Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Phongrapee ที่ มีนาคม 27, 2012, 22:49:40
-
ผมไม่มีความรู้ครับ แต่อยากสอบถามว่า อันเดอร์/โอเวอร์ สเตียร์ นี่คืออาการที่เขาเรียกว่าหน้าดื้อ/ท้ายปัด ใช่ไหมครับ
-
อันเดอร์สเตียร์ คือขับรถไปบนทางโค้ง แล้วหน้ารถดื้อออกไปนอกโค้ง และก็ชนต้นไม้
โอเวอร์สเตียร์ คือขับรถไปบนทางโค้ง ท้ายรถสะบัดออกมาพยายามนำหน้า แล้วก็ชนต้นไม้
โอเวอร์เสตียร์ดีกว่า เพราะคนขับจะไม่เห็นต้นไม้ที่ชน
;D
-
อันเดอร์สเตียร์ = เลี้ยวต่ำกว่าที่ควร คือหน้าดื้อนั่นเองครับ สั่งเลี้ยวไม่ค่อยยอมไป
โอเวอร์ คือสั่งเลี้ยวสักองศาหนึ่ง แต่มันหันไปเกินกว่าที่ต้องการมาก คือท้ายปัดนั่นเอง
เท่าที่ได้รับความรู้มา สรุปใจความได้ว่าอันเดอร์สเตียร์ปลอดภัยกว่าหน่อยๆครับ ให้เพิ่มการบังคับเลี้ยวจนได้ตามที่ต้องการ
-
ตามๆท่านบนเลยครับความหมาย
วิธีแก้ สำหรับอาการแบบนี้ อันเดอร์นั้น แก้ง่ายสุดโดยการถอนคันเร่งคุมพวงมาลัยดีๆ
ส่วนโอเวอร์ ถ้าไม่เคยลองไม่เคยเจอจะยากกว่าอันเดอร์มากครับ แก้โดยหมุนพวงมาลัยไปตามทิศที่ท้ายออก
แต่กลับกันหากในสนาม ผมว่าจะขับได้ดีนั้นต้องเซ็ตช่วงล่างให้ท้ายออกนิดๆ หน้าจะได้เข้าโค้งได้ง่าย และคงทำเวลาได้ดี จากการลองวิ่งกับรถโกคาทย์ในสนามครับ
สรุปอยากรู้เป็นยังไงลองได้ ในสนามโกคาทย์ครับ ;)
-
อีกสักนิดนะครับ อาการท้ายปัด กับ ดริฟท์ นี่คล้ายกันมั๊ยครับ หมายถึงอาการของรถน่ะครับ
-
อีกสักนิดนะครับ อาการท้ายปัด กับ ดริฟท์ นี่คล้ายกันมั๊ยครับ หมายถึงอาการของรถน่ะครับ
การดริฟท์คือการนำอาการท้ายปัดมาต่อยอดเป็นประโยชน์ กล่าวอย่างนี้ได้หรือเปล่าครับ
-
ผมเคยไปเรียน Skill driving exp
ของบริษัท สื่อสากล มาครับ บริษัทเดียวกับที่ทำหนังสือ ฟอร์มูล่าขายน่ะครับ (และจัดมอเตอร์เอกโป)
เค้าสอน ตั้งแต่ท่านั่งให้ถูก ถ้าท่านั่งไม่ถูกคุณจะหมุนพวงมาลัยแก้อาการไม่ได้ทันท่วงที การจับพวงมาลัย
เบรคฉุกเฉิน เบรคฉุกเฉินแล้วหักหลบ สลาสม แก้ทั้งอันเดอร์ และะโอเวอร์สเตียร์ ในรถขับหน้า ขับหลัง และขับสี่
เช้าใจพฤติกรรมของรถที่ต่างกัน จากระบบขับเคลื่อนและการเซ็ตติ้ง
แนะนำให้ไปลองเรียนดู พูดๆกันผ่านตัวหนังสือไม่รู้เรื่องหรอกครับ
ต้องไปสัมผัสผ่านร่างกาย ให้ร่างการซึมซัมความรู้สึกแล้วจะสามารถแก้ไขอาการได้ทันท่วงทีโดยไม่ต้องคิดครับ
มีประโยชน์จริงๆนะครับ มันทำให้ผมไม่ต้องขับรถชนมอไซฝ่าไฟแดงยามดึก และช่วยผมไม่ให้ลงข้างทางแทน และกรณีฉุกเฉินอีกหลายครั้ง
