Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Alcatraz ที่ มกราคม 26, 2012, 14:58:26
-
อยากถามว่าระหว่าง เก๋งและกระบะ ดีเซล เนี่ยใครลากจูงได้ดีกว่า (ไม่ใช่บรรทุก) สมมุติระหว่าง กระบะ เครื่อง3ลิตร แรงบิด 343 กับ เก๋ง 2.2ลิตร แรงบิด 500
เอามาลากของน้ำหนักเท่ากัน ใครจะลากได้ดีกว่า แล้วดูที่อะไรครับ แรงบิดหรืออัดตราทดเกียร์ เพราะเคยไปถามคน คำตอบคือ กระบะลากได้ดีกว่าเพราะ ทดเกียร์จัดกว่ารถเก๋ง จริงหรือป่าวครับ
-
จริงๆครับ
กระบะสร้างหูลากได้จากเหล็กแกนแชสซีย์ แข็งแรงกว่า
เก๋งสร้างจุดยึดหูลากได้ยากกว่า
แม้กำลังเก๋งมากกว่า(สมมุติ) แต่เกียร์และขนาดเพลาเล็กกว่ากระบะแน่ๆ
เวลาลงเขา เกิดลูกพ่วงมันดันนานๆ เบรคของเก๋งกลัวจะไปก่อนกระบะ
ส่วนกระบะ ออกแบบเผื่อบรรทุก 1 ตัน น่าจะแข็งแรงกว่า
เรื่องการลากจูงต้องคำนึงถึงความแข็งแรงของตัวถังด้วย
-
ลากน้ำหนักจากจุดหยุดนิ่ง ผมถือฝั่งรถกระบะ นะครับ ^_^ เพราะ แรงบิดสูงสุดมาเร็วกว่า เครื่องเบนซิน
เครื่องดีเซล พื้นฐาน ออกแบบมาเพื่่อใช้ในเชิงพาณิชย์ เน้นพละกำลังในการลากจูง อีกทั้งเครื่องยนต์ มีแนวโน้มว่ามีความทนทานมากกว่า เนื่องจากต้องออกแบบให้รับกำลังอัดสูงกว่าเครื่องเบนซิน จึงน่าจะเหมาะสมกว่า กับงานบรรทุกน้ำหนัก หรือลากจูงของ
เครื่องเบนซิน จะเน้นการขับขี่ที่ความเร็วสูง แรงบิดสูงสุด จะมาที่รอบเครื่องยนต์สูงกว่า เครื่อง Diesel (เว้นแต่เครื่อง เบนซิน+เทอร์โบแปรผัน ซึ่งให้กำลังที่ดีตั้งแต่รอบต้นๆ จนถึงรอบสูง Ex.. VOLK GOLF GTi )
-
ลองคำนวนแรงบิดที่เฟืองท้ายดูสิครับ ใครแรงบิดมากกว่า ก็น่าจะลากได้มากกว่า
ไม่แน่ แรงบิดที่เครื่อง อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายก็ได้ ;D
-
ลากน้ำหนักจากจุดหยุดนิ่ง ผมถือฝั่งรถกระบะ นะครับ ^_^ เพราะ แรงบิดสูงสุดมาเร็วกว่า เครื่องเบนซิน
เครื่องดีเซล พื้นฐาน ออกแบบมาเพื่่อใช้ในเชิงพาณิชย์ เน้นพละกำลังในการลากจูง อีกทั้งเครื่องยนต์ มีแนวโน้มว่ามีความทนทานมากกว่า เนื่องจากต้องออกแบบให้รับกำลังอัดสูงกว่าเครื่องเบนซิน จึงน่าจะเหมาะสมกว่า กับงานบรรทุกน้ำหนัก หรือลากจูงของ
เครื่องเบนซิน จะเน้นการขับขี่ที่ความเร็วสูง แรงบิดสูงสุด จะมาที่รอบเครื่องยนต์สูงกว่า เครื่อง Diesel (เว้นแต่เครื่อง เบนซิน+เทอร์โบแปรผัน ซึ่งให้กำลังที่ดีตั้งแต่รอบต้นๆ จนถึงรอบสูง Ex.. VOLK GOLF GTi )
รู้สึกว่าเจ้าของกระทู้จะเปรียบเทียบระหว่างเก๋งดีเซลกับกระบะดีเซลนะครับ
-
ลากน้ำหนักจากจุดหยุดนิ่ง ผมถือฝั่งรถกระบะ นะครับ ^_^ เพราะ แรงบิดสูงสุดมาเร็วกว่า เครื่องเบนซิน
