Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Ko Love Lexus ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 20:31:49
-
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/01.jpg)
ย้อนกลับไปในยุค 90s ถ้าถามว่ารถ Sedan ที่แรงที่สุดจากโรงงานมีอะไรบ้าง คำตอบคงหนีไม่พ้น Mercedes-Benz 500E (W124)
เจ้าของฉายา หมาป่าที่พรางตัวด้วยหนังแกะ หรือ "The Wolf in Sheep's Clothing" คู่กัดตลอดกาลของ BMW M5 (E34) และ
Audi S4
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/02.jpg)
-
ฉายานี้ได้มาจากรูปลักษณ์ภายนอกของ 500E ที่แทบจะไม่แตกต่างจาก E-Class ในรหัสตัวถัง W124 รถขนาดกลางของค่าย
ดาวสามแฉกที่ขายในช่วงปี 1984-1995 ที่เห็นได้เยอะแยะในบ้านเรา สิ่งที่ดูแปลกแตกต่างจาก W124 ทั่วไปหน่อยก็เพียงโป่ง
รอบคันที่คลุมยางขนาดใหญ่กว่าปกติ บวกกับความสูงที่น้อยกว่านิดหน่อยแต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิงไม่
ว่าจะเป็นสมรรถนะที่เยี่ยมยอด ตัวถังที่แข็งแกร่ง และความแตกต่างจาก W124 ในรุ่นทั่วไปเริ่มกันตั้งแต่ต้นกำเนิดของมันเลยที
เดียว
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/03.jpg)
-
เริ่มต้นของเรื่องราวนั้นคงมาจากในปี 1979 ทาง Motorsport Division ของ BMW คู่แข่งของ Mercedes-Benz จาก Munich ที่
อยากจะเอารถบ้านมาใส่เครื่องแรงๆออกขายให้กับคนทั่วไป จึงนำเอา Series-5 รหัสตัวถัง E12 มาใส่เครื่อง M88/3 แบบ 6 สูบ
แถวเรียง 3.5 ลิตร 218 แรงม้าของ 635CSi (E24) ซึ่งไปเอามาจาก BMW M1 รถระดับ Supercar หนึ่งเดียวของ BMW อีกที ส่ง
กำลังผ่านเกียร์ธรรมดาแบบอัตราทดชิด (Close-Ratio) พร้อมทั้งปรับแต่งระบบกันสะเทือนและเบรคให้ดีขึ้น ภายนอกก็มีการ
ตกแต่งให้สปอร์ตมากขึ้นโดยใส่ชุดแต่งรอบคัน โดยใช้ชื่อว่า M535i ตัวอักษร M นั้นเป็นตัวย่อของ BMW Motorsport Division
หรือ BMW M GmbH ในปัจจุบัน แต่กว่ากว่าที่ M535i จะเปิดตัวออกมานั้น ก็เป็นช่วงท้ายของการทำตลาดของ E12 (1972-
1981) ยอดผลิตของ M535i ทั้งหมดจึงมีเพียง 1,410 คัน
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/04.jpg)
คันข้างหน้าคือ M535i ส่วนด้านหลังคือ M1 ตัวแข่ง Procar
พอปี 1982 ทาง BMW ก็ปล่อย Series-5 รหัสตัวถัง E28 ออกมา Motorsport Division ก็เอารถไปปรับแต่งอีกครั้งและเปิดตัวใน
ปี 1985 ซึ่งก็ยังใช้เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง แต่ถ้าเป็น Euro Spec. ก็จะเป็น M88/3 เหมือนเดิมแต่ปรับแต่งให้มีกำลังมากขึ้น
เป็น 286 แรงม้า แต่หากเป็น US Spec จะเป็นเครื่อง S38B35 ขนาด 3.5 ลิตร 252 แรงม้า ตัวยังคงรถประกอบด้วยมือ (Hand
Build) จาก Motorsport Division ทั้งคัน คราวนี้ได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า M5 จึงนับว่า E28 เป็น M5 อย่างเป็นทางการรุ่นแรก
ซึ่งชื่อนี้ก็ยังถูกนำมาใช้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจนักขับชาวยุโรปที่มีถนนดีๆไว้รองรับรถแรงๆ อย่าง Autobahn ใน
Germany และ Autostrada ใน Italy พร้อมกับกวาดยอดขายไปได้ 2,191 คัน
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/05.jpg)
-
M5 รุ่นแรกอย่างเป็นทางการ
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/06.jpg)
เครื่อง M88/3 Detuned Version ของ BMW M1
พอปี 1988 BMW เปิดตัว M5 ใน Body ใหม่ E34 โดยใช้พื้นฐานมาจากรุ่น 535i และยังใช้เครื่อง 6 สูบแถวเรียงเหมือนเดิมเป็น
เครื่องยนต์รหัส S38B36 ความจุเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.6 ลิตร 315 แรงม้า ผ่านเกียร์ธรรมดา 5 Speed และต่อมาก็ขยายความจุ
เครื่องยนต์เพิ่มเป็น 3.8 ลิตร เรียกว่า S38B38 ได้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 355 แรงม้า ผ่านเกียร์ 6 Speed นับเป็นเครื่อง 6 สูบแถว
เรียง ขนาดใหญ่ที่สุดที่ BMW เคยสร้างขึ้นมาใส่รถยนต์ของตนเอง
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/07.jpg)
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/08.jpg)
-
