Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: kritsana7 ที่ ธันวาคม 21, 2011, 08:33:57
-
ปัญหาคือ จองรถเก๋งเครื่องยนต์ 1500 ซีซี ออโต้ ไว้ไม่ได้ซะที กุมภาพันธ์นี้ก็จะครบปีแล้ว ครับ
เลยอยากจะเปลี่ยนมาเป็น ปิกอัพ ดีแมคซ์ 2500 ซีซี ออโต้ เลยอยากทราบว่า
อัตราการประหยัดน้ำมัน ครับว่าเป็นอย่างไรแบบไหนประหยัดกว่ากันทั้ง 2 รุ่นเกียร์ ออโต้ครับ
(ซิตี้ VS ดีแมคซ์) ครับผม ^^
-
เคสเดียวกับผมเลยครับ จอง City ไว้เเต่จะไปคบกับ Dmax กำลังหาขอมูลเหมือนกัน รอท่านผู้รู้มาตอบครับ
.......ผมขอถามต่อด้วยนะครับ ว่า Dmax ตัวใหม่ เป็นเครื่องตัวเก่าเอามาติดโบว์ป่าวครับ
เพื่อนๆที่จองเเละรับรถเเล้วช่วยมารีวิวเป็นเเนวทาง จะขอบคุณมากๆๆๆเลยครับ
-
ขอตอบเท่าที่รุ้ละกันนะครับ
Mazda 2 1.5 A/T เติม E20 ในเมืองรถติดจะอยู่ประมาณ 9-10 โลลิตร +- ครับ นอกเมือนประมาณ 11-13 โลลิตรแล้วแต่ความเร็ว (แต่ทราบมาว่า city ประหยัดกว่านี้)
Fortuner 3.0 A/T ในเมืองรถติดอยู่ประมาณ 7 โลลิตร +- ครับ นอกเมืองประมาณ 10-11 โลลิตรแล้วแต่ความเร็ว (D-Max 2.5 ก็น่าจะประหยัดกว่านี้เช้นกัน)
สรุปแล้วสองตัวนี้น่าจะพอๆกันนะครับ ราคา E20/Diesel ตอนนี้ก็ไม่หนีกันมาก แต่ในอนาคตไม่รู้จะเป็นยังไง ส่วนตัวผมคิดว่าเลือกตามการใช้งานดีกว่าครับ เอาให้เหมือะกับชีวิตประจำวันของเราเอง
-
เคยใช้ Mazda BT-50 MT กับ City Auto
ผมว่า,,, ถ้าเป็น Auto ทั้งคู่ เก๋งเบนซิล น่าจะประหยัดกว่านะครับ
รู้สึกว่า กระบะเกียร์ออโต้ เกียร์มันไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่
แต่ถ้ากระบะเป็นเกียร์ธรรมดา ก็น่าจะอีกเรื่องนึง
ปล. ไม่เคยวัดจริงจังนะครับ 555+ :D
-
City ที่ผมใช้อยู่ ขับในเมืองตลอด สาทร ราชพฤกษ์ วันละ 50 กม
กินอยู่ 12-13 กม/ล นอกเมือง วิ่ง 110 15-17 กม/ล วิ่งแบบโหด แพดเดิ้ลชิฟเล่น 10 กม/ล
ผมว่าอู่ในระดับที่ โอเคนะ ดีกว่า มินิวันของผมอีกคันอยู่นิดหน่อย สำหรับใช้งานในเมือง นอกเมือง มินิวันดีกว่า นิดหน่อย(แต่ขับดีกว่ามากกก)
ตอนนี้ที่บ้านผม จอง New D-Max 4Dr HR AT 2.5 vgs ผมว่า ถ้าวิ่งในเมือง ยังไง รถเก๋ง 1.5 ยังไงๆ ก็ประหยัดกว่าแน่ๆครับ เพราะ รถเบา
ออกตัวง่าย คล่องตัวกว่าเยอะ
แต่ถ้าเดินทางไกลๆเนี่ย ผมว่าไม่ต่างกันมากนะ เพราะเวลาวิ่งทางไกล มันต้องมีการเรียกกำลัง เพื่อแซงบ้าง ขึ้นเขาบ้าง ผมว่ารถกระบะ ดีเซล
น่าจะสบายกว่าด้วยซ้ำไปนะ
ต้องถามตัวเองครับ ว่า อยู่ในเมืองเป็นหลัก รึนอกเมืองเป็นหลัก