เครื่องดีเซล พื้นฐาน ออกแบบมาเพื่่อใช้ในเชิงพาณิชย์ เน้นพละกำลังในการลากจูง อีกทั้งเครื่องยนต์ มีแนวโน้มว่ามีความทนทานมากกว่า เนื่องจากต้องออกแบบให้รับกำลังอัดสูงกว่าเครื่องเบนซิน จึงน่าจะเหมาะสมกว่า กับงานบรรทุกน้ำหนัก หรือลากจูงของ
เครื่องเบนซิน จะเน้นการขับขี่ที่ความเร็วสูง แรงบิดสูงสุด จะมาที่รอบเครื่องยนต์สูงกว่า เครื่อง Diesel (เว้นแต่เครื่อง เบนซิน+เทอร์โบแปรผัน ซึ่งให้กำลังที่ดีตั้งแต่รอบต้นๆ จนถึงรอบสูง Ex.. VOLK GOLF GTi )
ตอบดีมีิวิชาการครับ แต่ผิดประเด็น ตึ่งโป๊ะ !! ;D
-
ผมก้ว่ากระบะนะครับ เพราะโครงสร้างของตัวรถที่ถูกสร้างขึ้นมาให้บรรทุก ทั้งแหนบ ทั้งเพลา มันก้ต้องทนทานกว่า
-
ถามแบบนี้ เก๋งเสียเปรียบนะครับ
รถออกแบบมาคนล่ะจุดประสงค์กัน กระบะได้เปรียบเห็นๆเลย
ลากจากจุดหยุดนิ่ง กระบะลากได้โหดกว่า
แชทซีแข็งแรงกว่ามาก
ถ้าเกิดลากหนักๆ แต่ดันออกตัวแรงๆ เก๋งอาจจะหลุดเป็นชิ้นๆ หุๆ
แต่เก๋งจะมีอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่า
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่เก๋งดีเซลจะวิ่งความเร็วปลายได้ดีกว่า
-
ถ้าลากเฉยๆ ไม่ได้บรรทุก ผมให้ เครื่องเบนซิล 2.2 500 แรงบิท น่าจะทำได้ดีกว่า เครื่องดีเซล 3.0 343 แรงบิท นะครับ
เบนชิล ทอร์ค มากกว่า เกือบ 200 แนะ
-
340 นิวตันเมตร กับ 500 นิวตันเมตร
ตัวเลขมันก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเครื่องตัวหลังแรงกว่าหลายขุม
ถ้าสมมติว่า 340 นิวตันเมตร ที่ 2000 รอบ และ 500 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบ
ที่ 2000 รอบ เครื่องตัวแรกสร้างกำลังออกมาได้ 96 แรงม้า
และที่ 4000 รอบ เครื่องตัวที่สองสร้างกำลังออกมาได้ 281 แรงม้า
ถ้าไม่ผิดกติกาของ จขกท
ทดเกียร์คันที่สองให้มากกว่าคันแรก 2 เท่า
คันแรกจะเอาอะไรมาสู้ครับ
-
หัวข้อ อาจไม่เคลีย เอาแบบตรงๆไปเลยได้ไม่งง
ผมเทียบระหว่าง vigo เครื่องดีเซล ทั้ง 2.5 3.0 แรงบิดเท่ากัน 343 และ 250cdi ของเบนซ์ ที่แรงบิด 500 ผมสมมุติให้เป็น c250 cdi
อยากรู้ว่า 2 คัน นี้เอามาลากแข่งกันใครชนะ ครับ
บางคนอาจบอกรถมันคนละจุดประสงค์ แต่ผมอยากรู้ว่าถ้าเทียบกันใครลากได้ดีกว่า แล้วที่บอกว่าคำนวณ ทดเฟืองท้าย คำนวณยังไงครับ
-
ผมว่าเบนซ์ครับ (ดูจากตัวเลขล้วน ๆ และเป็นดีเซลทั้งคู่ ) :)
-
น่าจะ ดีเซล ครับ
ถ้าเป็นเครื่องเบนซิน น่าจะต้องเครื่อง 8 สูบ 5000 CC ล่ะครับถึงจะทำแรงบิดได้ 500 นิวตันเมตร
-
