Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: joeyote ที่ สิงหาคม 06, 2012, 22:45:22
-
มีเหตุผล หรือ ปัจจัยอะไรบ้างครับ
ที่ทำให้ เมืองไทยถึงไม่มี รถเก๋ง เครื่องดีเซล ความจุต่ำ เหมือนยุโรป ซักทีครับ
หรือ
1.กลัวภาคขนส่ง จะขาดแคลนน้ำมันดีเซล เพราะต้องแบ่งหาให้ ภาคประชาชนทั่วไป
2.ต้นทุนเครื่องยนต์ดีเซล ค่อนข้างแพง ไม่คุ้มกับการลงทุน
3.ค่านิยมของคนไทย ที่มองว่า รถเก๋ง ยังไงๆ ก็ต้อง เครื่องเบนซิน
พี่ๆน้องๆครับ อะไรคับ คือปัจจัยที่ เมืองไทย ยังไม่มีเครื่องยนต์ดีเซล ในรถเก๋งเล็กๆ ทั้ง ญี่ปุ่น ยุโรปเองก็ยังไม่มากนัก
-
ข้อ3ครับ
รถที่ผมอยากเห็นมากที่สุดเลยคือเก๋งดีเซลเทอโบccต่ำ+ไฮบริด
-
ดีเซลในรถเก๋ง ส่วนใหญ่จะมาในรถยุโรปรุ่นใหม่ๆ ที่ราคาค่อนข้างสูงครับ แล้วมักจะกลายเป็นว่า รุ่นดีเซล จะแพงกว่ารุ่นเบนซิน เช่น 318i คันละ 2 ล้านเศษๆ กะ 320d คันละเกือบ 3 ล้าน
รถเก๋งญี่ปุ่นเครื่องดีเซลก็ยังมีน้อยมากด้วยครับ เพราะเทคโนโลยีสู้ฝั่งยุโรปไม่ได้ แล้วต้นทุนเครื่องดีเซล ก็สูงกว่าเบนซินจริงๆ
ที่เหลือ ก็คงเป็น 3 เหตุผลที่ จขกท บอกแหละครับ แต่ส่วนตัว ผมว่า ข้อ 3 ก็ลดลงมากแล้ว รถเก๋งดีเซลเริ่มเป็นที่แพร่หลายในไทยมากขึ้นเยอะมากตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา
สำหรับผม เก๋งดีเซล cc น้อย แรง ประหยัด ในรถราคาไม่เกินล้าน เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนอย่างยิ่งคร้าบบบ ว่าแล้วก็อยากได้ Fiesta ดีเซล
-
เก๋งดีเซล CC ต่ำ คงเกิดยาก ต้นทุนพัฒนาแพงเอาเรื่องเหมือนกัน ขนาด แค่เก๋งเครื่องดีเซล 2 ลิตร ราคายังเกินล้าน พ.ศนี้ อีก 5 ปีข้างหน้าราคาคงไปไกลกว่านี้
เอาพวกเบนซิน hybrid ยังมาง่ายกว่า มากครับ ;D ;D ความประหยัดน้ำมันก็ใช้ได้เลย อีกอย่างอยู่ที่คุณภาพน้ำมันดีเซลของเราเองด้วย
-
เก๋งดีเซล CC ต่ำ คงเกิดยาก ต้นทุนพัฒนาแพงเอาเรื่องเหมือนกัน ขนาด แค่เก๋งเครื่องดีเซล 2 ลิตร ราคายังเกินล้าน พ.ศนี้ อีก 5 ปีข้างหน้าราคาคงไปไกลกว่านี้
เอาพวกเบนซิน hybrid ยังมาง่ายกว่า มากครับ ;D ;D ความประหยัดน้ำมันก็ใช้ได้เลย อีกอย่างอยู่ที่คุณภาพน้ำมันดีเซลของเราเองด้วย
นั่นนะสิครับ เหตุผลเพราะว่า ทุกคนยังนึกว่า น้ำมันดีเซล มีไว้ให้รถสิบล้อ กะ รถกระบะเติม ก็เลยทำออกมาชุ่ยๆ
ไม่มีใครคิดว่า ถ้ามีรถอย่าง Q7 V12 TDI มาจะทำยังไง
-
กลายเป็นว่า เหตุผลเดียวที่ทำให้ นำ้มันดีเซล ของประเทศไทย ราคาต่ำกว่า เบนซิน