-
แบบไหนประหยัดกว่ากัน
เสียเงินค่าน้ำมันพอๆกันครับ
-
เบนซิน 1.5 ประหยัดกว่า ดีเซล 2.5
โดยเฉพาะขับในเมือง 2.5 กินกว่าเบนซิน 1.5 ยิ่งชัดเจนครับ
ยิ่ง ถ้าเกียรออโต้ด้วยกัน กระบะกินน้ำมันกว่าชัดเจนครับ
ขับนอกเมือง รอบนิ่งๆ วิ่งยาวๆ อัตราบริโภคน้ำมันพอๆกันครับ
แต่ถ้าหารเป็นบาท/กิโลแล้ว กระบะกับเก๋ง พอๆกัน เพราะดีเซลถูกกว่า
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
พอดีไปลองขับ อีซูซุ 4 ประตู ออโต้มา ชอบตรงแอร์ออโต้
แถมเพิ่มเงิน 200000 บาท ได้ทั้ง ESC และ TCS ความปลอดภัยเหนือกว่า ใหญ่กว่า
เลยลังเลครับ การใช้งานก็ขับในเมืองเป็นหลัก เดินทางเป็นบางครั้ง แต่นานๆๆๆทีเลยครับ
รถยกสูงกลัวลำบากคนชราที่บ้าน (คิดไม่ตก) T_T
-
ตอบตามที่ใช้นะครับ -- ใช้วีออส 2004 1.5 AT กับ วีโก้ สมาร์ทแคป 3.0 MT 4x4
ขับทางไกล เชียงใหม่-กรุงเทพ-พัทยา
- วีออสด้วยความเร็วประมาณ 110-130 จะได้ประมาณ 15-17 km/l ไม่เกินนี้ครับ
- วีโก้ด้วยความเร็วเท่าๆกัน ได้ประมาณ 12-14 km/l
คิดเป็นค่าน้ำมันออกมาแล้วจ่ายพอๆกัน คือไปกลับ เชียงใหม่-พัทยา เติมประมาณ 4,000 บาท
ขับในเมืองวัดอัตราสิ้นเปลืองคร่าวๆ วีออสจะอยู่ที่ราวๆ 11-12 km/l และวีโก้ได้ประมาณ 9-10 km/l
แต่ละเดือนจะใช้รถสลับกันครับ การขับขี่เหมือนๆกันคือไปรอบๆเมืองเชียงใหม่ ส่งของ-ซื้อของ เติมน้ำมันเดือนละ 3-4 พันบาทเท่าๆกันครับ
สรุปคือ เก๋ง 1.5 ก็พอๆกับกระบะ 3.0 ,,,รถเบนซินเครื่องเล็กอาจจะดูประหยัดน้ำมันกว่าดีเซลเครื่องใหญ่ แต่ราคาน้ำมันก็ต่างกัน พอคำนวณออกมาแล้วก็จ่ายพอๆกันครับ
ปล.ไม่ตรงประเด็นกับเจ้าของกระทู้เพราะเป็นกระบะ 2.5 AT แต่ของผมเป็น 3.0 MT นะครับ ^__^
-
ถ้ามีคนชราที่บ้านด้วย ซื้อรถเก๋งเถอะครับ ช่วงล่างนุ่มกว่า ผมว่าควรให้ความสำคัญเรื่องความนุ่มนวลมากกว่าความประหยัดครับ
ไหนๆก็จะเพิ่มเงิน 2 แสนแล้ว ไม่ลองดูซีวิค FD ล่ะครับ ทั้งกว้าง และปลอดภัย เท่ากับดีแมกซ์ แถมช่วงล่างยังนุ่มกว่า
-
ขอบคุณครับ คุณ boyddii ข้อมูลเพียบจิงๆ
ครับคุณ Chariot มี 2 ประการเดียวครับ FD ไม่ได้ภาษีครับ เลยตัดไปอยากสบายใจทั้งๆที่ชอบมาก
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ สงสัยต้องรอจนกว่าครบ 1 ปี 2 เดือน ถึงจะได้ใช้รถ
คิดแล้วเศร้า
-
ผมให้ข้อมูลได้แต่ City นะครับ เติมเบนซิน 91 เป็นหลัก
เท่าที่ใช้มา 18xx ก.ม. วิ่งแถวๆ ศรีราชา-แหลมฉบัง กินแถวๆ 10-12 ก.ม./ลิตร