แม้รถเก๋งจะมีแรงบิด หรือกำลังแรงม้าที่มากกว่ากระบะ
.....แต่เฟืองกำลังไม่ได้ออกแบบมาให้สร้างแรงฉุดเหมือนรถกระบะ
ดังนั้นถ้าจะให้อนุมาน..........รถกระบะ (เฟืองหยาบ เน้นรอบต่ำ)
น่าจะให้กำลังในการดึงดีกว่ารถเก่งที่ การเรียกรอบแรงบิดที่อาจสูงกว่า
และอีกส่วนคือ โครงสร้างของรถ ระบบเชสซี กับ โครงสร้างรถเก๋งนั้นน่าจะต่างกันมาก
....แต่ที่พิมมาทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ว่ามันน่าจะออกแบบให้เป็นอย่างนั้นครับ ^-^
-
ดูจากสเป็คเครื่องแล้วเหมือนกับจะเทียบระหว่าง 1KD-FTV ของโตโยต้า กับ OM 651 ของเบนซ์ ถ้าเอากำลังเครื่องอย่างเดียวความแข็งแรงส่วนอื่นเท่ากันเกียร์ เฟืองท้ายเท่ากันตัวหลังแรงกว่าเห็นๆ แต่ความเป็นจริง มันไม่มีอะไรเท่ากันเลย คิดว่ากระบะคงดีกว่า ต่อให้ถ้าทดลองแล้วเก๋งลากไปได้หนักเท่ากันหรือหนักกว่าก็เชื่อว่าลากไปได้ไม่ได้ไกลเท่ากระบะเพราะคงต้องมีอะไรซักอย่างพังก่อน
-
ถ้ากำลังเครื่องยนต์และเกียร์ เท่ากัน
รถกระบะ จะดีกว่า เพราะโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า คือ เป็นแชสซี
วิศวกร เขาสร้างรถ ออกมาเพื่อจุดประสงค์ต่างกัน ซึ่งรูปลักษณ์ของรถ ก็บอกได้ชัดอยู่แล้ว ว่าสร้างมาเพื่อใช้งานด้านไหน
-
หลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ที่ว่า รถเก๋งรอบสูงกว่ารถกระบะ ไม่เกี่ยวกันนะครับ รอบจะสูงจะต่ำกว่าขึ้นอยู่กับเครื่องยนตร์ครับ สมมุติว่า วีโก้ วิ่งได้รอบสูงสุดคือ 4000 รอบ
ถ้าย้ายไปลง ซีรี่ย์ 7 (ซึ่งมีคนทำมาแล้ว) มันก็ไม่ได้ช่วยให้วิ่งได้รอบเกิน 4000 นะครับ ซึ่งปกติที่เห็นรอบรถเก๋งสูงกว่ากระบะเพราะเก๋งส่วนใหญ่ใช้เบนซินทำให้รอบสูงกว่า
โดยที่ประเด็นของกระทู้นี้โฟกัสที่ดีเซลเท่านั้นครับ
คำถามของผม สมมุติว่าถ้าเกิดมีรถ2คัน เก๋งและกระบะ ใช้เครื่องดีเซลทั้งคู่ ต้องไปลากของสิ่งนึง ถ้า2คันนี้ใช้เครื่องตัวเดียวกัน ผมคงไปหากระบะแบบไม่ต้องคิดมาก
ทีนี้โจทย์ผมคือ ถ้าเกิดว่า รถเก๋งมีเครื่องยนตร์ที่แรงกว่ากระบะ รถกระบะจะยังเป็นคำตอบอยู่หรือไม่ที่จะใช้ลากของสิ่งนั้น ที่ไม่แน่ใจก็แบบความเห็นหลายคนที่บอก รถเก๋งไม่ได้ออกแบบมาใช้บรรทุกหรือลากจูงเหมือนรถกระบะ เรื่องบรรทุกตัดทิ้งไปได้เลยเพราะช่วงล่างเก๋งคงสู้แหนบของกระบะไม่ได้ ซึ่งตามความคิดของผมน่าจะรวมถึงการลากจูงด้วย เพราะโครงสร้างเก๋งไม่อำนวย ถึงแม้จะมีเครื่องที่แรงกว่าก็ตาม แต่ก็ไม่ชัวกับความคิดนี้เช่นกัน
-
เก๋งจูงเป็นครั้งคราวพอได้นะ
เคยเห็นช่วงที่เบนซ์ โปรโมต อีคลาสใหม่ๆ เขาก็เอา E55AMG ไปลากจูงเรือนะ
