Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Skyforce ที่ เมษายน 15, 2012, 21:43:58

หัวข้อ: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Skyforce ที่ เมษายน 15, 2012, 21:43:58
แชร์มาจาก Facebook เพื่อนครับ ในข่าวบอกว่า Triton คันนี้บรรทุกอาหารทะเลเป็นประจำจึงโดนไอเค็ม + น้ำทะเลค่อยๆ กัดกร่อน หักกลางคาไฟแดงเลย ดีไม่ขาดสองท่อน
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Headman ที่ เมษายน 15, 2012, 21:49:36
น่ากลัว แต่ว่า น่ากลัวพวกรถสองแถวที่มาจากสมุทรปราการแล้วมาเที่ยวบางแสน
ยิ่งสงกรานต์แบบนี้ ยิ่งเห็นบ่อยครับ เปิดเพลงเสียงนี้แบบ ไม่รู้ว่ามันเปิดเพลงอะไรกัน
เวลาติดไฟแดงคนทั้งรถไม่น่าต่ำกว่า 10 คน ก็ไปขย่บอยู่ตรงท้ายรถ บางคันขย่ม กระโดดกันอย่างเมามันส์จนหน้ารถลอยเลยก็มี
บางคนเป็นผู้หญิงด้วย ใส่ชุดซะเหมือนไม่มีอะไรจะใส่แล้วมากระโดดรูดเสารถสองแถว
ผมว่า แบบนี้มันน่าจะหักมากกว่าพ่อค้าแม่ค้านะครับ  ;D ;D
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ เมษายน 15, 2012, 22:01:17
จะบอกว่ามาอยู่บ้านนอกเนี่ยเจอประจำครับ เห็นหักมาแล้วทุกยี่ห้อ บรรทุกหนักเกินพิกัดมาตราฐานประจำๆมันก็ถึงขีดจำกัดล่ะครับ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: keanetona ที่ เมษายน 15, 2012, 22:07:18
โห รถยังใหม่อยู่เลยนะนั่น

อนึ่ง ถ้าสังเกตจะพบว่ารถขนอาหารทะเลพวกนี้บางทีก็จะทำน้ำจากอาหารทะเลหกใส่พื้น ซึ่งน้ำพวกนี้มันจะลื่น ถ้าเป็นไปได้อย่าขับจี้รถพวกนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ เมษายน 15, 2012, 22:08:38
หักกลางเลย..
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: บูตะ ฉึกฉึก ที่ เมษายน 15, 2012, 22:13:33
เห็นหักมาทุกยี่ห้อแล้วครับ แถวบ้านผม(สกลนคร) เจอบ่อยครับที่มันมันทุกข้าวสานล้นๆ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: chatcharwarn ที่ เมษายน 15, 2012, 22:16:32
โห รถยังใหม่อยู่เลยนะนั่น

อนึ่ง ถ้าสังเกตจะพบว่ารถขนอาหารทะเลพวกนี้บางทีก็จะทำน้ำจากอาหารทะเลหกใส่พื้น ซึ่งน้ำพวกนี้มันจะลื่น ถ้าเป็นไปได้อย่าขับจี้รถพวกนี้นะครับ

เป็นเมือกๆ เคลือบบนถนนเลยหละครับ ลื่นมากกกกกกก....... อันตรายมากด้วย

เห็นหักมาทุกยี่ห้อแล้วครับ แถวบ้านผม(สกลนคร) เจอบ่อยครับที่มันมันทุกข้าวสานล้นๆ


ช่ายครับ ไม่ได้เป็นยี่ห้อเดียว เห็นมาหมดทุกยี่ห้อ เจอจนชินเลย เห้อ...
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ เมษายน 15, 2012, 22:35:50
บรรทุกกันเกินนี่นา โตโยต้าถึงควรขายทุนดร้า
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Mighty-X ที่ เมษายน 15, 2012, 22:40:51
เห็นมาทุกยี่ห้อเหมือนกันครับ

เมื่อก่อน ISUZU โดนโจมตีบ่อยเรื่องเเชซซี 3 ท่อน
ผมล่ะ...เบื่อเเท้ พวกไม่รู้จริง
หารู้ไม่ พวกท่อนเดียวนี่แหละตัวหักบ่อยๆเลย
ทั้งฟรอนเทียร์ , ไทเกอร์ , สตาร์ด้า , มังกรทอง

ถ้าบรรทุกหนักบ่อยๆ
เค้าจะดามแชซซีกันหลายจุดอยู่เหมือนกัน ไม่มีเดิมๆกันหรอก
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Yangyang ที่ เมษายน 15, 2012, 23:01:23
แค่นี้ยังน้อยครับ มาเจอรถขนผลไม้แถวแกลงซะก่อน สูงกว่าตัวรถ 2-3 เท่า ล้อหลังแทบจะจมไปในซุ้มล้อ แถมวิ่งแช่ขวาอีกต่างหาก น่าเบื่อสุดๆ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: applebees ที่ เมษายน 15, 2012, 23:25:35
บรรทุกเกินกฎหมายกำหนด รถพังง่าย ถนนพังเร็ว อันตรายต่อคนอื่นอีกด้วย

