Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: idolking ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 15:01:45
-
พอดีได้คุยกับ ญาติ เค้าบอกว่า ผมอายุยังน้อย น่าจะใช้รถญี่ปุ่น ธรรมดาไปก่อน พวก แคมรี่ HB เพราะถ้าไปเล่น รถยุโรป C class , series3 เดี่ยวจะหมดความท้าทาย และราคาตกเร็วไปซะก่อน ส่วนตัว อยากซื้อ พวก C class หรือ 3 series ด้วยความหรูหรา และ ภาพลักษณ์ แต่ต้องทำงานต่่างจังหวัดไม่สะดวก เข้า 0 กรุงเทพ น่าจะใช้ โตโยต้าไปก่อน ดีกว่าไหมครับ หา 0 ง่าย ราคาขายต่อไม่ค่อยตก ช่างเยอะ ไม่จุกจิก รบกวนขอความคิดเห็นด้วยครับ
ปล ใช้เงินตัวเองซื้ออ่ะครับ คันแรกที่ซื้อเอง เลยอยากได้ที่มัน คุ้มค่าอ่ะครับ
ปล 2 การใช้งาน ปีนึง ไม่เยอะครับ อยู่ต่างจังหวัด แต่ต้องเข้าใจกลางเมือง(เยาวราช)บ้าง เดือนละ สองครั้ง เที่ยวต่างจังหวัด เดือนละ 4 หน ครับ
-
หา Camry HB นี่คือรถธรรมดา
ข้อมูลที่ให้มาเอารถที่ใช้งานแล้วไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นๆมากนักดีกว่าครับเพราะต่างจังหวัดหาซ่อมรถที่คลาสสูงๆไม่สะดวกนะครับเดี๋ยวจะเสียการเสียงานเปล่าๆ ถ้ามีหลายคันค่อยว่ากัน ใช้งานไปซัก 5 ปีมองหาลู่ทางว่าซ่อมยังไงได้แล้วอยากเปลี่ยนค่อยจัดก็ยังไม่สาย เรื่องภาพลักษณ์แคมรี่ก็ไม่ใช่น้อยๆนะครับผู้บริหารระดับสูงของบ.เหล็กอันดับสองของโลกยังแค่ Camry 2.4 ธรรมดาเลย
-
camry hybrid ก็ไม่ธรรมดาแล้วครับ
แต่มันดูแก่ไป
-
ซื้อรถที่ชอบครับ
หากชอบทั้งสองคัน เอาคันที่ถูกกว่า
-
ความคุ้มค่าให้มองรถญี่ปุ่นครับ ที่เป็นรถตลาดในบ้านเรา ราคาจะต่างจากประเทศผู้ผลิต ราวๆ20-50% (ที่ไทยแพงกว่า)
ในขณะที่รถยุโรปจะราคาแพงกว่าประเทศผู้ผลิตราวๆ 50-200% (1.5ถึง3เท่า)
ถ้าราคาและสิ่งที่ได้เทียบกันคือความคุ้มค่าก็ตามที่บอกข้างต้นครับ
ถ้าเอาเรื่องความปลอดภัย สมรรถนะ และหน้าตามาคิดด้วย รถยุโรปมักจะแข็งกว่า หนากว่า ออกแบบมาปลอดภัยกว่า อุปกรณ์ความปลอดภัยมีมามากกว่า เสปครถไม่ลดต้นทุนขนาดรถญี่ปุ่น ความปลอดภัยในสมรรถนะสูงกว่า ดูดีกว่า(เพราะแพงกว่า คนไทยจะมองว่าเป็นคนรวย)
ทุกอย่างถ้าเอามาคิดรวมกัน หากมีเงินซื้อผมจะเชียร์ให้ซื้อของที่ดีกว่า ให้เหมาะกับการใช้งาน จะซื้อ S-class มาจ่ายตลาดในซอยผมก็ไม่เห็นด้วย ให้ไปเอารถญี่ปุ่นเล็กๆดีกว่า ถ้ามีเงิน แต่จะเอา eco car มาวิ่งตจว.ผมก็ไม่เห็นด้วย เอาเงินไปซื้อรถที่สมรรถนะดีๆ จะเบรคเบรคอยู่ จะเร่งเร่งขึ้น จะเลี้ยวก็เลี้ยวตาม ดีกว่า