เครื่อง S38B36 3.6 ลิตร 315 แรงม้า ใน M5 รุ่นนี้มีแต่เกียร์ธรรมดาเท่านั้น
BMW ยังสร้างความแปลกใหม่ด้วยการผลิต M5 Touring ที่เป็นรถ 5 ประตูออกมาเป็นตัวเลือกให้กับคนที่อยากได้รถแรงแต่ขน
ของได้เยอะ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอีกครั้ง รวมแล้ว เจ้า M5 E34 นั้นผลิตออกจากโรงงานของ Motorsport Division
ในช่วงปี 88-91เป็นจำนวนมากถึง 6,401 คัน (ยอดรวมตลอดอายุตลาด 12,254 คัน) มากกว่ายอดขาย ของ M535i E12 และ
M5 เสียอีก
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/09.jpg)
-
ย้อนกลับมาที่ Stuttgart ทาง Benz เองก็คงเห็นความสำเร็จของ BMW และเริ่มเห็นแล้วว่าตลาดรถบ้านตัวแรงนั้นมันโตขึ้นแบบ
ก้าวกระโดดและสนใจที่จะสร้างรถแบบนี้ขึ้นมาบ้าง ตอนนั้น Benz กำลังไปได้สวยกับ W124 เรียกว่าผลิตแทบไม่ทันกันเลยที
เดียว สำนักแต่งหลายที่ก็นำเอา W124 ไปเสริมสมรรถนะอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Brabus, Carlsson และ AMG (ตอนนั้น
AMG ยังไม่ได้เป็นของ Benz) ซึ่งแน่นอนสำนักแต่งต่างๆแต่งรถ Benz ซะแรงเกินหน้าเกินตา Benz หน้าตายังผิดกับความเป็น
Benz ทั่วๆไป แต่มันก็ดันขายดีซะด้วย บริษัทเยอรมันก็เหมือนคนเยอรมัน Ego แรงขนาดนั้นก็คงรับไม่ได้ ทาง Benz เลยคิดจะ
ทำรถออกมาสู้บ้าง แถมยังให้ชาวบ้านได้รู้อีกว่า รถแรงๆในสไตล์ Benz แท้ๆนั้นควรจะเป็นอย่างไร
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/10.jpg)
-
ตัวอย่างของการแต่ง W124 ในยุคแรกๆ ผลงานของ AMG ที่ ดุมากกว่าหรูและ Benz เองบอกว่ารับไม่ได้
แต่จะว่าไปแล้ว Benz เองก็เคยทำรถแบบนี้ออกขายมาบ้างเหมือนกัน แต่เป็นรถขนาดใหญ่ ไม่ใช่ขนาดกลาง เช่นในปี 1968
Erich Waxenberger วิศวกรของ Benz ได้ออกแบบรถ 300 SEL 6.3 ขึ้นมาโดยใช้พื้นฐานตัวถังของ W109 (ถ้าเทียบขนาดใน
ปัจจุบันก็คงเทียบได้กับ S-Class รุ่นฐานล้อยาว) เดิมทีเดียวใช้เครื่อง 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3 ลิตร ที่ในสมัยนั้นก็ใหญ่มากแล้ว
แต่เอาเครื่อง M100 6.3 ลิตร V8 250 แรงม้า จาก Benz 600 (ปัจจุบันคงเทียบได้กับ Maybach 62 Zeppellin) รถระดับ
Limousine ที่ใหญ่ที่สุดของค่ายมาใส่ลงไปแทน ทำให้เจ้า 300 SEL 6.3 มีอัตราเร่ง 0-100 ใน 7.4 วินาที กับความเร็วสูงสุด
กว่า 220 km./h ทั้งๆที่เป็นเกียร์ Automatic เมื่อสีสิบปีที่แล้ว ด้วยหน้าตาที่ดูธรรมดาเหมือนกับ W109 ทั่วไปในขณะนั้นแต่
สมรรถนะระดับ Supercar ทำให้มันถูกเรียกว่า Q-Car หรือ Sleeper Car เป็นคันแรกๆของโลก
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/11.jpg)
-
เครื่อง M100 นั้นเป็นเครื่องยนต์ที่มีลักษณะพิเศษหลายอย่าง มันถูกออกแบบมาให้มีความทนทานมากเพื่อที่จะเอาไว้ใช้กับรถ
ระดับสูง เครื่องตัวนี้ใช้ช่างประกอบด้วยมือแทนเครื่องจักร เมื่อประกอบเสร็จแล้วจะต้องเอาไปทดสอบโดยติดเครื่องทิ้งเอาไว้
นาน 256 นาที และเดินเครื่องเต็มที่ทิ้งเอาไว้ 40 นาที จึงจะผ่านการทดสอบ ถึงจะเป็นเครื่อง V8 SOHC มี 16 วาวล์ก็จริง แต่
ตัววาวล์นั้นมีช่องใส่ Sodium อยู่ ทำให้มันระบายความร้อนออกจากห้องเผาไหม้ได้รวดเร็ว ซึ่งในอดีตวาวล์แบบนี้มีใช้แต่กับ
เครื่องยนต์ของเครื่องบินเท่านั้น ตัวเสื้อเครื่องเป็นเหล็กหล่อที่ทนทานแต่ฝาสูบนั้นเป็นอลูมิเนียมที่เบาและคายความร้อนได้ไว
ส่วนลูกสูบ, ก้านสูบและข้อเหวี่ยงก็ใช้อลูมิเนียมที่ทนทานและน้ำหนักเบามากกว่าปกติ (โดยทั่วไปจะเป็นเหล็กหล่อ) และทีน่า
สนใจอีกอย่างคือเครื่องตัวนี้ไม่ได้ใช้ระบบหล่อลื่นแบบรถทั่วไป (Wet Sump) แต่ใช้ระบบ Dry Sump เหมือนกับรถแข่ง ระบบนี้
จะไม่มีอ่างน้ำมันเครื่องเหมือนรถทั่วไป แต่จะมีปั้มน้ำมันเครื่องดูดน้ำมันที่ไหลลงมาจากเครื่องยนต์ไปเก็บไว้ ที่ถังน้ำมันเครื่อง
นอกเครื่องยนต์ แล้วก็มีปั๊มอีกตัว
สูบน้้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นเครื่องยนต์ ทำให้น้ำมันเครื่องไม่ร้อน การที่ไม่มีอ่างน้ำมันเครื่องทำให้ศูนย์ถ่วงต่ำ และไม่มีแรงต้านของ
น้ำมันตรงข้อเหวี่ยง ใช้น้ำมันเครื่องน้อยลง เครื่องตัวนี้จึงเป็นเครื่องที่มีพื้นฐานดีมากสำหรับการปรับแต่ง
