Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TheBestOrNothing ที่ มีนาคม 16, 2012, 18:10:06
-
เรื่องมันมีอยู่ว่า คุณพ่อผมเป็นคนที่เป็นห่วงความปลอดภัย+อยากให้เซลล์ที่บริษัทขับรถดีๆ
โดยใน1-2ปีที่ผ่านคุณพ่อผมได้ทำการเปลี่ยนรถยนต์ให้กับเซลล์+การเงิน เป็นรถรุ่นใหม่ในตลาดทั้งหมด
มีตั้งแต่
Ford Focus 2.0TDCI(2010) 2คัน + 1.8อีก1คัน (2011)
Camry 2.4Q(2009)
Nissan Teana 2.0(2011)
Vigo Cab รถ service 2คัน
แล้วล่าสุดที่จะมาในเร็วๆนี้ (2เซลล์คนใหม่+1การเงิน) Ford Fiesta 5dr Ultimate 2คัน +Ford Ranger 3.2 อีก1 คัน
โดยค่าน้ำมัน+ค่าซ่อมของตัวรถ+ยาง บริษัทจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด
เรื่องมันมีอยู่คือ คุณพ่อผมเริ่มสงสัยในตัวของเซลล์ 1-2 คน ที่ทำการเบิกค่าน้ำมันบ่อยครั้งมากๆ ที่ไม่สมเหตุสมผลกับระยะทางที่ควรใช้เดินทาง
รวมถึงใบสั่งที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด ที่ส่งมาเก็บเงินที่บริษัท ค่อนข้างบ่อย
ผมจึงได้แนะนำกับคุณพ่อว่า เราควรที่จะติดเจ้าตัว GPS ติดตามเอาไว้ในรถของบริษัทที่ให้กับเซลล์ทุกๆคัน เพื่อทำการดูข้อมูลการเดินทางคร่าวๆ
เพราะเซลล์หลายๆคนต้องขับรถไปเหนืออยู่บ่อยๆ รวมถึงบางทีต้องจอดรถทิ้งไว้ที่สนามบินต่างจังหวัดนั้นๆ ประมาณ 4-5วัน ก็มีบ้าง
ผมจึงคิดว่าการติดเจ้าตัว GPS ติดตามนี่ ประเด็นหลักๆ ไม่ใช่จ่องจับผิดลูกน้องแต่เพียงฝ่ายเดียว
แต่เป็นการกันกรณีรถหาย หรือดูแลลูกน้องกรณีต้องไปต่างจังหวัดคนเดียว (เซลล์มีผู้หญิงด้วยครับ) ก็อะไรประมาณนั้น
โดยคุณพ่อผมได้มีการแจ้งกับพนักงานให้รับรู้ รวมถึงให้ผมติดต่อ Supplier ในการติดตั้งตัว GPS ติดตามในเวลาเดียวกัน
โดยคุณพ่อผมแจ้งไว้เมื่อ 1-2อาทิตย์ที่แล้ว แต่ ณ เวลานั้นยังไม่มีใครแสดงอาการอะไรออกมา
แต่แล้วในอาทิตย์นี้ได้มีการเข้าประชุมตามปกติของบริษัท
ทางกลุ่มเซลล์หลายๆคนรวมถึง Sale Manager ได้รวมกลุ่มกัน แล้วชี้แจ้งข้อมูลมาค่อนข้างตรงๆประมาณว่า
"พวกผมคิดว่าการติดเครื่องติดตาม GPS มันจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ของพวกผมนะครับ พวกผมไม่ต้องการนะครับ"
คุณพ่อผมถึงกับของขึ้นเลยละครับ เมื่อเจอการชี้แจ้งเช่นนี้ โดยท้ายสุดแล้ว
กลุ่มเซลล์ก็ได้ชี้แจงว่า"กลุ่มพวกผมจะพยายามคุมงบให้อยู่ให้ได้เองครับ ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกครับ"
คุณพ่อผมจึงกลับบ้านมาบอกรายละเอียดให้ผมฟังอีกทีอะครับ
ผมเลยต้องคุยกับ Supplier ว่า Hold เรื่องไว้ก่อน ประมาณนั้นอะครับ
เลยอยากจะลองถามเพื่อนๆใน HLM รวมถึงสมาชิกบางท่านที่มีประสบการณ์เป็นเซลล์/เคยเป็น อะครับ ว่า ผมควรทำเช่นไรดีครับ
ผมเลยเห็นใจคุณพ่อเหมือนกันครับ ที่ต้องมาติดใจกับเรื่องของพนักงานอะครับ
ขอบคุณครับ
-
รถแต่ละคัน หรูกว่ารถหน่วยงานผมอีก... :D
ถ้าเป็นผม ผมก็คงแอบแว๊บ ไปรับสาว สักหน่อย ;) เพราะขนาดรถหน่วยผม เป็นรถยึด คดียาเสพติด (โทรมๆ เก่าๆ บ้าง) ผมยังแอบแว๊บ เอาไปเที่ยวเลย 555+
มาตรการ เด็ดขาด นั้นแหละครับ ถ้าให้แนะนำ (เพราะท่านเป็นเจ้าของบริษัท) นิสัยคนไทย ส่วนมาก มักหาวิธีหลบหลีก ไม่จบสิ้น
-
ธรรมดาครับ ทุจริตแล้วคนรู้ทัน ก็ไม่อยากให้ใครมาจับตามอง ใครดีก็เลี้ยง ใครจัญไรก็ไม่ต้องเลี้ยงให้เสียข้าวสุก
แต่ผมเห็นด้วย 1000 เปอร์เซนต์ว่าควรติดตั้ง GPS กับรถทุกคัน รถบรรทุกเขาใช้กันเยอะแยะแล้ว
คนเราแน่จริง โปร่งใสจริงไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ
เชือดไก้ให้ลิงดูสักตัว ผจก. เซลล์นั่นแหละตัวดีแทนที่จะทำตัวเป็นแบบอย่าง
บอกให้ไปหารายได้จากยอดขาย ไม่ใช่มาหาจาก mileage
แมร่ง คิดได้ไง ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล รถก็รถบริษัท เอาไม๊ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กับ จับได้ว่าทุจริตน่ะอันไหนจะไปก่อน
-
สำหรับผม รถทุกคันถือเป็นทรัพย์สินของบริษัทครับ ไม่ใช่ทรัพย์สินของพนักงาน
บางที่การที่เราเปิดฟรีให้กับพนักงานบริษัทมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดความเคยชินกับพฤติกรรมของตนเอง
รถแต่ละคันก็เป็นรถอย่างดีที่บริษัทอื่นไม่มีให้ขับ น้ำมัน ค่าสิ้นเปลืองบริษัทก็ออกให้ ผมว่าแค่ให้รถดีๆขับ นี้มันก็ถือว่าให้มากแล้วครับ
ถ้าพวกเขาไม่ต้องการ คราวนี้ลองดัดนิสัยให้เอารถออกไปขับเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น เรื่องส่วนตัวเอารถตัวเองไปขับ เอาให้ได้จิตสำนึกได้สะดุ้งบ้างก็ดีน่ะคับ
ผมว่าเอาความจริง เอาความรู้สึกที่คุณ Warit ต้องการจะสื่อ บอกไปกับพนักงานเลยครับ ผมเชื่อในวุฒิภาวะของคุณว่าคุณจะเอาอยู่ได้
เพราะลองอ่านที่คุณ Warit เขียนมา ผมว่าสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อ ไม่ได้ร้ายแรงอะไรครับ ถ้าพวกเค้าไม่ได้ต้องการจะเอารถไปทำอะไรที่มันไม่ดี ผมว่าคงไม่เดือดร้อนกันหรอกคับ
การใช้อำนาจควบคุมคนมากๆ บางทีก็ต้องเด็ดขาดบ้างครับ
-
เก็บข้อมูล ระยะทาง/น้ำมัน ของเซลส์ที่สงสัยเทียบกับเซลส์ปกติ
ถ้าผลออกมาแตกต่างมาก ก็เรียกพบส่วนตัว (ให้ฝ่ายงบประมาณคุยก็ได้) แล้วแสดงข้อมูล เพื่อเสนอให้ปรับพฤติกรรม และรับฟังคำแก้ต่างดูก่อนนะ