วิ่งศรีราชา - นิคมอมตะชลบุรี กินแถวๆ 13-14 ก.ม.ลิตร
ไม่แน่ใจว่าหลังจากพ้น 10000 ก.ม.ไปแล้วจะดีขึ้นกว่านี้หรือเปล่า
ตอนนี้กำลังลองใช้โซฮอล 91 อยู่ รู้สึกว่ารถอืดแฮะ 5555
เทียบกับเจ้า Jazz idsi ผมแล้ว รู้สึกว่า City มันจะกินมากกว่าแฮะ
-
ถ้ามีคนชราที่บ้านด้วย ซื้อรถเก๋งเถอะครับ ช่วงล่างนุ่มกว่า ผมว่าควรให้ความสำคัญเรื่องความนุ่มนวลมากกว่าความประหยัดครับ
ไหนๆก็จะเพิ่มเงิน 2 แสนแล้ว ไม่ลองดูซีวิค FD ล่ะครับ ทั้งกว้าง และปลอดภัย เท่ากับดีแมกซ์ แถมช่วงล่างยังนุ่มกว่า
ผมขอแย้งนิดนึงนะครับ
เก๋ง 1.5 แข็งกว่ากระบะนะครับ ลองนั่งดูแล้วจะรู้ครับ
ขนาด FD กับ D-Max ที่บ้านผม D-Max ยังนุ่มกว่าเลยครับ
ปล.รถใหม่ทั้งคู่
-
- ทำไมกระบะถึงกินกว่า น่าจะเพราะเทอร์โบ เพราะถ้าใช้รอบในช่วงที่แรงบิดสูงสุดมา
เสียงเทอร์โบดังเข้ามา น้ำมันก็จะกินเบาๆ 55+ (ที่ดีแมคมันกินน้อยกว่าวีโก้ เพราะรอบดีแมคมาช้ากว่าเลยกินน้อยกว่า นิดเดียว55+)
- ความโปร่งโล่ง กระบะ 4ประตูยกสูง เวลาขับจะเห็นทางสะดวก มองโน่นนี่สบายตา ซ้ายก็ชัดขวาก็ชัด แต่เวลาเข้าจอดจะมองยาก
เพราะหน้าก็บังหลังก็แทบไม่เห็น วงเลี้ยงก็กว้าง ถ้าชำนาญก็โอเค ข้อนี้ให้รถเก๋งไป
- ความนุ่ม ความสบาย กระบะ4 ประตูยกสูงได้เปรียบตรงที่เสียงยางที่ความเร็ว ไม่เกิน 120 จะแทบไม่ได้ยิน จะมีก็เสียงลมยิ่งถนนดีๆจะเงียบมาก ตกหลุมก็ไม่ต้องห่วง
แต่ถ้าเป็นรถเก๋ง ตกหลุมจะดัง ปั้ง น่ากลัว เหอะๆ ขับในเมืองก็โอเคร
(นั่งซิตี้แล้วมานั่งดีแมคมันคนละอารมณ์ครับ 55+ เลือกเอา)
-
ว่ากันด้วยเรื่องประหยัดอย่างเดียว ผมว่าใกล้เคียงกันครับ
สมมติว่า city หนึ่งคัน กินน้ำมันซัก 10 - 15 กิโลเมตร ต่อลิตร
ตีกันที่ราคาน้ำมันวันนี้
เบนซิน ลิตรละ 31 บาท (95E20 - 91E10 ใกล้ๆกัน)
ว่ากันที่ต่อค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรก็ 2 - 3 บาท ต่อกิโลเมตร
กระบะอีกคันนึง กินซัก (โดยการใช้งานประจำวัน ไม่ได้ขับแข่งประหยัดน้ำมันตัวจริง)
ผมให้ ในเมือง นอกเมือง 10 - 13 กิโลเมตร
ดีเซลลิตรละ 28 บาท ค่าใช้จ่ายน้ำมัน 2.15 - 2.8 บาทต่อกิโลเมตร
มันก็ใกล้ๆกันนั่นแลครับ
ดูการใช้งานเป็นหลักครับ ค่าบำรุงรักษาคงใกล้เคียงกันเช่นกัน
แต่รถเบนซินมันได้เปรียบตรงที่สามารถนำไปใช้พลังงาน LPG,NGV นี่แหละครับ
-
ใช้เองอยู่ทั้ง 2 อย่างเลยครับ
JAZZ ก่อน minor change ขับในเมืองได้ 10-12 กม./ลิตร ทางไกล ขับ 100-120 กม./ชม. ได้ 15-17 กม./ลิตร (ใช้มาแล้ว 140,000 กม.)
