Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nick007 ที่ กรกฎาคม 27, 2012, 21:04:32
-
คือพี่ชายผมเค้าจะซื้อรถ mitsubishi E-CAR ของเพื่อนเค้าอ่าคับ เป็นรถผลิตนอก เครื่อง 1.6 ปี 1992 เกียร์ออโต้ ราคา 150000 (ใส่แม็ก 17 สเกิร์ต ชุดเครื่องเสียง แต่งมาเรียบร้อยแล้ว)
คือผมอยากจะทราบว่า
1.รุ่นนี้น่าเล่นป่าวคับ
2.ราคานี้น่าจัดรึปล่าวคับ
3.เอาามาดมแก็สจะมีปัญหารึปล่าวคับ
4.ปัญหาของเจ้ารถรุ่นนี้มีอะไรบ้างคับ
ขอบคุณคับ :D :D :D
-
1. น่าเล่นถ้าสภาพดี เจ้าของดูแลมาตลอด อะไหล่เซียงกงเพียบ
2. เรื่องราคาต้องดูสภาพ ถ้าสภาพดีมากก็จัด 150,000 ได้ ที่ผมเคยเช็คเมื่อปีก่อนก็อยู่ที่ 7 หมื่น - 1 แสน
3. ติดแก๊สไม่มีปัญหา ถ้าร้านมีความชำนาญพอ
4. ปัญหา รุ่นนี้อายุอานามก็เป็นสิบปี ที่เห็นๆเลยก็เรื่องยางขอบกระจกขอบประตูเสื่อม, หลังคาผุ ต้องตีหลังคาใหม่, ตู้แอร์ตัน, ช่วงล่างสึก หม้อน้ำรั่ว
ผมออกป้ายแดงตั้งแต่ปี 1995 จนตอนนี้ก็ยังใช้อยู่ แต่วิ่งไม่เยอะแล้วเพราะถ้าวิ่งเยอะก็ซ่อมบ่อย
เลขไมล์ 8 แสนโล เครื่องยังไม่ได้ทำอะไรเดิมๆ กินน้ำมัน 12Km/L เท่าๆเดิม
ตอนนี้ขับ Lancer EX เป็นประจำแทน..... ส่วน E-Car ไว้วิ่งแถวบ้าน
-
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
1, 2. น่าเล่นครับ อะไหล่เยอะ เปิดราคานี้ผมว่าแพงมากนะครับ (ถึงใส่พาร์ท 2 หรือ 3 แท้ ผมยังว่าแพงอยู่นะครับ)
3. ดูแลรักษาดี ไม่ค่อยมีปัญหาคับ (ผม Ecar GTi 1.8 CC ประกอบนอกเหมือนกัน ปี92 ดมมา 5 ปี วิ่ง 4xx,xxx แล้วยังโอเคอยู่ครับ)
4. หลังคาผุ รางกระจก วาวดัง (ที่ผมเจอนะครับ)
เท่าที่พอตอบได้ครับ
-
ถ้าเล่นตัวนี้คงต้องลงเครื่อง 4G63
-
1.5 แสนแพงไปมากกกก ครับ
ถ้าเป็นปี 1992 จริงๆล่ะก็ หลังคาน่าจะผุ ซะส่วนใหญ่ครับ
ถ้าไม่ผุ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าน่าจะทำหลังคามาใหม่ครับ
ส่วนมากกระจกไฟฟ้าจะติดขัด (เห็นว่าถ้าใช้ของ EVO มาใส่จะหมดปัญหานี้ครับ)
รอบเดินเบาสั่น (ตัวชดเชยรอบชอบมีปัญหาครับ)
ECAR ที่น่าเล่นควรเป็นปี 1995-1996 ครับ