-
เก็บข้อมูล ระยะทาง/น้ำมัน ของเซลส์ที่สงสัยเทียบกับเซลส์ปกติ
ถ้าผลออกมาแตกต่างมาก ก็เรียกพบส่วนตัว (ให้ฝ่ายงบประมาณคุยก็ได้) แล้วแสดงข้อมูล เพื่อเสนอให้ปรับพฤติกรรม และรับฟังคำแก้ต่างดูก่อนนะ
เห็นด้วยครับ
-
ผมว่ามันชัดเจนอยู่ แค่เด็ดขาดซักหน่อยครับ
-
เท่าที่ติดตามอ่านมาตั้งแต่แรก ในการเลือกออกรถแต่ละคันให้เซลล์ ผมชอบบริษัทของคุณพ่อคุณมากครับ แลดูเอาใจใส่พนักงานดีมาก
จนผมอยากจะไปทำงานบริษัทคุณเลยทีเดียว ;D
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมว่า ทางเรามีแต่เจตนาดี และมันก็เป็นสิทธิ์ของเราครับ รถก็รถของบริษัท ทำไมจะติดตั้ง GPS ลงไปไม่ได้
ในเคสนี้ ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ยอมอ่อนให้ครับ เพราะเมื่อมี 1 เดี๋ยวก็ต้องมี 2
ขอบคุณครับ ;)
-
สิ่งที่น่ากังวลคือการที่กลุ่มพนักงานรวมตัวกันต่อต้านนั่นแหละครับ แต่ผมว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะบอกว่าละเมิดสิทธิครับ ไม่เช่นนั้นพวกรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ หรืออื่นๆทั่วไปจะมี GPS ติดรถไว้เพื่ออะไรครับ เขาไม่ได้มีไว้ต้องการรู้ว่าพนักงานไปไหน อย่างไร ใดๆ แต่เขาติด GPS ไว้ที่รถเพื่อดูว่าการใช้งานรถนั้นไปที่ไหน สามารถ track ได้ เช่นอยู่ดีๆ วันทำงานก็ track เข้าไปดูเลยว่าคันนี้ไปตามจุดๆนี้ที่พูดไว้หรือไม่ เป็น random check ไปในตัวด้วยครับ และหากรถสูญหาย ถูกขโมย ก็เป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่สามารถเอาไว้ใช้ได้ครับ แต่ที่ต้องกังวลคือหากติดตั้งเรียบร้อย ก็ต้องคอยดูแลให้ใช้งานได้สม่ำเสมอนะครับ ผมว่าในฐานะที่คุณเป็นเจ้า่ของบริษัท ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ดูแลบริษัท แต่ต้องคอยดูแลทั้งทรัพย์สิน และกิจการของบริษัทคุณครับ เรามีสิทธิอยู่แล้วครับ หากพนักงา่นไม่ตั้งใจโกง เราอธิบายเหตุผลให้เขารู้ว่าเพื่อความปลอดภัย เลี่ยงการบอกว่าเราอยากเช็คเรื่องค่าน้ำมัน ผมว่าเขามีสิทธิห้าม แต่ไม่มีสิทธิตัดสินใจนะครับ
-
ถ้าเปนผมๆจะไม่บอกกับพนักงานหรอกครับว่าจะติด Gps ผมว่าแอบติดอ่ะจะดี ไม่มีใครรู้ความเคลื่อนไหวตนเองด้วย มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ เพราะถ้าบอกไปก็จะเป็นอย่างกรณีคุณพ่อพี่น่ะครับ แต่เมื่อเกิดขึ้นไปแล้ว ก็ดีครับ มันจะได้ไม่กล้าทำอะไร แต่สิ่งที่กลัวก็คือมันจะประท้วงน่ะสิครับ ทีนี้แหละเรื่องใหญ่เลย แล้วทีนี้ต้องมานั่งเคลียร์ยาวเลยทีเดียว
-
วิธีที่ง่ายและเห็นใช้กันหลายบริษัทคือ ให้คู่มือการใช้รถกับพนักงาน แล้วให้จดรายละเอียดการใช้รถว่า เติมน้ำมันเท่าไหร่ ที่ไหน ขอบิลด้วย ตอนเติมเลขไมล์เท่าไหร่ ใช้รถไปไหนระยะทางกี่โลเมตร เวลาเท่าไหร่
แค่นี้ก็น่าจะเป็นการควบคุมการใช้รถได้ประมาณหนึ่งแล้วล่ะครับ เพราะการที่เราให้เค้าจดละเอียดขนาดนี้ เค้าจะตระหนักเองว่าบริษัทต้องมีการตรวจสอบการใช้รถแน่ เค้าจึงมักจะไม่นำรถไปใช้นอกเส้นทาง หรือนำไปใช้ส่วนตัว
-
ให้ค่าน้ำมันเป็นเดือนครับ
ตามราคาความเป็นไปได้
-
ตาม คห ด้านบนๆเลยครับ
ส่วนเรื่องละเมิดส่วนตัว ผมว่าไม่นะครับ อย่างรถที่ใช้ขนส่งของต่างๆอย่างพวกรถบรรทุกก็มีติดเยอะแยะไปครับ ทั้ง GPS ทั้งเครื่องควบคุมความเร็ว
ผมว่างานนี้ต้องเลือก 2 อย่าง ระหว่าง กดค่าใช้จ่ายให้ต่ำลงมา หรือ ให้จดสถานที่ที่ไปอย่างละเอียด (อย่างเวลา vender มาหาผมที่โรงงาน เค้าก็จะมีสมุดเล่มนึงมาให้ผมเซ็น เพื่อเช็คว่าเค้ามาหาเราจริงครับ)
หรืออีกอย่างนึงคือ ไม่ต้องสนใจ ติดไปเลย
-
มันจะเรียกว่าละเมืดได้ไงรถ+น้ำมัน+การดูแลมันเป็นของเราคุณเป็นพนักงานมีหน้าที่ทำตามทำไม่ได้ก็หางานใหม่ บ.พ่อผมก็มำแบบนี้แต่ขอผมมันรถหัว
ลาก หรือไม่ก็ติดแบบไม่รู้ตัวผมทำอยู่โดยการเรียกรถกับมาและให้หยุดงาน2วันและส่งรถไปทำข้างนอก บ. รองทำดูครับ
-
การจด log sheet อย่างละเอียดนั้นเป็นการเพิ่มภาระให้มากขึ้นไปอีก ไม่มีใครอยากมานั่งจดหรอก ต่อให้จดมา เราก็เชื่อถือไม่ได้
ให้ควบคุมตามระยะทางที่เหมาะสมดีกว่าครับ รู้ๆกันอยู่ว่าลูกค้าอยู่ไหน ใกลเท่าไหร่
-
เห็นควรที่จะติดครับ เขาออกแบบมาเพื่อการนี้ด้วยครับ
เช่นที่ติดข้างรถหลวง ว่าใช้ในราชการเท่านั้น
ผมรู้จักคนทำงานเอกชนหลายคนเห็นขับรถบริษัทไปธุระส่วนตัวประจำ เจอบ่อยๆไปหาพ่อ แม่ต่างจังหวัด ผมถามไม่รุ้สึกอะไรเหรอ ใช้รถเขาแถมเอาบิลไปเบิกนำ้มันเขาอีกกับธุระส่วนตัว เขาบอกก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น
ดุแล้วเหมือนกันทั้งราชการ และ เอกชน เลย ....
-
เซลมาใหม่นำร่องไปก่อนครับ
ติด GPS หรือให้ ค่าน้ำมันเป็นเดือน
แล้วคนเก่าไม่ยอมรับข้อเสนอ คนไหนโกงมาก เชือดก่อน มันจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย พนักงานทุกคนต้องยอมรับอยู่แล้ว ถ้ารักบริษัทจริง มันรถของบริษัท จะเมิดได้ไง ให้รถดีดีขับเคยตัวมาก พ่อของคุณไม่แข็งด้วยซิ พนักเลยได้ใจ
-
คล้ายๆ กะบริษัทที่ผมทำงานเลย เซลล์ในบริษัทผมมีเยอะมาก แต่ไม่มีปัญหานีเลย..เพราะ
บริษัทไม่มีรถให้เซลล์เลย....แม้แต่คันเดียว
เซลล์ทุกคนต้องใช้รถส่วนตัว..และบริษัทให้ค่าใช้จ่ายเป็นกิโลเมตร เช่น x.xx บาท / กม.
