Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Tyde ที่ เมษายน 20, 2012, 20:39:06
-
ทำไมภาษีประจำปีรถกระบะ 4ประตูมันแพงจังครับ 4000กว่าบาทแหนะ ??? คือส่วนตัวผมคิดว่ามันแพงเวอร์เกินไปนะ
-
ทำไมถึงคิดว่าแพงละครับ
ผมว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ
-
rate เดียวกับรถเก๋งครับ
แต่เครื่องยนต์มันใหญ่
-
คันใหญ่โต อลังการขนาดนั้น มี 4 ประตู แถมมีกระบะ ยางใหญ่มาก เครื่องใหญ่แถมแรง
4000 บาท ผมว่าก็เหมาะสมนะครับ
-
คือผมอาจมองว่ากระบะ 4 ประตู กับ แค๊บ มันต่างกันไม่มาก คันเท่ากัน cc เท่ากัน แต่4ประตูเสียภาษีแพงกว่ามากก็เลยสงสัยน่ะครับ
-
ถือว่าช่วยชาติครับอย่าคิดมากเลยครับ
-
4 ประตูเป็นรถนั่งส่วนบุคคล เสียภาษีตาม ซีซี เหมือนรถเก๋งทั่ว ๆ ไป ถ้าอยากจะได้ถูกก็ใช้ 2 ประตู แคบ จะเปิดได้หรือเปิดไม่ได้ก็อัตราเดียวกัน คิดตามน้ำนักรถ
-
ผมว่าไม่แพงนะครับ เสียระดับเดียวกับเก๋ง เพราะมันนั่งได้เหมือนเก๋ง แถมบรรทุกของได้อีก อเนกประสงค์กว่าเยอะเลย อีกอย่างคนซื้อกระบะ 4 ประตู ก็ใช้ลักษณะเหมือนรถเก๋งด้วย
-
เหมือนซื้อ 1 ได้ถึง 2 นั่งแบบเก๋ง+บรรทุกแบบกะบะ ราคาก็นะ
-
แล้วกระบะแคปเสียปีละเท่าไรหรอครับ
-
แค็ปและตอนเดียว ป้ายเขียว ภาษีประจำปีปีละ 1,050 บาท เท่ากันทุกปี
4 ประตู ป้ายดำ ภาาีประจำปีคิดตาม ความจุ แต่จะได้ส่วนลดลงทุกปี
ถูกสุด 2200 ซีซี 3,700 บาท
แพงสุด 3200 ซีซี 7,700 บาท
-
คือผมอาจมองว่ากระบะ 4 ประตู กับ แค๊บ มันต่างกันไม่มาก คันเท่ากัน cc เท่ากัน แต่4ประตูเสียภาษีแพงกว่ามากก็เลยสงสัยน่ะครับ
สำหรับผม มันต่างกันมากครับ
ลองนั่ง 4 ประตูรุ่นโบราณอย่าง มาสด้า BT-50 ที่ใครๆ ก็ว่า 4 ประตูด้านหลังแคบ
กับ วีโก้ แค็ป ที่ใครๆก็ว่ากว้าง ให้นั่ง หลังคนขับ ยังไงผมก็เลือก 4 ประตู แน่เลยอะ
แบบแค็ป เอ่อ ลองนั่งซักทางไกลซัก 200 โล แล้วจะรู้ครับ
-
นับตามจำนวนนั่งด้วยครับ แคบตอนเดียวด้านหลังที่เป็นเบาะยาวๆ เค้าไม่นับเป็นที่นั่งโดยสาร เลายคิดเท่าแบบไม่มีแคบ ครับ
-
รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล = แค็ปและตอนเดียว ป้ายเขียว
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน7 คน = 4 ประตู ป้ายดำ
เนื่องจากการใช้งานที่ต่างกัน ทำให้เก็บภาษีในอัตราที่ไม่เท่ากัน
-