ซึ่งมีไม่กี่ประเทศที่เป็นแบบนี้ ( ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ ฯ ราคาน้ำมันดีเซลแพงกว่าเบนซิน ตลอด)
เมืองไทยทำเพียงเพื่อ ช่วยเหลือภาคขนส่งและเกษตรกรรม เป็นหลัก
เราคนทั่วไป ก็ต้องใช้รถเก๋งเบนซิน ที่มีราคาแพงกว่า ดีเซลประมาณ 30% ต่อลิตร
อืมมมมมมมม ทน ต่อไปครับ
-
กลายเป็นว่า เหตุผลเดียวที่ทำให้ นำ้มันดีเซล ของประเทศไทย ราคาต่ำกว่า เบนซิน
ซึ่งมีไม่กี่ประเทศที่เป็นแบบนี้ ( ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ ฯ ราคาน้ำมันดีเซลแพงกว่าเบนซิน ตลอด)
เมืองไทยทำเพียงเพื่อ ช่วยเหลือภาคขนส่งและเกษตรกรรม เป็นหลัก
เราคนทั่วไป ก็ต้องใช้รถเก๋งเบนซิน ที่มีราคาแพงกว่า ดีเซลประมาณ 30% ต่อลิตร
อืมมมมมมมม ทน ต่อไปครับ
นี่แหละปัญหา โครงสร้างด้านพลังงานมันเละมานานแล้ว และก็คงต้องเละต่อไป แก้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องการเมืองอีก ไม่ว่าใครทำหรือฝ่ายไหนทำ จริงๆ ดีเซลในหลายๆ ประเทศแพงกว่าเบนซินครับ โดยเฉพาะหน้าหนาวที่มีความต้องการเยอะ ส่วนบ้านเราต้องเก็บเบนซินเข้ากองทุนไปเพื่อเอาไปจ่ายชดเชยดีเซลอีกต่างหาก
ส่วนเรื่องรถดีเซลเนี่ยถ้าใช้น้อยก็ไม่ค่อยคุ้มล่ะครับ เพราะราคาจะแพงกว่าเบนซินอยู่พอสมควรทีเดียว อันนี้ก็ต้องดูการใช้งานของแต่ล่ะคนล่ะครับ
-
ผมมองว่าที่รัฐบาลไม่สนับสนุน ก็ไม่ใช่ขนาดไม่สนับสนุนนะครับ
แต่! ดีเซลในบ้านเรา ส่วนใหญ่ใช้ในภาคเกษตรกรรมครับ หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม
ดังนั้น หากรัฐหันมาสนับสนุนดีเซลให้กับรถยนต์อย่างเราๆ มันก็ไม่ถูกต้องทีเดียว เพราะเท่ากับการนำเข้าน้ำมันจะเพิ่มขึ้นๆๆ
สิ่งที่ถูกต้อง ผมกลับมองว่าไอ้ห่านนน E85 หรือ E100 นี่แหละ ที่ควรทำให้มันจริงจัง และลดไปเลยภาษี จริงๆไม่อยากให้เรียกลดภาษีด้วยซ้ำ เรียกว่ากระหน่ำ หั่นมันเลย ถ้าลดเยอะ หรือเวฟภาษีไปใน 2-3 ปีแรกได้ ค่ายรถทำออกมาตรึม ปั๊มน้ำมันตามมาตรึม คนหันมาใช้ตรึม โอยยย คิดดูครับ... สบายทั้งพวกเรา สบายทั้งกระเป๋า ภาคเกษตรอีก แล้วยังไม่ต้องนำเข้าน้ำมัน ไปช่วยพวกอาหรับให้มันรวยเอาๆ นะครับ
ดีเซลมันดี ดีเซลมันแรง ดีเซลเมืองไทยมันเลยแพงไงครับ :D
จริงอยู่ E85 กินน้ำมันกว่า แก๊ซโซฮอล์ แต่ถ้าเทียบเงินที่เติมไป มันก็เท่าๆกันนะครับ
ก่อนจะเอาเครื่องแรง เพื่อเร่งแซง ผมว่าเข้ารถให้ถูกกฎจราจร แล้วใช้ตีนปลายด้วยเครื่องเบนซินนี่แหละครับ !!
