Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: karn5811 ที่ มิถุนายน 26, 2012, 21:49:44
-
อย่างเช่น. ถ้าเราใช้งานอย่างหนักเป็นเวลาต่อเนื่องรถมันจะไหวมั้ยอะ
แล้วก้ถ้าเจอฝนตกอย่างหนัก รถจะสู้ฝนมั้ย และยิ่งถ้าเจอน้ำท่วมอย่างสูง ถึงระดับท่วมล้อรถจะมีปัญหาหลังจากลุยมั้ยหรือมันจะดับมั้ย
แล้วมันประหยัดแบบต่างจากรถธรรมดามากเลยมั้ย
ใครที่เคยใช้งานจริงช่วยตอบให้หน่อยนะครับ
คำถามผมอาจจะดูกะโหลกกะลา ดูไม่ค่อยเป็นสาระมากเท่าไร แต่มันติดอยู่ในความคิดผมจริงๆครับเลยอยากรู้ให้มันกระจ่างงง
-
อีกนิดนึงครับเวลาเราใช้งานในเมืองนี้จะต้องใช้mode ไหนหรอ เช่น ev mode pwr mode หรือeco mode
-
มันมีมานานมากแล้วนะครับ นี่ก็พรีอุส 3 แล้วนะ
-
ผมว่าเรื่ิงที่คุณกังวลหนะมันไม่น่ากังวลหรอกครับ
เขาใช้กันมานานแล้ว วิ่งกันข้ามรัฐกันถมถืด
ส่วนเรื่ิองกลัวน้้ำ มันลุยได้พอๆกับรถเก๋งแหละครับ
ส่วนเรื่องความประหยัด มันขึ้นกับวิธีการใช้ด้วยนะครับ
ขับในเมืองรถติดๆ ขยับทีละนิด ขับไปตลาดไกล้ๆบ้าน มันกผ็ไม่ค่อยประหยัดเท่าที่ควรเพราะเครื่องมันจะติดบ่อยมาก
แต่ถ้าขับชานเมืองบ้าง หรือวิ่งไกลๆบ้าง มีช่วงได้ชาร์ตแบตก็จะเห็นผลขึ้นมาว่าประหยัด
คนรู้จักใช้อยู่ขับในเมืองชลเป็นส่วนใหญ่ และวิ่งรเมืองบ้าง ได้ประมาณ 16 โลลิต ครับ
-
ของผม CT200h ก็เครื่องเดียวกับพรีอุส วิ่งมาจะ สามหมื่นโลล่ะ
การกินน้ำมัน เฉลี่ยได้ 19 กิโลลิตร
ขับไป นครสวรรค์ หัวหิน ติดนรกอยู่กรุงเทพก็ไม่มีอะไรผิดปรกติครับ
ขัยลุยฝนตกหนักก็ปรกติ ไม่ต่างจากคันอื่น
เรื่องลุยน้ำท่วมยังไม่เคยลุย แต่ถามศูนย์ศูนย์บอกว่า ยังไม่เคยเจอเคสพังเพราะน้ำท่วม แต่โตโยต้าบอกว่า ถ้าน้ำท่วมหนักขนาดเข้าข้างในจริงๆ ระบบจะตัดการทำงานให้เอง
วิ่งในเมือง ผมใช้โหมดปรกติ แต่ถ้าวิ่งในเขตชุมชน อาจจะโหมด Eco
-
ไม่ต้องกังวลครับ
เหมือนรถปกตินี่แหละ
-
ผมว่าความที่ไม่ชินกับระบบใหม่ๆมากกว่า
คือไม่แน่ใจว่า จะทนไหม ลุยได้แล้วระบบต่างๆจะมีปัญหาไหม ระยะยาวซ่อมแพงไหม และอื่นๆๆๆ ใช่ไหมครับ?