ราคาน่าจะมี 1.2 แสน ประมาณนั้นครับ
ถ้าเป็นผมเล่นเองจะเลือก เครื่อง 1.6 หรือ 1.8 (เกียร์ M/T แรงพอตัวครับไม่อืดครับ)
เพราะตอนนี้รถมีราคาถูกมากครับ ควรจะเลือกรุ่น TOP ไปเลยครับ
เนื่องจากราคาตอนนี้ไม่ต่างกันมากแล้วครับ
(ุถ้าไม่รักแรง ก็ไม่จำเป็นต้องเล่นเทอร์โบครับ เดี๋ยวงบบำรุงรักษาบานปลายครับ)
ถ้าได้ติดแก๊สหัวฉีดมาเลยก็จะน่าสนเพิ่มขึ้นครับ
เนื่องจากหากเอามาติดแก๊สหัวฉีดเอง ต้องใช้เงิน 2 หมื่นบาทขึ้นไป(20%ของตัวรถแล้วครับ)
อย่าไปสนใจเรื่องส่วนประกอบอื่นๆเช่น MAX หรือของตกแต่งมากจนเกินตัวรถครับ
หรือถ้าเป็นPART สวยๆ หายากๆเวลาชนขึ้นมา ต้องพลิกแผ่นดินหากันใหม่ 5555
สู้หารถที่บอดี้รถที่สวยงาม ภายในสวยๆ (แสดงถึงการบำรุงรักษามาอย่างดี) ใช้ไว้ก่อนเป็นอันดับแรกดีกว่าครับ
รถรุ่นนี้ได้เกียร์ M/T ทำเบรกและช่วงล่างสักหน่อย เป็นรถขับสนุกอีกคันครับ
-
ข้อมูลแน่นมากๆคับ
-
ใช่ครับ ถ้าตัวรถปี 92 จริงนี่ 15k แพงมากๆ ครับ
รถปีนี้ e car บางคัน ลงไปหลักหมื่นแล้วครับ
-
ปี 92 ราคาแสนห้า แพงเกินราคาครับ
อีกอย่างก็คือ ปีนั้นยังเป็นประกอบในประเทศครับ ถ้าประกอบนอกต้องเป็นตัว 1.8 GTi เท่านั้นครับ
ถ้าประกอบใน ราคาไม่แพงกว่าแสนสองครับ
เรื่องมาติดแก๊ส ไม่ยุ่งยากหรอกครับ ระบบรุ่นเก่า แต่แนะนำหาเครื่องหัวฉีดจะดีกว่าครับผม
ปัญหาก็หนีไม่พ้นมอเตอร์เดินเบา และสนิมที่หลังคาครับ
-
สอบถามท่านที่ใช้หรือเคยใช้ E Car รอบเดินเบาสั่นมีวิธีแก้ให้จบไหมครับ อุปกรณ์ตัวไหนเสียกันแน่ ผมเปลี่ยนอุปกรณ์บางตัวไปก็ไม่หายซักที จึงอยากรู้สาเหตุของมันจริงๆอะครับ
-
ราคานี้กะขายคนที่ชอบรถแต่งครับ ถ้าเครื่องเสียงแน่นจริงๆ ล้อยางสภาพดี ก็น่าสน
มันต้องดูของแต่งด้วยครับว่ามากน้อยแค่ไหน ล้อ17" แท้หรือก๊อป? เครื่องเสียงsubกี่นิ้ว คู่หรือเดี่ยว งานซาวสวยมั้ย
ถ้ามีรูปประกอบจะดีมากเลยครับ จะได้ประเมินง่ายว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
-
รุ่นนี้ เกียร์ MT เหมาะกว่าครับ มันมากกกก
-
