Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: adis ที่ เมษายน 07, 2012, 10:21:03
-
ไม่แน่ใจว่าเข้าใจหัวข้อกระทู้รึเปล่านะครับ ตั้งหัวข้อไม่ค่อยถูกเหมือนกัน
อธิบายอีกทีแล้วกัน คือเวลาขับทางไกลแบบแช่คันเร่งก็หมายถึง เท้ากดคันเร่งแบบรักษาความเร็วไว้เกือบจะคงที่
เหมือนกับใช้ criuse control นะครับ
ส่วนผ่อนหนักผ่อนเบานี่ลักษณะไม่แช่เท้าใช้ความเร็วคงที่ แต่มีการใช้แรงเฉื่อยเข้ามาช่วย หรืออาจจะใช้การปล่อยคันเร่งเวลาลงทางลาด
เวลาขับไปก็จะมีจังหวะกดคันเร่งเบา ๆ เนียน ๆ ไป พอได้จังหวะที่รถมีแรงเฉือ่ยก็จะผ่อนคันเร่งลงมา แล้วค่อย ๆ กดคันเร่งลงไปใหม่
เพื่อน ๆ คิดว่าแบบไหนมันจะประหยัดน้ำมันกว่าครับ เคยอ่านหนังสือจากหลายแหล่ง เค้าบอกว่า แบบแช่คันเร่งให้ความเร็วคงที่
จะประหยัดกว่า แต่ผมเคยลองทั้งสองแบบ ปรากฎว่าแบบผ่อนหนักผ่อนเบาประหยัดกว่า เลยไม่แน่ใจครับ
ที่ผมลองก็คือเดินทางไกลจากปัตตานีไปภูเก็ตนะครับ คำนวณออกมาแล้ว แบบแรกอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13 กิโลลิตร ( ขาไป )
แบบที่สอง อัตราอยู่ที่ 14.5 กิโลลิตร ( ขากลับ )
ความเร็วที่ใช้ก็ประมาณ 90 - 100 สภาพการจราจร ค่อนข้างโล่งครับ รถไม่เยอะ เวลาเดินทางทั้งขาไปขากลับก็เริ่มเดินทางเวลา 6 โมงเช้าเหมือนกัน
แต่ว่าเพิ่งทดสอบไปได้อย่างละครั้งเท่านั้นเอง ยังไม่ได้ทดสอบซ้ำครับ
อ่อ..รถที่ใช้ SUZUKI GRAND VITARA ครับ
หรือเพื่อน ๆ มีวิธีทดสอบอย่างไรก็แนะนำมาได้นะครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่าที่ทดสอบไปจะมีปัจจัยอะไรมาเกี่ยวข้องอีกบ้าง
-
เคยลองด้วยตัวเอง
ผ่อนหนักเบา
เข็มน้ำมันลงช้ากว่าเหยียบแช่ครับ
-
รถส่วนตัวของผมแช่ค้างประหยัดกว่าครับ แต่ถ้าแช่ด้วยครูซกินกว่าเหยียบเองนิดนึง
แต่รถแต่ละคันผมว่ากินไม่เท่ากันแม้รุ่นและยี่ห้อเดียวกัน ที่บ้านผมมีกระบะอีผุผุ2คันไว้ส่งของ คันนึงถ้าเหยียบๆผ่อนๆจะประหยัด อีกคันถ้าขับแช่ๆถึงจะประหยัดครับ
-
ตามหลักการนะครับ รถจะกินน้ำมันตอนกดคันเร่ง และเร่งเครื่อง
การขับแบบใช้ความเร็วที่จะกินน้ำมันน้อยกว่าเพราะไม่มี อัตราเร่ง a
แต่การผ่อนคันเร่งเวลาต้องการจะชลอรถล่วงหน้า แทนที่จะกดคันเร่งแล้วไปเบรค
ก็จะประหยัดขึ้น
การใช้ครูซ มันใช้ engine brake ช่วยเวลาชลอ เช่นลงเขา ทำให้รอบเครื่องสูง กินน้ำมันกว่าเราถอนคันเร่งเพื่อชลอความเร็วเอง
-
ผมขับมาหลายคันนะครับ ส่วนใหญ่การใช้ความเร็วนิ่งๆจะประหยัดสุดครับ ผมจะแช่ไว้ที่ 100-110 กม./ชม.