-จบ- :)
-
ผมยังอิจฉายุโรปเลยครับ ที่นู่นมีเครื่องดีเซลเทอร์โบแทบจะทุกรุ่นที่ทำตลาดเลย :'(
-
ผมล่ะอยากให้ Suzuki เอา Swift 1.3 DDis มาเล่นตลาดเมืองไทยจัง
แต่กลัวราคาจะโดด ไปเยอะ
-
ผมเองอยากได้นะครับ เครื่องดีเซล 1,500 c.c. 130 แรงม้า เทอร์โบชาร์ตเจอร์สักลูก อัตราสิ้นเปลืองสัก 25 โล/ลิตร :D
ถ้ามองว่าต้นทุนสูง มันก็ใช่ครับ อย่าลืมว่า ถ้าผลิตในจำนวนมาก และมีความต่อเนื่อง(ไม่ล้มหายตายจากก่อน) ต้นทุนอาจลดต่ำลง
อีกอย่างที่สำคัญ เทคโนโลยีดีเซล ผมมองว่ามันได้รับการพัฒนามาเฉพาะภาคขนส่งเป็นหลัก จึงทำให้มีปัญหาในส่วนของรถเก๋ง
คิดเล่น ๆ ถ้าพี่โต เอาเครื่องวีโก้ มาแปลงลง camry 2.5 diesel turbo ขับหลัง 200 แรงม้า มันจะเป็นยังไง ???
อีกอย่างที่ผมสงสัยมานาน รถกระบะราคาถูกกว่าเก๋งเพราะภาษีอันนี้ไม่เถียง แล้วต้นทุนการผลิตเครื่องยนต์ของรถกระบะละอยู่ที่เท่าไหร่ ?
ผมเชื่อว่าถ้ามีคนปฏิวัติวงการรถเก๋งดีเซลแบบจริง ๆ จัง ๆ และจัดเต็ม ตลาดน่าจะไกลกว่านี้ แล้วราคาน้ำมันคงพุ่งขึ้นมากกว่านี้เป็นแน่ ;D
แต่รัฐบาลแห่งอาณาจักรสยามประเทศนี้ จะสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน และจะมองเห็นคามสำคัญหรือไม่ ต้องว่ากันอีกที :)
-
ผมยังอิจฉายุโรปเลยครับ ที่นู่นมีเครื่องดีเซลเทอร์โบแทบจะทุกรุ่นที่ทำตลาดเลย :'(
ผมอิจฉา โมโหเพราะอิจฉา โกรธเกลียดเพราะอิจฉา
จนตอนนี้ ไม่คิดดีกว่าครับ ตีนกาจะขึ้นทุกครั้งที่คิดครับ
ยุโรปเขาอัตรารถดีเซล กับเบนซิน... ไม่รู้สิครับ เท่าๆกัน ค่อนไปทางดีเซลมากกว่า อาจจะเพราะขับไม่ขับไปไหนไกลๆกัน ถ้าไปก็บิน หรือรถไฟ ซึ่งสะดวกเวอร์ครับ!! อีกอย่างเมืองหนาว เนินเขาเยอะ เยอะมากกก และส่วนใหญ่ขับเกียร์ธรรมดา ก็สนุกกันไปแหละครับ เครื่องดีเซล เกียร์ธรรมดา ถนนอย่างนิ่ม และนิ่ง และเรียบ และเป๊ะ และ... โอ้ยยย เยอะครับเยอะ
:) :D ;D เราคนไทย ทนใช้กันต่อไปครับ แต่จริงๆนะ ผมรอ E85 และ E100 อยู่นะ ถ้า E100 ลิตรละ 17 บาทนะแม่มมมมมม