แต่ละเดือนวิ่งไปเท่าไหร่ก็ไปทำเบิกมาเอง...แต่อย่าคิดว่าจะตุกติกง่ายนะ...ให้ตามความเหมาะสมครับเขาเช็ค google earth อยู่ใครเสนอตัวเลขมาไม่สมเหตุสมผลต้องชี้แจงให้ได้นะ
และให้เฉพาะการขับรถไปหาติดต่อลูกค้าเท่านั้น วิ่งมาออฟฟิสไม่เกี่ยวเบิกไม่ได้ และใครวิ่งมากๆ แต่ผลงานไม่ออกยอดไม่ได้ก็ ส่อเจตนาอยู่
วิธีนี้ลดค่าใช้จ่ายแฝงได้เยอะครับ อยู่หมัดทีเดียวแหละ
ไม่ต้องเปลืองค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกัน ภาษี อุบัติเหตุ ค่าปรับ...เพราะแต่ละคนใช้รถเอง ใครจะอยากทำแบบนั้น
-
เรื่องใบสั่งปกติครับเพราะคิดว่าใช้ความเร็วในการเดินทางนั้นธรรมดา แต่เรื่องไม่ปกติคือเบิกค่าน้ำมันครับแค่นั้นที่ส่งผลต่อเรื่องความไว้วางใจ
-
การจด log sheet อย่างละเอียดนั้นเป็นการเพิ่มภาระให้มากขึ้นไปอีก ไม่มีใครอยากมานั่งจดหรอก ต่อให้จดมา เราก็เชื่อถือไม่ได้
ให้ควบคุมตามระยะทางที่เหมาะสมดีกว่าครับ รู้ๆกันอยู่ว่าลูกค้าอยู่ไหน ใกลเท่าไหร่
ไม่ได้เป็นภาระเลยครับ แค่ก่อนออกรถบันทึกเลขไมล์กับเวลาไว้ พอไปถึงจุดหมายก็จดเลขไมล์และเวลา เติมน้ำมันก็จดเลขไมล์กับขอบิลไว้ การทำงานที่ต้องใช้รถก็ทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะรถไม่ใช่รถส่วนตัวของเรา เป็นรถบริษัท มันไม่ได้เสียเวลามาก ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำครับ ทำเพื่อให้พนักงานได้ตระหนักไงครับ ว่ามีการตรวจสอบการใช้รถ
เพราะสิ่งที่บันทึกมันต้องสอดคล้องกับภารกิจที่บริษัทมอบหมาย การเมคขึ้นมาอาจมี แต่มีน้อย เพราะต้องบันทึกให้สอดคล้องกับธุระที่จะไป
-
บอกไปเลยว่าเราไม่ได้ติดตามคุณ แต่เราติดตามรถของเรา ไปจอดที่ไหน ใครขโมยไป ใครรับผิดชอบบบบ ห๊าาา ฮ่าๆ
-
บริษัทเก่าผมทุกคันติด GPS หมดครับ..
แล้วแผนกผมก็เป็นแผนกที่คอยมอนิเตอร์รถทุกคันด้วยครับ..
ส่วนตัวผมคิดว่า เหตุผลที่บอกว่า "มันจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล" มันดูไม่หนักแน่นพอที่จะไม่ให้ติดน่ะครับ
เพราะรถก็เป็นรถของบริษัทเรา เราก็มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบทรัพย์สินที่เป็นของเราได้..
และถ้าออกต่างจังหวัด ช่วงหลังเลิกงานก็ไม่มีใครคอยมอนิเตอร์หลังตอนเย็นไปแล้วครับ..
ถ้าเป็นผม ผมคิดว่าต้องติดครับ..
-
การจด log sheet อย่างละเอียดนั้นเป็นการเพิ่มภาระให้มากขึ้นไปอีก ไม่มีใครอยากมานั่งจดหรอก ต่อให้จดมา เราก็เชื่อถือไม่ได้
ให้ควบคุมตามระยะทางที่เหมาะสมดีกว่าครับ รู้ๆกันอยู่ว่าลูกค้าอยู่ไหน ใกลเท่าไหร่
ไม่ได้เป็นภาระเลยครับ แค่ก่อนออกรถบันทึกเลขไมล์กับเวลาไว้ พอไปถึงจุดหมายก็จดเลขไมล์และเวลา เติมน้ำมันก็จดเลขไมล์กับขอบิลไว้ การทำงานที่ต้องใช้รถก็ทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะรถไม่ใช่รถส่วนตัวของเรา เป็นรถบริษัท มันไม่ได้เสียเวลามาก ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำครับ ทำเพื่อให้พนักงานได้ตระหนักไงครับ ว่ามีการตรวจสอบการใช้รถ
เพราะสิ่งที่บันทึกมันต้องสอดคล้องกับภารกิจที่บริษัทมอบหมาย การเมคขึ้นมาอาจมี แต่มีน้อย เพราะต้องบันทึกให้สอดคล้องกับธุระที่จะไป
โทษทีครับผมคิดลึกไปนิดหนึ่ง จริงๆตอนนี้ที่บริษัทก็ใช้แค่วิธีนี้ เพียงแต่ไม่ได้จด กม. เริ่มเดินทางและ กลับบริษัท
จดแค่วิ่งไปกลับกี่กิโลเท่านั้น
เช่น บริษัทให้ กม.ละ 7 บาท วิ่งไป-กลับ สระบุรี ราว 200 กม. ก็เบิก 200 x 7.00 = 1400 บาท
แต่ไม่จด ว่าเริ่มที่เลข กม.ที่ xxxx ถึง กม.ที่ xxxx กม. ตามหน้าปัทม์ เราจดกันเฉพาะว่า จำนวน กม. ที่วิ่งไปนั้นเท่าไหร่ บางทีเส้นทางที่เคยไปแล้วเราก็ไม่จดเบิกได้เลย
เพราะบริษัทไม่ได้มาตรวจสอบ กม. ตามหน้าปัทม์
-
ผมว่า รถบริษัทคุณ คุณมีสิทธิติดครับ
ถ้าไม่อยากติดก็ให้ใช้รถของพนักงานเองครับ
แฟนผมก็ใช้รถเอง เติมน้ำมัน เบิกบริษัทได้ เติมแก้สเบิกไม่ได้ แต่ถ้าใช้น้ำมันอย่างเดียว ก็ตายครับ เดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 ได้
แต่ค่าน้ำมันบริษัทให้แค่ 10,000 เอง ฉะนั้น จึงต้องซิกเติมแก้สแล้วเอาบิลน้ำมันเบิกแทนซึ่งก็ เบิกไม่เต็มที่บริษัทให้มาอยู่ดี
อ่อ ค่าทางด่วน ทางพิเศษ ค่าจอดรถบริษัทแฟนก็เบิกไม่ได้ ด้วยครับ
เห็นของบริษัทนี้แล้ว น่าทำงานมากครับ
-
ไม่งั้นก็ต้องใช้วิธีการบันทึกเลขไมล์เอาครับ
โดยให้ฝ่ายบัญชี เป็นคนจัดการ
คำนวณคร่าวๆ ค่าใช้จ่าย/กิโลเมตร
มันสามารถยันกันได้ ครับ
-
รถเป็นทรัพย์สินของบริษัทครับ ดังนั้นบริษัทสามารถจะทำอะไรกับรถก็ได้ กรณีที่ติดบริษัทคุณอยากติดGPSแล้วพนักงานอ้างว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั้นผมว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเพราะทางบริษัทไม่ได้นำGPSติดตัวไปกับเซลล์ทุกที่ทุกเวลาสักหน่อย ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลครับ ถือว่าเป็นการทำไปเพื่อรักษาสมบัติและผลประโยชน์ของบริษัทครับ ถ้าเค้ากระเหี้ยนกระหือรือมากนักก็ต้องมีการเชือดไก่ให้ลิงดูสักหน่อย ;D
-
ไม่มีความซื่อสัตย์เอาเสียเลยครับ ตั้งแต่ลูกน้องยันผู้จัดการ ทุจริตแล้วมีหน้ามาแถ สุดๆครับ
บริษัทท่าน ถ้าผมเป็นลูกค้า ผมคงไม่เชื่อถือครับ ขายอะไรจะโกงอีกเท่าไหร่ครับ
ขอบ่นล่ะกันครับ ในแง่การบริหาร ถ้าอยากเอาคนพวกนี้ไว้ งานไม่สะดุดก็คงต้องยอมไปครับ
แต่ถ้าไม่ไหวล่ะกับการกระทำ ก็คงต้องเรียกคุยไปรายบุคคลครับ
เพราะเหตุผลที่พูดมา ฟังไม่ขึ้นน่ะครับ
:'( :'( :'(
-
เห็นด้วยครับควรติด GPS จะสามารถติดตามได้ว่าอยู่ไหน ช่วยได้ในกรณีรถหาย หรือพนักงานขาดการติดต่อ ถ้าพนักงานรวมตัวกันออกมาพูดแบบ
นี้แสดงว่า อาจจะนำเอารถใช้ส่วนตัว ไปเที่ยวเล่นบ้างอะไรบ้าง แล้วมาเบิกค่าน้ำมันต่างๆที่บริษัท รถ บ. อื่นๆ เค้าก็ติดกันครับ ติดแบบไม่บอกพนักงานด้วย ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลครับ รถเป็นสมบัติและผลประโยชน์ของบริษัท เป็นเจ้าของบริษัทมีสิทธิทำได้ทุกอย่างกับรถ พนักงานไม่อำนาจที่จะต่อรองเรื่องตรงนี้
-
สวัสดิการที่ให้มาสุดยอดมากครับ :D
บริษัทเก่าผมหารถเองแต่ให้ค่าน้ำมัน มือถือ และประกัน
เอง
ถ้าไม่ไหวจริงๆ และคิดว่าเราคุมได้ ก็หาทีมขายใหม่ได้ครับ
มีคนอยากทำงานขายอีกมาก แต่ไม่มีโอกาสได้ทำครับ
-
ถ้าเป็นผม
ผมติดสติกเกอร์บริษัทรอบคันเลยคับ
ให้คนอื่นเค้ารู้ไปว่าบริษัทเราใช้รถดีขนาดไหน?
