราคาให้พอดูราคาแล้วใช้แค่ castrol edge ถ่ายทุกหมื่นโลก็ได้ฟระ 
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 20:40:05
ราคาตัวรถทั้งคันมันแพงกว่า เพราะมันมาจากชิ้นส่วนที่เทคโนโลยีสูงกว่า(ไม่จำเป็นต้องทนกว่า)ทำให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นแพงกว่า ซ่อมทีนึงก็แพงกว่า
ละก็ค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถยุโรปก็แพงจ๊อจเลย ครั้งนึง5-6พัน รถญี่ปุ่น ครั้งละพันกว่าบาท  >:(
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: chean ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 20:57:01
ผมว่าถ้ามองที่ราคาอะไหล่กับราคารถ  แน่นอน....รถยุโรปแพงกว่าพอสมควร  แต่สิ่งที่ได้คือสมรรถนะ  วัสดุ  การประกอบ

เทคโนโลยี  รายละเอียดจุกจิกสารพัด  แต่ถามว่าแค่นั้นเองหรอที่ทำให้แพงกว่าหลายเท่าตัว  คงไม่ใช่ทั้งหมด

ในการตลาดแล้วแบนด์มีผลอย่างมากต่อราคา  ซึ่งคนทั่วโลกคงให้เครดิตกับแบนด์ทางฝั่งยุโรปเป็นส่วนใหญ่  

จึงเป็นที่มาที่ทำให้ราคาขึ้นไปอีกพอสมควร

บางครั้งคำว่า "มาตรฐาน"  ก็ตีค่าเป็นเงินไม่ได้  ราคามันอยู่ที่ความพอใจของแต่ละบุคคล คุณว่าจริงมั้ย ???

ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้เห็นภาพโดยง่าย  มันก็อารมณ์เดียวกับเราไปร้านอาหารอร่อยๆมีชื่อเสียง  กับร้านโนเนม  

ทำไมราคามันต่างกันฟ้ากับเหว  ผัดผักจานละ 120 กับ 40 แต่ความจริงแล้ว  ผักมันก็กำละ 20 บาทเหมือนกัน

บางครั้งผัดผักจานละ 40 บาทแต่คนเต็มร้าน  ผลกำไรโดยรวมก็อาจจะไม่ต่างจากร้านดังที่ขายได้น้อยกว่า
แต่บางร้านขายแค่ 40 ทั้งอร่อยทั้งเยอะ ก็มีเหมือนกัน  แต่จะมีแบบนั้นบ่อยๆมั้ย
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NarinrachMaisok ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 21:15:36
แล้วค่าซ่อมบำรุงระหว่าง 3series กะ scirocco +gti เนี่ย อันไหนแพงกว่ากันครับ สุมมุติว่า หมดประกันแล้วทั้ง2ยี่ห้อแล้วนะครับ อย่าง vw ที่บอกว่าแพงเนี่ยผมไม่รู้ว่ามารตฐานคำว่าแพงของแต่ละคนอยู่ที่จุดไหนเลยแค่อยากรู้น่ะครับ บางคน3000 บอกแพง แต่บางคนบอกถูกโคตร -*-ตกลงมันแพงหรือถูกเห้อๆ เลยแค่อยากรู้ราคาคร่าวๆน่ะครับว่าค่าซ่อมบำรุงอันไหนแพงกว่ากัน
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CookiE ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 22:06:27
BMW and BENZ เค้าบวกค่าภาษีสังคมไว้แล้วครับ

ยกตัวอย่าง ถ้าขับไปตามสถานที่ที่เราไปเป็นครั้งแรกและเจอ รปภ.ตามสถานที่นั้น ๆ

รถญี่ปุ่น - เปิดกระจกขอร้องมันว่าขอจอดแปปเดียวแทบตายมันไม่ค่อยจะยอมให้ แม้แต่ให้เงินก่อนทีละ 40 บาทมันก็ยังไม่อยากจะรับและหาที่จอดให้

รถยุโรป - จิ้มหัวไปนิดเดียวแทบจะประเคนที่จอดพร้อมทั้งร่มและพรมแดงให้ครับ ยกตัวอย่างไปเซ็นทรัลลาดพร้าว ที่จอดตอนนั้นมันมีล็อกไว้สำหรับพวก VIP กั้นอะไรไว้เรียบร้อย แต่แค่จิ้มหัวเข้าไป รปภ. ก็เปิดให้จอด