ในความคิดผมคือระบบ hybrid เป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อระบบ สันดาบ ไปเป็น ไฟฟ้า เหมือนกับว่าถ้ารถรุ่นใหม่ออกมาเป็นระบบไฟฟ้า 100% คนก็จะไม่กล้าซื้อใช้ทันทีแน่นอน ระบบ hybrid เป็นการทำให้คนที่ติดกับเครื่องยนต์100% มองเห็นว่าระบบไฟฟ้าช่วยทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดขึ้น และในอนาคต รถไฟฟ้า100% ก็จะเป็นรถที่คนทั่วไป ไม่รู้สึกแปลกหรือกลัวที่จะใช้
ถึงวันนี้ ผมว่าไม่น่ากลัวครับสำหรับ hybrid เพราะ รุ่นที่ขายในเมืองไทยเป็นรุ่นที่เขาพัฒนามาแล้ว 3 generation ปัญหา ความทนทาน ได้ปรับปรุงมาแล้ว เพียวแต่เราเข้าใจในระบบ และจุดดีจุดด้อยของรถเท่านั้นครับ
อย่างน้อยระบบ hybrid ก็ทำให้มลภาวะในโลก ลดลง รวมถึงการใช้น้ำมันที่น้อยลงด้วยครับ
-
ผมรู้สึกคล้ายๆ เจ้าของกระทู้นะ
เพียงแต่ผมเชื่อว่ามันทน แต่ผมไม่เอาอะ
รักประหยัดไม่ใช้แก็ส ก็หา E85 หรือ ดีเซลดีกว่าสำหรับผม
และผมมองว่าเวลา อยากปรับแต่งมันจะยุ่งรึเปล่า
-
ผมไม่ได้ใช้จริงน่ะครับ เห็นเพื่อนสนิทขับ Prius สีขาว TRD ได้ซัก 4หมื่นกว่าโลแล้วยังไม่บ่นอะไรให้ฟัง
ผมก็พอได้ขับอยู่บ้าง ถามว่าประหยัดมั้ย ถ้าขับแบบปรกติ ผมว่าประหยัดมากกกกก ยิ่งเวลารถติดเนี่ย เข้าใจเลยว่ามันประหยัดยังไง
ถ้าเป็น FD ผม เข็มน้ำมันลงฮวบๆเลย
เรื่องปัญหาในการใช้งานผมว่าไม่น่ากังวลเลยครับ USA เค้าใช้กันมา 2 GEN อายุรวมๆก็สิบปีได้แล้วมั้งครับ
เทคโนโลยีรถยนต์เดี๋ยวนี้มันไปไกลแล้วครับ ^^
-
กังวลใจเรื่องเดียวก็คือราคาของมันนี่แหละ
ไม่รู้ว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ารึเปล่า
-
ตอนแรกๆ อาจจะรำคาญเวลามันรีชาร์ทหรือดับเครื่องไปเองครับ
-
ผมใช้ CT200h อยู่ตอนนี้ใช้มาเดือนนึงละยังไม่เป็นไรนะครับอยู่รอดปลอดภัยดีอิอิ ผมขับระยะทางคงที่ประมาณ 12 กิโล เข้าในที่ที่รถติดอีกนิดหน่อย กับรถเคลื่อนที่ได้บ้างก็ประหยัดดีนะครับ แต่ถ้าถามว่าต่างจากเครื่องดีเซลไหมผมว่าไม่ต่างกันครับ ผมขอเทียบกับ e60 520d นะครับ หากเทียบกันโดยรวมโดยเอาราคาน้ำมันมาคำนวนด้วยแล้วไม่ต่างกันมาก แต่ถ้ารวมอัตราเร่งต่างๆเข้าไปผมว่าเครื่องดีเซลของบีเอ็มน่าจะคุ้มกว่า คันอื่นไม่รู้เป็นยังไงนะครับไม่เคยลอง
-
ยังไม่ไว้ใจ ก็ใช้รถสันดาปภายในล้วนๆไปก่อนก็ได้ครับ ไม่เห็นต้องกังวล
-
Toyota เคยมีการทดสอบแล้ว
เรื่องการนำ camry Hybrid ไปจอดไว้ ในสระ แล้วเปิดน้ำให้ไหลท่วมครึ่งคันรถ
จนระบบไฟช็อตไปเลย...
สุดท้าย แบ็ตเตอรี ยังอยู่ได้ และมีไฟเหลืออยู่ 60% ตามตำราญี่ปุ่นเป๊ะ!
และใช้งานได้อีกด้วย ไม่รั่ว ไม่มีปัญหาเลย
สิ่งที่จะเสีย มีแค่ ตัวตัดต่อระบบ เครื่องยนต์ และไฟฟ้า เท่านั้น เป็นแผงวงจร
ตัวละ หลักพันบาท ครับ ไม่แตะหมื่นบาท
และถ้าลุยน้ำ ก็ลุยได้แบบรถปกตินั่นละครับ คือ มิดล้อได้เลย ครึ่งคันรถได้เลย
แต่ถ้าจะลุยสูงขนาดนั้น ก็อย่าลุยนานครับ เพราะปกติ ลุยกันแถวๆ 50 - 60 ซม. ครับ
-
ตอบแบบ เอาหลักวิศวะไฟฟ้านะครับ แล้วความรู้ที่ศึกษาระบบ ไฮบริดของพี่ต้ามาคร่าวๆ
เวลาขับไกลๆ ใช้ความเร็วสูงๆ ทางพี่ต้าคงเซ็ทมาแล้วว่าให้ใช้กำลังจากการสันดาบมากกว่าใช้ไฮบริดครับ.
เพราะฉะนั้นมันคงไม่ได้มีปัญหากับตัวมอเตอร์มาก.
เรื่องน้ำเข้า ผมเคยเห็นพี่ต้าเอา คัมรี่ ไฮบริดมาวางในอ่างแล้วเติมน้ำจนท่วม สรุปว่า ระบบไฟฟ้าตัดเอง แบบที่พี่จิมมี่พูดไว้ข้างบนครับ.
ผมว่าเค้าออกแบบมาดีมากนะครับสำหรับมอเตอร์ในรถคันนี้ ผมยังทึ่งเลย เอาขดลวดไว้ข้างนอก เอาแม่เหล็กไว้ข้างใน.