ประมาณนี้คับ (เป็นชื่อบริษัทเรา)
(http://upic.me/i/ib/lh001.gif)
บ้างครั้งการให้รถดีเกินไปพนักงานก็อาจจะเอาไปขับอวดคนอื่น ขับไปนู่นไปนี่ว่าเป็นรถตัวเองก็ได้คับ
เช่นไปรับสาว ไป ฯลฯ มันทำให้พนักงานติดนิสัยคับ
เราติดชื่อบริษัทเราไว้เวลาขับไปไหน เค้าก็ยังรู้ตัวบ้างว่ารถของบริษัท ไม่ใช่รถของตัวเค้าเอง
เวลาหายก็ติดตามง่ายด้วยคับ ถ้าเค้าไม่ยอมให้ติดสติกเกอร์บริษัทให้รู้ไป
ยิ่ง Camry 2.4Q(2010)
Nissan Teana 2.0(2011) นี่ :D
-
แนะนำว่า ต้องติดเพื่อความปลอดภัยครับ
ส่วนเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ก็บอกว่า ถ้ายังงั้นก็ให้ใช้รถตัวเอง เบิกได้แต่ค่าน้ำมัน
-
ผมว่าพนักงานไม่มีสิทธิมาบอกว่าละเมิดนะครับ เพราะไม่ใช่รถส่วนตัวของเค้า
นอกเรื่องนิดนึงนะครับ บ. ทำเกี่ยวกับอะไรครับ
-
แนะนำว่า ต้องติดเพื่อความปลอดภัยครับ
ส่วนเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ก็บอกว่า ถ้ายังงั้นก็ให้ใช้รถตัวเอง เบิกได้แต่ค่าน้ำมัน
เห็นด้วยครับ อยากเป็นส่วนตัว หารถมาเองเลย แล้วออกค่าบำรุงรักษาให้ครับ
-
ไม่แน่ใจว่าตอนเริ่มคุยเป็นไปในลักษณะไหน เขาถึงได้ไปรู้สึกว่าเรากำลังจะไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเขาน่ะครับ
จริงจริง ผมว่าถ้ามันจะขัดแย้งกันแบบนี้ Hold เรื่องไว้ก่อนก็ดีครับ
แล้วลองคุยส่วนตัวกับพนักงานที่กำลังสงสัยเรื่องค่าน้ำมัน และความเร็วสูงสุดดีกว่า
ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร บางทีอาจจะแก้ไขได้ราบรื่นกว่าครับ
ลองให้เค้าพูดออกมาเองก่อน แล้วถ้าสุดวิสัยจริงจริงค่อยเอาหลักฐานแต่ละชิ้นออกมาให้เค้ารับทราบว่าเรารู้
ผมไม่ค่อยสบายใจมากกว่า กับการที่พนักงานมารวมตัวกันบอกว่า "เขาจะคุมงบให้เอง"
เพราะพอเป้าหมายของพนักงานเป็นแบบนี้แล้ว ก็จะเริ่มทำอะไรให้งบถูก งบน้อย
ผลเสียของการทำ Cost Cutting โดยพนักงาน ที่ไม่ได้เข้าใจภาพรวมของธุรกิจ
และทำเพื่อ incentive ของตัวเองมากกว่าของบริษัทในภาพรวม จะทำให้ผลเสียตกกับบริษัท
ผมยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น กรณีเบิกค่าน้ำมันเกินกว่าที่ควร
ต่อไปนี้ เซลส์อาจจะไม่ยอมวิ่งไปไหนไกลไกล เพื่อพบลูกค้าก็ได้ ถ้าไม่ได้ชัวร์ว่าจะได้ยอด เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ ระยะสั้นอาจจะไม่เห็นผล แต่พอระยะยาวขึ้นไปแล้ว เราจะเสียความสัมพันธ์กับลูกค้าไปหมดครับ
อีกเรื่องนึงคือ เรื่องความเป็นส่วนตัว ผมเหมือนกับจะจำได้ว่า เลขาฯ หรือพนักงานอื่นที่ไม่ใช่เซลส์ก็ได้รถด้วยใช่มั้ยครับ
อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้รึเปล่า ที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่า เค้าใช้รถคันนี้ตลอดเวลากับตัวเอง ทั้งทำงานและส่วนตัว
เลยไม่ต้องการให้มีการติดตามตลอดเวลา ถ้าเป็นแบบนี้ผมเข้าใจได้นะครับ แต่ถ้ากลับกัน รถคันนี้มีหน้าที่คือ
จอดทิ้งไว้ที่บริษัท พอเวลางานก็มาขับออกไป เย็นก็กลับมาคืนไว้ อันนี้ผมว่าก็แปลกแปลก ต้องลองดูสิ่งแวดล้อมประกอบด้วยครับ
ผมแนะนำอีกนิดนึง นอกจากเรื่องน้ำมันคือ เรื่องความเร็วเกินกฎหมายกำหนด หรือใบสั่งอื่นอื่นนะครับ
ผมอยากให้พนักงานที่ขับเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องใบสั่งเองครับ ถ้าขับเร็วถูกจับก็จ่ายเอง จอดในที่ห้ามจอดโดนใบสั่งก็จ่ายเอง
แบบนี้มันเป็น Self-Mechanism ให้เค้าระวังตัวเองครับ ไม่งั้นแล้วเค้าจะขับยังไงก็ได้ ไม่ต้องสนใจอะไร ไม่ใช่เงินฉัน
แล้วถ้ารถเกิดอุบัติเหตุ ด้วยความประมาท ก็จะต้องรับผิดชอบส่วนหนึ่งด้วยครับ จะได้ดูแลรักษารถ ไม่ใช่ถลุงกัน
รุ่นพี่ที่ผมรู้จักกัน แกเป็นเจ้าของกิจการ แกเคยบอกว่าวิธีนึงที่จะให้ลูกน้องรักษารถก็คือ
แกบอกว่า แกจะยกรถคันนี้ให้ลูกน้อง หลังจากครบกำหนดอายุรถบริษัท ดังนั้น อยากได้รถสภาพไหนก็ดูแลกันเอง
ผลก็เปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้นนะครับ
-
เป็นเจ้านาย อย่าไปกลัวลูกน้องครับ
เราไม่ได้เอาเปรียบเขา แต่อย่าให้เขาเอาเปรียบเรา
ก็ถ้าสุจริตใจ ลูกน้องทำไมต้องกลัว
ถ้าเขาขอลาออก ก็ให้ออกไปเลยครับ
เพราะยังงัยก็หาได้ใหม่อยู่วันยังค่ำ
(ถ้าเรามั่นใจในธรรมาภิบาลท ี่เรามีอยู่)
-
เป็นผมๆติดแน่นอน100%
-
อ่านแล้วอยากไปทำงานบริษัทนี้เลย เหอๆ..
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ทีละประเด็น..