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/12.jpg)
-
ปี 1969 Aufrecht Melcher Großaspach (AMG) สำนักแต่งเล็กๆในเมือง Affalterbach ก็เอาเจ้า 300 SEL 6.3
มาปรับปรุงสมรรถนะให้ดีขึ้น ทำให้มันมีแรงม้ามากถึง 320 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 ใน 6.3 วินาที กับความเร็วสูงสุดกว่า
235 km./h โดยที่ยังไม่ได้ไปยุ่งกับหน้าตาของรถและระบบกันสะเทือนเลย
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/13.jpg)
-
นั่นคิดว่าน่าทึ่งแล้วใช่ไหม แต่วิศวกรของ AMG ก็ยังทำเรื่องน่าทึ่งกว่าออกมาจนได้ เพราะในปี 1971 AMG ก็เอาเครื่อง M100
มาขยายความจุเป็น 6.8 ลิตร ทำ Camshaft ใหม่ ขยายวาวล์และทางเดินไอดี ได้กำลังเพิ่มขึ้นมาเป็น 428 แรงม้า กับความเร็ว
สูงสุดกว่า 265 km./h แล้วก็เอาไปแข่งวัดความอึดในรายการ 24 Hours of Spa-Francorchamps ซึ่งก็ประสบความสำเร็จพอ
สมควร จากบริษัทเล็กๆใน Affalterbach เลยกลายเป็นดาวเด่นที่น่าจับตามองเพียงชั่วข้ามคืน AMG ยังมีแผนที่จะเอารถลงแข่ง
อีกครั้ง คราวนี้เอาเครื่อง M100 มาขยายความจุเป็น 6.9 ลิตร แต่ในปี 1972 ได้มีการเปลี่ยนกฎการแข่งขันให้รถที่จะลงแข่งมี
ขนาดเครื่องยนต์ได้ไม่เกิน 5 ลิตร จึงทำให้โครงการนี้ต้องเป็นอันพับไป แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงฝีมือการปรับแต่งรถของ
AMG ให้เป็นที่เด่นชัด จนสุดท้าย Benz เองก็ต้องซื้อ AMG มาเป็นของตัวเองในปี 1991
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/14.jpg)
-
ปี 1975 Benz ก็ออก W116 มาแทน W109 วิศวกรของ Benz ก็เอาเจ้า W116 มาใส่เครื่อง M100 อีกครั้ง แต่คราวนี้ขยายความ
จุเครื่องยนต์ออกมาเป็น 6.9 ลิตร 286 แรงม้า กลายเป็น 450SEL 6.9 ที่เร่ง 0-100 ได้ใน 7.4 วินาที พร้อมกับความเร็วสูงสุด
อย่างเป็นทางการ ที่ 225 km./h ผ่านเกียร์ Automatic 3 Speed และเฟืองท้ายแบบ Limited Slip แต่ก็มีนักทดสอบหลายคน
ที่ทำได้มากกว่านั้นทั้งๆ ที่ใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างเต็มขั้น เช่น นิตยสาร Auto, Motor und Sport ของเยอรมันได้
ทดสอบรถรุ่นนี้ได้ความเร็วได้สูงที่สุดถึง 234 km./h นอกจากนี้ยังเป็นรถรุ่นแรกของ Benz ที่มีระบบกันสะเทือนแบบ
hydropneumatic ยกสูงต่ำได้ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจาก Citroen อีกที และเป็นรถรุ่นแรกของโลกที่มีระบบป้องกันล้อล๊อคขณะเบรค
(ABS)
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/15.jpg)
-
เจ้า 450 SEL 6.9 นี้ยังถูกเอาไปเล่นหนังด้วย อย่างในปี 1976 Claude Lelouch ก็เอารถคันนี้ไปใส่กล้องไว้หน้ารถแล้วเอาไป
วิ่งใน Paris กลายเป็น C'était un rendez-vous หนังสั้นที่มีฉากรถวิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งในวงการภาพยนต์ แต่เราอาจจะ
ไม่รู้ว่ามันเป็นรถรุ่นนี้ เพราะด้วยบุคลิกของเสียงเครื่องที่เรียบร้อยตามสไตล์ Benz ที่อาจจะไม่เร้าใจเท่าไหร่ เสียงของรถในหนัง
เรื่องนี้เลยหยิบยืมมาจาก Ferrari 275 GTB หรือเป็นหนึ่งในรถของพระเอกในเรื่อง Ronin ของผู้่กำกับ John Frankenheimer
(หนังเรื่องนี้ใช้ W124 E500 เป็นรถที่แบกกล้องถ่ายหนังวิ่งถ่ายตามรถที่เข้าฉาก)
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/16.jpg)
-
แต่ทั้ง 2 คันนั้นเป็นรถขนาดใหญ่ การเสริมสมรรถนะส่วนมากจึงมุ่งไปที่ทำให้รถวิ่งได้เร็วมากขึ้นในทางตรงเท่านั้น เพราะคงไม่
ค่อยมีใครเอารถแบบนี้ไปเล่นกับโค้งแน่ๆ แต่สำหรับรถขนาดกลางนั้น การเอาเครื่องขนาดใหญ่ใส่เข้าไปนั้นมีอะไรต้องทำ
มากกว่าปกติ เพราะถ้าวางเครื่องใหญ่่ๆเข้าไปเฉยๆ น้ำหนักก็จะไปกองอยู่ด้านหน้ามากเกินไป รถก็อาจจะวิ่งในทางตรงได้เร็ว แต่
เมื่อเข้าโค้งนั้นจะคุมได้ยากทำให้ Benz ต้องทำการบ้านมากขึ้น แต่ในปี 1986 AMG ก็ตัดหน้า Benz โดยการออก AMG 300E
Hammer 6.0 ที่เอา 300E มาถอดเครื่อง M103 ทิ้งไปแล้วเอาเครื่อง M117 ที่วางอยู่ใน W126 มาใส่ใน W124 แทน
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/17.jpg)
-