-
Steer หรือ Steering แปลว่า การเลี้ยว
เพราะฉะนั้น Understeer แปลตรงตัวคือ เลี้ยวน้อยไป
แต่ถ้าจะให้เข้าใจง่ายง่ายคือ หมุนพวงมาลัยไปแล้ว รถไม่ยอมเลี้ยวไปตามที่ต้องการ
หรือที่คนชอบบอกกันว่า หน้าดื้อ เพราะหักพวงมาลัยแล้ว มันยังดื้อจะตรงไปอีกอยู่ได้
เป็นอาการที่ยางคู่หน้ารถ เสีย Traction ไปหมด ไม่ยึดเกาะกับถนนแล้ว เลยพารถเลี้ยวไปไม่ได้
วิธีแก้ ไม่ใช่การหมุนพวงมาลัยเพิ่มนะครับ ต้องถอนคันเร่ง หรือแตะเบรกเบาเบา เพื่อให้
ตัดกำลังที่ส่งลงไปที่ล้อคู่หน้า หรือถ่ายน้ำหนักรถมาด้านหน้า ทำให้มี Traction มากขึ้น จึงจะเลี้ยวได้
ส่วน Oversteer แปลตรงตัวคือ เลี้ยวเยอะเกิน
คือหมุนพวงมาลัยให้เลี้ยวไปตามโค้ง แต่กลายเป็นว่ารถหน้าปักเข้าไปในโค้ง ท้ายสะบัดออกไป
เป็นอาการตรงกันข้ามกับ Understeer เพราะล้อที่เสีย Traction คือล้อคู่หลัง
ทำให้ล้อหลังไม่สามารถยึดเกาะถนนอยู่ได้ ถูกแรงเหวี่ยงของรถในโค้ง เหวี่ยงให้ท้ายปัดออกไป
วิธีแก้ ต้อง Countersteer คือหมุนพวงมาลัยไปทิศทางตรงกันข้าม เหมือนเหมือนรถดริฟท์นั่นแหละครับ
แต่ Drift กับ Oversteer มันเป็นคำที่ใช้ต่างวาระกัน รถจะดริฟท์ได้ต้องอยู่ในอาการ Oversteer
แต่การดริฟท์คือการพยายามเลี้ยงให้รถอยู่ในอาการ Oversteer เพื่อความมันส์ล้วนล้วน
แล้วการเลี้ยงได้ ต้องใช้เครื่องกำลังมากมากที่จะปั่นล้อคู่หลังให้ฟรีทิ้ง กับการคุมพวงมาลัยที่แม่นยำด้วยครับ
-
ไอ้ที่เขาเรียกว่าแหกโค้ง ก็คือ Understeer ใช่มั้ยครับ
-
อ้าววว ที่ผมเจอมาจากในเว็บต่างๆเค้าบอกว่าunder steerที่เป็นอาการของรถขับหน้าแก้ด้วยการหักพวงมาลัยเพิ่มแล้วถอนคันเร่งอ่ะครับ ตกลงยังไงก็ดีล่ะเนี่ย :-X
-
อ้าววว ที่ผมเจอมาจากในเว็บต่างๆเค้าบอกว่าunder steerที่เป็นอาการของรถขับหน้าแก้ด้วยการหักพวงมาลัยเพิ่มแล้วถอนคันเร่งอ่ะครับ ตกลงยังไงก็ดีล่ะเนี่ย :-X
จากที่คุณเนยตอบมา คุณก็เข้าใจถูกแล้วนี่ครับ
แค่ต้องเบรคให้ล้อเกาะถนนได้ก่อนแล้วค่อยเลี้ยวน่ะครับ ;)
-
อ้าววว ที่ผมเจอมาจากในเว็บต่างๆเค้าบอกว่าunder steerที่เป็นอาการของรถขับหน้าแก้ด้วยการหักพวงมาลัยเพิ่มแล้วถอนคันเร่งอ่ะครับ ตกลงยังไงก็ดีล่ะเนี่ย :-X
ถ้าหักเพิ่มแล้วเมื่อล้อหน้าเกิดมี traction ขึ้นมาแล้วจะเป็นเรื่องครับ จะกลายเป็นการเลี้ยวมากไปอีก คือแตะเบรคนิดเดียวพอให้เกิด weight transferครับ
-
ผมตอบไม่ชัดเจนเองแหละครับ ขออภัย
ถ้า understeer บางบาง หักเลี้ยวเพิ่มนิดหน่อยอาจจะช่วยได้ครับ แต่ช่วยได้ไม่มาก