... แบบนี้ต้องฟ้องครูอังคณาครับ !
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: MoLee ที่ เมษายน 15, 2012, 23:33:09
เจอรถจำพวกนี้อย่าไปจี้มากนะครับ. บ้างคันดูไม่มีอะไรแต่บรรทุกน้ำยางขี้ยางงี้ก็ตัวดีนะครับกัดทั้งสีรถคันที่ขนเองและคันที่ตามด้วย(กัดขนาดไหนก็เห็นคนถิ่นเขาบอกว่าผ้าปูท้ายกระบะก็โดนกัดเอาไม่อยู่)
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: mengkubs ที่ เมษายน 16, 2012, 00:50:07
เพลารถก็ต้องดูด้วยครับ เห็นเพลาหน้าหักต่อหน้าต่อตา มาสามคันแล้วครับ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: chean ที่ เมษายน 16, 2012, 04:40:13
แค่นี้ยังน้อยครับ มาเจอรถขนผลไม้แถวแกลงซะก่อน สูงกว่าตัวรถ 2-3 เท่า ล้อหลังแทบจะจมไปในซุ้มล้อ แถมวิ่งแช่ขวาอีกต่างหาก น่าเบื่อสุดๆ

เล่าจากประสบการณ์เพราะอยู่ในวงการผลไม้

ถ้าสังเกตุดีๆ รถบรรทุกผมไม้ จะใส่ลังผลไม้ประมาณ 9-10 ชั้น  ซื่งแปลว่าจะสูงกว่าสิบล้อแน่นอน

และน้ำหนักบรรทุกจะปวนเปี้ยนอยู่ระดับ 4 ตัน  + -  ไม่เกิน 200 โล อันนี้คือเรทที่ทุกคันต้องทำได้  ไม่งั้นไม่มีคนจ้าง

ถึงคุนจะบีบแตรให้ตาย  กระพริบไฟก็แล้ว เค้าก็ไม่จะเข้าซ้าย  แถมเปิดเลี้ยวขวาเพื่อให้สัญญาณว่า "คุณนั้นแหล่ะต้องแซงซ้าย"

เหตุผลที่รถพวกนี้ไม่ยอมเข้าซ้าย

1. ถนนซ้ายประเทศไทยเราแย่มาก  ถ้ารถกระบะที่บรรทุกสูงระดับรถสิบล้อ  อยู่ด่านซ้ายจะอันตรายมาก

ถ้าพลาดตกหลุมที่ใหญ่ๆหน่อย  มีโอกาศลงข้างทางได้ง่ายมาก  

2.ช่วงล่างขนาดเล็กของรถกระบะ  มีขนาดเล็กมาก  ไม่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกระดับ 4 ตัน + -

แล้วลงหลุมตูมๆแบบรถสิบล้อได้  มันจะพังในเวลาอันรวดเร็วมาก  บางคันถึงขั้นล้อหลุดแล้วคว่ำเลยก็มี

3.รถพวกนี้ส่วนมากเป็นรถด่วน  จะวิ่งขวายาวๆ  ยอมเสียตำรวจครั้งละ 100 บาท  ดีกว่ายอมเสียช่วงล่างกับทำเวลาไม่ได้  

ปล.แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดที่สุด  คือตอนไม่ได้บรรทุกสินค้า  ทำไมไม่เข้าซ้าย   เห็นแก่ตัวทำไม   อันนี้ไม่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ เมษายน 16, 2012, 09:46:23
แค่นี้ยังน้อยครับ มาเจอรถขนผลไม้แถวแกลงซะก่อน สูงกว่าตัวรถ 2-3 เท่า ล้อหลังแทบจะจมไปในซุ้มล้อ แถมวิ่งแช่ขวาอีกต่างหาก น่าเบื่อสุดๆ

เล่าจากประสบการณ์เพราะอยู่ในวงการผลไม้

ถ้าสังเกตุดีๆ รถบรรทุกผมไม้ จะใส่ลังผลไม้ประมาณ 9-10 ชั้น  ซื่งแปลว่าจะสูงกว่าสิบล้อแน่นอน

และน้ำหนักบรรทุกจะปวนเปี้ยนอยู่ระดับ 4 ตัน  + -  ไม่เกิน 200 โล อันนี้คือเรทที่ทุกคันต้องทำได้  ไม่งั้นไม่มีคนจ้าง