-
กลายเป็นว่า เหตุผลเดียวที่ทำให้ นำ้มันดีเซล ของประเทศไทย ราคาต่ำกว่า เบนซิน
ซึ่งมีไม่กี่ประเทศที่เป็นแบบนี้ ( ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ ฯ ราคาน้ำมันดีเซลแพงกว่าเบนซิน ตลอด)
เมืองไทยทำเพียงเพื่อ ช่วยเหลือภาคขนส่งและเกษตรกรรม เป็นหลัก
เราคนทั่วไป ก็ต้องใช้รถเก๋งเบนซิน ที่มีราคาแพงกว่า ดีเซลประมาณ 30% ต่อลิตร
อืมมมมมมมม ทน ต่อไปครับ
มีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่ทนละครับ ในเมื่อ มันก็เกี่ยวข้องกับ ค่าครองชีพเราทุกคนในแผ่นดิน
ผมว่า ผมกลัวการลอยตัวดีเซลมากกว่า เพราะจะทำให้ ค่าครองชีพ พุ่งลิ่วๆเลยทีเดียว
ผมชอบมองตามสถานีขนส่งช่วงวันหยุดยาวนะ เห็นพ่อ กลับ มาหาลูกเห็นรอยยิ้มของทั้งคู่ และคิดว่าอย่างน้อยค่าตั๋วรถก็ยังไม่แพงเกินไป
ที่จะให้พวกเขาได้เดินทาง
จริงๆรัฐบาลควรสนับสนุน E85 มากกว่านะครับ อย่างน้อย ราคาผลผลิตทางเกษตรก็ไม่แกว่งมากเกินไป :-*
-
คนทั่วไปไม่รู้ว่ารถเก๋งดีเซล มันประหยัดน้ำมันขนาดไหน
ผมขอยกตัวอย่าง Benz E250 CDI นะครับ วิ่งไปพัทยาที่ความเร็วเฉลี่ย 100 - 140 km/hr ได้ค่าเฉลี่ยที่ประมาณ 17 กิโล/ลิตรดีเซล
เปรียบเทียบกับ Benz E250 Avantgard ด้วยความเร็วเดียวกัน ได้ค่าเฉลี่ยประมาณ 12 กิโล/ลิตรเบนซิน
ผมตีคร่าวๆ ว่าระยะไปกลับที่ 340 กิโลเมตร
ดีเซล ใช้น้ำมันไป 20 ลิตร x 30 บาท = 600 บาท
เบนซิน ใช้น้ำมันไป 28.33 x 40 บาท = 1,133 บาท
ต่างกันเกือบเท่าตัวครับ
และอัตราเร่งตีนต้น ของเครื่องดีเซล เทอร์โบ นี่สุดยอด แรงบิดมาที่รอบต่ำ และเทอร์โบทำให้แรงบิดมาต่อเนื่อง ถ้าได้ลองเทสไดรฟ์แล้วจะชอบมากครับ
เครื่องดีเซล ดูแลรักษาง่ายกว่าเบนซิน ทนกว่าด้วย
แต่ดูแล้วรถเล็กบ้านเรายังไปกับเบนซินอีกสักพักใหญ่ ต้องรอค่ายยักษ์อย่างโตโยต้า กับฮอนด้า ขยับมา ก็คงจะเป็นเทรนด์กัน
ถ้าได้ดีเซล + Hybrid นี่ก็คงประหยัดเข้าไปอีก
-
