Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TTTY ที่ ตุลาคม 02, 2012, 00:01:30

หัวข้อ: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: TTTY ที่ ตุลาคม 02, 2012, 00:01:30
ไม่นึกไม่ฝันว่า วันหนึ่งจะได้ปรึกษากับคุณจิมมี่ และต้องมาโพสต์ถึงวีรกรรมของผู้ให้บริการกัน ณ ที่นี้

เรื่องราวค่อนข้างยาวนะครับ เพราะผมอยากแชร์ให้ทุกๆ ท่านได้เห็นภาพตามกันไป

เชิญพบกับมหากาพย์ ณ บัดนาว ครับ ...

จะเจ๊งเพราะ “ม”

ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบกับเจ้าของธุรกิจระดับพันล้านที่มีกิริยาเช่นนี้

วันนี้แต่เช้า 8 โมงตรง ผมได้ฤกษ์นำเจ้าบลู คันน้อยของผมไปเปลี่ยนลูกยางช่วงล่างด้านหน้าทั้งหมดที่อู่แห่งหนึ่งย่านถนนนวมินทร์
โดยมีเจ้ากล้วย BnN แห่งเดอะคูปแชนแนล ติดสอยห้อยตามไปด้วย

เราพบว่าช่วงล่างของเจ้าบลูสายพันธุ์เยอรมันคันจ้อย อายุราว 18 ปี คันนี้มีชิ้นส่วนช่วงล่างที่ใหญ่โตมโหฬาร และมีน้ำหนักมากเอาการ
กว่าจะถอด กว่าจะประกอบเสร็จ ก็เล่นเอาท้องร้องเพราะอดข้าวเช้าและเที่ยง เพื่อขอดูขั้นตอนการถอดประกอบกันอย่างใกล้ชิด
ตามประสาคนบ้ารถกันทีเดียว

บ่ายแก่ๆ ช่างประกอบอุปกรณ์จนครบ และบอกให้นำรถไปทดลองขับ หากพบสียงผิดปรกติให้นำกลับไปปรับซ่อม
แต่ไม่วาย เราก็พลั้งเผลอไม่ได้สนใจต่อเสียงกุกกัก และอาการแปลกๆ ที่ส่งผ่านมายังพวงมาลัยจากระบบบังคับควบคุมด้านหน้า

เพราะเรามีความตั้งใจจะมุ่งหน้าไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อที่ร้านชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านถนนเรียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา ติดปั๊ม ปตท.
ปั๊มสุดท้ายก่อนเลี้ยวซ้ายออกถนนรามอินทรามุ่งหน้าหลักสี่ ด้านหน้าศูนย์ฯ มีโชว์รูมรถยนต์ค่ายหนึ่งที่เขาเองก็เป็นเจ้าของด้วย

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ประทับใจในความสามารถของช่างเมื่อครั้งเข้ารับบริการเมื่อเดือน พ.ค.
ตามคำบอกเล่าของหลายๆ ท่าน ที่แนะนำเข้ามา ถึงแม้ว่าราคาค่าบริการสุดจะแสนแพงหูฉีก
(ตั้งศูนย์ 500 บาท และ ถ่วงล้อ ล้อละ 100 บาท ซึ่งปรกติร้านอื่นๆ จบที่ 500 บาท หรือต่ำกว่าก็ได้ครบทุกอย่าง) แต่เราก็จะไป

ทันทีที่ถึง เราแจ้งความต้องการแก่พนักงานต้อนรับว่า ช่วยตั้งศูนย์ล้อหน้า และถ่วงล้อหน้า ไม่ต้องสลับล้อ
พนักงานเชิญให้ขึ้นไปนั่งรอยังสำนักงาน

ผ่านไปราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง เจ้าบลูขึ้นแท่นยก และถอดล้อออกไปถ่วงล้อ

30 นาที ต่อมา ช่างนำรถลงจากแท่นยกรถและขยับรถเพื่อเข้าสู่เครื่องอ่านค่าศูนย์ล้อ เพื่อปรับตั้ง

ทันทีที่หักล้อเพื่อเลี้ยว เสียงดัง “ปร๊อก” ก็ดังขึ้น และล้อหน้าข้างขวาก็มีอาการแปลกๆ ช่างลงจากรถ และนำจะเข้มายกดู
ก็พบว่า ลูกหมากปีกนกไม่ได้รับการขันกวดให้แน่นพอ ซึ่งโชคดีที่เราทั้งคู่ ทั้งผมและเจ้ากล้วย BnN ไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางที่ขับมา

ช่างกุลีกุจอนำเครื่องมือเข้ามาช่วยซ่อมแซมเพื่อให้สามารถขับขึ้นลานตั้งศูนย์ให้ได้ ก่อนจะไปเซอร์วิสกันต่อไป

ระหว่างที่ช่างกำลังทำการแก้ไข พลันมีคุณผู้หญิงสูงวัย ดูชราภาพจากภายนอก แต่งกายชุดดำดูกระเซอะกระเซิง
แต่สัมผัสได้ถึงหัวใจที่แกร่ง ห้าวและทะมัดทะแมง เดินอาดๆ เข้ามาหยุดที่ข้างๆ ช่าง ข้างหน้าเจ้ากล้วย และผม

