Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NgoH ที่ เมษายน 07, 2012, 14:36:10
-
อยากทราบรถประเภทไหนผู้ผลิตน่าจะได้กำไรและคุ้มกับการลงทุนมากที่สุดในประเทศไทย
ขอบคุณครับ
-
อยากทราบรถประเภทไหนผู้ผลิตน่าจะได้กำไรและคุ้มกับการลงทุนมากที่สุดในประเทศไทย
ขอบคุณครับ
รถที่ผลิตแล้วมียอดขายมากที่สุดครับ
กำไรจะอยุ่ที่ยอดขาย
ง่ายๆ คือ รถตลาดนั่นเอง
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าระหว่าง ECO กับ B Segment อันไหนยอดขายมากกว่ากัน
รู้แต่ กะบะต้นทุน สูงกว่ารถเก๋ง ในรุ่นที่ราคา เท่าๆ รถเก๋ง
-
จะถามเนี่ยคือกำไรต่อรถ1คัน หรือกำไรทั้งหมด ถ้ากำไรต่อคันรถคันใหญ่เฉลี่ยแล้วกำไรมากกว่ารถขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นกำไรโดยรวมแล้วรถที่ได้ขายได้มากสุดก็ได้กำไรเยอะสุดล่ะครับ
-
อืม ตกลง จขกท ถาม กำไรต่อคัน หรือ ทั้งหมดอ่า
-
คิดว่าน่าจะเป็นรถยุโรปประกอบในประเทศครับ BMW Benz ไรแบบนั้น
เพราเอามาโล๊ะที ลดราคาไปร่วมล้านบาทก็เคยเห็นมาแล้ว ;)
-
พวกรถ Eco กับ B คับผลิตเยอะจำหน่ายเยอะ ผลกำไรต่อคันไม่มาก เน้นตลาด Mass :D
ไม่งั้น โตโยต้าคงไม่รวยขนาดนี้หรอกคับ :P
-
ถ้าคิดเป็นต่อคัน คงหนีไม่พ้นพวก Premium
แต่ถ้าคิดเป็นรุ่น ก็คงรุ่นที่ขายดี จนสามารถผลิตได้เยอะๆ ครับ ต้นทุนมันจะยิ่งต่ำ
-
Toyota ทุกรุ่น :P
-
Toyota ทุกรุ่นอีกเสียง
-
เคยอ่านเจอว่าอัตราส่วนกำไรต่อคันของ Porsche นี่ก็แทบจะที่สุดเหมือนกันนะครับ
-
ขอเพิ่ม Choice ได้มั้ยคับ ผมว่ารถจำพวก green car อ่ะคับ เช่น พวกตระกูล Hybrid ทั้งหลาย, รถไฟฟ้า (เอ..หรือว่า Eco car ก็เข้าข่ายเนี่ยะ) เหตุผลก็ว่ารถพวกนี้ได้สิทธิพิเศษในด้านภาษีมากมาย ในฐานะรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่ประเทศไทยนะครับ แต่ในหลายๆ ประเทศ ก็มีสิทธิพิเศษทางภาษีนี้เช่นกัน อย่าลืมว่าภาษีก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนรถเช่นกัน เมื่อต้นทุนลด กำไรก็เพิ่ม จริงมั้ยคับ
-
ควรเทียบเป็น % ดีกว่าครับ ถ้าเทียบเป็น % แล้ว C segment น่าจะเยอะที่สุด เพราะเมื่อเทียบกับ B segment แล้วต้นทุนเพิ่มไม่มากแต่ราคาขายโดดไปมาก
-
คงไม่มี บ.รถยนต์ ไหนมาบอกหรอกครับว่ารถรุ่นไหนแบบใดได้กำไรเยอะแน่ครับ
ถ้าบอกแล้วพวกเรารู้จะยอมรับความจริงได้ป่าวละครับ สมมุติว่าถ้า freed ราคาต้นทุนมัน สัก 4-5 แสนต่อคัน ละครับ
เราก็ต้องมาตั้งคำถามอีกว่าทำไม บ.รถ ถึงได้ตั้งราคาขายรถได้แพงขนาดนั้นเอาเปรียบกันเกินไปป่าวมันจะกำไรอะไรนักหนา 3-4 แสน
ถ้าให้ผมเดานะ รถรุ่นที่ลากขายได้นานที่สุดนั้นละครับ กำไรทั้งนั้น ;D ;D
-
ขึ้นอยู่กับยี่ห้อด้วยนะผมว่า
ธรรมดา toyota
แพง mbth
-
ในยี่ห้อเดียวกัน ผมว่ารถกระบะต้นทุนสูงกว่ารถเก๋ง แต่ได้มาตรการภาษีรถเพื่อการพาณิชย์ จึงราคาถูก แต่ด้วยกฎหมายที่ค่อนข้างเก่าเช่น
- ต้องเป็น body on frame (มีแชสซี)
- ช่วงล่างหลังคานแข็งและใช้แหนบ
- ดรัมเบรคหลัง
ส่วน D-Segment ต้นทุนสูงและขายได้น้อย ผมเลยเชื่อว่า B-Segment น่าจะทำกำไรให้บริษัทมากสุด
-
- ถ้าถามว่า กำไรต่อคัน มากสุด?