ค่ายญี่ปุ่นที่ทำรถตลาดขายไม่ค่อยเล่นด้วย (ไม่รู้ว่าทัศนคติเปลี่ยนไปหรือยัง) บ.ผลิตรถญี่ปุ่นในไทย ยังไงก็ต้องฟังเสียงจากบ.แม่ที่ญี่ปุ่น
ในเอเชียที่เห็นเล่นดีเซลในเก๋งเล็กก็มีอินเดีย
ส่วนตะวันออกกลางไม่แคร์สื่อ ไม่แคร์เรื่องน้ำมัน
ในไทยผลักดันเรื่องรถไฟฟ้าน่าจะได้รับการสนับสนุนมากกว่า เพราะโลกสวยไร้มลพิษกำลังมาแรง
-
คนญี่ปุ่นเขาล่าแม่มด ฆ่าเครื่องยนต์ดีเซลมาเกือบ 10 ปี ดังนั้น ยังไงในแง่เทคโนโลยี ก็คงด้อยกว่ายุโรป โดยเฉพาะทางเยอรมัน อย่าง VW และ BMW อีกอย่างน้อยๆ ก็ 5 ปี และอีกอย่างตลาด US ที่เป็นตลาดหลักของเขา ก็ไม่ได้ถึงกับฮิตเครื่องดีเซลด้วย ก็เลยไม่รู้จะไปลงทุนกับดีเซลเยอะๆ ทำไมครับ
-
ต้องตั้งกระทู้ใหม่เป็น
"ถึงเวลาแล้วรึยัง ที่ประเทศญี่ปุ่น ควรจะสนับสนุน เก๋งดีเซล CC ต่ำ!!!!!!"
ซึ่งการจะแก้เรื่องนี้ยากมาก ถ้าหากทำได้ เราก็เฮลั่นล่ะครับ
ส่วนในเรื่องภาคขนส่งนั้น โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องปรับกันอีกยาว
เนื่องจากเวลาเราขนน้ำมันไปจ่ายที่ปั๊ม มันมีค่าใช้จ่ายในจุดนี้ด้วย
น้ำมันเลยแพงมาก ผิดกับหลายๆประเทศหันมาใช้การส่งน้ำมัน ก็าซตามแนวท่อ
-
ต้องตั้งกระทู้ใหม่เป็น
"ถึงเวลาแล้วรึยัง ที่ประเทศญี่ปุ่น ควรจะสนับสนุน เก๋งดีเซล CC ต่ำ!!!!!!"
ซึ่งการจะแก้เรื่องนี้ยากมาก ถ้าหากทำได้ เราก็เฮลั่นล่ะครับ
ส่วนในเรื่องภาคขนส่งนั้น โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องปรับกันอีกยาว
เนื่องจากเวลาเราขนน้ำมันไปจ่ายที่ปั๊ม มันมีค่าใช้จ่ายในจุดนี้ด้วย
น้ำมันเลยแพงมาก ผิดกับหลายๆประเทศหันมาใช้การส่งน้ำมัน ก็าซตามแนวท่อ
พีคับตอนนีเท่าทีผมรู้มาญีปุ่นถ้าเปนเครีองดีเชลต้องได้ค่าตามกฏหมายของประเทศญีปุ่นคับใช่ไป10ปีต้องเลิกใช้คับผม(เท่าทีรู้มาคับ)ถ้ามีรถเก๋งในเมีองไทยทีผมก็เห็นด้วยคับขอให้ราคาทีพวกเราชีอไหวสัก8แสนบาทคับบบ ป.ล Altis D4D มาได้แล้วค้บบบบ
-
ต้องตั้งกระทู้ใหม่เป็น
"ถึงเวลาแล้วรึยัง ที่ประเทศญี่ปุ่น ควรจะสนับสนุน เก๋งดีเซล CC ต่ำ!!!!!!"