ในมือข้างหนึ่งที่สวมแหวนเพชรเม็ดเท่าลูกอมโบตันมิ้นท์บอล 3 เม็ดนั้น ถือโทรศัพท์ซัมซุงโน้ตสีขาวและสนทนาด้วยเสียงอันห้าวๆ
แบบไม่ได้สุภาพมากนักกับปลายสาย มืออีกข้างหนึ่งหอบสมุดบันทึกเล่มโตสีขาวแซมฟ้าเขียว มีคลิปหนีบกระดาษสีดำอันโตหนีบอยู่
พร้อมถุงผ้าซาตินสีเหลืองทองบรรจุส้มเขียวหวานขนาดเบอร์ 2 จำนวน 2 ผล

ไม่ทันที่คุณผู้หญิงสูงวัยจะจบการสนทนา เธอก็วางของทั้งหมด “แหมะ” ลงบนหน้ากระโปรงรถของผม !

ซึ่งไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับรถของผม แม้แต่ตัวผมเอง ถึงแม้เจ้าบลูของผมจะมีสภาพกลางเก่า จะมีราคาค่างวดเพียงแค่คันละ 2 แสนกว่า
(ประมาณการจากราคาซื้อขาย+ค่าซ่อมแซมบูรณะปรับปรุงปลุกชีพ) แม้กระทั่งเด็กปั๊มก็ไม่เคยได้มีโอกาสวางป้ายโฆษณาบนฝากระโปรงหน้ารถ
ของผมเช่นกัน

แล้วนี่เธอเป็นใคร ผมกับเจ้ากล้วย อึ้ง และมองหน้ากัน กับพฤติกรรมของเธอผู้นี้
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเรียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: TTTY ที่ ตุลาคม 02, 2012, 00:07:53
เธอ : อั๋น นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครผิด เกิดอะไรขึ้น ทำอะไรอยู่
ช่าง : รถพี่เขาบุชหลุด ผมเลยซ่อมให้
เธอ : ไม่ใช่ความผิดของเราใช่ไหม ไปทำที่อื่นมาก่อนเราใช่ไหม ต้องคิดเงินนะ”
ช่าง : ผมซ่อมให้พี่เค้าฟรีก็ได้เจ๊ รถพี่เขาไปทำช่วงล่างมาจากที่อื่น แล้วมาถ่วงล้อ ตั้งศูนย์ที่เรา
        แล้วมันหลุด ก็ต้องซ่อมก่อนเจ๊ ผมทำได้เจ๊
เธอ : อะไร นี่ไม่ใช่ความผิดของเรา ชั้นทำธุรกิจนะ ต้องคิดเงิน จ่ายเงินเดือนแกนะ จะทำให้ฟรีๆ ได้อย่างไร
        เธอไปถอดออกรึเปล่า เบิกอะหลั่ยเราไปทำรึเปล่า เอาไปตั้งศูนย์มารึยัง เธอทำยังไง
        แล้วเธอไปพูดกับลูกค้าได้อย่างไรว่าจะทำให้เขาฟรี ชั้นเลี้ยงเธอนะ ชั้นจ่ายเงินเดือนเธอนะ
        ชั้นทำธุรกิจ มันมีค่าใช้จ่ายนะ จะทำให้ฟรีได้ไง เธอไปพูดต่อหน้าลูกค้าได้ไง ชั้นเจ้าของธุรกิจนี้นะ”


นี่คือคำสนทนาของเธอกับลูกน้อง ด้วยเสียงห้าวๆ แผดดังไปทั่ว และยังหันมาพูดกับผมอีกว่า
“นี่เราต้องคิดเงินนะ ชั้นทำธุรกิจ มีค่าใช้จ่าย ชั้นต้องคิดเงินนะ”
แล้วเธอก็เดินไปหาหัวหน้าช่าง ซึ่งเป็นลูกน้องอีกคนหนึ่ง

ณ เวลานั้นมีช่างคนอื่นๆ หันมาดู และมีลูกค้าอีกราว 4-5 คน ที่ยืนรอรถของพวกเขา ต่างก็หันมาดู และจับกลุ่มสนทนา

ระหว่างนั้นผมถามช่างว่า “เจ๊เขาเป็นใครเหรอ” ช่างตอบว่า “เป็นเจ้าของที่นี่ครับ” และทำสีหน้าเจื่อนๆ
“แกก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ อย่าไปใส่ใจเลยพี่”

ผมกล่าวชมเชยเธอผู้นี้แก่ช่างว่า “เจ๊แกเก่งนะ มีศูนย์บริการตั้งหลายสาขา บริหารคนเดียวเลย”
(ทั้งในกรุงเทพ 2-3 สาขา และนครสวรรค์อีก 1 สาขา) แถมยังเป็นเจ้าของโชว์รูมขายรถยี่ห้อหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอีกด้วย
ซึ่งโดดเด่นจากการนำรถรุ่นหนึ่งมาตกแต่งให้เสร็จสรรพ ก่อนที่จะขายแก่ลูกค้า เรียกว่าถูกใจผมเลยทีเดียวกับฝีมือการตกแต่งรถของโชว์รูมนี้
และยังไม่นับร้านขายโทรศัพท์มือถือของเครือค่ายสีเขียวอีก 5-6 แห่ง