- กรณีติด GPS ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธินะครับ ถ้าสิทธิความเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวเป็นของบริษัท ไม่ผิดกฏหมายแน่นอน ฟันธง
อันนี้แบ่งปันของบริษัทที่ผมทำงานอยู่นะครับ
ปกติ จะไม่มีรถให้ Sales ครับ มีแต่รถประจำตำแหน่งผู้บริหาร (เดี๋ยวผมแบ่งปันให้อ่านอีกที)
เอาของ Sales ก่อนนะครับ
- ที่บริษัทที่ผมทำงาน เขาจะระบุตอนรับสมัคร Sale เลยว่าต้องมีรถส่วนตัว (ของ Sale เอง)
- และจะมีสวัสดิการให้สำหรับ Sale (ส่วนที่เกี่ยวกับรถ) ดังนี้ คือ
- ค่าน้ำมันรถ (บริษัทให้เป็น Fleet Card เติมได้ 200 ลิตรต่อเดือน)
- ค่าประกันรถ (บริษัทออกให้ 20,000 บาท/ปี โดยถ้าประกันเกินกว่านี้ Sale ต้องออกเอง {ส่วนต่าง})
- ค่าเสื่อมรถ บริษัทจะโอนเข้าบัญชีให้ Sale ทุกๆ 4 เดือน ราวๆ 4-5 พันบาท/ครั้ง
- ค่าทางด่วน ค่าที่จอดรถเวลาไปพบลูกค้า เบิกได้ตามจริง (ตามใบเสร็จ)
ส่วนกรณีรถผู้บริหาร จะแบ่งเป็น 2 แบบ
- รถบริษัท (แบบมีคนขับให้) สำหรับผู้บริหารระดับสูง อันนี้ไม่มีติด GPS ครับ ซึ่งบริษัทจะเปลี่ยนให้ทุก 3-4 ปี พอเปลี่ยนแล้ว คันเก่าจะประกาศขาย โดยให้สิทธิฺ์ฺ์ผู้บริหารที่เคยใช้ท่านนั้นๆ ก่อนว่าจะซื้อหรือไม่ แล้วค่อยประมูลกันสำหรับพนักงานต่อไป
- รถส่วนตัวผู้บริหาร (แบบไม่มีคนขับให้) สำหรับผู้บริหารระดับกลาง บริษัทจะออกเงินดาวน์ให้ ถ้าไม่ผิดพลาดน่าจะประมาณ 8-9 แสน แล้วที่เหลือผู้บริหารผ่อนต่อเอง ถ้าอยากได้รุ่นแพงมากๆ ผู้บริหารก็ต้องโปะเงินดาวน์เอาเอง.. ซึ่งให้สิทธิ์แค่ครั้งดียว สำหรับระดับบริหารท่านนั้นๆ ซึงค่าน้ำมันเบิกไม่ได้นะครับ
เผื่อมีประโยชน์กับเจ้าของกระทู้ครับ
(^^")
-
ติดเถอะครับ
สำหรับรถบริษํทผมว่า GPS กับกล้องวงจรปิดเป็นสิ่งที่สมควรติดอย่างยิ่ง
เรื่องการควบคุมความประพฤติพนักงานที่ใช้รถนั้นก็เป็นส่วนนึง เรื่องหลักน่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยที่ได้ประโยชน์เต็มๆ
ส่วนเรื่องละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนี่มันยังฟังดูแปลกๆชอบกล รถก็ของบริษัท น้ำมันก็ของบริษัท แล้วมันละเมิดตรงไหนงงจริง
ผมว่าท้ายที่สุดแล้วคงไม่มีใครกล้าประท้วงอะไรรุนแรง ใครๆก็หวงงานตัวเองทั้งนั้น เกิดโดนไล่ออกใครจะรับผิดชอบล่ะ
ขอชื่นชมบริษัทคุณครับ
รถแต่ละคันเจ๋งจริง
เป็นบริษัทผมคงได้ vios altis รุ่น J แน่นอน 555++
-
ถ้าเซลไม่พอใจ แล้วจะลาออก บอกนะครับ ผมอยากหางานใหม่อยู่ แหะๆ
-
ประเด็นคือ สงสัยว่าพนักงานนำรถไปใช้นอกเวลา ตอบได้เลยว่า "แน่นอนครับ" มันต้องมีบ้าง
ถามว่าจะตรวจสอบอย่างไร ประเด็นที่พนักงานเอารถบริษัทไปใช้นอกเวลาต้องเกิดผลเสียแน่ๆ
หนึ่ง ที่ชัด คือ เบิกค่าน้ำมันเกินขนาด
แต่ สอง ที่ต้องระวังคือ รถจะโทรมเร็ว ต้องเข้าเซอร์วิสบ่อยกว่าปกติ เกิดค่าใช้จ่าย
ไม่ต้องไปใช้ GPS อะไรหรอก ถ้าแคร์แค่ข้อแรก ก็แค่
หนึ่ง คำนวณว่า พนักงานใช้รถไปกี่กิโลในการ "ทำงาน"
สอง คำนวณว่า รถนั้นกินน้ำมันเฉลี่ยประมาณกี่ลิตรในการขับแบบ "คนปกติ" เพราะรถบริษัท น้ำมันฟรี หากรถแรง เค้าเหยียบเต็มแน่นอนครับ
สาม คำนวณออกมาว่า หนึ่งเดือนต้องใช้น้ำมันกี่ลิตร แล้วก็จ่ายค่าน้ำมันตามจริง "เป็นลิตร"
นี่คือสิ่งที่บริษัทข้ามชาติใหญ่ๆทำกัน และที่สำคัญ รถเป็นรถพนักงานเองด้วยครับ
เค้าคำนวณน้ำมันเป็นลิตร โดยไม่ดูด้วยซ้ำไปว่า รถกินน้ำมันกี่ลิตร
ถามว่าปัญหาคืออะไร ผมว่าปัญหาคือ พนักงานไม่ได้มองเลยว่า บริษัทคือบ้านของตัวเอง
ไม่มีความรัก ไม่มีส่วนรวม มีแต่ "ส่วนตัว" คนแบบนี้ พูดแบบนี้ ผมเป็นเจ้านายผมเอาออกอย่างเดียว
-
ถ้าเซลไม่พอใจ แล้วจะลาออก บอกนะครับ ผมอยากหางานใหม่อยู่ แหะๆ
บวกหนึ่งครับ ;)
ผมว่าบางที การให้รถเขาอาจจะไม่ชอบหรือเปล่า เช่น รู้สึกว่าค่ารถเอามาจ่ายเป็นค่าคอมขาย คอมเก็บ Insensive ดีกว่า
เขาเลยใช้รถแบบเป็นของตนเองเลยครับ
-
ผมว่าเหตุผลฟังไม่ขึ้นน่ะครับ รถของบริษัทก็ต้องเป็นทรัพย์สินของบริษัท ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของเซล จะว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลคงไม่ใช่ ต่อให้เซลรวมตัวไปฟ้องศาลด้วยประเด็นนี้ศาลก็ยกฟ้องครับ ส่วนตัวผมคิดว่าGPSติดไปเลยครับ เพื่อความสบายใจของเราเองด้วย ;)
-
ยิ่งอ่าน. คคห แล้วก็อมยิ้มไปครับสนุกดี
มองแต่วิธีการลืมเป้าหมายไปหรือเปล่าครับ
มีเซลล์ไว้ทำไมครับ มีไว้ให้เขารายงานพฤติกรรมมาให้คุณทราบเหรอครับ?
ผมมีความเห็น2ข้อครับ
1.เซลล์มีไว้ทำยอดขาย ถ้าเขามียอดขายที่คุณพอใจ ต่อให้เขาขับรถไปเที่ยวทะเลทุกวันมันก็เรื่องของเขา ผมไม่ยุ่งครับ
2.ค่าน้ำมันถ้าอยากประหยัดก็กำหนดวงเงิน จะ/เดือน หรือ/ยอดการขายก็ว่าไปเพราะมันคือต้นทุนของบริษัท
อยากติดGPS ติดกล้องวงจรปิดก็ติดไปเถอะครับ พนันอะไรก็ได้ว่าไม่ได้ส่งเสริมการทำงานของเซลล์อย่างแน่นอน
ปล.ที่รถบรรทุกเขาติด GPS. จุดหลักเพื่อยืนยันสถานะขนส่ง ถ้าวิ่งแต่หัวลากเปล่าเขาไม่ได้สนใจคุณหรอก
-
สำหรับผม...
" ตามใจเซลล์ครับ "
*************************************************************
มรึงจะขับรถไปทำอะไรที่ไหน เรื่องของมรึง !
แต่มรึงต้องทำยอดขายให้กรูได้กำไรมากๆ ตามที่กำหนดไว้ นั่นคือเป้าหมายที่ต้องการของกรู !