ถึงคุนจะบีบแตรให้ตาย  กระพริบไฟก็แล้ว เค้าก็ไม่จะเข้าซ้าย  แถมเปิดเลี้ยวขวาเพื่อให้สัญญาณว่า "คุณนั้นแหล่ะต้องแซงซ้าย"

เหตุผลที่รถพวกนี้ไม่ยอมเข้าซ้าย

1. ถนนซ้ายประเทศไทยเราแย่มาก  ถ้ารถกระบะที่บรรทุกสูงระดับรถสิบล้อ  อยู่ด่านซ้ายจะอันตรายมาก

ถ้าพลาดตกหลุมที่ใหญ่ๆหน่อย  มีโอกาศลงข้างทางได้ง่ายมาก 

2.ช่วงล่างขนาดเล็กของรถกระบะ  มีขนาดเล็กมาก  ไม่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกระดับ 4 ตัน + -

แล้วลงหลุมตูมๆแบบรถสิบล้อได้  มันจะพังในเวลาอันรวดเร็วมาก  บางคันถึงขั้นล้อหลุดแล้วคว่ำเลยก็มี

3.รถพวกนี้ส่วนมากเป็นรถด่วน  จะวิ่งขวายาวๆ  ยอมเสียตำรวจครั้งละ 100 บาท  ดีกว่ายอมเสียช่วงล่างกับทำเวลาไม่ได้ 


อย่างนี้นี่เอง เข้าใจขึ้นเลยครับ..
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: applebees ที่ เมษายน 16, 2012, 10:37:17
แค่นี้ยังน้อยครับ มาเจอรถขนผลไม้แถวแกลงซะก่อน สูงกว่าตัวรถ 2-3 เท่า ล้อหลังแทบจะจมไปในซุ้มล้อ แถมวิ่งแช่ขวาอีกต่างหาก น่าเบื่อสุดๆ

เล่าจากประสบการณ์เพราะอยู่ในวงการผลไม้

ถ้าสังเกตุดีๆ รถบรรทุกผมไม้ จะใส่ลังผลไม้ประมาณ 9-10 ชั้น  ซื่งแปลว่าจะสูงกว่าสิบล้อแน่นอน

และน้ำหนักบรรทุกจะปวนเปี้ยนอยู่ระดับ 4 ตัน  + -  ไม่เกิน 200 โล อันนี้คือเรทที่ทุกคันต้องทำได้  ไม่งั้นไม่มีคนจ้าง

ถึงคุนจะบีบแตรให้ตาย  กระพริบไฟก็แล้ว เค้าก็ไม่จะเข้าซ้าย  แถมเปิดเลี้ยวขวาเพื่อให้สัญญาณว่า "คุณนั้นแหล่ะต้องแซงซ้าย"

เหตุผลที่รถพวกนี้ไม่ยอมเข้าซ้าย

1. ถนนซ้ายประเทศไทยเราแย่มาก  ถ้ารถกระบะที่บรรทุกสูงระดับรถสิบล้อ  อยู่ด่านซ้ายจะอันตรายมาก

ถ้าพลาดตกหลุมที่ใหญ่ๆหน่อย  มีโอกาศลงข้างทางได้ง่ายมาก  

2.ช่วงล่างขนาดเล็กของรถกระบะ  มีขนาดเล็กมาก  ไม่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกระดับ 4 ตัน + -

แล้วลงหลุมตูมๆแบบรถสิบล้อได้  มันจะพังในเวลาอันรวดเร็วมาก  บางคันถึงขั้นล้อหลุดแล้วคว่ำเลยก็มี

3.รถพวกนี้ส่วนมากเป็นรถด่วน  จะวิ่งขวายาวๆ  ยอมเสียตำรวจครั้งละ 100 บาท  ดีกว่ายอมเสียช่วงล่างกับทำเวลาไม่ได้  

ปล.แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดที่สุด  คือตอนไม่ได้บรรทุกสินค้า  ทำไมไม่เข้าซ้าย   เห็นแก่ตัวทำไม   อันนี้ไม่เข้าใจ


ก็เนี่ยแหละครับ ถึงทำให้ปัญหาการจราจรเป็นอย่างทุกวันนี้

ก็ไม่ควรชิดขวา ถ้ายิ่งรู้ว่าถนนไม่ดี รถจะพัง แต่ต้องทำน้ำหนักให้ได้... รวมตัวกันร้องเรียนเลยครับ !
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ เมษายน 16, 2012, 11:20:38
คงต้องใช้รถสี่ล้อใหญ่แทนสิครับ ก็เข้าใจนะครับว่ารถเมืองไทยมันแพง
แต่นั้นมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวซะทีเดียว ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ ประเทศเราก็แย่