กลับมาตอบคำถามครับ หากต้องการความคุ้มค่า(ทางการเงินและสิ่งที่ได้รับ)ตอนนี้แนะนำรถญี่ปุ่นไซล์กลางอย่าง teana camry accord ดีกว่า รถถูก ซ่อมถูก บำรุงรักษาถูก ซ่อมง่าย ดูดีพอใช้
ถ้าต้องการความมั่นใจ ปลอดภัย และหน้าตา แต่ไม่คุ้มค่า เล่นรถยุโรปเลยครับ
-
ตามต่างจังหวัดก็มีศูนย์ Benz Bmw นิครับ
-
ภาพลักษณ์มันอยู่ที่คนมองกับ แล้วแต่ตัวบุคคลครับ ที่บอกเจ้าของโรงเหล็กอันดับสองของโลกนั่งแคมรี่ เค้าอาจจะชอบของเค้าก็ได้นี่ครับ
ดูอย่างเจ้าของโรงเหล็กรายใหญ่ในไทยทรัพย์สินหลักหลายพันล้าน นั่ง โรลสลอยซ์
นักการเมืองระดับพันล้านนั่ง เบ้นท์ลีย์
เจ้าของแบ้งค์กรุงเทพมีทรัพย์สินระดับหลายหมื่นล้าน นั่ง S500 ปลาวาฬ สลับกับ W221
ลูกเจ้าของกิจการแถวรังสิต ขับ aston martin
ที่ยกตัวอย่างคือต้องการสื่อว่า คำว่าภาพลักษณ์กับ รถที่นั่งมันไม่เกี่ยวกับตัวบุคคลที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางสักเท่าไรนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเอาลุงที่ไหนไม่รู้ไปนั่งเบ้นซ์ เค้าก็ว่ากันว่า เออ คนนี้ฐานะดีเนอะ สงสัยเป็นเจ้าของกิจการอะไรสักที่ แต่ถ้าลุงคนเดิมนั่ง camry คนก็ว่ากันว่าเฉยๆ แต่ผมถามหน่อยว่า ถ้าเอา bill gate ไปนั่ง camry จะมีใครมองว่าเฉยๆไหม??
อยากจะบอกว่า ระดับสถานภาพทางการเงินของมหาเศรษฐีระดับพันล้านขึ้นไปนั้น รถที่เค้านั่ง หรือขับ อยู่ที่ความพึงพอใจล้วนๆครับ ส่วนต่างระหว่าง camry กับ rolls-royce 30 ล้านนี่แทบไม่มีผลอะไรกับคนในระดับนั้นเลยด้วยซ้ำ และอีกอย่างคือในบางโอกาสภาพลักษณ์ก็มีส่วนเยอะนะครับ โดยเฉพาะกับคนที่ต้องมีหน้ามีตาในสังคมบ้าง benz BMW ขึ้นไปช่วยในเรื่องความน่าเชื่อถือได้พอสมควรนะครับ
สมมติ มีคนมาจีบลูกสาวใครสักคนมาขอแต่งงาน ทั้งสองคนนิสัยดี ขยันทำมาหากินเหมือนกัน ไม่มีใครฟุ้งเฟ้อ อยู่ง่ายกินง่าย แต่คนหนึ่ง ขับ camry ซึ่งเป็นรถที่ดีที่สุดในบ้าน กับอีกคน ขับ cls ซึ่งเป็นรถที่เล็กที่สุดในบ้าน ท่านจะอยากให้ลุกสาวแต่งงานกับใครล่ะครับ ย้ำว่าทั้งสองคนนิสัยดีเหมือนกัน ความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ ตรงนี้ก็สำคัญนะครับ
ที่บ่นยาวๆนี่ไม่ใช่อะไรคืออยากให้มองกันกว้างๆนิดนึง มันน่ารำคาญนะครับ อย่างบ้านผมก็เคยเจอตอนพ่อซื้อรถใหม่ให้พี่ชายผมเป็นของขวัญเรียนจบ พากญาติห่างๆ ก็มารุมบ่นกันว่าเนี่ย จะเว่อไปไหนลูกของพวกเค้าเรียนจบนี่บางคนไม่ให้อะไรเลย บางคน ให้อย่างมากก็ รถญี่ปุ่น แต่ของพี่ผมได้ cls ซึ่งถือเป็นรถที่ไม่ได้แพงเว่อเกินไปนักสำหรับบ้านผม แต่อาจจะแพงสำหรับพวกเค้าเหล่านั้น ไม่ได้ดูถูกนะครับ แต่ อยากจะบอกว่า