เคยเร่งๆปล่อยๆเหมือนกัน ขับแบบนี้จะไม่ค่อยตึงเครียดครับ แต่จะกินน้ำมันมากกว่าครับ
-
ถ้าขับทางปกติ ต้องใช้กำลังเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ
เพราะแรงเสียดทานมันทำงานอยู่ตลอดเวลาที่รถวิ่ง
ฉะนั้นเราก็ควรเหยียบคันเร่งเอาชนะแรงเสียดทานตลอดเวลาเหมือนกัน
ยกเว้นขับทางลาดลงหรือจี้ตูดรถบรรทุก เราก็ปล่อยคันเร่งได้ เพราะมีแรงช่วย
หรืออาศัยแรงเฉี่อย เช่น เวลาจะเบรกก็ปล่อยคันเร่งล่วงหน้า หรือเวลาเข้าโค้งก็ปล่อยไหล กะระยะว่ารถชะลอถึงจุดที่สามารถยัดโค้งเข้าได้พอดี
-
ผมว่าถ้าถนนเรียบ ๆ มีเนินบ้าง โค้งบ้าง รักษาความเร็วคงที่เท่าที่ผมเคยทำปกติ เท่าที่เคยเติมน้ำมันเติมถังแล้วเติมกลับ มันประหยัดกว่าเร่งแล้วผ่อนนะครับ แต่ถ้าขับความเร็วสูง ต่อให้เลี้ยงคันเร่งก็คงช่วยบ้างเล็กน้อย ต้องดูรอบเครื่องด้วย แต่ถ้าเป็นทางขึ้นลงเนินสลับกัน ตอนขึ้นเนินเร่ง พอลงเนินผ่อน ผมว่าอย่างนี้ประหยัดกว่าเลี้ยงคันเร่งให้คงที่ เพราะแรงดึงดูดของโลกมันช่วย :)
-
ลองหาความเร็วเฉลี่ยมาเปรียบเทียบด้วยครับ
ผมเชื่อว่าวิธีกดกดยกยก อาจจะทำให้ความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า
เลยกลายเป็นว่าบริโภคน้อยกว่าแบบไม่รู้ตัว
-
ลองหาความเร็วเฉลี่ยมาเปรียบเทียบด้วยครับ
ผมเชื่อว่าวิธีกดกดยกยก อาจจะทำให้ความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า
เลยกลายเป็นว่าบริโภคน้อยกว่าแบบไม่รู้ตัว
ขอนอกเรื่องนิดนึงครับ เมื่อเช้าแถวซอยอารีย์ เห็นรถคล้ายๆของพี่Nuay Paul R. ไม่ทราบใช่รึป่าวครับ?
อยากบอกว่าสวยดี ;D
-
ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ตอนนี้มันน่าจะจอดคลุมผ้าอยู่ที่บ้าน
ยกเว้นว่าคุณพ่ออยากซิ่ง เลยเอามันมาออกกำลังกายบ้างช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ผมอยู่อเมริกาครับ ไม่ได้เจอหน้าลูกชายมาจะ 9 เดือนแล้ว
-
ลองหาความเร็วเฉลี่ยมาเปรียบเทียบด้วยครับ
ผมเชื่อว่าวิธีกดกดยกยก อาจจะทำให้ความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า
เลยกลายเป็นว่าบริโภคน้อยกว่าแบบไม่รู้ตัว
ตอบใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมอยากบอกมากครับ ขอเพิ่มเติมนิดนึงคือสมติว่าจะเปรียบเทียบความประหยัดระหว่ากดแช่ที่ 120 km/h กับเร่งบ้างผ่อนบ้างที่ความเร็วเฉลี่ย 120 km/h อันนี้ กดแช่ประหยัดกว่า แต่ถ้าเร่งบ้างผ่อนบ้างที่ความเร็วเฉลี่ยมากกว่า 120 km/h เช่น 140 บ้าง 120 บ้าง อะไรอย่างนี้ ก็กดแช่ที่ 120 km/h ประหยัดกว่าแน่นอน แต่ถ้าเร่งบ้างผ่อนบ้างที่ความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 120 km/h เช่น 80 บ้าง 100 บ้าง 120 บ้าง อย่างนี้น่าจะประหยัดกว่าแช่ 120 ครับ ทั้งนี้ความจริงเหมือนหลาย ๆ ท่านบอกคือต้องเทียบกับแรงที่เอาชนะแรงเสียดทานด้วย ความจริงคือหากำลังที่ถูกใช้ไปนั่นเองครับ ชักยาวแล้วหยุดดีกว่า
-
ขับรอบนิ่งๆ ประหยัดกว่ามากครับ
สมัยเรียน
ผมขับวีออส วิ่ง 110 ตลอดทาง ได้ 15 โลลิตร
ลองทำอย่างงี้ประจำก็ได้ แถวๆ 15 โลลิตร
วิ่งยาวๆ ตอน 6 โมงเช้า กลับ 3-4 ทุ่ม ถนนโล่งๆ ไม่พัก ไม่จอดเลย