ลองคิดดูนะครับ ค่าน้ำมันที่เค้าเบรคให้คุณแล้วเค้าเร่งกลับไปที่ความเร็วเดิม มันเป็นเงินเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ เมษายน 16, 2012, 11:21:18
รถเดิมๆแน่นอนครับ
ถ้าจะขนหนักขนาดนี้ปกติต้องเสริมแหนบ ทำเพลาลอย ล้อเหล็กปั้ม
ยิ่งขนหนัก เจอน้ำทะเลกร่อนทุกวันๆ พังหมดครับ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ เมษายน 16, 2012, 12:02:15
ดูจากรูปกระบะท้ายน่าจะเป็นกระบะเหล็กธรรมดานะครับ
เอาน้ำเค็มไม่อยู่แน่ แม้จะใส่ไลน์เนอร์แล้วก็ตาม
ต้องเปลี่ยนเป็นกระบะสแตนเลส ที่ไม่มีรูรั่วเลย จะมีแต่รูที่เจาะเอาไว้ระบายน้ำเท่านั้น
จะไม่มีปัญหาน้ำรั่วเข้าใส่แซชซี
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ เมษายน 16, 2012, 19:31:17
ดูจากรูปกระบะท้ายน่าจะเป็นกระบะเหล็กธรรมดานะครับ
เอาน้ำเค็มไม่อยู่แน่ แม้จะใส่ไลน์เนอร์แล้วก็ตาม
ต้องเปลี่ยนเป็นกระบะสแตนเลส ที่ไม่มีรูรั่วเลย จะมีแต่รูที่เจาะเอาไว้ระบายน้ำเท่านั้น
จะไม่มีปัญหาน้ำรั่วเข้าใส่แซชซี

จะไปหาที่ไหนละครับ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: chatcharwarn ที่ เมษายน 16, 2012, 20:06:34
ดูจากรูปกระบะท้ายน่าจะเป็นกระบะเหล็กธรรมดานะครับ
เอาน้ำเค็มไม่อยู่แน่ แม้จะใส่ไลน์เนอร์แล้วก็ตาม
ต้องเปลี่ยนเป็นกระบะสแตนเลส ที่ไม่มีรูรั่วเลย จะมีแต่รูที่เจาะเอาไว้ระบายน้ำเท่านั้น
จะไม่มีปัญหาน้ำรั่วเข้าใส่แซชซี

จะไปหาที่ไหนละครับ

พวกที่ทำกระบะสแตนเลส ยังพอหาได้ครับ ผมก็พอรู้จัก แต่ไม่บอกตรงนี้ละกันครับ เด๋วหาว่าโฆษณา

พวกรถส่งของที่มากับความชื่น ความเปียก ความแฉะ ไม่ว่าจะส่งผัก ส่งปลา ส่งน้ำแข็ง สมัยก่อนเค้าเปลี่ยนมาใส่กระบะสแตนเลสกันหมดครับ หลายๆคันทุกวันนี้ก็ยังส่งของกันปกติ พวกIsuzu TFR, KB Faster z
แต่เดี่ยวนี้ก็เห็นน้อยลงจริงๆ พวกกระบะสแตนเลสเนี่ย
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: chean ที่ เมษายน 16, 2012, 21:04:59
ดูจากรูปกระบะท้ายน่าจะเป็นกระบะเหล็กธรรมดานะครับ
เอาน้ำเค็มไม่อยู่แน่ แม้จะใส่ไลน์เนอร์แล้วก็ตาม
ต้องเปลี่ยนเป็นกระบะสแตนเลส ที่ไม่มีรูรั่วเลย จะมีแต่รูที่เจาะเอาไว้ระบายน้ำเท่านั้น
จะไม่มีปัญหาน้ำรั่วเข้าใส่แซชซี

น้ำยังไงก็ต้องซึมเข้าแชซซีแน่นอน  ทางที่ดีหลังจากใช้งานประจำวัน  ควรเอาน้ำเปล่าล้างอัดใต้ท้องรถอีกครั้ง

ต่อ 1 สัปดาห์  รถพวกนี้จะเข้าคาร์แคร์ล้างอัดฉีดชุดใหญ่ 1 ครั้ง  แล้วรถพวกนี้จะพ่นสารพัดน้ำยาปล่อยกว่ารถปกติ 2-3 เท่า
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: CRO ที่ เมษายน 16, 2012, 21:17:35
เขารัง ภูเก็ต กลางเมืองเลยนะนั้น -_-'
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: chean ที่ เมษายน 16, 2012, 21:57:49
แค่นี้ยังน้อยครับ มาเจอรถขนผลไม้แถวแกลงซะก่อน สูงกว่าตัวรถ 2-3 เท่า ล้อหลังแทบจะจมไปในซุ้มล้อ แถมวิ่งแช่ขวาอีกต่างหาก น่าเบื่อสุดๆ