ถ้าทำไม่ได้ ... มรึงเตรียมหางานใหม่ สั้นๆ จบ
*************************************************************
รักษาคนเก่งๆ ไว้เถอะครับ เพราะคนเก่งๆ มีไม่มาก
ถึงมีเงินอาจจะจ้างคนเก่งให้อยู่กับเราไม่ได้ ถ้าไม่สามารถซื้อใจเขาได้
แต่ มีเงินสามารถซื้อรถใหม่ เมื่อไรก็ได้ (ก็เงินจากเซลล์ที่หาให้เรานั่นแหละ)
-
ถ้าเซลไม่พอใจ แล้วจะลาออก บอกนะครับ ผมอยากหางานใหม่อยู่ แหะๆ
;) ;) ;) ความคิดที่ดีครับ ผมไม่เรื่องมากด้วย ;D ;D ;D
-
เห็นสมควรลงทุนติดไปเถอะครับ
-
แล้วแต่มองครับ
ตัวผมเองถ้าทรัพย์สินบริษัทผมติดแน่ เพราะว่าผมติดไว้กันรถหายครับ
ถ้าผมเป็นเซลส์ผมก็ไม่ติดใจอะไรถ้าจะติดสัญญาณ GPS กับรถของบริษัทเอง เป็นรถผม ผมไม่ให้ติด
อีกอย่าง ผมคิดว่าบริษัทไม่มานั่งจุกจิกหรอกว่าคุณไปรัชดา หรือพระราม 9 มา จะไปดำผุดดำว่ายที่ไหนก็เชิญ
ตราบใดที่ผลงานออกมาประทับใจครับ
ผลงานไม่ดี อีกเรื่องครับ เรียกมาตักเตือนบ้าง ปกติ
-
ติดไปเถอะครับทางบริษัทลงทุนให้ใช้ของดีๆที่หาได้ยากมากในที่อื่นๆขนาดนี้แล้วยังจะถึงขนาดกล้าพูดเรื่องละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกับเจ้าของบริษัทแบบนี้อีก อวดดีกันเกินไปทั้งๆที่แห่งอื่นๆแทบทุกที่เค้าติดGPSกันหมดแล้ว ถ้าเค้ารับไม่ได้ก็ปล่อยเค้าไปเถอะครับแล้วหาคนใหม่มาแทนเอา สันดานของอาชีพเซลพดตามตรงว่าไว้ใจไม่ค่อยได้ เราไม่รู้ว่าพวกนี้จะเอารถไปทำอะไรบ้างในยามลับตา ส่วนตัวแล้วผมคือคติคนซื่อสัตย์มีคุณค่ามากกว่าคนเก่ง ก้าวช้าๆแต่มั่นคงจะดีกว่า พอจะเห็นมาบ้างกับเจ้านายที่รู้ว่าเจ้าน้องไม่ซื่อสัตย์แต่ยังเก็บไว้เพราะถือว่าทำงานดีฉลาด แต่หารู้ไม่ว่าพอมีโอกาสมันแอบเอาเงินของบริษัทไปใช้สูญเสียแทบจะเทียบเท่ากับประโยชน์ที่มันทำให้แล้ว
-
ผมว่ามาถึงขั้นนี้ "ต้องติดเท่านั้น" ครับ
มันจะช่วยได้ หรือช่วยไม่ได้ ก็ต้องติดครับ
ส่วนตัวผมถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังมากครับ
ทั้งๆที่เป็นรถของบริษัทฯ แท้ๆแต่บริษัทยังไม่สามารถจัดการได้
เราจะกลายเป็นบริษัทฯ เหยาะแหยะ ในสายตาพนักงานครับ
มันจะเป็นสาเหตุของรูรั่วในบริษัทฯต่อๆไป ความเสียหายจะตามมาอีกครับ
ถ้าบริษัทฯเรามีเจตนาดี มิได้ปฎิบัติเพื่อเอาเปรียบ หรือ ลำเอียง
ผมว่าพนักงานย่อม รับรู้รับทราบสิ่งดีๆ ที่บริษัทฯหยิบยื่นให้ครับ
-
สำหรับผม ผมได้เลยครับว่าคงไม่ติด GPS อย่างแน่นอน
ถูกอย่างที่ทุกคนว่ามาครับว่า รถทั้งหมดทุกคันเป้นทรัพย์สินของทางบริษัท ดังนั้นทางบริษัทมีสิทธิ์ติด ใช่ครับถูกต้องเลย
แต่ปัญหาก็คือถ้าติดแล้ว เกิดคลื่นใต้น้ำในหมู่เซลล์ ขึ้นมามันไม่คุ้มนะครับ
มีหลายคนบอกมาว่าถ้าพวกนั้นไม่พอใจก็ให้ลาออกไล่ออกไป เอาออกหาคนใหม่มาแทนแต่ถามว่าในความเป็นจริงแล้ว คุณคิดว่าเซลล์ที่เข้ามาทำงานใหม่สามารถ cover งานที่คนเก่าสามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นๆเหรอครับ ไม่มีทางหรอกครับโดยเฉพาะกับหัวหน้าเซลล์ ไม่มีทางหรอกครับที่จะหาคนมีความสามารถเข้ามาแทนกันได้ง่ายๆ
แล้วทุกบริษัทเหมือนกันครับ ถ้าเซลล์ไม่สามารถทำงานได้หรือทำได้ไม่ดี คุณคิดว่าบริษัทสามารถเดินต่อไปได้หรือครับ เพราะแผนกนี้คือหนึ่งในแผนกที่สำคัญที่สุดในบริษัทนะครับ
ผมมองว่าถ้าตรงจุดนี้เรายอมผ่อนปรนลงมาแล้วมันทำให้เค้า รู้สึกดีกับทางบริษัทได้ ยอมไปเถอะครับ เพราะต่อให้คุณติดGPS มันก็แทบไม่ได้มีผลอะไรเลยกับทางบริษัทครับ เรายอมถอยกลับมาสักก้าวนึงเพื่อให้บริษัทดำเนินงานต่อไปได้อย่างราบรื่น มันน่าจะดีกว่านะครับ
-
สำหรับผม...
" ตามใจเซลล์ครับ "
*************************************************************
มรึงจะขับรถไปทำอะไรที่ไหน เรื่องของมรึง !
แต่มรึงต้องทำยอดขายให้กรูได้กำไรมากๆ ตามที่กำหนดไว้ นั่นคือเป้าหมายที่ต้องการของกรู !
ถ้าทำไม่ได้ ... มรึงเตรียมหางานใหม่ สั้นๆ จบ
*************************************************************
รักษาคนเก่งๆ ไว้เถอะครับ เพราะคนเก่งๆ มีไม่มาก
ถึงมีเงินอาจจะจ้างคนเก่งให้อยู่กับเราไม่ได้ ถ้าไม่สามารถซื้อใจเขาได้
แต่ มีเงินสามารถซื้อรถใหม่ เมื่อไรก็ได้ (ก็เงินจากเซลล์ที่หาให้เรานั่นแหละ)
คนเก่้งทำให้บริษัทล้มละลายก็มีมามากมายแล้วครับ เพราะคดโก้งเก่งครับ
;D ;D ;D
-
ไม่ทราบเหมือนกันนะครัยว่าวัฒนธรรมในองค์กรเป็นอย่างไร แต่ถ้าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องเดินหน้าต่อไปหล่ะครับ ระวังนะครับบางทีหย่อนเกินไปก็ยืดยาน พอเราจะขึงให้ตึงหน่อยก็ขาดผึง
กับบางคนการที่เราทำดีมากๆแต่เขาก็ไม่ได้รับรู้อะไรหรอก พอเราเขี้ยวหน่อยเหมือนจะเป็นจะตายเราไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ พูดง่ายๆว่าไม่สำนึกบุญคุณหรือทำคุณคนไม่ขึ้น
นึกถึงโรงงานนึงแถวที่ผมอยู่ ผู้จัดการโรงงานเปิด บ.ข้างนอกของตัวเองเอางานที่โรงงานตัวเองทำอยู่มาป้อน บ.ตัวเองในราคาสูง ทำซะจนโรงงานขาดทุนเมื่อปีที่แล้วสอบไปสอบมาพบว่าทุจริตก็เลยไล่ออกทั้งที่ทำงานมาเป็น 10 ปี จนญี่ปุ่นไว้ใจกันหมด บางทีการพยายามทำอะไรให้พนักงานเค้ารู้สึกทำงานเหมือนเป็นเจ้าของซะเองก็ไม่ได้ผลหรอก ส่วนใหญ่คนที่เป็นพนักงานคิดแต่ว่าจะมากอบโกยยังไงให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง คุณจะเจ๊งยังไงก็ช่างเดี๋ยวหางานใหม่ก็ได้
-
อิจฉา ลูกน้องท่านมากๆ มีรถดีๆ ขับ มีค่าน้ำมันให้เบิก
ผมทำงาน service engineer ในบริษัทเครื่องมือแพทย์แห่งนึง ได้ค่าน้ำมัน แค่ 1 หมื่น / ด
เบี้ยเลี้ยงรายวันนิดหน่อย ใช้งานขึ้นเหนือลงใต้ ทุกอาทิตย์ครับ รถส่วนตัวอีกตั้งหาก พูดแล้วมันเศร้า
จกท ทำผลิตภัณฑ์ เกี่ยวกับอะไรครับเผื่อไปสมัครบ้าง ;D ;D
-----------------
เข้าเรื่องเจ้าของกระทู้นะครับ
ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรไปกดดัน sale นะครับ ถ้าเค้ายังทำยอดได้ครับ
ขับรถไป 4-5 ชั่วโมงถึงที่หมาย ยังต้องทำงานต่ออีก ขับรถกลับอีก เหนื่อยจริงๆครับ
บางทีข้าว เช้า กลางวัน ยังไม่มีเวลากินเลยครับ ต้องรีบไปให้ถึง รีบซ่อม กินอีกทีก็เย็นเลย
คนที่ไม่ได้ทำงานประเภทนี้ไม่เข้าใจหรอกครับ
เงินเล็กน้อยถือว่าเป็นเบี้ยเลี้ยง สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เถอะครับ ถ้ามันไม่มากเกินไป และไม่ได้โกงกันชัดเจน
เช่นผมออกไปทำงาน ที่โคราช ออกจากบ้านตีห้า ถึงโคราช 9 โมง ซ่อมเครื่อง เสร็จ4-5 โมงเย็น กลับถึงบ้าน 4-5 ทุ่ม
หัวหน้าจะให้เบิกเบี้ยเลี้ยงสองวัน
-
พวกรถเช่าเค้าก็ติด GPS กันเกือบทุกรายเลยนะ