บางครั้งบางที เร่งเป็น 130-150 บ้าง แก้ง่วง
ผลคือ อัตราสิ้นเปลืองเหลือ 13 โลลิตร
แต่ทุกวันนี้ ผมก็ขับเร่งๆผ่อนๆมาตลอด เพราะขับนิ่งๆนานๆคงไม่ไหว
ขับๆไปเถอะครับ ผลไม่ต่างกันมากมายหรอก
-
ลองหาความเร็วเฉลี่ยมาเปรียบเทียบด้วยครับ
ผมเชื่อว่าวิธีกดกดยกยก อาจจะทำให้ความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า
เลยกลายเป็นว่าบริโภคน้อยกว่าแบบไม่รู้ตัว
ผมลองกับฟรีดที่ใช้ ก็เป็นครับ.. กดไปถึง120-130 แล้วค่อยผ่อน
พอลงมาถึง110 ก็ค่อยกดคันเร่งเบาๆไต่ไปจนถึง120 ตามความเหมาะสม
แต่พักหลังๆ เติมE20 กับเปลี่ยนยางจาก 185/65/15 เป็น195/65/15
ตัวเลขลดลง วิ่งทางไกล จากดีสุด 16.9 มาเป็น14.9
วัดจากหน้าปัด และใกล้เคียงกับเติมเต็มถังแล้วคำนวณเอง
แต่ดูจากGPSในรถ ไมล์ในรถตอนนี้มาเท่าๆกับGPSแล้ว
หลังจากตอนสแตนดาร์ด วิ่ง120 GPS บอกวิ่งแค่110
-
;) เหยียบแช่ ให้รอบคงที่ หรือดูจากหน้าปัด ให้เข็มความเร็วอยู่ตรงกลาง ของรถยี่ห้อนั้นๆ จะประหยัดดีครับ เช่น เลขบนเรือนไมล์ มี 180 เหยียบคงที่ๆ 90 เป็นต้นครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
-
ปรับตามสถานการณ์ดีกว่านะครับ คือผ่อนเมื่อต้องมีการชะลอตัวข้างหน้า หรือวิ่งตามทางหลวงแต่ดันเห็นไฟแดงมาแต่ไกล ก็ปล่อยไหลครับ พอไหลไปใกล้ถึงแยกแล้วเดี๋ยวก็ไฟเขียวเอง
-
ขับช้าๆแช่ๆ ยิ่งตอนเที่ยงๆ บ่ายๆง่วงมากกกกครับ จะหลับทุกทีเลย..
-
ขับช้าๆแช่ๆ ยิ่งตอนเที่ยงๆ บ่ายๆง่วงมากกกกครับ จะหลับทุกทีเลย..
พักผ่อนให้พอก่อนขับรถนะครับ พยายามคุยกับผู้โดยสารเป็นระยะก็ช่วยได้
-
ขับช้าๆแช่ๆ ยิ่งตอนเที่ยงๆ บ่ายๆง่วงมากกกกครับ จะหลับทุกทีเลย..
พักผ่อนให้พอก่อนขับรถนะครับ พยายามคุยกับผู้โดยสารเป็นระยะก็ช่วยได้
ขอบคุณครับ
-
เห็นคนขับรถรุ่นเก่าๆหลายๆคน เค้าจะชอบขับกันแบบนี้
กดเบาๆ แล้วปล่อย กดเบาๆ แล้วปล่อย กดเบาๆ แล้วปล่อย กดเบาๆ แล้วปล่อย กดเบาๆ แล้วปล่อย กดเบาๆ แล้วปล่อย กดเบาๆ แล้วปล่อย กดเบาๆ แล้วปล่อย
ทำแบบนี้ไปตลอดทางอ่ะ
ถามเค้า เค้าบอกประหยัดกว่า
ผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า
-
เห็นคนขับรถรุ่นเก่าๆหลายๆคน เค้าจะชอบขับกันแบบนี้
กดเบาๆ แล้วปล่อย
ทำแบบนี้ไปตลอดทางอ่ะ ถามเค้า เค้าบอกประหยัดกว่า ผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า
จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ลองมากับตัว เวลาจ่ายตังส์น้อยกว่าเดิม
แต่ก็ขึ้นอยู่กับเส้นทาง ระยะทาง ความเร็วด้วย
ถ้ารถวิ่งขึ้นที่ความเร็วสูงๆ ก็ผ่อนลงมาใช้เแรงเฉื่อยมาช่วยเฉลี่ย
แต่ถ้าวิ่ง100เดียว เหยียบๆผ่อนๆ เปลืองกว่า เพราะตอนเร่งขึ้นไป มันใช้น้ำมันเยอะกว่า
-
ตามทฤษฎี ขับคงที่ยังไงก็ประหยัดที่สุดเท่าที่รถคันนั้นจะทำได้
แต่ปฏิบัติก็มีหลายปัจจัย เราขับคงที่ความเร็วเท่าไหร่ แล้วเวลาเร่งๆผ่อนๆ อยู่ที่ช่วงความเร็วเท่าไหร่
ถ้าเส้นทางเดียวกัน ขับให้ถึงที่หมายพร้อมกัน ความเร็วคงที่ยังไงก็ประหยัดกว่าแน่นอน
-
ปฎิบัติจริง อยู่ที่บุคคลมากกว่า
แต่ผมได้ประหยัดกว่า...
เคยกดแช่ วิ่ง100
กับวิ่ง120 ผ่อนลงมา100 แล้วค่อยเร่งไป120 ผ่อนลงมา100สลับ
เสียตังส์น้อยกว่า...อ่ะดิ