ซึ่งการจะแก้เรื่องนี้ยากมาก ถ้าหากทำได้ เราก็เฮลั่นล่ะครับ
ส่วนในเรื่องภาคขนส่งนั้น โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องปรับกันอีกยาว
เนื่องจากเวลาเราขนน้ำมันไปจ่ายที่ปั๊ม มันมีค่าใช้จ่ายในจุดนี้ด้วย
น้ำมันเลยแพงมาก ผิดกับหลายๆประเทศหันมาใช้การส่งน้ำมัน ก็าซตามแนวท่อ
พีคับตอนนีเท่าทีผมรู้มาญีปุ่นถ้าเปนเครีองดีเชลต้องได้ค่าตามกฏหมายของประเทศญีปุ่นคับใช่ไป10ปีต้องเลิกใช้คับผม(เท่าทีรู้มาคับ)ถ้ามีรถเก๋งในเมีองไทยทีผมก็เห็นด้วยคับขอให้ราคาทีพวกเราชีอไหวสัก8แสนบาทคับบบ ป.ล Altis D4D มาได้แล้วค้บบบบ
ขอ Civic 1.6 diesel turbo ด้วยครับ
-
มันไม่ได้อยู่ที่ภาครัฐครับ มันอยู่ที่ผู้ผลิตว่าจะทำขายหรือป่าว
จะรอให้รัฐมาสนับสนุน รัฐไหนๆก็ไม่สนับสนุน และก็ไม่ควรสนับสนุนด้วย
(อยากผลิตอยากขายก็ทำไป แต่ไม่ออกมาตราการมาเอื้อ)
เพราะดีเซลก็คือเชื้อเพลิงที่ต้องนำเข้าเช่นเดียวกับเบนซินนั่นหล่ะครับ
แล้วถามว่าทุกวันนี้มีความจำเป็นอะไรถึงขนาดต้องรณรงค์มาให้ประชาชน
หันมาใช้เชื้อเพลิงดีเซล อีกทั้งราคาน้ำมันดีเซลทุกวันนี้ก็เป็นราคา "อุ้ม"
ส่วนตัวคิดว่าควรไปสนับสนุนพลังงานอย่าง E85, E100 อย่างที่บลาซิล
(ควบคู่ไปกับการสนับสนุนและผลักดันภาคเกษตรอย่างจริงจัง ประเทศไทยยังมี
พื้นที่เพาะปลูกอีกบานตะเกียงจริงๆ) ไปจนถึงการใช้พลังงานไฟฟ้า
-
ส่วนตัวผมมอง คล้าย จขกทครับ
อีกจุด คือ การส่งเสริมของภาครัฐครับ ถ้าเราต้องการให้เก๋งดีเซลออก รัฐต้องสนับสนุน อาจจะด้วยการลดภาษีคล้ายๆกับเคสของรถไฮบริดครับ
-
คนไทยติดหรูต้องรถเบนซินเสียงเงียบๆทำให้การเจาะตลาดเก๋งดีเซลทำได้ยาก ยิ่งค่าตัวของเครื่องดีเซลที่แพงกว่าเบนซินด้วยแล้วยิ่งเป็นปัญหาใหญ่เพราะคนไทยไม่ได้ซื้อรถเพราะคุณภาพแต่ซื้อรถเพราะราคาขายต่อและของแถม........บ้านเรายังต้องพัฒนาระบบความคิดอีกเยอะครับ :-X
-
ประเทศไทยยังติดภาพเดิมๆว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องเบนซิล รถเพื่อการพาณิชย์และขนส่งต้องดีเซล มันเลยต้องมีการอุ้มราคาน้ำมันอยู่อย่างนี้
-
ถ้าคนใช้ดีเซลเยอะเดี๋ยวเขาก็ปล่อยลอยตัวอีก ถ้าเขาไม่คุ้มราคาดีเซลแล้ว เราได้กินมาม่าห่อละ 10 บาทแน่นอนครับ ถ้าดีเซลขึ้นเมื่อไรค่าครองชีพก็ต้องเพิ่มสิ่งที่รบ.ควรจะส่งเสริมจริงๆคือ เอทานอลกับไบโอดีเซลต่างหากเพราะว่าเราผลิตได้เองไม่ต้องนำเข้าเงินที่ซื้อของมาทำก็กลับสู่เกษตรกรมีแต่ได้กับได้ ไม่ต้องเสียเงินให้พวกต่างชาติแต่ไม่เข้าใจทำไมรบ.ไม่สนับสนุนพวกนี้อย่างจริงจังสักที
-
ISUZU ทำออกมาก่อนเลยรับรองได้เกิดแน่ รถเก๋ง