ถ้าทำแบบนี้แล้วละเมิด ไม่โดนผู้บริโภคฟ้องกันหมดเหรอ
-
ในเรื่องราวของสามก๊ก คนที่มีฝีมือขนาดที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดขุนพลทำผลงานโดดเด่นมีมากมายหลายร้อยคน แต่จูล่งและกวนอูที่ชนรุ่นหลังต่างเคารพและจดจำมาจนถึงทุกวันนี้นั้นไม่ใช่เพราะวีรกรรมที่กรำศึกมานักต่อนัก หากแต่เป็นเรื่องของความซื่อสัตย์และกตัญญูต่อผู้มีพระคุณครับ ในเรื่องเดียวกันนี้หากเทียบกับลิโป้ที่ใครๆต่างก็ยอมรับว่ามีฝีมือเก่งกาจที่สุดเปรียบกับเทพแห่งสงครามเลยก็ว่าได้แต่ไม่มีใครเลยที่ชื่นชมและคิดเอาแบบอย่างเป็นเพราะว่าความคิดไม่ซื่อหักหลังที่เค้าทำลงไป เก่งแค่ไหนก็ไม่มีใครต้องการหากไม่ได้เป็นคนดี.......โลกของการทำงานก็เปรียบเสมือนการออกศึกแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ต้องเลือกครับว่าจะมีจูล่ง/กวนอูหรือลิโป้มาเป็นสหายร่วมทาง :)
-
ประเด็นนี้ผมขอตอบในฐานนะที่ทำงานด้านบริหารบุคคลโดยตรงเลยนะครับ
อย่างนี้คุณพ่อคุณสามารถทำได้เลยครับ เพราะเป็นสิทธิในฐานะที่เป็นนายจ้างและเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
ข้ออ้างที่ลูกจ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ไม่สามารถใช้อ้างได้ครับ
แล้วที่มีพนักงานไม่เห็นด้วย บอกได้เลยครับ ว่ามีความเป็นได้ได้สูงที่เค้าได้มีการทุจริตอยู่
จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ครับ
คุณพ่อสามารถอ้างเหตุผลได้ว่าเพื่อต้องการควบคุมการใช้รถไม่ให้มีการทุจริตก็ยังได้ครับ
ไม่ได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแต่อย่างใดครับ เพราะ gps ติดกับวัตถุที่เป็นอมนุษย์ครับ ไม่ใช่ติดกับตัวมนุษย์
-
ต้องเอาเรื่องความปลอดภัยเข้ามาพูดครับ แบบในกรณีที่เราไม่สามารถติดต่อกับลูกน้องได้ ขาดการติดต่อไปหลายๆวันโดยไม่แจ้ง
เกิดอุบัติเหตุ หรือรถหาย และเอาไปกระทำผิดกฎหมาย ขนยาเสพติด ชนแล้วหนี
รถแต่ละคันตัวท็อปทั้งนั้นราคาไม่ได้ถูกๆเลย ติดไว้ไม่ได้เพื่อจับผิดหรือไม่ไว้ใจ
ถ้าเรื่องนี้เรายอม เด๋วก็มีเรื่องอื่นๆมาต่อรองอีก
ติดไว้ใช้ว่าจะตรวจสอบทุกวัน อาจสุ่มตรวจเป็นบางครั้ง พนักงานก็ต้องเข้าใจว่ารถบริษัทไม่ใช่รถส่วนตัว
ใช่ว่าจะติดตามไปว่าเต้าไปอยู่กับใครที่ไหนอยู่กับกิ๊กอยู่กับแฟน
มันก็อาจะมีบ้างที่ใช้ส่วนตัวบ้างเล็กๆน้อยๆไม่ว่ากัน
ถ้าเอาไปใช้ในกิจส่วนตัวเป็นประจำนี้สิเหนื่อย
ไม่ผิดหรอกที่จะติด ติดไว้ไม่ได้ใช้ไม่ว่า แต่ถึงเวลาต้องใช้แล้วไม่มีสิเหนื่อย
-
ติดเลยครับ ทรพย์สินของบริษัท จะติดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แค่เพื่อกรณีรถหาย แค่นี้ก็มีเหตุผลพอแล้วครับ
ถ้าเซลล์ไม่พอใจ คิดว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ก็ให้ใช้รถส่วนตัวครับ
คนทำดี ซื่อสัตย์สุจริต เค้าไม่กลัวการตรวจสอบหรอกครับ
คุณพ่อ จขกท. ใจดีจนเซลล์เหลิงมากไปแล้วนะนี่
พวกนี้คิดกันมั่งมั้ย ว่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา บริษัทก็ออกให้หมด เห็นแก่ตัวมากๆ
เป็นผมนะ ทั้งติด GPS ทั้งควบคุมค่าน้ำมันเลย ไม่งั้นก็ใช้กันตามใจ ขับเร็วๆ อัดแรงๆ ตลอด เปลืองน้ำมัน เครื่องก็สึกหรอเร็ว
พังมาเซลล์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร สบายตัว ได้ใช้รถโก้ๆ ไม่ต้องเสียเงินสักแดง เหอๆ
-
ไห้เดา เเปลว่า หน่วยงานของคุณ คงต้องพึ่งพาเซลกลุ่มนี้ เเละเซลกลุ่มนี้ คงทำรายได้ เข้าบริษัทได้มากพอสมควร ทางคุณ ถึงต้องเกรงอกเกรงใจเซลล์ ขนาดนี้
-
บอกพ่อคุณให้ติดแก๊ส lpg ได้แล้ว ค่าน้ำมันจะลดครึ่งนึง ซ่อมก็อาจเพิ่มขึ้น ส่วนgps ติดไปเลย บอกว่ารถหายจะได้ตามถูก
น่าจะบอกsale ไปนะว่า บริษัทหรือเซล ที่เกิดก่อนกัน เมืองไทยคนตั้ง60ล้าน มันหาsale ที่ีกว่าที่เป็นอยู่ไม่มีหรือ ???
แต่เป็นผม แค่altis 1.6 ติดแก๊สก็พอแล้วมั้ง สำหรับsale ดูอย่างtrue สิ vigo champ ติดLPG ทั้งนั้นรุ่นใหม่ที่ออกมา กำไรหลายหมื่นล้านนะนี่ 8)
-
ขอบคุณมากๆนะครับสำหรับความคิดเห็นของแต่ละท่านนะครับ เพราะผมเองจะได้ลองมองในมุมมองทั่วๆไปอีกทางนึงอะครับ ไม่อยากฟังจากเสียงของเซลล์เพียงอย่างเดียวอะครับ
ตอนนี้คุณพ่อผมได้อ่านกระทู้ของหลายๆท่านแล้วที่เป็นประโยชน์มากๆเลยละครับ
ผมเองก็เลยได้ฟังในสิ่งที่แตกต่างออกไป ความคิดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ดีเวลานำมาชั่งน้ำหนักของเหตุผล ดูครับ
ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิก HLM มากเลยนะครับ สำหรับความคิดเห็นต่างๆที่เขียนมาให้ผมได้วิเคราะห์พิจารณา ถึงเหตุผลต่างๆนะครับ
ขอบคุณมากครับ
-
เป็นผมจะบอกไปเลยว่า ผมจะติด รถผมบริษัทผม ผมจะทำอะไรกับรถก็ได้
พวกคุณไม่พอใจก็ลาออกไปเลย มาทำงานมันต้องการความเป็นส่วนตัวด้วยเหรอ
ละเมิดสิทธิอะไรข้ออ้างไร้สาระครับ ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงๆจะไม่อ้างแบบนี้หรอกครับ
-
ขอเพิ่มเติมอีกสักหน่อยนะครับ เมื้อกี้ตอบไปยังไม่หมด ติดงานเสียก่อนครับ
คืองี้ครับ การบริหารพนักงานให้มีปัญหาให้น้อยที่สุดนั้น เราควรวางระบบต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นการป้องกันให้รัดกุมมากที่สุดเสียก่อนครับ
อย่าง GPS นี่ก็ควรติดตั้งไว้ด้วย เพราะเป็นเครื่องมือในการควบคุมได้อย่างหนึ่งที่สะดวก และยังสามารถนำข้อมูลกลับมาวิเคราะห์
ทางการตลาดได้อีกด้วย
ถ้าเราบริหารโดยปล่อยให้มีช่องว่างเกินไป จากพฤติกรรมทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ผมให้คำปรึกษากับหลาย ๆ บริษัท ทำให้รู้ธรรมชาติในเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะครับ
บางแห่งก็ปล่อยให้เซลทำงานโดยอิสระมากไป คิดอย่างเดียวว่าขอให้ยอดขายทำได้ตามเป้า แต่มันก็เป็นไปตามเป้าได้นะครับ
เพียงแต่มันมีการสูญเสียไปโดยที่เราไม่รู้เลย และพอหนัก ๆ เข้า เซลประเภทนี้ก็จะไหวตัวทัน ชิงลาออก แต่เค้าเอาลูกค้าเราไปด้วยครับ
อีกอย่างหนึ่งที่ผมว่าคุณพ่อคุณทำได้ดีมากเลยคือการบริหารแรงงานสัมพันธ์นะ เพราะดูจากสวัสดิการหารถมาให้พนักงานดี ๆ แบบนี้
ิวธีหนึ่งที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ดีมาก ๆ คือ ทำอย่างไรให้พนักงานทุกคนรู้จักรักและหวงแหนองค์กรครับ เค้าจะจงรักภักดี มีความสุขที่ทำงานกับเรา
ถ้าทำได้ จะแก้ปัญหาได้ยั่งยืน และเค้าก็จะทำงานให้เราเต็มที่เหมือนกับเค้าเป็นเจ้าของเองครับ
มีปัญหาอะไร PM มาปรึกษาได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจครับ
-
สำหรับผม...