เครื่อง M117 เป็นเครื่อง V8 SOHC 16 วาวล์ มีความจุตั้งแต่ 4.5-5.5 ลิตร กำลังสูงสุดอยู่ที่ 228 แรงม้าโดยประมาณ เดิมที
เดียววางอยู่ในรถขนาดใหญ่อย่าง W126 แต่ AMG เอามาปรับปรุงโดยขยายความจุออกเป็น 6.0 ลิตร เปลี่ยนฝาสูบเป็นแบบ
DOHC 32 วาวล์ (4 วาวล์ต่อ 1 สูบ) ทำให้กำลังพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 375 แรงม้า เมื่อมาวางลงใน W124 ที่ตัวถังเล็กลงทำให้รถมี
อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 4.6 วินาที กับความเร็วสูงสุดกว่า 300 km./h ครองตำแหน่งรถ Sedan ที่เร็วที่สุดในโลกในยุคนั้นพร้่อม
ป้ายราคาติดตัวสูงถึง 167,000 US$
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/18.jpg)
เครื่อง M117 ที่ปรับแต่งโดย AMG (ภาพจาก Benzworld.org)
-
ด้วยราคาพอๆกับบ้านหนึ่งหลัง ทำให้มีเพียงไม่กี่คนที่เคยได้สัมผัสรถอย่าง Hammer กลายเป็นช่องว่างที่จะทำให้ Benz แทรก
ตัวเข้าไปได้ แแต่ตอนนั้น Benz ยังไม่ได้มี Motorsport Division ที่ทำเรื่องพวกนี้โดยเฉพาะเป็นเรื่องเป็นราวเหมือน BMW
โรงงานที่ Sindelfingen เองก็ผลิต W124 ปกติแทบไม่ทันกับความต้องการของตลาดแล้ว โรงงานที่ Bremen ก็กำลังปั่น W201
ให้พอกับความต้องการของตลาด การเพิ่มสายการผลิตใหม่ที่ใช้เงินอย่างมหาศาลก็คงไม่คุ้มกับการลงทุน เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว
การพึ่งพาการผลิตจากภายนอกจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งในท้ายที่สุดก็ไปได้ Porsche เพื่อนร่วมเมือง Stuttgart ที่
เชี่ยวชาญการผลิตรถแรงๆอยู่แล้ว ตอนนั้น Porsche เองนั้นกำลังว่างจากการผลิตหลังจากหยุดการผลิต 959 และ 944 ลง ก็คง
เห็นช่องทางว่า
เอา Benz มาผลิตก็คงช่วยเรื่องการว่างงานได้ (เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากหยุดผลิต E500 ก็ได้ Audi RS2 มาผลิตอีก
ครั้ง) ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องขึ้นสายการผลิตเองแล้ว ยังได้ความชำนาญของ Porsche มาปรับปรุงรถของตัวเองด้วย
Benz ได้ให้โจทย์กับทาง Porsche ว่า ต้องการให้ Porsche เอา W124 ที่มีอยู่ไปพัฒนาให้เป็นรถทีมีประสิทธิภาพดีขึ้น
โดยมีคู่แข่งหลักคือ BMW M5 และ AMG Hammer โดยมีข้อแม้ว่าหน้าตายังต้องยังเป็นเหมือน W124 ทั่วไป และ Benz เลือก
ใช้เครื่องยนต์ M119 รุ่นใหม่ที่ออกมาแทน M117 รถคันนี้จะประกอบตัวถังด้วยมือโดยช่างของโรงงานของ Porsche ใน
Zuffenhausen ในเบื้องต้นทาง Benz คาดว่าทาง Porsche จะประกอบรถรุ่นนี้ได้ 8-12 คันต่อวัน หรือ 2,400 คันต่อปีโดย
ประมาณ
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/19.jpg)
-
เมื่อ Porsche ได้โจทย์แบบนั้นมา ก็ต้องเอา W124 มาดูว่าควรต้องทำอะไรเพิ่มเติมกับตัวถังบ้าง เพื่อที่จะรองรับเครื่องยนต์
M119 และได้ข้อสรุปว่า ต้องเพิ่มความแข็งแรงในจุดต่างๆของตัวถังเพื่อรองรับน้ำหนักและกำลังของเครื่องที่มากขึ้น ขยายและ
เลื่อน Firewall เข้าไปให้ใกล้ห้องโดยสารเพื่อที่จะวางเครื่องยนต์ได้ใกล้จุดศูนย์กลางของรถมากขึ้น ย้ายแบตเตอรี่ไปไว้ด้าน
หลัง เพื่อที่จะกระจายน้ำหนักให้ใกล้เคียง 50:50 ขยายอุโมงค์เกียร์ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อที่จะรองรับเกียร์ของเครื่องยนต์ใหม่ได้ ขยาย
ถังน้ำมันจาก 75 ลิตรเป็น 90 ลิตร ซึ่งวิธีการปรับปรุงตัวถังนั้นมีความใกล้เคียงกับ AMG Hammer นั่นเอง การปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงตัวถังต่างๆของ Porsche ทำให้ 500E นั้นมีความแตกต่างจาก W124 ธรรมดาหลายพันจุดเลยทีเดียว
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/20.jpg)
-
ระบบกันสะเทือนหน้านั้นก็ยกชิ้นส่วนของ 500SL ที่มีขนาดใหญ่โตกว่ามาใช้เพื่อรองรับน้ำหนักที่มากขึ้น ตัว Shock absorber
หน้าก็เปลี่ยนมาใช้แบบแก้ส ความที่ Spring และ Shock absorber นั้นมีความแข็งและสั้นกว่าปกติ 500E ก็เลยมีึความสูงน้อย
กว่า W124 ทั่วไปอยู่ประมาณ 1 นิ้ว สำหรับทางด้านหลังก็ใส่ Hydraulic balance เหมือนที่อยู่ใน T-Model หรือตัว 5 ประตู ส่วน