-
ถ้าไม่มีนโยบายหรือสิทธิพิเศษด้านภาษี เก๋งดีเซลขนาดเล็กเกิดยาก
-
น่าคิดนะ ทำไมที่ยุโรปเค้าถึงนิยมเก๋งดีเซล ทั้งๆที่ราคาน้ำมันดีเซลที่นู่นก็แพงกว่า
สำหรับเมืองไทย ผมว่าไม่มีรถเก๋งดีเซลเยอะๆ ก็ดีครับ TDCi ผมจะได้ใช้น้ำมันราคาถูกๆ ต่อไป (ล้อเล่น)
-
ผมหนับหนุน E85 E100 มากกว่าครับ ไงซะ มันเป็นพลังงานที่เราสร้างทดแทนกลับได้ไวกว่า
-
ผมว่า E100 กับ พลังงานไฟฟ้า ง่ายและยั่งยืนกว่านะครับ สําหรับประเทศไทย
-
ถ้ายกเลิกกองทุนน้ำมันดีเซล ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน รัฐบาลอาจจะสนับสนุนก็เป็นได้ครับ
ความเห็นส่วนตัวจ้า :-*
-
ภาครัฐกลัวว่าต้องออกสปอตโฆษณาว่าใช้น้ำมันผิดประเภท
เกษตรกร รถไถนาเดินตาม นั่งขับ จอดแผง็บๆ รอน้ำมันดีเซลมาเติม
-
ยี่ห้อที่มีผลิตอยู่ แต่ไม่ขายเพราะประเทศห่วยๆแห่งนี้มีความล้าสมัย งี่เง่าของกฏหมาย
-
ภาครัฐกลัวว่าต้องออกสปอตโฆษณาว่าใช้น้ำมันผิดประเภท
เกษตรกร รถไถนาเดินตาม นั่งขับ จอดแผง็บๆ รอน้ำมันดีเซลมาเติม
ถ้าดีเซลไม่ได้อุ้มราคา อาจมีแนวโน้มนะ
-
รัฐกดราคาดีเซลไว้ เพราะ ให้ภาคการเกษตร และ ขนส่ง (คน , สินค้า)
จึงมองว่าเป็นน้ำมันเพื่อการเกษตร และ พานิชณ์
ถ้าเราไปแย่งเขาใช้กันเยอะๆอาจต้องมี นำเข้าเพิ่ม คุมงบไม่ได้
สุดท้ายก็ขึ้นราคา ชาวนา ชาวสวน ชาวขนส่ง เดือดร้อน
ตลาดน้ำมันปั่นป่วนเละเทะ ถ้าจะเอาเก๋งมาทางดีเซล
ผมขอเชียร์ให้ไปยุคไฟฟ้า เลยดีกว่าครับ จะไฮบริด หรือ เพียวไฟฟ้าไปเลยก็ได้
-
ผมมองว่าที่รัฐบาลไม่สนับสนุน ก็ไม่ใช่ขนาดไม่สนับสนุนนะครับ
แต่! ดีเซลในบ้านเรา ส่วนใหญ่ใช้ในภาคเกษตรกรรมครับ หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม
ดังนั้น หากรัฐหันมาสนับสนุนดีเซลให้กับรถยนต์อย่างเราๆ มันก็ไม่ถูกต้องทีเดียว เพราะเท่ากับการนำเข้าน้ำมันจะเพิ่มขึ้นๆๆ
สิ่งที่ถูกต้อง ผมกลับมองว่าไอ้ห่านนน E85 หรือ E100 นี่แหละ ที่ควรทำให้มันจริงจัง และลดไปเลยภาษี จริงๆไม่อยากให้เรียกลดภาษีด้วยซ้ำ เรียกว่ากระหน่ำ หั่นมันเลย ถ้าลดเยอะ หรือเวฟภาษีไปใน 2-3 ปีแรกได้ ค่ายรถทำออกมาตรึม ปั๊มน้ำมันตามมาตรึม คนหันมาใช้ตรึม โอยยย คิดดูครับ... สบายทั้งพวกเรา สบายทั้งกระเป๋า ภาคเกษตรอีก แล้วยังไม่ต้องนำเข้าน้ำมัน ไปช่วยพวกอาหรับให้มันรวยเอาๆ นะครับ
ดีเซลมันดี ดีเซลมันแรง ดีเซลเมืองไทยมันเลยแพงไงครับ :D
จริงอยู่ E85 กินน้ำมันกว่า แก๊ซโซฮอล์ แต่ถ้าเทียบเงินที่เติมไป มันก็เท่าๆกันนะครับ
ก่อนจะเอาเครื่องแรง เพื่อเร่งแซง ผมว่าเข้ารถให้ถูกกฎจราจร แล้วใช้ตีนปลายด้วยเครื่องเบนซินนี่แหละครับ !!