TRITON 2,500 cc. 140 ps. 4WD cab MT. ขับในเมืองได้ 9-10 กม./ลิตร ทางไกล ขับ 100-120 กม./ชม. ได้ 13-14 กม./ลิตร (ใช้มาแล้ว 80,000 กม.)
-
ผมว่ามันพอๆกันนะครับ จำนวนกิโลต่อลิตรที่วิ่งได้พอๆกันครับ แต่อย่าลืมนะครับว่าค่าน้ำมันดีเซลถูกกว่าเบลซิล ถึงเครื่อง 1.5 อาจจะวิ่งได้เยอะกว่า แต่ก้ไม่ได้แปลว่าประหยัดกว่านะครับ ลองดูการใช้งานด้วยครับ เดี๋ยวซื้อมาแล้วผิดหวัง
-
ขับในเมืองเบนซิล1.5เกียออโต้ประหยัดกว่าดีเซล2.5เกียออโต้แน่นอนคับต่างกันซัก3-5กิโลลิตรรถกระบะเกียออโต้ซดน้ำมันใช้เล่นน่ะคับกระบะเกียธรรมดาประหยัดกว่าออโต้เยอะเลย ผมว่าถ้าเน้นขับในเมือง
อย่าเอาเลยคับกระบะขับมันใหญเทอะทะไปหมดมันต่างจากรถเก๋งอย่างชัดเจนเลยแต่ขับทางไกลก็โอเครเลยครับ อีกอย่างกระบะเกียออโต้นี้เวลาขายไม่มีราคาเลยคับ ที่จิงcivicจบเลยน่ะคับคันก็ใหญ่เท่ากัน
แต่นั่งสบายกว่า นิ่มกว่า กระบะจริงๆแล้วไม่นิ่มน่ะคับแต่มันย้วยๆๆยวบๆๆยาบๆๆเหมือนจะนิ่มแต่พอเจอทางคอนกรีตรถนี่เต้นจนตับแร่บเลย และ new dmax ยืนยันนอนยันเลย ว่าเครื่องบล็อคเดิมล้านเปอเซน
ทั้ง2500 และ3000 เครื่อง2500เปลี่ยนแค่เทอโบเปนเทอโบvgsเท่านั้นมันก็เหมือนvn turboในโตโยนั่นแหละ แล้วก็เปลี่ยนหัวฉีดจาก 6รูเปน8รู แค่นั้นเองเครื่องบล็อคเดิมทุกประการ
-
ผมขอแย้งนิดนึงนะครับ
เก๋ง 1.5 แข็งกว่ากระบะนะครับ ลองนั่งดูแล้วจะรู้ครับ
ขนาด FD กับ D-Max ที่บ้านผม D-Max ยังนุ่มกว่าเลยครับ
ปล.รถใหม่ทั้งคู่
ลมยางยอะไปรึเปล่าครับ ผมเคยนั่งวีออสกับดีแมกซ์ ผมว่าดีแมกซ์ มันแค่เหมือนจะนุ่มนะครับ แต่ท้ายมันก็ยังโดดอยู่ดี คือหน้านุ่ม หลังแข็ง แต่ไม่ได้นุ่มแบบเดียวกับที่วีออสเป็น เรียกไงดีหว่า บอกไม่ถูกอ่ะครับ แหะๆ *-*
-
ขอบคุณครับที่ช่วยแสดงความคิดเห็น
ผมเน้นใช้ในเมืองเป็นหลักเลยครับ
สงสัยต้องรถ ครอบ 1 ปี 2 เดือนถึงจะได้ขับครับ
-
ถ้าขับในเมือง ยังไงๆ กระบะ 2.5 ก็กินกว่าชัวร์ครับ รถหนักกว่า cc เยอะกว่า
ถ้าขับนอกเมือง ก็คงพอๆกัน แต่น้ำมันดีเซลมันถูกหน่อย