เล่าจากประสบการณ์เพราะอยู่ในวงการผลไม้

ถ้าสังเกตุดีๆ รถบรรทุกผมไม้ จะใส่ลังผลไม้ประมาณ 9-10 ชั้น  ซื่งแปลว่าจะสูงกว่าสิบล้อแน่นอน

และน้ำหนักบรรทุกจะปวนเปี้ยนอยู่ระดับ 4 ตัน  + -  ไม่เกิน 200 โล อันนี้คือเรทที่ทุกคันต้องทำได้  ไม่งั้นไม่มีคนจ้าง

ถึงคุนจะบีบแตรให้ตาย  กระพริบไฟก็แล้ว เค้าก็ไม่จะเข้าซ้าย  แถมเปิดเลี้ยวขวาเพื่อให้สัญญาณว่า "คุณนั้นแหล่ะต้องแซงซ้าย"

เหตุผลที่รถพวกนี้ไม่ยอมเข้าซ้าย

1. ถนนซ้ายประเทศไทยเราแย่มาก  ถ้ารถกระบะที่บรรทุกสูงระดับรถสิบล้อ  อยู่ด่านซ้ายจะอันตรายมาก

ถ้าพลาดตกหลุมที่ใหญ่ๆหน่อย  มีโอกาศลงข้างทางได้ง่ายมาก  

2.ช่วงล่างขนาดเล็กของรถกระบะ  มีขนาดเล็กมาก  ไม่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกระดับ 4 ตัน + -

แล้วลงหลุมตูมๆแบบรถสิบล้อได้  มันจะพังในเวลาอันรวดเร็วมาก  บางคันถึงขั้นล้อหลุดแล้วคว่ำเลยก็มี

3.รถพวกนี้ส่วนมากเป็นรถด่วน  จะวิ่งขวายาวๆ  ยอมเสียตำรวจครั้งละ 100 บาท  ดีกว่ายอมเสียช่วงล่างกับทำเวลาไม่ได้  

ปล.แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดที่สุด  คือตอนไม่ได้บรรทุกสินค้า  ทำไมไม่เข้าซ้าย   เห็นแก่ตัวทำไม   อันนี้ไม่เข้าใจ


ก็เนี่ยแหละครับ ถึงทำให้ปัญหาการจราจรเป็นอย่างทุกวันนี้

ก็ไม่ควรชิดขวา ถ้ายิ่งรู้ว่าถนนไม่ดี รถจะพัง แต่ต้องทำน้ำหนักให้ได้... รวมตัวกันร้องเรียนเลยครับ !
ในฐานะผมเป็นคนกลาง  ทำธุรกิจผลไม้ส่งนอกที่ไม่ได้ทำอาชีพขนส่งรถกระบะบรรทุก  และเป็นประชาชนผู้ใช้ถนนคนหนึ่ง
ขอออกความคิดเห็นส่วนตัวนึดนึง  ถ้าเราจะประหารรถกระบะบรรทุกทั้งหมดเลยก็ไม่ถูกซะทีเดียว

สาเหตุที่รถพวกนี้ต้องใส่ถึงระดับ 4 ตัน  เพราะจะได้ทำค่าบรรทุกได้ใกล้เคียงกับรถที่ขนาดใหญ่กว่า
สมมุติว่าถ้ารถพวกนี้ใส่ 4 ตัน ทำค่าบรรทุก 1.20 บาทต่อกิโล รถหกล้อได้ 1 บาทต่อกิโล สิบล้อได้ 80 สตางค์ต่อกิโล
สมมุติว่ารัฐบาลอนุโลมให้ได้น้ำหนักบรรทุกได้ 2 ตัน  นั้นเท่ากับว่าค่าบรรทุกต่อกิโลต้องเพิ่มเป็น 2.40 บาทต่อกิโล
แน่นอน....ซึ่งอาชีพแบบพวกผม  คงไม่ใช้รถกระบะแน่นอน  เพราะไม่คุ้มทุน  ทำไปก็ขาดทุน  สู้คนอื่นในตลาดไม่ได้

แต่คนที่จะหมดอนาคตมีสองคน  
1. แม่ค้ารายเล็กที่สามารถมีกำลังการขายได้แค่วันละ 4 ตัน เพราะแม่ค้าพวกนี้   จะเขยิบตัวเองมาขายในระดับบรถหกล้อ  
หรือรถสิบล้อ  นั้นยากมาก  ซึ่งแปลว่าแม่ค้ารายเล็กจะเจ๊งก่อน   เพราะแบกรับ 2.40 บาทต่อกิโลไม่ไหว  
จะเอาอะไรไปสู้พวกสิบล้อ 80 สตางค์  ค่าบรรทุกก็ต่างกันสามเท่าแล้ว ซึ่งแม่ค้าพวกนี้เป็นส่วนมากของเมืองไทย
2. เจ้าของรถบรรทุก  รถพวกนี้จะต้องโดนกฎหมายบีบ จนไม่มีคนจ้างเพราะแบกรับค่าบรรทุกแสนโหดไม่ไหว
หรือไม่เจ้าของรถต้องหาอาชีพอื่น  ที่หาจุดคุมทุน รับงานบรรทุกของมีค่าแบบไม่หนัก  ซึ่งผู้จ้างแบบนี้มีน้อยกว่าจำนวนรถบรรทุก