สำหรับแต่ละคน คำว่าธรรมดาก็ต่างกันครับ บางคน รถธรรมดาคือ ระดับ 5-10 ล้าน ประหยัดคือ ต่ำกว่า 5 ล้าน แต่บางคน ล้านอัพก็ว่าแพงแล้ว อย่าเอาบรรทัดฐานตัวเองไปตัดสินคนอื่นครับ สิ่งที่คนอื่นทำแล้วแปลกตาเราไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ปกติครับ เราอาจจะแค่ไม่ชิน
สำหรับเจ้าของกระทู้นะครับ ยิ่งเป็นเงินตัวเองด้วย เป็นผมถ้าไม่ลำบากอะไรเลือกรถที่ชอบไปเลยครับ หลายคนอาจจะว่าเว่อ ฟุ้งเฟ้อ แต่ อีกหลายคนเค้าก็จะมองว่า ภูมิฐาน อายุยังน้อยแต่ทำงานหาเงินเองได้ขนาดนี้
ถึงท่านจะขับ camry hybrid หลายๆคนก็อาจจะยังว่าเว่อ และอีกหลายๆคนก็อาจจะ มองว่าประหยัดอีกเช่นกัน เลือกที่ตัวเองชอบ ดูแลรักษาสบาย ที่สำคัญคือ มีความสุขเมื่อได้ขับรถคันที่ท่านเลือกด้วยเงินตัวเองครับ
ปล. ขอโทษล่วงหน้าสำหรับความคิดเห็นของผมที่อาจไม่เข้าหูใครหลายๆคน
-
ใหนๆจะเสียเงินซื้อเองแล้ว เอาที่เราชอบดีกว่าครับ c class หรือ ซีรีย์ 3 ตัวล่างๆก็สองล้านกว่าๆเอง แพงกว่าไฮบริดไม่กี่แสน
-
ถ้าเป็นเงินผู้ใหญ่ เงินพ่อแม ก็คงต้องตามใจเขา
แต่นี่มันเงินเรา ก็ต้องตามใจเรา แต่ก็ดูความเหมาะสมเอาครับ ตั้งงบขึ้นมา แล้วก็ดูว่าคันไหนเหมาะกะเรา
ในความเห็นผม รถยุโรปมีคุณสมบัตินึง ที่รถญีั่ปุ่น
น้อยคันจะให้ได้ คือ ความ แน่น
อีกอย่างนึง ถ้าอยากได้ Series 3 ตัว E90 แนะนำให้กัดฟันเอาตัว 320d จะดีกว่าครับ
แรงกว่าเยอะ 318i พูดตรงๆเลยว่ามันอืิดกว่า D-segment ราคาล้านกว่าๆพอสมควร
เคยนั่งรถเพื่อนแล้ว รู้สึกไม่ปลื้มอย่างรุนแรงครับ
-
ความคิดผมจะ ถ้าคุณอยากรถอะไร แล้วมันมาด้วยความสามารถของคุณเอง และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ผมจะเชียร์ให้คุณเลือกรถรุ่นนั้นทันทีครับ
ที่ผู้ใหญ่ท่านเตือน เป็นเพราะท่านอาบน้ำร้อนมาก่อนคุณครับ อย่าไปคิดด้านลบกับท่านเลยนะครับ
วันหนึ่งเมื่อผ่านไปอีกหลายๆปี ถ้าคุณลองมองย้อนกลับมา คุณก็อาจจะคิดเหมือนท่านก็ได้ครับ
-
ผมอยากให้ พอเพียง ครับ พอเพียงไม่ได้หมายความว่าต้องประหยัดนะครับ แต่มันคือทางสายกลาง และพอประมาณ
เช่น เจ้าของธุรกิจมูลค่าร้อยล้าน ใช้ E Class แบบนี้ถือว่าพอเพียงครับ
คือถ้าคุณซื้อมันมาแล้วไม่ได้รู้สึกเดือดร้อน ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน ก็ซื้อไปเถอะครับ
-
C segment พอครับ ไม่จำเป็นต้องรถใหญ่ก่อน
-
คุณ accidenty ผมไม่ได้เคืองอะไรนะครับออกตัวไว้ก่อน อ่านแล้วติดงงซะมากกว่า