เพราะอาการส่วนนึงมันเกิดจาก Slip Angle บนหน้ายางด้วย เมื่อมันพ้นจุด Slip Angle ไปแล้ว
คิดเอาง่ายง่ายได้เลยว่า Friction = 0 ดังนั้น ตั้งแต่ Slip Angle เป็นต้นไปจนหักสุด หมุนยังไงรถก็ไม่เลี้ยวเพิ่มครับ
ยกเว้นว่าเราจะถอนคันเร่ง ทำให้ล้อหน้าหยุดตะกุย หรือว่าถ่ายน้ำหนักมาด้านหน้า จะยกคันเร่งให้หน้าทิ่ม หรือแตะเบรก
ทำให้น้ำหนักกดลงล้อหน้ามากขึ้น Friction สูงขึ้น รถถึงจะเลี้ยวไปได้ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าจังหวะนั้นเราหักพวงมาลัยซะเยอะเกิน
ตอนเราถ่ายน้ำหนักมาแล้วล้อหน้ามี Friction พอ มันก็จะเลี้ยวแฉลบไปอีกทางอย่างรวดเร็ว แล้วสะบัดกลับได้ แต่โอกาสเกิดน้อยมากครับ
-
อาการ อันเดอร์สเตียร์ / โอเวอร์สเตียร์
ตามความเข้าใจของผม (ดังรูป)ครับ
-
อ้อๆๆงี้นี้เอง ;D
ถามเพิ่มครับแล้วการหักพวงมาลัยนี่สามารถหักเพิ่มทีเดียวหมดเลยไหม? หรือว่าต้องค่อยๆเพิ่มองศาไปเรื่อยๆจนสุดที่ต้องการหักในขอบเขตของการหักนิดๆ? แล้วก็การแตะเบรคเบาๆนี่หมายถึงแตะเบรคค้างเอาไว้เลยหรือว่าแตะนิดๆเบาๆแล้วถอนเท้าออกเลย? บางคำแนะนำเค้าก็บอกว่าundersteerนั้นทันทีที่รู้สึกว่าหน้าเริ่มดื้อโค้งแล้วห้ามแตะเบรคเป็นอันขาดไม่งั้นหมุนทันที :)
-
เอาง่าย understeer เลี้ยวไม่เข้ารถมันจะแหกโค้ง
oversteer หักเลี้ยวมากไปท้ายปัด ท้ายรถพยายามจะแซงหน้ารถและหลุดจากโค้ง
-
อ้อๆๆงี้นี้เอง ;D
ถามเพิ่มครับแล้วการหักพวงมาลัยนี่สามารถหักเพิ่มทีเดียวหมดเลยไหม? หรือว่าต้องค่อยๆเพิ่มองศาไปเรื่อยๆจนสุดที่ต้องการหักในขอบเขตของการหักนิดๆ? แล้วก็การแตะเบรคเบาๆนี่หมายถึงแตะเบรคค้างเอาไว้เลยหรือว่าแตะนิดๆเบาๆแล้วถอนเท้าออกเลย? บางคำแนะนำเค้าก็บอกว่าundersteerนั้นทันทีที่รู้สึกว่าหน้าเริ่มดื้อโค้งแล้วห้ามแตะเบรคเป็นอันขาดไม่งั้นหมุนทันที :)
ผมว่า การแก้ไขในแต่ละสถานการณ์มันบอกเป๊ะๆ ไม่ได้อ่ะครับ หลักการคือ ลดความเร็ว พร้อมกับสังเกตอาการรถ ว่าต้องหักเพิ่มมั้ย ถ้าความเร็วลดลง รถเข้าไลน์ที่ต้องการ ก็ไม่ต้องหักเพิ่ม แต่ถ้ายังไม่เข้าไลน์ ก็ค่อยๆหักเพิ่มครับ
สำหรับผม ถ้าไม่แน่ใจ ก็ลดความเร็วลงเรื่อยๆ ครับ ยังไงก็คุมได้ ถ้าจะต้องบังคับแบใช้ทักษะมากๆ แบบนั้น คงต้องในสนามแข่งครับ
-
ผมตอบไม่ชัดเจนเองแหละครับ ขออภัย
ถ้า understeer บางบาง หักเลี้ยวเพิ่มนิดหน่อยอาจจะช่วยได้ครับ แต่ช่วยได้ไม่มาก
ผมเองก็ลืมบอกไปด้วยครับว่าต้องไม่เติมคันเร่งขณะกำลังดื้อโค้ง