เพราะทำให้การสึกหรอน้อยหว่ามอเตอร์แบบธรรมดามาก. ;)
แล้วยังสามารถสลับให้ตัวอุปกรณ์นี้เป็น Generator เพื่อชาร์ตแบตตอนเบรก และ เป็น motor เวลาเร่ง ได้ง่ายด้วย.
โดยรวมผมว่าไม่น่ากลัว แต่ที่เป็นปัญหาที่สุด คือแบตมากกว่าครับ. เช่น แบตเตอร์รี่เสื่อม
มันลามไปถึงการเซ็ทรถที่ยากขึ้น(เพราะมันหนัก)
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ขออภัยที่อาจไม่ถูกใจบางท่าน
-
^
เสริมจากข้างบนว่า เวลาวิ่งทางยาวๆ เป็นหลัก 100กิโล และรักษาความเร็วคงที่
สันดาบจากเครื่องยนต์จะถูกทำมาใช้แค่ 50/50 กับ มอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้พอขับไปซักพัก
แบตจะหายไปประมาณ 1-2 ขีด และกลับขึ้นมาใหม่จากการชาร์จของเครื่องยนต์
ไฮบริดไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก วิ่งลุยน้ำได้สบาย เหมือนรถทั่วไป
แล้วก็เวลาขับลุยฝน มันมีน้ำเล็ดลอดเข้ามาในส่วนที่เป็นระบบไฟฟ้าน้อยมาก
มันไม่เหมือนการเอาน้ำไปฉีดใส่ตรงๆแบบคาร์แคร์บางเจ้านะครับ
สำหรับความน่ากลัว มีแค่อะไหล่บางตัวแพงมากและใช้เวลาเบิกนานเกินไปหน่อย
(พยายามเลี่ยงการถูกชนจะดีกับตัวเองที่สุด)
-
จากคนที่ใช้เองคนนึงนะครับ
คำถามของเจ้าขของประทู้คงได้คำตอบจากทุกกระทู้ข้างบนแล้วครับ ซึ่งผมก็เห็นด้วย
ตอนคิดจะซื้อก็ไม่มั่นใจร้อยแปดเหมือนกัน เลยลองมันด้วยตัวเองซะเลย
ลองแล้ว..... ติดใจครับ
อัตราสิ้นเปลืองไม่เคยต่ำกว่า 19 กม.ต่อลิตร เฉลี่ยแล้ว 20 กม.ต่อลิตรสบายๆ เติมแก้สโซฮอล 91 ด้วยค่าน้ำมันเลยไม่เป็นภาระอีกต่อไป
การขับขี่ ทำได้ดีครับ เร่งเป็นมา ช่วงล่างมั่นคงดี ออกนิ่มไปด้วยสำหรับคนที่ชอบขับเร็วๆ
ภายใน สบาย สะดวก อาจจะไม่ดีเท่า teana, camry แต่พอใจมากแล้วครับ
ข้อเสียสำหรับผมคือ ทัศนวิสัยครับ กระจกบานหลัง มันเป็นสองแผ่นต่อกัน ทำให้มองหลังผ่านกระจกยาก ถึงขั้นรำคาญ กับอีกอย่าง ตำแหน่งที่นั่งของผม เจอโค้งขวาเนี่ย เสาเอบังเต็มๆ ต้องระวังกันมากเลย
ลองเลยครับ แล้วจะติดใจ ผมว่าสำหรับรถ hybrid นอกจากประหยัดแล้วคงต้องมองเรื่องอื่นๆประกอบด้วย ถ้ามองเรื่องประหยัดอย่างเดียวหันไปเล่น ECO car จะตอบโจทย์มากกว่า
-
ลุยน้ำได้ในระดับรถเก๋งครับ ประมาณ 10-20 ซม. ประมาณนี้ หรืออาจจะมากกว่า ถ้าขับตามรถใหญ่ๆ
ช่วงน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่แล้วก็ลุยไปเหมือนกัน แล้วก็ใช้จนถึงตอนนี้ จะเปลี่ยนก็น้ำมันเครื่อง ยางรถยนต์ เท่านั้นเองครับ ใช้มาจะ 5 หมื่นโลล่ะ
-
ผมไม่กังวลเรื่องอายุแบตเตอรี่กับการลุยน้ำแต่อยากทราบราคาอะไหล่พวกเซ็นเซอร์ตัวตัดต่อระบบ ตลอดจนกลไกพิเศษต่างๆที่เพิ่มขึ้นมาจากรถธรรมดา และอายุการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านี้ครับ รวมถึงเกียร์ด้วยไม่รู้ว่าที่มันต่อพ่วงกับทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์เนี่ยถ้าตอนยกเกียร์อะไหล่มันจะแพงกว่ารถทั่วไปมากไหม ทั้งเคสอะไหล่ใหม่ศูนย์ อะไหล่ข้างนอกและมือสอง บางอย่างที่ยังสงสัยคงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยนะครับบบ คลายข้อกังวลผมได้เยอะพอสมควรเลยยยย
-
อะไหล่ไม่แพงอย่างที่คิดครับ ส่วนตัวที่แพงก็คือพวกที่ติดกับเครื่องยนต์ครับ