จริงครับที่แต่ละคนที่มองรถแต่ละคลาสนั้นต่างกัน ตัวผมเองมองสูงสุดแค่ซีวิค อัลติส ปาเจโร่สปอร์ต มิว7 เป็นเป้าหมายบนสุดล่ะด้วยฐานะทางการเงินและมองไม่เห็นว่ารุ่นที่สูงกว่านี้ผมจะสามารถครอบครองได้อย่างไม่ลำบาก ที่ได้แนะนำเจ้าของกระทู้ว่าแคมรี่ก็น่าจะดีเพราะเห็นว่าเป็นห่วงเรื่องการซ่อมบำรุงเพิ่งทำงานก็ไม่ควรเอาเรื่องแค่นี้มาทำให้งานมีปัญหาได้ แต่ถ้ามีลู่ทางก็ค่อยว่ากัน ไม่ได้คิดว่า จขกท นั้นฟุ้งเฟ้อหรือเกินตัวเลยผ่านไปซัก 5 ปี ก็ค่อยจัดก็ได้ไม่ต้องขายแต่ซื้อเพิ่มเผื่อต้องจอดซ่อม ถ้ามองรถระดับนี้ได้ก็แสดงว่าอีก 5 ปีข้างหน้าก็สามารถมีรถ 2 คันได้สบาย
ถ้าเป็นผม จัดซีวิค 2012 ครับ โฉบเฉี่ยววัยรุ่นดี พอซัก 30 ก็ค่อยเอาที่ชอบ
-
ความคุ้มค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
เลือกที่เราชอบ ยอมรับในสิ่งที่ตามมาในอนาคตได้ หมายถึง ขับรถญี่ปุ่น ก็ซ่อมง่าย ขายต่อราคาดี ค่าดูแลไม่สูง แต่ขับแล้วจะไม่แน่นเท่ารถยุโรป
แต่ถ้าขับรถยุโรป ได้ภาพลักษณ์ ความมั่นคงในการขับขี่ ซ่อมแพง ราคาขายต่อตกมาก
ถ้าเรื่องงบไม่ใช่ปัญหา เลือกที่เราชอบ ขับแล้วถูกใจ คนนั่งไปด้วยมีความสุข เท่านั้นละครับ
-
- นายเอ ซื้อรถยุโรปขนาดเล็กถึงขนาดกลาง 1 คัน ใช้ยาวๆ 15 ปี ราคา 2.4 ล้าน
- นายบี ซื้อรถญี่ปุ่นขนาดกลาง 1 คัน ใช้ 7 ปี แล้วขาย ซื้อคันใหม่ใช้อีก 8 ปี ราคา 9 แสนทั้ง 2 คัน
มองในมุมมองของเงิน นายบี ได้กำไรกว่า ได้ขับรถใหม่บ่อยๆ
ในขณะที่นายบีซื้อรถ 2 คันแต่จ่ายน้อยกว่านายเอซื้อแค่ 1 คัน
ส่วนนายเอ ก็ได้ขับรถที่มีสมรรถนะดีกว่า ภาพลักษณ์ดีกว่า แบบที่รถของนายบี ไม่สามารถเทียบได้
อยากเป็นนายบี หรือนายเอ ล่ะครับ?
ผมเป็นนายบี เพราะผมมองว่ามันคุ้มค่าสำหรับผม
ปัจจุบันนี้ รถ C Segment อย่างอัลติส ซีวิค EX หรือ มาสด้า3 ไม่ได้ด้อยกว่ารถยุโรปแบบเทียบไม่ติดครับ
รถยุโรปดีกว่า ขับดีกว่า เหนือชั้นกว่า แต่ไม่ได้เหนือชั้นกว่ามากกกกกกก ขนาด 2-3 เท่า (เหมือนดั่งเช่นราคา)
คนอื่น อาจจะเป็นนายเอเพราะเค้ามองว่าคุ้มค่าสำหรับเค้า แล้วแต่ความคิดครับ
-
ความหรูหราก็หาได้ในแคมรี่ไฮบริดแล้วครับ จัดมาเต็มสุดๆ แต่ความปลอดภัยยังไม่ค่อยมี
-
ความหรูหราบางครั้งมันก็แค่เปลืองนอกนะครับ ลองคิดถึง คชจ. อื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องตามมาด้วยละกัน
บางครั้งออกอะไรหรู ๆ มาแล้วแต่ไม่มีแห่งคอยซ่อมบำรุงมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากซื้อสร้อยเพชรมาได้แต่เก็บไม่กล้าใส่เพราะกลัวมันจะหมอง
สำหรับผมนะไม่จำเป็นต้องรถแพงถึงจะหรู ขอแค่รถธรรมดา ๆ สักคันที่มีคุณภาพไม่ด่อยกว่าแค่นี้ก็พอแล้ว...