ระบบเบรคก็ได้เบรคหน้าขนาด 300 mm.แบบมีรูระบายความร้อนที่ได้มาจาก 500SL และเบรคหลังขนาด 277 mm.ของ 300
CE เพราะเบรคใหญ่ขึ้นเลยต้องใส่ล้อ 16x8J ลาย 8 รูแบบเดียวกับที่เราเห็นใน W140 ทั่วไป แล้วรัดไว้ด้วยยาง 225/55
(ปกติ W124 ใช้ล้อ 15x6.5J ยาง 195/65)
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/21.jpg)
-
จากการเอาชิ้นส่วนของ 500SL มาใส่และการใช้ล้อที่มีขนาดกว้างกว่าปกติ ทำให้ความกว้างของ 500E นั้นกว้างกว่า 300E อยู่
1.5 นิ้ว เลยต้องมีโป่งล้อออกมามากกว่า W124 ทั่วไปซึ่งเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุด พอมีโป่งออกมาแล้วเลยต้อง Design
ตัวกันชนใหม่ด้วย โดยวัสดุที่ถูกนำมาใช้นั้นเป็นพลาสติกเหนียวที่ยืดหยุ่นและคืนรูปได้ง่ายเมื่อถูกกระแทก แต่ถึงจะมีจุดแตกต่าง
มากมายหลายจุด แต่เชื่อไหมว่ามันต้องต้องสังเกตจริงๆถึงจะเห็นความแตกต่างจาก W124 ธรรมดา
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/22.jpg)
-
ส่วนเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่จะเอามาลงในตัวถังนี้ Benz ได้เลือกเครื่อง M119 ที่วางอยู่ใน 500SL (R129) มาใช้กับ
500E เจ้า M119 เป็นเครื่อง V8 32 วาวล์ 4,973 ซีซี. ปั่นแรงม้าออกมาได้ 326 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 479
นิวตัน-เมตร ที่ 3,900 รอบต่อนาที (Euro Spec.) มีระบบวาวล์แปรผันโดยการขยับองศาของแคมชาร์ฟได้ประมาณ 20 องศาใน
เฉพาะฝั่งไอดี เดิมจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดกลไกที่คุมด้วยไฟฟ้า KE-Jetronic ของ Bosch แต่รุ่นที่มาลงใน 500E นั้น เปลี่ยน
เป็น LH-Jetronic ที่เป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด พร้อมกันนี้ Porsche ก็ปรับแต่งเครื่องเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยทำให้เครื่องยนต์มีการ
ตอบสองในการขับขี่ให้ดีขึ้น
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/23.jpg)
-
ถึงจะเป็นเครื่อง V8 ความจุมาก แต่น้ำหนักนั้นมากกว่าเครื่อง M103 ที่วางใน 300E เพียง 36 กิโลกรัม เพราะเครื่อง M119 นั้น
สร้างมาจาก Aluminum Alloy ทั้งหมด และมีการออกแบบกลไกที่ดีพร้อมกับลดน้ำหนักของเครื่องลงไปได้มากอย่างข้อเหวี่ยงนั้น
ก็มีการเจาะรูลดน้ำหนักด้วย (บางคนอาจจะเคยเห็นเครื่องยนต์คล้ายๆกันกับเครื่องตัวนี้ ในรถหรูสัญชาติญี่ปุ่นบางยี่ห้อ เพราะ
เขาเอาเครื่องรุ่นนี้ไปผ่าศึกษา แล้วก็เอาไปผลิตใส่รถตัวเอง) แต่ในโลกของความแรงไม่มีอะไรได้มาฟรี การเอาเครื่อง M119 มา
ลงในตัวถัง W124 นั้นก่อให้เกิดความร้อนมหาศาลจนต้องขยายขนาดหม้อน้ำและเปลี่ยนทางเดินน้ำใหม่ แถมเครื่องตัวนี้ยังกิน
น้ำมันมากกว่าเดิมมากจนต้องใส่ถังน้ำมันขนาด 90 ลิตรแทน
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/24.jpg)
-
ผนัง Firewall จะกว้างและอยู่ลึกกว่า W124 ทั่วไป
500E ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเกียร์ลูกนี้เอามาจาก 500SL อีกที ซึ่งต่างจาก AMG Hammer ที่เอาเกียร์
ของ 300E มาใช้ ส่งกำลังผ่านเฟืองท้ายอัตราทด 2.82:1 ทำให้ 500E ที่ตัวถังหนักเกือบ 1.8 ตัน มีอัตราเร่ง 0-100 ใน 5.9
วินาที ความเร็วสูงสุดหลังปลดล๊อค อยู่ที่ประมาณ 274 Km/h (Euro Spec.) แต่ด้วย Torque ระดับรถบรรทุกนั้นไม่ใช้น้อยๆ ถ้า
เผลออาจจะคุมไม่อยู่ได้ Benz จึงติดตั้ง ASR (Anti-Slip Regulation) มากับ 500E ด้วย พร้อมทั้งให้รถออกตัวที่เกียร์ 2 เพื่อความ
ปลอดภัย แต่ถ้าอยากลองออกรถด้วยเกียร์ 1 ก็กระทืบคันเร่งแรงๆแล้วคุมพวงมาลัยให้ดีๆแล้วกัน
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/25.jpg)
-
เดี๋ยวมาต่อครับ
-
อ่านเพลินมากครับ
ขอบคุณครับ
-
ภายในของ 500E นั้นเมื่อดูผ่านๆก็แทบไม่ต่างจากรถในอนุกรม W124 ทั่วไปเท่าใดนัก จะมีแตกต่างก็คือเบาะหนังแท้แบบ
Bucket seat ทั้งหน้าและหลัง ทำให้รถคันนี้นั่งได้แค่ 4 คน
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/26.jpg)
แต่ก็มีบางคันที่ใส่เบาะคู่หน้าของ Recaro ซึ่งเป็น Option เสริมในตอนนั้น