คำตอบง่ายมากได้รถเก๋งซีดานแถมยังได้กระบะไว้ใส่ของที่ตูดอีก ยิ่งพวกเอาไปใส่หลังคากลายเป็นรถ PPV ไปอีก
ภาษีแค่นี้ถือว่าถูกซะยิ่งกว่าถูก
ถ้าถามต่อว่าแล้วเทียบกับแคปตอนครึ่งหล่ะ อันนันซื้อกระบะแต่เขาแถมไม้กระดานพาดมาให้ 1 แผ่นสำหรับคนนั่งหลัง ภาษีตอนครึ่งถือว่าสมเหตุสมผล
-
ภาษี ปีละ 4000 กว่า
ค่ายางตัวยกสูง เกือบ 30,000 (เกือบได้แม็คขอบ 18 พร้อมยางรถเก๋งได้เลยน่ะเนี่ย 55+)
จะว่าไปมันก็บำรุงเยอะเมหือนกันน่ะครับเนี่ย
-
ระบบภาษีมันโง่ ไม่เเบ่งดีเซล เบนซิล ดีเซลกระบะมันจะมีหรอ 1.8 2.0 โง่จะตายไอพวกออกกฏหมาย ดีเซลมันเหมือนกับเบนซิลซะที่ไหน ที่เครื่องใหญ่แล้วมีแค่กินน้ำมันแบบเบนซิลใหญ่ๆ
-
สำหรับผม ผมว่าแพงครับ กฏหมายเรามันล้าหลังอ่ะ ลองคิดดู หลายครอบครัวสร้างตัวขึ้นมา พอจะซื้อรถก็อยากใด้รถที่มันใช้งานใด้ครอบคลุม รถ4ประตูก็เป็นทางเลือกที่ดี คือคุณซื้อ4ประตูเนี่ย จะไปเที่ยวกันก็ไปด้วยกันใด้ นั่งกันใด้หลายคน จะขนของก็ใด้ ทำมาหากินใด้ คือในบ้านมีคันเดียวก็ใด้สารพัด ภาษีกลับแพงกว่าพวกรถสปอร์ต ซึ่งผมว่ามันเป็นเหมือนของเล่นคนมีเงิน ที่มีรถหลายคัน ใช้น้ำมันเหมือนเททิ้ง จริงๆน่าจะพิจารณาใหม่นะครับ เพราะรถ4ประตูนี่มันอเนกประสงค์มาก น่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดนะครับ
-
กฏหมายไม่ผิดครับ
เมื่อก่อน เทคโนโลยียังมาไม่ถึงจุดนี้
ถ้าจะโทษ ต้องโทษผู้บังคับใช้กฏหมาย และนักวิชาการที่ล้าหลัง ไม่ยอมปรับปรุงกฏหมาย
นักวิชาการ ที่วันๆอยู่แต่กับทฤษฏี ไม่เคยเงยหน้ามองดูโลกที่เปลี่ยนไป
สิ่งที่ผิด คือผู้มีอำนาจในการแก้ไขกฏหมาย"อย่างเหมาะสม" ให้เป็นไปตามโลกที่เปลี่ยนไปมากกว่า
ทุกคนรู้ๆกันว่า การเก็บภาษีโดยใช้ซีซีเป็นหลักมันไม่เหมาะสมแ้ล้ว
เก็บภาษีตาม"มลพิษ" น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
-
เพราะ การจัดเก็บภาษีที่ล้าสมัย ห่วยแตก
จริงๆ รัฐฯ ควรส่งเสริมให้มีการใช้ รถกระบะ 4 ประตูมากขึ้นด้วย เพราะมันสามารถนั่งได้บรรทุกได้ ช่วงล่างไม่ซับซ้อนความทนทานสูง
คือ เหมาะกับเป็นรถคันแรกของบ้านเลย
การเก็บภาษี ควรจะเก็บตามราคารถไปเลย แบบ ประกันชั้น 1 รถถูกเก็บภาษีถูก รถแพงเก็บแพง
รถฟุ่มเฟือย คือ รถ sport และ รถนำเข้า เก็บให้สุดๆ เพื่อจะได้หันมาใช้รถในประเทศมากขึ้น
-
สงสังเจ้าหน้าที่กับคนใช้รถมองไม่เหมือนกันครับ..