การเมือง กฎหมาย ระบบการจัดการ อะไรอีกมากมายต่างๆของประเทศไทย อยู่ในอันดับท้ายๆของโลก
มันบีบให้หลายอย่างต้องเป็นแบบนี้  ถามว่า  ถ้าเรารวมตัวกันฟ้องร้องทำได้ไหม  ตอบเลยว่า "ทำได้"
แล้วเราจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร  ในเมื่อคนไทยส่วนมาก  ไม่มีทางเลือกในการทำมาหากินมากนัก
ทำไมพวกเราไม่ถ้อยที ถ้อยอาศัยกัน  ก็พอเข้าใจว่ารถบรรทุกมันผิด
แต่พวกเราเปิดโอกาศให้คนอื่นทำมาหากินบ้าง ไม่ได้เลยหรอ




  
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: jdai ที่ เมษายน 17, 2012, 11:02:32
:D :D ;D ;D ;D   โห พี่ๆ คร๊าบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าหาว่าผมนิสัยเสียเลยน่ะ สะใจจริง ไม่ใช่ซ้ำเติมคนนะครับ
 
รถพรรนี้ มันขับไม่เกรงใจใคร ปล่อยน้ำเรี่ยราดรดใส่หน้ารถคนอื่นตลอดเวลา เหม็นสุดๆครับ วิ่งขวา แล้วยังอ้างว่าทุกหนัก
 
เปลี่ยนเลนหรือถนนไม่เรียบวิ่งไม่ได้  ที่จริงต้องไปใช้รถบรรทุกที่ขนาดใหญ่กว่านี้ ไม่ได้ให้คนเหล่านี้มาเอาเปรียบสังคม ที่

เสียภาษีเหมือนกัน แต่เอาเปรียบผู้คนไปทั่ว  ขออนุญาติเจ้าของกระทู้นะครับ ว่าสะใจจริงๆ แม่มมมม  ส่วนหนึ่งที่คนในส้งคม

ต้องเดือดร้อนกับรถพวกนี้คือ อุบัติเหตุที่ต้องทำให้คนอื่นต้องแซงซ้ายตลอดเวลา สกปรก เหม็น ช้า เห็นแก่ตัวสุดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ เมษายน 17, 2012, 11:41:49
:D :D ;D ;D ;D   โห พี่ๆ คร๊าบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าหาว่าผมนิสัยเสียเลยน่ะ สะใจจริง ไม่ใช่ซ้ำเติมคนนะครับ
 
รถพรรนี้ มันขับไม่เกรงใจใคร ปล่อยน้ำเรี่ยราดรดใส่หน้ารถคนอื่นตลอดเวลา เหม็นสุดๆครับ วิ่งขวา แล้วยังอ้างว่าทุกหนัก
 
เปลี่ยนเลนหรือถนนไม่เรียบวิ่งไม่ได้  ที่จริงต้องไปใช้รถบรรทุกที่ขนาดใหญ่กว่านี้ ไม่ได้ให้คนเหล่านี้มาเอาเปรียบสังคม ที่

เสียภาษีเหมือนกัน แต่เอาเปรียบผู้คนไปทั่ว  ขออนุญาติเจ้าของกระทู้นะครับ ว่าสะใจจริงๆ แม่มมมม  ส่วนหนึ่งที่คนในส้งคม

ต้องเดือดร้อนกับรถพวกนี้คือ อุบัติเหตุที่ต้องทำให้คนอื่นต้องแซงซ้ายตลอดเวลา สกปรก เหม็น ช้า เห็นแก่ตัวสุดๆๆๆๆ

ผมก็เห็นแบบนั้นแหละครับ
หารถบรรทุกที่มันใหญ่กว่าดีกว่าครับ ผมเองเคยขับสี่ล้อใหญ่เก่าๆ จริงๆรถมันขับง่ายกว่ารถกระบะเยอะนะครับ วงเลี้ยวแคบมาก ระบบช่วงล่างใส่สองถึงสามตันช่วงล่างเดิมๆก็วิ่งสบายๆ
มันเป็นแหนบทั้งหน้าหลัง ไม่มีซุ้มล้อให้ติด บรรทุกแล้วหน้าไม่เชิดเอาไฟไปเข้าตาคนอื่น