หรือไปตามโรงแรมดัง ๆ ที่จอดมีแน่นอน ถ้าในช่องเต็มยังไงก็ให้จอดใกล้ ๆ ประตู

หรือโรงหนังเมเจอร์รัชโยธิน ตึกจอดตรงช่อง Platinum จิ้มหัวเข้า รปภ.เห็นก็ได้จอด แต่ของแฟนจะขึ้นตึก รปภ. ยังแทบไม่อยากให้ขึ้นบอกว่าที่จอดข้างบนเต็ม พอขับขึ้นไปที่จอดเหลือเต็ม แต่ก็ไม่ให้จอดช่อง Platinum อยู่ดี  ;D
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Quadrifoglio Verde ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 23:25:24
มาตรฐานของรถต่างกันจริง ค่านิยมก็ต่างกัน

คุณภาพวัสดุ การออกแบบ R&D พวกนี้ไม่ได้กันมาได้ฟรีๆ ต้องใช้สมองคน เค้าต้องคิด เค้าถือว่าต้องจ่ายถ้าอยากให้ใช้ของๆเค้า

พูดตามตรง ถ้าราคารถยุโรป รวมทั้งอะไหล่ รถยุโรปทั้งหลายไม่แพงเลย พวกรถญี่ปุ่นทั้งหลายก็อาจจะอยู่ไม่ได้เหมือนกัน

มันแบ่งความแตกต่างกันชัดเจน คนเราก็เหมือนกัน รวยจน ที่อยู่ ที่ศึกษา ที่ทำงาน มีหลายเกรด หลายระดับ จะให้เหมือนกันได้อย่างไร

สมัยผมเด็กๆ เจ้า W124 ออกมาใหม่ๆ ก็ไม่ได้ซ่อมถูกอะไรเลยนะครับ ถ้าเทียบกับ KE70 มันต่างกันฟ้ากับเหวเลยแหละสมัยนั้น

ผมก็ยังเห็นคนซื้อเบนซ์ใช้กันแทบจะเกลื่อนจนผมแทบอ้วกอยู่ทุกวันนี้ ไม่เห็นว่าจะมีคนบ่นว่า อะไหล่เบ้นบีเอ็มแพงว่ะ ไม่ซื้อแม่งแล้ว

เพราะคนที่มีปัญญาซื้อและรับกับราคาของทั้งหลายรวมทั้งค่านิยมมีปะปนในสังคมเราเยอะ โดยเฉพาะในเมือง จนเราไม่รู้ตัว มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว

อะไหล่ W124 ที่ถูกเพราะรถได้รับความนิยม มีอะไหล่เทียบเคียงมาก เมือ Supply มันมาก ราคาก็ไม่แพง เป็นตามกฎธรรมชาติ
อีกทั้งสมัยก่อนอิเล็กทรอนิคยังไม่ค่อยมีด้วย ซึ่งอะไหล่เหล็กหล่อทั้งหลาย ราคาโดยเฉลี่ยเทียบปริมาตร มันถูกกว่า แผงวงจรทั้งหลายอยู่แล้ว

สมัยนี้ลองไปดูรถญี่ปุ่นระบบอิเล็กทรอนิคเสีย ก็จ่ายหูตูบเหมือนกัน แต่ว่าไปจะให้ราคาแผงวงจร camry แพงกว่า BMW มันก็ใช่เรื่อง

หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: edminkung ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 23:29:08
w124 ที่อะไหล่ถูกเพราะคนใช้เยอะครับ รถ 10กว่าปี จะ20ปีแล้ว ยังอยู่บนท้องถนนได้นี่ มันแสดงอะไรหลายๆอย่างครับ ในสายตาผมมันเหมือนตกรุ่นน้อยกว่าที่มันเป็นนะครับ เพราะวิ่งไปไหนมาไหนก็เจอ แต่ w124 มากกว่า w212ที่ใช้ซะอีกครับ
หัวข้อ: Re: ทำไม ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ของรถยุโรป "BMW" ถึงแพงกว่า "รถญี่ปุ่น"ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: HYDE-- ที่ พฤศจิกายน 25, 2011, 18:39:59
เรื่องราคาเนี่ย ผมว่ามันเป็นที่สต็อคด้วยครับ ถ้าสตอกไว้เยอะ ก็ยิ่งถูก

รถอย่าง W124 เพราะมีคนใช้เยอะ ถึงแม้จะเป็นรถยุโรปรุ่นเก่าก็สามารถหาอะไหล่ได้ไม่ยาก จากหลายๆที่ ในราคาที่สมเหตุสมผล

ในทางตรงกันข้าม รถฝรั่งเศส อิตาลี หรือพวก rare item เก่าๆบางรุ่น อะไหล่หายาก อาจจะต้องสั่งจากต่างประเทศ เพราะไม่มีสต็อคไว้ครับ
เพราะแบบนี้ ก็เลยมีส่วนให้อะไหล่ แพงกว่าที่ควรจะเป็นครับ อาจจเป็นค่าขนส่ง หรือ อะไรก็แล้วแต่

อะไรที่มันมีน้อย ก็ต้องแพงกว่าปกติเป็นธรรมดา