รุ่นนี้มีปัญหาประจำรุ่นคืิหลังคาผุครับ เป็นทุกคัน มอเตอร์กระจกไฟฟ้ากับรางมักเสีย แต่หากหมั่นใส่น้ำยาหล่อลื่นหรือถอดแผงประตูมาฉีดน้ำมันครอบจักรวาลบ้างปีละครั้งก็ใช้ได้ยาวอยู่ รถรุ่นเก่านี้ยังรื้อทำเองง่ายอยู่ไขควงอันเดียวจบเลยครับ พวกพลาสติก หลุมเปิดประตู และพลาสติกครอบ ฐานเก้าอี้ และช่องแอร์ ซ้ายกลางขวามักแตกหัก อีกอย่างที่เสียแน่ คือ ไอเดิลสปีดคอรโทรล ครับ เฟืองมันเป็นพลาสติก วิธีใช้ให้เจ้าตัวนี้ทนต้อง เวลาบิดกุญแจสตาร์ทต้องรอให้ไฟเช็คเอนจิ้น ดับก่อนค่อยบิดกุญแจสตาร์ทนะครับ ไม่เช่นนั้น ระหว่างที่มันกำลังเช็คเครื่องอยู่นั้นเจ้าเฟืองตัวนี้มันจะหมุนอยู่เพื่อปรับปริมาณน้ำมันที่จะฉีดเข้าเครื่องเพื่อสตาร์ทในภาวะที่อุณหภูมิเครื่องต่างกันออกไป คราวนี้หากเราไปบิดกุญแจสตาร์ทก่อนที่เฟืองนี้จะหยุดหมุน มันจะเกิดการขบกันของเฟืองได้ครับทำให้แตกได้ง่าย สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องนี้เรื้อรังและหาวิธีแก้ไขอยู่นั้นผลแนะนำให้ซื้ออะไหล่แท้ของใหม่มาใช้ครีบ เพราะว่าหากใช้วิธีซื้อชุดเฟืองมาเปลี่ยนมันเป็นของจีนแดงครับมันไม่ทน ชุดละ 800-1000 บาท ใช้ได้ปีเดียวก็แตกอีกแล้ว แตกทุกปีมันจะทำให้เราเบื่อได้ว่ารถรุ่นนี้จุกจิก แต่จริงแล้วมันทนเหมือนกันนะ ของใหม่ 7000กว่าบาท เปลี่ยนทีใช้ได้ประมาณ 8-10 ปีทีเดียวครับ หรือไม่ก็หาอะไหล่ใหม่ขิงโปรตอนวีร่าจากมา้ลเซียมาเปลี่ยนครับ มีคนแถวสงขลาเขานั่งรถเข้ามาเลย์เอาเข้ามาขายเป็นทางเลือกหนึ่งที่ราคาไม่แพง
แต่ราคา150000นี่แะงไปนะครับ แต่หากเจ้าของเดิมยกเครื่ิงใหม่มาแล้ว เช่นไปยก4g91มาลงก็เล่นได้ครับ เครื่องเดิมเป็น 4g15 sohc 12วาวล์ เกียร์ออโต้3สปีด วิ่งในเมือง 10 โลลิตร ต่างจังหวัดอย่างเก่งก็ 12 โลลิตรครับ เพราะเกียร์ 3 สปีด ช่วงล่างเดิมเน้นนิ่มนวล วิ่งเกิน 120 จะเริ่มไม่มั่นใจแล้ว เปลี่ยนโช๊ค4ต้นวิ่งนิ่งเลยครับ 160 ยังนิ่งเลยพื้นฐานช่วงล่สงมาดีอยู่แล้วครับ
ขอให้สนุกกับรถใหม่นะครับ
-
รบกวนขอความรู้นิดนึง E car ต่างจากอีโวยังไงหรอครับ แล้วทำไมเรียกว่าอีคาร์ ?