-
ก็เหมือนกับข่าวที่จะเลิก เบนซิล 91 นั่นหล่ะคับ
แทนที่จะยกเลิกเบนซิล 95 ที่ไว้เติมจำพวกรถ ซุปเปอร์คาร์ กลับไปยกเลิก เบนซิล 91
แล้วไอรถเก่าๆๆ เครื่องตัดหญ้าเอย บร้าๆๆๆๆ จะทำอย่างไรหล่ะครับ ได้แต่ถอนหายใจ เหอๆๆ
ผลประโยชน์ของตัวเองต้องมาก่อนเสมอ เลยนะพวกนี้
-
จะแพงยังก็ถีอว่าช่วยๆชาติ แต่ที่รับไม่ได้ก็ ตอนขับรถ ตกหลุ่ม นี่แหละ ตกทั้งปีไม่เตยโผล่หัวมาซ่อม เวรกำ
-
คันก็ใหญ่ อเนกประสงค์ ทั้งนั่งได้ 4 คน บรรทุกก็ได้ แถมใช้เพื่อความสะดวกสบาย ไม่ได้ใช้เพื่อการพาณิยชน์แบบรถกระบะทั่วๆไป
ผมว่าอาจจะยังน้อยไปด้วยซ้ำ ต้องเก็บมากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป ราคานี้สมเหตุสมผลแล้ว
-
คิดตามน้ำหนัก ซีซีรถครับ
เพราะยิ่งมันป้ายดำด้วย เลยแพงขึ้นไปอีก
ผมเคยนึกอยากได้กระบะ 4 ประตู พอมาคำนวนค่าใช้จ่ายทั้งภาษีต่อปี ค่ายาง4เส้น เช็คศูนย์แล้ว ถอยดีกว่า
แพงเป็น 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับเก่งไซส์ B C ที่ราคาไล่ๆ กัน
-
แค่เราๆในนี้ยังเห็นไม่ตรงกันเลยครับ ดังนั้นการออกกฎหมายก็ต้องรอบคอบไม่งั้นอาจเกิดผลเสียได้ คิดกันรอบคอบมากซะจนไม่ได้แก้อะไรเล้ย
-
ทำไมภาษีประจำปีรถกระบะ 4ประตูมันแพงจังครับ 4000กว่าบาทแหนะ ??? คือส่วนตัวผมคิดว่ามันแพงเวอร์เกินไปนะ
คือเราส่งเสริมรถกระบะสองประตูไว้นะครับ เมื่อมีการทำเป็นสี่ประตูแล้วต้องโดนเก็บภา๋ีษีสูงขึ้นถือว่าเป็นการได้เปรียบเรื่องภาษีที่ตั้งไว้ส่งเสริมการขายรถกระบะนะครับ บอกได้ว่าไม่สูงเลยถ้าคนที่มีกำลังจ่ายสำหรับรถกระบะสี่ประตูแล้วยังได้เรื่องพื้นที่บรรทุก จ่ายไปดีกว่าครับภาษีตัวนี้อยู่ภายในประเทศไไม่ได้ถูกส่งกลับไปต่อางประเทศนะจะบอกให้
-
ผมว่าราคานี้ไม่แพงครับ ราคารถ 7 แสนกว่าแต่ภาษีปีละ 4000 ผมว่าคุ้มครับ เพราะที่บ้านผมใช้รถไม่เหมือนชาวบ้านเค้าครับ
อันไหน 4 ประตูขนได้ ขนหมด บางทีรถส่งของไม่อยู่ก็ได้ 4 ประตูนี่แหละครับทำหน้าที่แทน แม้กระทั่งขนตู้แช่ 2 ประตูก็ขนครับ ;D ;D ;D
-
คันก็ใหญ่ อเนกประสงค์ ทั้งนั่งได้ 4 คน บรรทุกก็ได้ แถมใช้เพื่อความสะดวกสบาย ไม่ได้ใช้เพื่อการพาณิยชน์แบบรถกระบะทั่วๆไป
ผมว่าอาจจะยังน้อยไปด้วยซ้ำ ต้องเก็บมากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป ราคานี้สมเหตุสมผลแล้ว
อันนี้ผมแย้งนิดนึงครับ คือแพงกว่ารถยนต์น่ั่งทั่วไปเนี่ย ผมก็เห็นด้วยครับ แต่มันดันแพงกว่าแบบคนละเรื่องเลยเนี่ยมันก็เกินไป เมื่อมองจากประโยชน์ใช้สอย ผมมองในด้านความคุ้มค่าครับ ถามว่าบรรดารถสปอร์ตทั้งหลายที่จะว่าไปประโยชน์ใช้สอยน้อยมาก สิ้นเปลืองพลังงานที่สุดเนี่ย ถ้าภาษีจะแพงนี่ไม่แปลกเลย แต่4ประตูผมมองว่าเป็นรถเอนกประสงค์จริงๆ มันน่าสนับสนุนให้ใช้นะครับ ด้วยความเคารพครับ อ้อ ผมไม่ใด้แอนตี้รถสปอร์ตนะครับ ชอบมากด้วยซ้ำ แต่ผมมองแบบนี้จริงๆ