รถใหญ่ครับ เคยมี มือโปร ประมาณเอาไว้ว่า อยู่ที่ระดับ 30 % ของราคาตั้งขาย
- ถ้าถามว่า กำไรต่อรุ่น มากที่สุด
รถที่ผลิตออกมาขายในปริมาณมากๆ แม้จะกำไรต่อคันน้อย (ประมาณ ไม่เกิน 10-15% จากราคาตั้งขายปลีก)
แต่เมื่อรวมๆ กัน ตัวเลขจะเยอะขึ้นได้ครับ ก็ถือว่าอาจจะได้กำไรเยอะ ถ้ามองในภาพรวมทั้งโครงการแล้ว
-
.....
ถ้าให้ผมเดานะ รถรุ่นที่ลากขายได้นานที่สุดนั้นละครับ กำไรทั้งนั้น ;D ;D
แลนเซอร์ แซยิด ก็กำไรบานเลยสิครับ ^_^
-
ต่อคัน และโดยรวม ขอบคุณครับ
-
ปัญหาคือต้นทุนของแต่ละบริษัทไม่แน่นอน นอกจากต้นทุนที่เราเห็นคือตัวรถแล้ว ยังมีต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาซึ่งสูงมากเป็นจุดอ่อนของธุรกิจรถยนต์ ต้นทุนการขาย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ มีการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
-
ต่อคัน และโดยรวม ขอบคุณครับ
ยังไงกำไรมากที่สุดก้คือ รถที่ขายได้มาที่สุดครับ รถตลาดนั่นเอง
เพราะกำไรของ สินค่าอุตสหกรรม มากจากยอดขายล้วนๆครับ
เพราะ ลองคิดง่ายๆ คุณจ้างคน พัฒนา จ้างการตลาด จ้างทดสอบ จ้างออกแบบ มันมหาศาล
การผลิตรถจะต้องวางแผนการตลาดก่อน ตั้งเป้ายอดขาย กี่คันคุ้มทุนกี่คันกำไร มันเป้นตลาดล่วงหน้า
รถหนึ่งคันรวมวางแผนรวมเวลาออกแบบจนถึง ผลิต แมสโปรดัค ใช้เวลามากกว่า 3 ปีครับ
สุดท้ายยอดขายต่ำ ก็เท่ากับเจ้งครับ
แค่ยอดขาย ไม่ได้ตามเป้าที่วางแผนเอาไว้ก้คือขาดทุนแล้วครับ
แต่มองในแง่รถนำเข้า ซึ่ง ดีลเลอร์สั่งมาจำหน่ายเองเช่น พวกรถนำเข้าทั้งคัน กำไรก้งามครับเพราะเค้าไม่ได้พัฒนา
กับพวกรถ ที่ไม่ได้ใช้ระบบ แมสโปรดัค เช่นพวกรถ มหา Luxury พวกนี้ก็กำไรงาม