แต่หลังจากถ่ายภาพเสร็จ ไม่รู้อะไรพังไปบ้าง
วิ่งทุกๆวัน ผมว่า
1.ช่วงล่างหลัง เพราะเวลาลูกพ่วงกระแทก จะมีแรงกระทำในทิศทาง ขนานกับพื้นถนนและตั้งฉากกับพื้นถนน แรงตั้งฉากจะทำให้ช้วงล่างหลังของเก๋งรับภาระมาก
2.เกียร์+เฟืองท้าย ไม่รู้เหมือนกันว่า ออกแบบมารับภาระหนักต่อเนื่องแค่ไหน อาจจะออกแบบมาให้ เร่งดีแค่พื้นราบก็ได้
ปล. ผมเคยรับจ้าง เอาลูกพ่วงไปบรรทุกรถเก๋งคันหนึ่งที่เสียบนดอยสุเทพ ลูกพ่วงไม่มีเบรคนะ รถลากเป็นไทรตันแค๊บ ขับสี่
ยังดีเอาตัวรอดมาได้ คาเกียร์2 (ไม่ใส่ขับสี่เพราะกลัวเพลาขาด) เลี้ยงเบรคเป็นระยะ พาเก๋งตันนึงลงมาแบบ เอ่อให้บรรทุกบนกระบะ2ตันแทนดีกว่า มันขับยากต่างจากบรรทุกบนกระบะอีกนะ
-
แล้วที่บอกว่าคำนวณ ทดเฟืองท้าย คำนวณยังไงครับ
หมายความว่า ให้นำแรงบิด คูณกับ อัตราทดของเฟืองท้าย คูณกับ อัตราทดของเกียร์ ที่ต้องการใช้
สมมติว่า เป็นรถขับหลัง มีเพลากลางละกันนะ
อัตราทดเฟืองท้ายเป็น 4:1 เพลากลางจะต้องหมุน4รอบ เพลาท้ายถึงจะหมุน1รอบ
อัตราทดเกียร์เป็น 3:1 เครื่องจะต้องหมุน3รอบ เพลากลางถึงจะหมุน1รอบ
ดังนั้น เครื่องจะต้องหมุน12รอบ เพลาท้ายถึงจะหมุน1รอบ
แรงบิดที่เพลาท้ายจึงเพิ่มขึ้นเป็น12เท่าของรอบเครื่อง ณ ตอนนั้น(คิดแบบไม่เอาfrictionมาคิดด้วยนะ)
หากว่าไม่ถูกต้องรบกวนท้วงติงด้วย ;D ไม่ได้เรียนมาทางนี้
อ้อ อีกอย่างก็คือแรงกดที่ล้อขับเคลื่อนก็มีผลด้วยเหมือนกันนะ
-
ดูขนาดฟลายวีล ด้วยน่ะครับ เครื่องยนต์ออกแบบ ตั้งแต่แรกไม่เหมือนกันล่ะครับ ถึงกำลังจะมากกว่า แต่โครงสร้างเสียเปรียบครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ พวกรถแทรกเตอร์ รถการเกษตรดิครับ แรงบิด แรงไม่ได้สูงมากมาย ได้ กำลังดีมาก
เครื่องคูโบต้า ยันมาร์ เครื่องนิดเดียว สูบเดียว กำลัง แรงบิด ..... บ้านเรา ยังเอามาทำ รถอีแต้น บรรทุก 2-3ตัน ขึ้นเขา หรือลากจูง สบายๆ หาดูได้ ตามภาคเหนือ และอีสาน
-
สมมุติ เอาเชือกผูกท้ายทั้ง 2 คัน แล้วดึงแข่งกัน
ยิ่งถ้าขับ 4 ด้วยกันทั้งคู่
เก๋ง หลุดเป็นชิ้นๆแน่ๆ
สมมุติ C Cdi แข่งกับ Vigo(เกียรธรรมดา)
ผมเชื่อว่า วีโก้ชนะ ไม่ได้ชนะเพราะแรงกว่า
แต่ชนะเพราะท้ายรถเก๋งจะหลุดออกมาเพราะมันไม่ได้ออกแบบมาให้ลากจูง
-
ถ้าคุณมีเงินซื้อ เก๋งแรงบิด 500 ได้ ผมว่า คุณต้องมีเงินสำรองไว้ซื้อกระบะ 1 ตันธรรมดาๆ ไว้ลากของได้แน่นอน
เพราะคุณคงไม่อยากเอาเก๋งราคาแพงคุณมาลากอะไรหนักๆ หรอกคับ จิงป่ะ?
ฉะนั้น ขึ้นอยู่กับสิ่งของที่จะลากแล้วล่ะครับ ว่า ลากเก๋ๆ (รถบ้าน หรือเจทสกี) หรือ ลากเพื่อการพาณิชย์