และถ้าหากมองไปยังหน้าปัดวัดความเร็ว จะพบว่าความเร็วสูงสุดนั้นไปอยู่ที่ 260 km./h แทนที่จะเป็น 240 km./h เพราะว่ารถ
คันนี้ วิ่งได้เร็วกว่า 240 km./h อย่างแน่นอน
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/28.jpg)
-
Benz ต้องการให้ 500E ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีตที่สุด เริ่มจากการที่ทาง Porsche ประกอบชิ้นส่วนตัวถังขึ้นมาด้วยมือใน
โรงงานของ Porsche ที่ Zuffenhausen แล้วต้องส่งตัวถังที่ประกอบแล้วไปตรวจสอบความเรียบร้อย พ่นกันสนิมและทำสีที่
โรงงานของ Benz ที่ Sindelfingen แล้วส่งกลับไปประกอบเครื่องยนต์ เกียร์และกลไกต่างๆ ที่โรงงานของ Porsche อีกครั้ง
แล้วจึงส่งกลับไปตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งที่โรงงานของ Benz แล้วจึงส่งไปขาย รวมระยะเวลาทั้งหมด 18 วัน มากกว่า
W124 ทั่วๆไปถึง 4 เท่า รถรุ่นนี้มีเฉพาะพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น ถ้าใครเคยเห็นรถรุ่นนี้แต่พวงมาลัยขวาล่ะก็ แสดงว่าไม่ใช่ 500E
แท้ๆ
และในปี 1993 ทาง Benz เองก็มีการ Facelift W124 หรือที่บ้านเราเรียกว่า Code C หรือ E หน้า 500E ก็เปลี่ยนเหมือนกัน
โดยตัวถังก็ Facelift ให้ทันสมัยขึ้น เปลี่ยนฝากระโปรงหน้า-หลัง ดาวก็ย้ายจากระจังหน้ามาไว้ที่ฝากระโปรง
ไฟเลี้ยวเปลี่ยนเป็นสีขาว กันชนก็เป็นสีเดียวกับตัวรถ ภายในมี Airbag 2 ลูก มี Auto Climate Control เปลี่ยนเบรคหน้าใหม่
เป็น 320 mm. แล้วก็ได้ชื่อใหม่ว่า E500 โดยที่แทบไม่ได้ยุ่งกับเครื่องยนต์เลย
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/29.jpg)
-
หลังจากนั้น ในปี 1994 ก็มี E500 Limited Edition ออกมาอีก ภายในเปลี่ยนใหม่เป็นสองสีใช้ไม้ birds-eye maple สีดำ ใส่
Option มาเต็มเหยียด พวงมาลัย 4 ก้านแบบใหม่ แล้วก็ล้อ 17 นิ้วลายใหม่ที่เอามาจาก 190E Evolution II รุ่นนี้มีเพียง 499 คัน
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/30.jpg)
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/31.jpg)
ภายในเป็นแบบนี้
-
แต่ในช่วงท้ายๆของการผลิต W124 นั้น AMG (ซึ่งถูก Benz ซื้อไปแล้ว กลายเป็น In-House Tuning Company) ได้เอารถ
E500 Limited Edition 12 คันไปแต่งเพิ่ม โดยขยายความจุเครื่องยนต์เป็น 6 ลิตร เปลี่ยนระบบกันสะเทือน ท่อไอเสีย ล้อ ให้
เป็นของ AMG ทั้งหมด ก็ได้แรงม้าเพิ่มมาเป็น 381 แรงม้า กับอัตราเร่ง 0-100 น้อยกว่า 5.3 วินาที ชื่อรุ่นนี้คือ AMG E60
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/32.jpg)
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/33.jpg)
-
ห้องเครื่องของ AMG E60 แทบไม่ต่างจาก E500 เลย
ส่วนภายในก็เปลี่ยนใหม่ เอาพวงมาลัยหน้าตาเหมือนของ SLK (R170) มาใส่ อัด Option เข้าไปให้มากขึ้น มีของเล่นแปลกใหม่
ทันสมัยเยอะแยะ ทั้ง GPS และ โทรศัพท์ในรถ
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/34.jpg)
-
ลองสังเกตแผงสวิทซ์เหนือปุ่มปรับแอร์ดู ไม่บ่อยนักที่จะมีจนเต็มแผง
และสุดท้ายที่หนักที่สุดเห็นจะเป็นฮาร์ดคอร์พันธ์ุแท้อย่าง Brabus ที่ลงทุนซื้อ E500 ไป 10 คันแล้วถอดเครื่อง M119 ออก เอา
เครื่อง M120 V12 ขนาด 7.3 ลิตร 530 แรงม้าของ W140 มาวางแทน ผลที่ได้คือ 0-100 ในเวลาที่น้อยกว่า 4.5 วินาที กับ
ความเร็วสูงสุดกว่า 307 km./h โดยที่ไม่ได้ไปยุ่งภายนอกของรถเลย มีแต่ใส่ล้อ 18 นิ้วของ Brabus เท่านั้น แต่ราคานั้นนับว่า
โหดร้ายพอควรคือกว่า 500,000 DM. หรือกว่าสามแสนดอลลาร์สหรัฐฯ แพงกว่า AMG Hammer เสียอีก
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/35.jpg)
-
เครื่อง M120 เต็มพื้นที่ห้องเครื่อง W124 แถม Firewall บานออกไปอีก
ถึงจะสมรรถนะของ E500 จะไม่เท่ากับ AMG Hammer แต่มันก็เป็นรถที่ยอดเยี่ยมอีกคันหนึ่ง บวกกับราคาที่ถูกกว่าและ
เทคโนโลยีต่างๆที่ดีกว่าทำให้ E500 ได้ถูกผลิตขึ้นมารวมแล้ว 10,479 คัน นับว่่ายอดเยี่ยมทีเดียวสำหรับรถราคา 75,000 US$
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/36.jpg)