-
ปี 92 ราคาแสนห้า แพงเกินราคาครับ
อีกอย่างก็คือ ปีนั้นยังเป็นประกอบในประเทศครับ ถ้าประกอบนอกต้องเป็นตัว 1.8 GTi เท่านั้นครับ
ถ้าประกอบใน ราคาไม่แพงกว่าแสนสองครับ
เรื่องมาติดแก๊ส ไม่ยุ่งยากหรอกครับ ระบบรุ่นเก่า แต่แนะนำหาเครื่องหัวฉีดจะดีกว่าครับผม
ปัญหาก็หนีไม่พ้นมอเตอร์เดินเบา และสนิมที่หลังคาครับ
ปี 1992 MSC (มิตซูสิทธิผล-ชื่อในสมัยนั้น) มีการนำเข้า Lancer ประกอบนอกแบบ CBU เข้ามาสองขนาดเครื่องยนต์คือ 1.6GLX และ 1.8GTI มีจุดสังเกตุที่ต่างกับรถประกอบในประเทศเท่าที่พอจำได้ดังนี้
1.รถประกอบนอกเป็นเครื่องยนต์หัวฉีด 1.6 และ 1.8 ส่วนรถประกอบในเป็นเครื่อง 1.5 คาบูเรเตอร์
2.รถประกอบนอกระบบแอร์มีระบบ Heater มาให้ด้วย ส่วนรถประกอบในไม่มีมาให้
3.รถประกอบนอกกระจกทุกบานรอบคันมีตรา MMC ตัวหนาสวยงาม ส่วนรถประกอบในมีตรา MSC ตัวหนังสือบางๆ
4.รถประกอบนอกรุ่น 1.6 มือเปิดประตูเป็นสีดำ ส่วนตัว 1.8 มือเปิดเป็นสีเดียวกับตัวรถเหมือนกับ 1.5 รถประกอบใน
5.รถประกอบนอกวัสดุภายใน เช่นเบาะผ้า คอนโซล ดีกว่ารถประกอบในอย่างเห็นได้ชัด
6.รถประกอนนอกมีเส้นไล่ฝ้าที่กระจกบังลมหลังมาให้ด้วย ส่วนรถประกอนในไม่มีมาให้
จากนั้นในปี 1996 MSC ถึงประกอบ Lancer 1.6 GLXi มาขายในประเทศ แต่อุปกรณ์มาตรฐานหลายอย่างก็ให้มาน้อยกว่าตัวประกอบนอก
ส่วนตัวเคยใช้ Lancer E-Car 1.6 GLX ประกอบนอกเกียร์ M/T มือสอง ซื้อตอนปี 1998 ราคา 230,000 บาท การใช้งานถือว่าประทับใจมาก อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 13-15 กม./ลิตร เคยทำได้ดีที่สุดตอนวิ่งทางไกลที่ 16-17 กม./ลิตร เป็นรถที่เป็นชื่อของตัวเองคันแรกในชีวิต และด้วยรถคันนี้เองที่ทำให้ผมคลั่งไคล้รถประกอบนอกมาจนถึงทุกวันนี้
หมายเหตุ รถประกอบนอกเครื่องยนต์ 1.6 หัวฉีด แต่ใช้สัญลักษณ์ GLX ซึ่งไม่มีตัว i ต่อท้าย ไม่เข้าใจว่าทำไม MMC ถึงไม่ใส่มาให้ แต่พอเป็นตัวประกอบในเครื่อง 1.6 กลับใส่ GLXi มาให้
-
ปี 92 ราคาแสนห้า แพงเกินราคาครับ
อีกอย่างก็คือ ปีนั้นยังเป็นประกอบในประเทศครับ ถ้าประกอบนอกต้องเป็นตัว 1.8 GTi เท่านั้นครับ
ถ้าประกอบใน ราคาไม่แพงกว่าแสนสองครับ
เรื่องมาติดแก๊ส ไม่ยุ่งยากหรอกครับ ระบบรุ่นเก่า แต่แนะนำหาเครื่องหัวฉีดจะดีกว่าครับผม
ปัญหาก็หนีไม่พ้นมอเตอร์เดินเบา และสนิมที่หลังคาครับ
ปี 1992 MSC (มิตซูสิทธิผล-ชื่อในสมัยนั้น) มีการนำเข้า Lancer ประกอบนอกแบบ CBU เข้ามาสองขนาดเครื่องยนต์คือ 1.6GLX และ 1.8GTI มีจุดสังเกตุที่ต่างกับรถประกอบในประเทศเท่าที่พอจำได้ดังนี้
1.รถประกอบนอกเป็นเครื่องยนต์หัวฉีด 1.6 และ 1.8 ส่วนรถประกอบในเป็นเครื่อง 1.5 คาบูเรเตอร์