" ตามใจเซลล์ครับ "
*************************************************************
มรึงจะขับรถไปทำอะไรที่ไหน เรื่องของมรึง !
แต่มรึงต้องทำยอดขายให้กรูได้กำไรมากๆ ตามที่กำหนดไว้ นั่นคือเป้าหมายที่ต้องการของกรู !
ถ้าทำไม่ได้ ... มรึงเตรียมหางานใหม่ สั้นๆ จบ
*************************************************************
รักษาคนเก่งๆ ไว้เถอะครับ เพราะคนเก่งๆ มีไม่มาก
ถึงมีเงินอาจจะจ้างคนเก่งให้อยู่กับเราไม่ได้ ถ้าไม่สามารถซื้อใจเขาได้
แต่ มีเงินสามารถซื้อรถใหม่ เมื่อไรก็ได้ (ก็เงินจากเซลล์ที่หาให้เรานั่นแหละ)
เห็นด้วยผมเคยเป็นมาก่อน
บ.ก็ไม่ได้ติด
เคยให้ทำ log ระยะหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะหลบเลี่ยงไม่ได้มันปั่นไม่ยากหรอกครับหุๆ
ส่วน gps ถ้าติดแล้ว ไม่จุกจิกมาก
หยวนๆกันได้ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ
แต่ถ้าแบบว่านิดหน่อย ก็โทรตามแล้วก็ไม่ใหวครับ
เซลล์มักจะเป็นคนโลกส่วนตัวสูง เอาแต่ใจ...ดังนั้น
ผมว่าคุยกันดีๆครับ
ว่าจะติดเพราะอะไร...
เพราะห่วง
เพราะบลาๆๆๆ
ทุกปัญหามีทางออกครับ
-
ชอบที่คุณพ่อคุณดูแลพนักงานดีมากนะครับ
ผมว่าถ้าเค้าแสดงการการไม่พอใจแล้วมันทำให้เราต้องมาหนักใจ ผมว่าก็ไล่ออกไปเลยครับ
รถของบริษัทใช้ในกิจของบริษัทเท่านั้น หากเราติดตามก็ไม่ละเมิดครับ เค้าอยากเป็นส่วนตัวเค้าต้องใช้รถส่วนตัว จะไปเช่าเค้าอะไรก็ได้
หนักแน่นครับทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วเราไม่ต้องไปฟังมากครับ
-
ขอเพิ่มเติมอีกสักหน่อยนะครับ เมื้อกี้ตอบไปยังไม่หมด ติดงานเสียก่อนครับ
คืองี้ครับ การบริหารพนักงานให้มีปัญหาให้น้อยที่สุดนั้น เราควรวางระบบต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นการป้องกันให้รัดกุมมากที่สุดเสียก่อนครับ
อย่าง GPS นี่ก็ควรติดตั้งไว้ด้วย เพราะเป็นเครื่องมือในการควบคุมได้อย่างหนึ่งที่สะดวก และยังสามารถนำข้อมูลกลับมาวิเคราะห์
ทางการตลาดได้อีกด้วย
ถ้าเราบริหารโดยปล่อยให้มีช่องว่างเกินไป จากพฤติกรรมทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ผมให้คำปรึกษากับหลาย ๆ บริษัท ทำให้รู้ธรรมชาติในเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะครับ
บางแห่งก็ปล่อยให้เซลทำงานโดยอิสระมากไป คิดอย่างเดียวว่าขอให้ยอดขายทำได้ตามเป้า แต่มันก็เป็นไปตามเป้าได้นะครับ
เพียงแต่มันมีการสูญเสียไปโดยที่เราไม่รู้เลย และพอหนัก ๆ เข้า เซลประเภทนี้ก็จะไหวตัวทัน ชิงลาออก แต่เค้าเอาลูกค้าเราไปด้วยครับ
อีกอย่างหนึ่งที่ผมว่าคุณพ่อคุณทำได้ดีมากเลยคือการบริหารแรงงานสัมพันธ์นะ เพราะดูจากสวัสดิการหารถมาให้พนักงานดี ๆ แบบนี้
ิวธีหนึ่งที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ดีมาก ๆ คือ ทำอย่างไรให้พนักงานทุกคนรู้จักรักและหวงแหนองค์กรครับ เค้าจะจงรักภักดี มีความสุขที่ทำงานกับเรา
ถ้าทำได้ จะแก้ปัญหาได้ยั่งยืน และเค้าก็จะทำงานให้เราเต็มที่เหมือนกับเค้าเป็นเจ้าของเองครับ
มีปัญหาอะไร PM มาปรึกษาได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจครับ
ชอบตรงมันเริ่มจากอะไรเล็กๆน้้อยๆ แล้วชิงลาออกแล้วพาลูกค้าไปนี้หล่ะ
โดนมากะตัว พ่อผมเสียปึ้ป ออกลายปั้ป ดีที่ยังรักษาคนดีๆไว้ได้บางคนไม่งั้นแทบประคองกิจการไม่อยู่เลยทีเดียว
ติดไว้ก็ดีครับGPSเนี่ย แต่หลังติดแล้วระวังจะคิดมากนะ
ย้ำว่าดูแล้วอย่าเก็บไปคิดมากนะ เดี๋ยวเซลล์มันกวน ขับไปจอดที่บ.คู่แข่งแล้วผมจะร่วงเอา
-
ติดเถอะครับ เรื่องอย่างนี้เราเป็นหัวหน้าเรามีสิทธิ์ตรวจสอบพนักงานว่าทำงานเป็นอย่างไร นอกลู่นอกทางรึเปล่า มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลแล้วไม่ให้ติด ถ้าคุณทำงานให้เราโปร่งใสจริงๆ คุณจะกลัวทำไมว่าคุณจะถูกติดตามอย่างไร
ที่โรงงานคุณพ่อคุณแม่ผมก้เคยเป็นครับ ลูกน้องส่งของเล่นดูดน้ำมันออกจากถังแล้วเอาไปขายกันเลยทีเดียว ไปจอดนอนพักไม่เข้ามาทำงานจนเลิกงานเลยก้มี
หรืออีกวิธีก้คือ ให้งบเค้าครับ ไปทำงานที่ไหน ระยะทางเท่าไหร่ ปกติแล้วจะต้องใช้ค่าน้ำมันเท่าไหร่ ก้ให้เค้าเกินไปหน่อย ถ้าเกินไปก้ให้เค้าจ่ายกันเอง เค้าจะได้ทำอย่างที่เค้าพูดได้ไงครับ ว่า "กลุ่มพวกผมจะพยายามคุมงบให้อยู่ให้ได้เอง"
-
จะหักคอกันเลย ก็อาจจะโหดไปหน่อย
แต่ทุกวันที่เป็นอย่างนี้เพราะ กฏบริษัทมันหละหลวมไปหน่อยหรือเปล่า พนักงาน ฉลาดๆ เลยเห็นช่องว่างให้แทรกซึมได้ง่าย
กว่าจะรู้ตัว ก็เหมือนว่า โดนโกงไปแบบ เนียนๆ
ถึงครั้งจะเปลี่ยน ก็โดน ต่อต้าน
ผมว่า ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปก็ดีครับ บริษัทจะได้ไม่เสียหาย แต่สุดท้าย เชือดคนหัวแข็งทิ้งก่อนเลย