;D
-
ใช้ทั่วไป 520d ดีมาก(เท่าที่สัมผัสมา) 5ปีไม่งอแง
ง่ายๆถ้าไม่ off road ใช้520d. ถ้า off road ใช้ pajero sport
-
รถคันแรก หารถมือสองอายุ 3 - 4 ปี เลือกที่เป็นรถตลาด ที่ถูกใจ เมื่อใช้ไปสักระยะจะรู้เองว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ค่อยคิดเปลี่ยนใหม่
-
- นายเอ ซื้อรถยุโรปขนาดเล็กถึงขนาดกลาง 1 คัน ใช้ยาวๆ 15 ปี ราคา 2.4 ล้าน
- นายบี ซื้อรถญี่ปุ่นขนาดกลาง 1 คัน ใช้ 7 ปี แล้วขาย ซื้อคันใหม่ใช้อีก 8 ปี ราคา 9 แสนทั้ง 2 คัน
มองในมุมมองของเงิน นายบี ได้กำไรกว่า ได้ขับรถใหม่บ่อยๆ
ในขณะที่นายบีซื้อรถ 2 คันแต่จ่ายน้อยกว่านายเอซื้อแค่ 1 คัน
ส่วนนายเอ ก็ได้ขับรถที่มีสมรรถนะดีกว่า ภาพลักษณ์ดีกว่า แบบที่รถของนายบี ไม่สามารถเทียบได้
อยากเป็นนายบี หรือนายเอ ล่ะครับ?
ผมเป็นนายบี เพราะผมมองว่ามันคุ้มค่าสำหรับผม
ปัจจุบันนี้ รถ C Segment อย่างอัลติส ซีวิค EX หรือ มาสด้า3 ไม่ได้ด้อยกว่ารถยุโรปแบบเทียบไม่ติดครับ
รถยุโรปดีกว่า ขับดีกว่า เหนือชั้นกว่า แต่ไม่ได้เหนือชั้นกว่ามากกกกกกก ขนาด 2-3 เท่า (เหมือนดั่งเช่นราคา)
คนอื่น อาจจะเป็นนายเอเพราะเค้ามองว่าคุ้มค่าสำหรับเค้า แล้วแต่ความคิดครับ
ขอเสิรมนิดนึง รถอายุเยอะ แบบที่พี่บอก 15ปี ต้องมีอะไหล่เปลี่ยนมั้งละ อีกอย่างสมัยนี้ 4ปี พัฒนาขนาดไหน รถญี่ปุ่นอนาคต อาจจะลงเทอร์โบก็ได้ เดาเอานะฮะ ;D
-
เป็นผมจะมองรถมือ2 นะครับ ตัวเลือกจะเยอะมากขึ้น แถมประหยัดเงินขึ้นอีก
-
ความคุ้มอยู่ที่ใจ
ถ้ามองรถตัวเองทีไร.....ก็ยิ้ม
ถ้าขับรถตัวเองทีไร......ก็ยิ้ม
นั้นแหล่ะ......คุ้มแล้ว
-
เงินตัวเองก็ถูก แต่เคลียร์กับที่บ้านให้จบ
ถ้าจบ..ถูกใจคันใหนซื้อคันนั้น ขับรถที่เราเลือก ที่เราชอบ มีความสุขที่สุดละ
แต่ถ้าไม่จบ..แต่ดึงดันจะเอายุโรป พอเกิดปัญหาขึ้นมา.."เห็นมั๊ยอั๊วบอกแล้วให้เล่นแบบธรรมดาไปก่อน..บ่นๆๆ นู่นนี่นั่น บลาๆๆ"
แต่ถ้ายอมไปตามนั้น ไฮบริดก็ไฮบริดเอ้า..พอขับออกต่างจังหวัด เห็นเจ้า C class , series3 วิ่งกวดขึ้นหน้ากันไป โอ...!!จอร์จมันต้องเป็นเราต่างหากที่เป็นเจ้าของคันนั้น โอ.!เจ็บจี๊ดๆๆ
;D ;D ;D ;D ;D ;D