E500 สิ้นสุดการผลิตลงในปี 1995 พร้อมกับการเปิดตัว E-Class ตัวถังใหม่ W210 แต่ความพิเศษของ 500E/E500 นี้ นอกจากจะเป็นรถที่ประกอบด้วยมือทั้งคัน และสมรรถนะที่เยี่ยมยอดแล้ว ยังเป็นรถที่แสดงถึงความร่วมมือกันของ Porsche
และ Mercedes-Benz ซึ่งคงหาไม่ได้อีกแล้ว เพราะในปี 1991 หลังจากที่ 500E เปิดตัวได้ไม่นาน ทาง Benz ก็ซื้อ AMG ที่มีแนวทางการแต่งรถที่แตกต่างออกไป 500E/E500 จึงกลายเป็นตำนานอีกบทหนึ่งของวงการรถยนต์ที่หลายคนคงจะจดจำไปอีกนาน
(http://[url=http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/37.jpg]http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/37.jpg[/url])
แต่เพราะความพิเศษของเจ้า 500E/E500 นี่แหละ ทำให้มันเป็นรถที่มีคนต้องการมากที่สุดรุ่นหนึ่ง ในขณะที่ราคาของ W124
ทั่วไปตกลงเรื่อยๆ ราคาของ 500E/E500 กลับสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากรถมีน้อย แล้วคนต้องการมากโดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่กว้าน
ซื้อ
รถรุ่นนี้จากทั่วโลกเพื่อนำ ไปสะสมใน Collection ของตัวเอง ถึงกับมี Club เฉพาะของรถรุ่นนี้ในประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
ราคาเลยแรงกว่าที่ควรจะเป็นอยู่ เมืองไทยมีรถรุ่นนี้ที่เป็นรถแท้อยู่สองสามคัน เจ้าของทั้งรักทั้งหวงจะเอามาขับก็เฉพาะวันหยุด
เท่านั้น
(http://i957.photobucket.com/albums/ae51/imbluedahlia/38.jpg)
เรื่องของ E500 ก็มีแต่เพียงเท่านี้ มีรถคันอื่นน่าสนใจก็จะเอามาเล่าให้ฟังอีก แล้วเจอกันใหม่ครับ ;D ;D ;D
(ขอบคุณคุณ BlueDahlia )
-
ว่าแล้วที่ปรับแอร์ W210 เอามาจากไหน เอามาจาก W124 นี้เอง
-
เครดิตละครับ?
ใส่เครดิตด้วยครับ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้พิมพ์เองแน่นอน ถ้าเจ้าของมาเจอจะดูแย่เอานะครับ
-
ขอบคุณครับ อ่านเพลินเลย :D
-
ขอบคุณครับ
-
เยี่ยมเลยครับ ;)
-
ขอบพระคุณมากครับ :-*
-
เครดิตละครับ?
ใส่เครดิตด้วยครับ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้พิมพ์เองแน่นอน ถ้าเจ้าของมาเจอจะดูแย่เอานะครับ
ผมหาข้อมูลแล้วปรับปรุงใส่ Microsoft Word แล้วก็ก็อบมาจาก Word ใส่ headlightmag ครับ
-
ขอบคุณมากๆครับ หวังว่าคงมีรุ่นอื่นๆต่อไปนะครับ ชอบอ่าน :)
-
แล้วนี่มันอะไรครับ?
http://bluedahlia.exteen.com/ (http://bluedahlia.exteen.com/)
รูปยังไม่ได้อัพโหลดเองเลยครับ
-
แล้วนี่มันอะไรครับ?
http://bluedahlia.exteen.com/ (http://bluedahlia.exteen.com/)
รูปยังไม่ได้อัพโหลดเองเลยครับ
ก็ใช่น่ะสิ รูปผมเอามาจากเว็บอื่น เหมือนคุณจะจ้องจับผิดผมนะเนี้ย
เอาให้มันจบเรื่องกันไป อย่าทะเลาะกันเลย
-
ไม่ได้จับผิดครับ แต่คุณกำลังทำผิดกฏอยู่ ผมแค่เตือนนะครับเพราะผมก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ใส่เครดิตเถอะครับ ถ้าคุณจิมมี่รู้เข้าเขาเตือนหนักกว่าผมนะ
-
ไม่ได้จับผิดครับ แต่คุณกำลังทำผิดกฏอยู่ ผมแค่เตือนนะครับเพราะผมก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ใส่เครดิตเถอะครับ ถ้าคุณจิมมี่รู้เข้าเขาเตือนหนักกว่าผมนะ
ผมรู้ ผมหาข้อมูลส่วนเพื่อนหารูป ช่วยกันทำ
-
ตามใจครับ คุณจะไม่ใส่เครดิตให้เจ้าของตัวจริงก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดี รอให้ผู้ดูแลมาจัดการก็แล้วกัน
-
ตามใจครับ คุณจะไม่ใส่เครดิตให้เจ้าของตัวจริงก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดี รอให้ผู้ดูแลมาจัดการก็แล้วกัน
ใส่แล้วครับ
-
เหอะๆ ...
-
มันอยู่เว็บต้องห้ามด้วยนิ แล้วที่ว่า edit แล้วผมลองอ่านและเปรียบเทียบดู ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่
ไม่ได้จะมาจับผิดหรืออย่างไรนะครับ แต่เรื่องบางเรื่องนะ เราควรเคารพกฎของทางเว็บนิดหนึ่ง มันจะดีกันในทุกฝ่าย
ขออภัยหากข้อความนี้ไม่เข้าตา จขกท.
-
มันอยู่เว็บต้องห้ามด้วยนิ แล้วที่ว่า edit แล้วผมลองอ่านและเปรียบเทียบดู ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่
ไม่ได้จะมาจับผิดหรืออย่างไรนะครับ แต่เรื่องบางเรื่องนะ เราควรเคารพกฎของทางเว็บนิดหนึ่ง มันจะดีกันในทุกฝ่าย
ขออภัยหากข้อความนี้ไม่เข้าตา จขกท.
ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวลบเลยก็ได้
-
ดีครับ ชอบครับ :Dอย่าลบเลยครับ
-
เคยอ่านมานานแล้วครับ จริงๆคุณจขกท ก็แค่ลงcredit ให้เจ้าของblog มันก็แค่นั้นเองครับ คือมันเป็นการให้เกียรติเจ้าของblogเค้าก็แค่นั้นเองครับ เพราะผลงาน
ของเค้าก็คงใช้เวลา ในการสรรค์สร้าง ประดิษฐ์ประดอย เนื้อหา มาด้วยความยากลำบาก ผมว่า ส่วนหนึ่งมันเป็นการ ช่วยทำให้คนทำมีกำลังใจ ให้เกียรติใน
ความมานะอุตสาหะของเค้าก็แค่นั้นเองครับ สมมติว่ามีใครมีเอาบทความผมไปลงโดยไม่ขออนุญาต หรือมีเครดิตให้ ผมก็คงเสียกำลังใจและไม่ปลื้มเท่าไหร่
เหมือนกันครับ คือถ้าลงแคบางส่วน แล้วเราหาเพิ่ม แทรกเนื้อหามันก็ยังพอทำเนาครับ แต่ถ้าเราสำเนา เนื้อหา รูปภาพมาหมดเลย ผมว่ามันเป็นมารยาท
อย่างหนึ่งที่พึงปฎิบัติครับ
-
ถ้าเป็นงานของคนอื่น ผมรบกวนใส่ Credit เจ้าของงานด้วยครับ ทั้งข้อความ และรูปภาพ
จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องงานลิขสิทธิ์ครับ อยากเรียนให้ทราบว่า ถึงแม้จะเอามาเรียบเรียงใหม่
หรือย่อความให้กระชับลง แต่ถ้าเนื้อหาส่วนใหญ่ยังเป็นของเดิมอยู่ ก็ยังมีโอกาสละเมิดลิขสิทธิ์ได้ครับ
คุณ conan_murder ครับ ผมขอบคุณที่ช่วยดูแลเรื่องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาให้ครับ
แต่คราวต่อไปคงจะดีกว่า ถ้ารบกวนเตือนเบาเบาก่อน การเขียนข้อความบนบอร์ดมันไม่สามารถสื่อสารอารมณ์ได้ดี
บางทีการใช้คำเพี้ยนไปแค่คำเดียว ก็อาจจะทำให้ต้องมาทะเลาะกันได้เพราะความเข้าใจผิดครับ
ผมอ่านที่คุณตอบอันแรกสุดแล้วยังรู้สึกไม่ค่อยดีเลย และที่ต่อต่อมาก็ค่อนข้างแรงเอาเรื่อง
ผมคิดว่า เราเตือนกันให้เคารพสิทธิในงานของคนอื่นได้ โดยไม่ต้องมีดราม่านะครับ รบกวนด้วยละกันครับ
-
ขอบคุณครับ ชอบรุ่นนี้ จริงๆ ๆ
-
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
แต่ถ้าเอามาจากที่อื่นจริง ลง credit ให้ที่เอามาเถอะครับ ;)
-
ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้
ที่นำความรู้ E500 มาให้อ่านครับ
ถึงแม้ว่าจะมี Blog ที่มีข้อมูลคล้ายกัน
ผมก็ยัง ขอบคุณเจ้าของกระทู้ อยู่ดี
เพราะ ที่ Blog นั้น ผมไม่เคยเข้าไปอ่าน
แต่ผมได้อ่านและมีความรู้เพิ่มจาก เจ้าของกระทู้ครับ
ส่วนเรื่องเครดิต นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้า Copy มาทั้งดุ้น ก็ควรให้เครดิตเขา
แต่ถ้ามาดัดแปลง เพิ่มเติม ตัดทิ้ง กลายเป็นบทความใหม่ ก็ว่าไปอีกอย่าง
เหมือนการเขียนวิทยานิพนธ์ ความรู้ใหม่
ที่ลงท้ายด้วยการมี ...บทอ้างอิง...
-
ขออนุญาติขุดกระทู้นะครับ พอดีเพื่อนผมเพิ่งส่งกระทู้นี้มาให้ดู ผมเป็นคนที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเองครับ
ผมอยากจะบอกว่ายินดีนะครับที่เอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง แต่ทีหลังแจ้งผมหน่อยก็ดีครับ ผมไม่ได้หวงหรอกครับ
แต่การมาบอกว่าหาข้อมูลแล้วเพื่อนหารูปนี่มันจะเกินไปหน่อยครับ ตอนนี้ผมลบรูปต้นฉบับที่ถูก Hotlink ไปแล้วนะครับ
อยากรู้ว่าผมเป็นเจ้าของจริงๆหรือไม่ ผมก็มีหลักฐานไฟล์ต้นฉบับให้ดูได้ครับ
เรื่องเจ้า E500 ตัวนี้ผมใช้เวลาว่างจากเรียนพิมพ์ขึ้นมาเล่นๆด้วยตัวผมเองคนเดียว เอาไปลงครั้งแรกในเว็บต้องห้ามเมื่อนานมาแล้ว
มีคนเอาไปลงในเว็บ Benzowner.net ครั้งหนึ่ง ผมทำ Rewrite แล้วลงใน bluedahlia.exteen.com อีกครั้งหนึ่ง การเขียนหาข้อมูลเอง
ไม่มีใครมาช่วย จริงๆแล้วยังเคยลงเรื่อง Lancia Delta S4 ไปด้วย ใครอยากอ่านก็ลอง Search ดูจาก Google แล้วกัน แล้วก็ยังมีเรื่องคันอื่นๆ
แต่ยังไม่เรียบร้อยดี (190E Evolution, BMW 700) เพราะว่าทำงานประจำแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลา เอาไว้ว่างๆจะลองเอามาลงให้อ่านกันครับ
ไม่ได้จับผิดครับ แต่คุณกำลังทำผิดกฏอยู่ ผมแค่เตือนนะครับเพราะผมก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ใส่เครดิตเถอะครับ ถ้าคุณจิมมี่รู้เข้าเขาเตือนหนักกว่าผมนะ
ผมรู้ ผมหาข้อมูลส่วนเพื่อนหารูป ช่วยกันทำ