2.รถประกอบนอกระบบแอร์มีระบบ Heater มาให้ด้วย ส่วนรถประกอบในไม่มีมาให้
3.รถประกอบนอกกระจกทุกบานรอบคันมีตรา MMC ตัวหนาสวยงาม ส่วนรถประกอบในมีตรา MSC ตัวหนังสือบางๆ
4.รถประกอบนอกรุ่น 1.6 มือเปิดประตูเป็นสีดำ ส่วนตัว 1.8 มือเปิดเป็นสีเดียวกับตัวรถเหมือนกับ 1.5 รถประกอบใน
5.รถประกอบนอกวัสดุภายใน เช่นเบาะผ้า คอนโซล ดีกว่ารถประกอบในอย่างเห็นได้ชัด
6.รถประกอนนอกมีเส้นไล่ฝ้าที่กระจกบังลมหลังมาให้ด้วย ส่วนรถประกอนในไม่มีมาให้
จากนั้นในปี 1996 MSC ถึงประกอบ Lancer 1.6 GLXi มาขายในประเทศ แต่อุปกรณ์มาตรฐานหลายอย่างก็ให้มาน้อยกว่าตัวประกอบนอก
ส่วนตัวเคยใช้ Lancer E-Car 1.6 GLX ประกอบนอกเกียร์ M/T มือสอง ซื้อตอนปี 1998 ราคา 230,000 บาท การใช้งานถือว่าประทับใจมาก อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 13-15 กม./ลิตร เคยทำได้ดีที่สุดตอนวิ่งทางไกลที่ 16-17 กม./ลิตร เป็นรถที่เป็นชื่อของตัวเองคันแรกในชีวิต และด้วยรถคันนี้เองที่ทำให้ผมคลั่งไคล้รถประกอบนอกมาจนถึงทุกวันนี้
หมายเหตุ รถประกอบนอกเครื่องยนต์ 1.6 หัวฉีด แต่ใช้สัญลักษณ์ GLX ซึ่งไม่มีตัว i ต่อท้าย ไม่เข้าใจว่าทำไม MMC ถึงไม่ใส่มาให้ แต่พอเป็นตัวประกอบในเครื่อง 1.6 กลับใส่ GLXi มาให้
เอ่อ อยากจะรู้ว่ารถรุ่นนี้เวลาแอร์ทำงานรอบเครื่องเดินเบาจะไม่นิ่ง ไม่ทราบว่ารถของพี่เป็นด้วยป่าวคับ
-
แสนห้าผมว่าแพงไปนะ หารถสภาพโอเคๆ แปดเก้าหมื่นค่อยมาปั้นเอง ผมว่าเด็ดกว่านะ
หรืออัดเงินต่อ หาบอดี EV0 3 แท้ๆ น่าเล่นกว่าเยอะ แต่เกินงบไปอีกเท่าตัว แต่ตัวบอดี้แท้ก็จัดไฟแนนท์ได้สูงกว่าเช่นกัน
-
แถมให้นิดนึงว่า ควรคบเกียร์ธรรมดามากกว่า ถ้าทำได้ครับ
เพราะเกียร์อัตโนมัติ เท่าที่เคยขับ สมองกลเกียร์ ยังพยายามจะเรียนรู้การขับขี่ของเรามากไปหน่อย
คือทำตัวเหมือนคนญี่ปุ่นช่างสงสัย เป็นเจ้าหนูจำไม หนะครับ
หลังคาผุ เป็นเรื่องธรรมชาติของรถรุ่นนี้ พอๆกับเรื่องสิว เป็นเรื่องธรรมชาติ
ตอนสต็อกเหล็ก เขาสต็อกกันไม่ดีเท่าที่ควร เลยเป็นอย่างที่เห็น
อย่าซื้อรถที่แต่งแล้วสำเร็จรูปเลยครับ
หารถบ้านเดิมๆ โครงสร้างดีๆ มาทำเอง ให้มันได้ดังใจเราเองไปเลยดีกว่า
รถแต่งที่ขายนั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องร้อนเงิน หรือปัญหาส่วนตัว ก็ต้องมีปัญหาที่ตัวรถกันเสียเยอะครับ
-
ขอบคุณคับสำหรับความคิดเห็นทุกๆๆท่าน
-
เพิ่มตังส์ อีกนิด หา ท้าย เบนส์ ดี กว่า ครับ
ตอนนี้ เครื่องหันซ้าย ( E-Car ลงไป) เริ่มหายากเต็มที
ส่วนท้าย เบนซ์ เป็น เครื่องหันขวา เครื่องเก่าอะไหล่ เก่ายังมี เพียบบ