ความเห็นส่วนตัวผมมองว่าเอาเปรียบสังคมนะครับ ถนนทางซ้ายไม่ดี แต่ให้รถเก๋งขับเร็วกว่าไปตกหลุมแทน ช่วงล่างรถเก๋งมันไม่ทนทานขนาดนั้นนะครับ
และเป็นไปได้หรือไม่ที่ว่าเวลาไม่บรรทุก คิดซื้อกระบะเพราะมันโก้กว่า เอาไปโฉบอวดใครๆก็ได้ว่าข้าก็มี ผมว่าความคิดคนพวกนี้ก็วนเวียนอยู่ตรงนี้แหละ
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: นครอัญมณี ที่ เมษายน 19, 2012, 02:24:39
จากรูป
เป็นรถที่บรรทุกของ เกี่ยวกับ อาหารทะเล จะโดนสนิมกัดกินแชชซี จะสิ้นมาตรฐานการรับน้ำหนักรถไป เพียงไม่กี่ปี
ถ้าบรรทุกสิ่งอื่นยังพอทน ไม่หักง่ายๆ เพราะไม่โดนสนิมกัด

เรื่องรถกระบะ บรรทุกได้เยอะๆ
มีให้เห็นมากมายไปตามท้องถนน โดยเฉพาะรถขนสินค้าเกษตร ที่ดัดแปลงช่วงล่าง ให้รถกระบะขนาด 1 ตัน รับน้ำหนักได้ 4 ตัน
สังเกตุได้ ที่ล้อหลัง จะใช้ล้อกระทะเหล็กขนาดประมาณ 14-15 นิ้ว น็อตล้อโตๆ แล้วรัดด้วยยางหน้ากว้างหนาๆ นั่นแหละ แปลงมาแล้ว จ้า
หัวข้อ: Re: เตื่อนพ่อค้าแม่ค้า บรรทุกหนักเช็ค + ดูแลรถกันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: KAKASHII ที่ เมษายน 21, 2012, 01:14:13
แค่นี้ยังน้อยครับ มาเจอรถขนผลไม้แถวแกลงซะก่อน สูงกว่าตัวรถ 2-3 เท่า ล้อหลังแทบจะจมไปในซุ้มล้อ แถมวิ่งแช่ขวาอีกต่างหาก น่าเบื่อสุดๆ

เล่าจากประสบการณ์เพราะอยู่ในวงการผลไม้

ถ้าสังเกตุดีๆ รถบรรทุกผมไม้ จะใส่ลังผลไม้ประมาณ 9-10 ชั้น  ซื่งแปลว่าจะสูงกว่าสิบล้อแน่นอน

และน้ำหนักบรรทุกจะปวนเปี้ยนอยู่ระดับ 4 ตัน  + -  ไม่เกิน 200 โล อันนี้คือเรทที่ทุกคันต้องทำได้  ไม่งั้นไม่มีคนจ้าง

ถึงคุนจะบีบแตรให้ตาย  กระพริบไฟก็แล้ว เค้าก็ไม่จะเข้าซ้าย  แถมเปิดเลี้ยวขวาเพื่อให้สัญญาณว่า "คุณนั้นแหล่ะต้องแซงซ้าย"

เหตุผลที่รถพวกนี้ไม่ยอมเข้าซ้าย

1. ถนนซ้ายประเทศไทยเราแย่มาก  ถ้ารถกระบะที่บรรทุกสูงระดับรถสิบล้อ  อยู่ด่านซ้ายจะอันตรายมาก

ถ้าพลาดตกหลุมที่ใหญ่ๆหน่อย  มีโอกาศลงข้างทางได้ง่ายมาก  

2.ช่วงล่างขนาดเล็กของรถกระบะ  มีขนาดเล็กมาก  ไม่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกระดับ 4 ตัน + -

แล้วลงหลุมตูมๆแบบรถสิบล้อได้  มันจะพังในเวลาอันรวดเร็วมาก  บางคันถึงขั้นล้อหลุดแล้วคว่ำเลยก็มี

3.รถพวกนี้ส่วนมากเป็นรถด่วน  จะวิ่งขวายาวๆ  ยอมเสียตำรวจครั้งละ 100 บาท  ดีกว่ายอมเสียช่วงล่างกับทำเวลาไม่ได้  

ปล.แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดที่สุด  คือตอนไม่ได้บรรทุกสินค้า  ทำไมไม่เข้าซ้าย   เห็นแก่ตัวทำไม   อันนี้ไม่เข้าใจ


