Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tokyo ที่ พฤษภาคม 19, 2012, 13:59:54
-
คือผมสงสัยว่าการชักตัววัดน้ำมันเครื่องมาดูเนี่ยที่ถูกต้องมันควรทำตอนไหน
1.ก่อนสตาร์ทรถตอนเช้า รถจอดทิ้งมาทั้งคืน
2.หลังสตาร์ทรถไปแล้ว และวัดตอนดับเครื่อง
ที่สงสัยเพราะว่าผมวัดแบบข้อ1แล้วมันลดไปเหลือแค่ครึ่งเดียวเอง
แต่หลังจากสตาร์ทไปแล้วมันเพิ่มขึ้นมาจนเกือบถึงขีดบนสุด แต่ยังไม่เต็ม
ในรูปนี้ก่อนสตาร์ทนะครับ
(http://image.ohozaa.com/t/2e7/w21a4N.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5iDagaONDVGTuLu)
น้ำมันเครื่องหลังจากใช้ไปมันหายไปแบบนี้ถือว่าปกติใหมครับ
รถวิ่งมา7หมื่นโล เช็คอ่างน้ำมันเครื่องแล้วไม่รั่ว
นอกจากรั่วจากประเก็นอ่างน้ำมันเครื่องแล้วมันหายไปไหนได้บ้าง
หรือว่าระเหยกลายเป็นไอน้ำมันเครื่อง
ปล.หวังว่าคงอ่านแล้วไม่งงนะครับ เพราะผมรู้สึกว่าเรียบเรียงไม่ดีเท่าไหร่ ;D
-
อยากรู้ด้วยครับ ผมก็วัดตามข้อ 1 เหมือนกัน ระดับก็ต้องอยู่ในขีดครับ
ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ถูกต้องวัดยังไงครับ
-
ถามต่อเลย นึกได้พอดี น้ำมันเกียร์ด้วยครับ วัดยังไงเช็คยังไงครับ เกียร์ออโต้ กับเกียร์ธรรมดาเหมือนกันมั้ยครับ
แถมอีกเรื่องน้ำมันเบรคด้วยครับ รบกวนผู้รู้ด้วยครับ
-
ผมข้อ 1 แฮะ เช้า หลังจากจอดไว้ทั้งคืน วัดก่อนสตาร์ท
-
วัดตามข้อแรกครับ
หรือ
จอดแล้วดับเครื่อง ปล่อยให้น้ำมันเครื่องไหลลงไปที่ท้องอ่าง ประมาณ 15-30 นาที ครับ แล้วค่อยวัดระดับน้ำมันเครื่อง
ถ้าจอดแล้ว วัดน้ำมันเครื่องเลย น้ำมันมันจะค้างอยู่ที่ พวกเสื้อสูบ ทำให้การวัดคลาดเคลื่อนครับ
ระดับน้ำมันเครื่อง สามารถใช้ได้ในระดับ จุดสูงสุด (F) จนถึง จุดต่ำสุด(E) ครับ
ถ้าเกิน F ไปแล้ว น้ำมันเครื่องจะไหลเข้าห้องเผาไหม้ จะได้เป็นควันขาว (ถ้าจำไม่ผิดนำครับ)
ส่วนถ้าต่ำกว่า E นั้น รีบเติมโดยด่วนครับ อย่าให้น้ำมันเครื่องแห้ง
ถ้าขับรถความเร็วสูงๆ บ่อยๆ น้ำมันเครื่อง อาจจะระเหยได้ครับ
ถ้าจะให้ดี (สำหรับรถรอบจัด อัดบ่อย) ควรใช้กึงสังเคราะห์/สังเคราะห์แท้ API SM ขึ้นไป ความหนึด ควรจะอยู่ในช่วง 5w-50 ครับ รับรองครับ อัดมันมาก(กึ่งสังเคราะห์มีแค่ 10w-40)
ถ้าใครใช้ 0w-40 / 0w-30 อยู่ แต่ใช้ควรเร็วสูงบ่อยๆ ลองมาดูตัวนี้ครับ ในย่านความเร็วสูง จะเร่งแซงมันส์กว่ากันเยอะครับ
มีอีกตัว แต่เหมาะสำหรับรถแข่ง ที่เห็นตอนนี้มี คาสตรอลกับ ปตท. 10w-60 สังเคราะห์แท้ครับ แต่หายากนิดนึง
-
เท่าที่ผมจำได้คือ วัดน้ำมันเครื่องให้วัดตอนเครื่องเย็นและยังไม่ได้สตาร์ทรถครับ
ส่วนน้ำมันเกียร์(ออโต้) วัดตอนเครื่องร้อน แล้วก็เข้าเกียร์ไปเรื่อยๆ ให้เกียร์มันจับกัน ครับ
ปล.ผิดประการใดรบกวนชี้แนะด้วยครับ
-
ผมวัดระดับน้ำมันเครื่องงตอนเช้า หลังจากจอดรถมาทั้งคืนอ่าครับ :)
ส่วนน้ำมันเกียร์ที่ก้าน มันจะมีบอกว่าวัดแบบไหน ตอน hot หรือ cold ด้วยน่ะครับ
-
ผมทำแบบข้อ 1 ครับ
-
ปกติผมวัดแบบที่ 1 ครับ
แต่สำคัญตรงที่อย่าลืมจอดบนพื้นเรียบๆ ไม่เอียงก่อนวัดนะครับ
วันก่อนเจอแท๊กซี่จอดริมถนนวัด แล้วถนนเป็นหลังเต่ารถเอียงอยู่ คงได้เติมเกินแน่นอน
-
ในรูปมันเหมือน ก้านน้ำมันเกียร์ออโต้มากกว่านะครับ
ปรกติก้านน้ำมันเครื่องจะเป็นสีขาว
รถอะไรครับ
-
ต้องวัดตามคู่มือครับ อย่าไปเชื่อข้อมูลจากคนอื่นที่ไม่ได้ใช้รุ่นเดียวกับเรา
อย่างไมตี้เอ็ก ต้องวัดตามข้อ1ครับ
แต่มาสด้า 2 จะวัดตามข้อสอง ซึ่งผมลองวัดแล้ว ตอนป้ายแดงเลย ได้เท่าจขกท. ที่วัดแบบ 1 ครับ คืออยู่ตรงกลางเกจ ระหว่าง L กับ F ดังนั้นผมว่าไม่ผิดปกติครับ
(แต่กับไมตี้ วัดแบบ 1 ผมเติมไว้เกือบ F นะ)
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ ;D
ผมวัดแบบ1มาตลอด แล้วมันต่างกันอะตอนถ่ายนมค.ใหม่ๆ มันก็เต็ม
แต่ตอนวิ่งไปเกือบหมื่นโลก็กลายเป็นแบบในรูปอะครับ
ตอนนี้ก็พอจะคิดได้ว่าเครื่องคงปกติแหละ
แต่มันคงระเหยกลายเป็นไอน้ำมันเครื่อง
-
ผมวัดไม่เหมือนใครเลยแฮะ เคยอ่านมาจากในเวปไหนสักแห่ง มาดูวิธีวัดน้ำมันเครื่องของผมครับ
- จอดรถในทางราบ
- ติดเครื่องแล้วรอจนกว่าสัญญาณเตือนเครื่องเย็นดับ
- รอสัก 2 นาที แล้วจึงดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องขึ้นมา โดยครั้งแรกจะเช็ดกระดาษทิชชู่ทิ้ง แล้วค่อยดูผลจากดึงครั้งที่สองครับ