-จบ- :)
ทำไม่ได้หรอกครับ คนเสียผลประโยชน์เขาไม่ยอม >_<
เหมือนกับที่บางคน พยายามจะเร่งนำเข้าน้ำมันปาล์มให้ได้ โดยอ้างว่าไม่พอ ทั้งที่ในประเทศเหลือบาน
-
ผมมองว่า อนาคตอันใกล้นี้ เครื่องเบนซิล หัวฉีดตรง + เทอร์โบ น้ำหนักเบา แรงบิดพอเพียงกับรถเก๋ง รอบจัด จะมาแรงครับ
ถึงเวลานั้น ดีเซลในเก๋ง ก็งั้นๆแหละ เพราะเอาเข้าจริงๆ ถ้าสังเกตุตัวเลข กันดีๆ การขับในเมือง เก๋งดีเซลไม่ได้ประหยัดกว่าเบนซิลมากนัก ดีที่น้ำมันถูกกว่าหน่อยแค่นั้นเอง
สุดท้ายน่าจะสรุปได้ว่า เครื่องดีเซลจะเหนือกว่าเครื่องเบนซิลเมื่ออยู่ในรถที่มีน้ำหนักมากๆ แต่ถ้ารถเล็กๆ เบาๆ จุดเด่นของมันก็จะค่อยๆลดลง
-
ผมว่ามาก็ดีครับ แต่คงยากเพราะถ้ามาจริง ต้องเป็นเกียร์ธรรมดาแน่ๆ
วึ่งถ้าแบบนี้ ผมของเทคโนโลยี่ 3 สูบ น้ำหนักเบาดีกว่าครับ
-
ถึงเวลาตั้งนานแล้วครับ
แต่ ค่านิยมคนไทย รถดีเซลเสียงดัง เหมือนกะบะ และ ราคาต้นทุนเครื่องดีเซลสูงกว่าเบนซิน รวมถึงดีเซลเครื่องเล็กส่วนใหญ่ไม่มีเกียร์ auto ครับ
เหตุผลที่กล่าวมาก็ทำให้ผู้ผลิตรถ ไม่ทำตลาด ดีเซลเครื่องเล็กในไทยครับ
ในต่างประเทศ เครื่องดีเซล size เล็กขายดีมากๆ ผลิตไม่ทันเลยทีเดียว เมืองไทยถ้ารอจากต่างประเทศคงนานมากๆครับ
-
ส่วนตัวผมว่าข้อ 3 ครับ นอกจากจะเอาดีกับศูนย์บริการ แต่จริงๆแล้วในต่างประเทศ ไม่ใช่เลย ผมว่าต้องเปลี่ยนทัศนคติของคนไทยคิดว่า ถ้าจะเล่นรถตลาด Toyota Honda ให้ไปเล่น Hyrbrid ดีกว่า ส่วนรถเบนซิน ดีเซล แนะนำให้ไปเล่นรถอเมริกันกับยุโรป อย่าง Chevrolet Ford BMW เป็นต้นครับ