ก็เนี่ยแหละครับ ถึงทำให้ปัญหาการจราจรเป็นอย่างทุกวันนี้

ก็ไม่ควรชิดขวา ถ้ายิ่งรู้ว่าถนนไม่ดี รถจะพัง แต่ต้องทำน้ำหนักให้ได้... รวมตัวกันร้องเรียนเลยครับ !
ในฐานะผมเป็นคนกลาง  ทำธุรกิจผลไม้ส่งนอกที่ไม่ได้ทำอาชีพขนส่งรถกระบะบรรทุก  และเป็นประชาชนผู้ใช้ถนนคนหนึ่ง
ขอออกความคิดเห็นส่วนตัวนึดนึง  ถ้าเราจะประหารรถกระบะบรรทุกทั้งหมดเลยก็ไม่ถูกซะทีเดียว

สาเหตุที่รถพวกนี้ต้องใส่ถึงระดับ 4 ตัน  เพราะจะได้ทำค่าบรรทุกได้ใกล้เคียงกับรถที่ขนาดใหญ่กว่า
สมมุติว่าถ้ารถพวกนี้ใส่ 4 ตัน ทำค่าบรรทุก 1.20 บาทต่อกิโล รถหกล้อได้ 1 บาทต่อกิโล สิบล้อได้ 80 สตางค์ต่อกิโล
สมมุติว่ารัฐบาลอนุโลมให้ได้น้ำหนักบรรทุกได้ 2 ตัน  นั้นเท่ากับว่าค่าบรรทุกต่อกิโลต้องเพิ่มเป็น 2.40 บาทต่อกิโล
แน่นอน....ซึ่งอาชีพแบบพวกผม  คงไม่ใช้รถกระบะแน่นอน  เพราะไม่คุ้มทุน  ทำไปก็ขาดทุน  สู้คนอื่นในตลาดไม่ได้

แต่คนที่จะหมดอนาคตมีสองคน  
1. แม่ค้ารายเล็กที่สามารถมีกำลังการขายได้แค่วันละ 4 ตัน เพราะแม่ค้าพวกนี้   จะเขยิบตัวเองมาขายในระดับบรถหกล้อ  
หรือรถสิบล้อ  นั้นยากมาก  ซึ่งแปลว่าแม่ค้ารายเล็กจะเจ๊งก่อน   เพราะแบกรับ 2.40 บาทต่อกิโลไม่ไหว  
จะเอาอะไรไปสู้พวกสิบล้อ 80 สตางค์  ค่าบรรทุกก็ต่างกันสามเท่าแล้ว ซึ่งแม่ค้าพวกนี้เป็นส่วนมากของเมืองไทย
2. เจ้าของรถบรรทุก  รถพวกนี้จะต้องโดนกฎหมายบีบ จนไม่มีคนจ้างเพราะแบกรับค่าบรรทุกแสนโหดไม่ไหว
หรือไม่เจ้าของรถต้องหาอาชีพอื่น  ที่หาจุดคุมทุน รับงานบรรทุกของมีค่าแบบไม่หนัก  ซึ่งผู้จ้างแบบนี้มีน้อยกว่าจำนวนรถบรรทุก

การเมือง กฎหมาย ระบบการจัดการ อะไรอีกมากมายต่างๆของประเทศไทย อยู่ในอันดับท้ายๆของโลก
มันบีบให้หลายอย่างต้องเป็นแบบนี้  ถามว่า  ถ้าเรารวมตัวกันฟ้องร้องทำได้ไหม  ตอบเลยว่า "ทำได้"
แล้วเราจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร  ในเมื่อคนไทยส่วนมาก  ไม่มีทางเลือกในการทำมาหากินมากนัก
ทำไมพวกเราไม่ถ้อยที ถ้อยอาศัยกัน  ก็พอเข้าใจว่ารถบรรทุกมันผิด
แต่พวกเราเปิดโอกาศให้คนอื่นทำมาหากินบ้าง ไม่ได้เลยหรอ




  




คุณนะตอบเห็นแก่ตัวเกินไป ผมเห็นรถพวกนี้ล้มทับมอไซต์ที่วิ่งข้างๆมาแล้ว

กฏหมายคือกฏหมายครับ ถ้ามันละเว้นกัน แล้วมาหาขออ้างนั้นอ้างนี้ มันไร้สาระ และเห็นแก่ตัวที่สุด ชอบอ้างว่าถ้าไม่ทำแล้วจะมีไีรกิน

เหมือนพวกจับหมาไปขายแถวแม่น้ำโขงก็อ้างว่าไม่มีงานทำ  เหอๆ ถ้าสมองคนคิดได้แค่นี้อย่าอยู่บนโลกยังจะดีกว่าซะอีก

สัตย์สัตว์เดรัจฉานมันยังไม่เบียดเบียนสร้างความเดือดร้อนให้ใคร  แล้วทำไหมสัตว์ประเสริฐอย่างเราอย่าทำไม่ได้บ้าง อย่าหาข้ออ้างที่ทำร้ายผู้อื่นทางออ้ม มาทำให้ตัวเองดูดีหน่อยเลยครับ