-
ูู^^^^^ผมว่า 4 พันอะดีแล้วครับ ภาษีประจำปีผมว่ามันไม่ได้แพงอะไรอะครับ คิดดูว่าประกันต่อปีแม้จะเป็น 3 +ยังแพงกว่าอยู่เลย ถ้าไปเทีัยบกับกระบะตอนเดียวกับตอนครึ่ง (cab ที่ควรเอาไว้ใส่ของ) ที่มีวัตถุประสงค์ในการบรรทุกก็ควรเสียภาษีประจำปีถูกหน่อย และผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่รถสปอร์ตควรเสียภาษีแพงเพราะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย (ว่าแต่ปกติรถสปอร์ตเครื่องมันใหญ่ไม่ใช่เหรอครับ มันก็เสียภาษีแพงกว่าเพราะขนาดเครื่องใหญ่กว่านี่ครับ แต่ผมก็ยังอยากให้เสียภาษีมากกว่านี้นะ อึ่มภาษีสรรพสามิตกับนำเข้ารถสปอร์ตมันก็เสียแพงมากเลยนะครับ ถ้าคิดว่ารัฐเก็บภาษีล่วงหน้าผมว่า ผมก็ไม่ขัดข้องที่จะให้เสียภาษีประจำปีเทียบเท่่ารถซีซีเดียวกัน) ส่วนวิธีการจัดเก็บภาษีถ้าล้าสมัยก็ควรเปลี่ยนซะ
http://www.manager.co.th/business/ViewNews.aspx?NewsID=9540000117897 (http://www.manager.co.th/business/ViewNews.aspx?NewsID=9540000117897) จริง ๆ แล้วกระบะ 4 ประตูเสียภาษีสรรพสามิต แค่ 12 % เมืื่อเทียบกับรถยนต์เบนซินเครื่อง 1.5 ซีซี ที่เสียถึง 25% และถ้าเครื่องใหญ่กว่านี้ก็เสียมากกว่านี้ื คิดคร่าว ๆ รถเครื่อง 1.5 เสียภาษีมากว่า 1 แสน ส่วนกระบะ 4 ประตูเสียประมาณ 6หมื่น ส่วนต่างประมาณ 4 หมื่น (ถ้าคิดเป็นการเสียภาษีประจำปีก็เสียได้เป็น 10 ปี ทั้งที่รถปีเก่าถ้าจำไม่ผิดเสียภาษีลดลง) นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากนโยบายน้ำมันดีเซลที่ถูกว่าเบนซินอีกด้วยนะครับ ทั้งที่รถบางคันไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาคขนส่งหรือเกษตรกรรมอะไรเลยนะครับ (ว่าแต่รถยุโรปเครื่่องดีเซลก็ได้ประโยชน์ไปด้วย) :)
-
คันก็ใหญ่ อเนกประสงค์ ทั้งนั่งได้ 4 คน บรรทุกก็ได้ แถมใช้เพื่อความสะดวกสบาย ไม่ได้ใช้เพื่อการพาณิยชน์แบบรถกระบะทั่วๆไป
ผมว่าอาจจะยังน้อยไปด้วยซ้ำ ต้องเก็บมากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป ราคานี้สมเหตุสมผลแล้ว
เห็นด้วยครับ ยังเก็บภาษีประจำปีน้อยไปซะด้วย :)
-
นั่งได้ บรรทุกก็ได้ เครื่องดีเซล ขับเคลื่อนล้อหลัง จ่ายภาษีรายปีเท่านี้ผมว่าไม่แพงครับ
ยิ่งบวกกับราคาซื้อรถกระบะบ้านเรามันก็ถูกกว่าเมืองนอกเยอะอยู่แล้ว มันคุ้มมากนะ