คุณผู้หญิงสูงวัยกลับมาหาผมและพูดด้วยเสียงห้าวๆ ดังๆ ว่า
“แบบนี้เราต้องคิดเงินนะ เรามีค่าใช้จ่าย ทำฟรีไม่ได้หรอก”

และหันไปพูดกับหัวหน้าช่างว่า
“เนี่ย ไอ้อั๋นนี่มันพูดดักหน้าชั้นว่า จะทำให้ลูกค้าฟรี จะทำแบบนั้นได้อย่างไร ชั้นก็มีค่าใช้จ่าย ต้องจ่ายเงินเดือน ต้องเลี้ยงลูกน้อง จะทำฟรีได้อย่างไรกัน”
หัวหน้าช่างก็ได้แต่ทำสีหน้ารับฟัง

ผมอดรนทนไม่ไหว คำหนึ่งก็ มีค่าใช้จ่าย สองคำก็ทำให้ฟรี สามคำก็ต้องคิดเงิน

ผมจึงตอบเธอไปหลังจากที่นิ่งฟังมาระยะหนึ่งว่า
“ก็คิดเงินสิครับ ผมไม่ได้บอกว่าจะขอทำฟรี ให้ทำฟรี ไม่จ่ายเงิน แล้วผมก็ยังดีใจว่าช่างที่นี่บริการดีมาก เห็นว่าช่างเขามีน้ำใจ
ช่วยปรับปรุงแก้ไขให้ จะคิดเงินก็คิดไปเลยสิครับครับ ผมเห็นแก่ว่าช่างที่นี่มีความสามารถ มีมีฝีมือ จึงเข้ามาใช้บริการ แม้ว่าจะแพงกว่าที่อื่น”

เธอตอบว่า “ชั้นทำธุรกิจมา 30 กว่าปี ก็มีค่าใช้จ่าย ก็ต้องคิดเงิน”

ผมสวนเธอกลับไปว่า “คนเราทำธุรกิจก็ต้องมี Service Mind ต้องรู้ว่าอะไรที่ควรมีน้ำใจให้บริการ หรืออะไรที่ไม่ควร หรือให้กับลูกค้ามากเกินไป
ตัวผมก็ทำธุรกิจ ผมก็ยังมี Service Mind ให้บริการลูกค้า บางอย่างก็ไม่คิดเงิน ให้บริการแบบฟรีๆ”

เธอสวนกลับมาว่า “Service Mind ก็มีต้นทุน มีค่าใช้จ่าย จะ service Mind ไม่คิดเงินไม่ได้หรอก”

ผมสวนกลับไปว่า “ก็ไปคิดเงินสิครับ ผมขอให้ทำฟรีไหม”

เธอตอบกลับมาว่า “ก็มันมีค่าใช้จ่าย” แล้วก็เดินกลับไป

ซึ่งผมสังเกตุดูว่าเธอเดินไปหาใครสักคนหนึ่งที่ด้านหลังศูนย์บริการแห่งนี้ ซึ่งก็เป็นช่วงที่ช่างปรับแก้ให้พอจะขับเข้าช่อง Service ได้
ไม่ขวางทางสัญจรภายในศูนย์บริการแห่งนี้

จากนั้นก็มีชายรูปร่างสันทัด ดูขาวสะอาด ใส่แว่นกรอบดำ เดินเข้ามาถามช่าง และช่างก็ได้อธิบายไป
ซึ่งผมก็ไม่ได้ฟังว่าเขาสองคนสนทนาอะไรกัน ผมเดินเข้าไปใกล้ขึ้นและได้ยินชายหนุ่มถามคำถามช่างว่า
ทำที่อื่นมาเหรอ ผมจึงได้แต่สำทับไปว่า”ใช่ครับ พอดีผมไปเปลี่ยนพวกลูกยางช่วงล่างมาจากอู่อีกที่หนึ่ง และมาตั้งศูนย์ที่นี่”
ยังไม่ทันที่ผมจะอธิบายเสร็จ ชายหนุ่มก็ยิ้มและพยักหน้า พูดว่า ครับๆ และเดินกลับไปยังด้านหลังศูนย์บริการ

ผมได้ยินเสียงล้งเล้งกันสักพักระหว่างชายหนุ่ม กับ หญิงชราสูงวัย แล้วดูเหมือนชายหนุ่มจะเป็นผู้ชนะ
เดินจากหญิงสูงวัยมาแบบไม่ใส่ใจต่อเสียงใดๆ ที่ตามหลังมา ซึ่งผมจับใจความไม่ได้
เพราะเสียงเธออู้อี้บู้บี้ จากการสะท้อนไปมาภายในด้านหลังศูนย์บริการ

ผมเดินลงไปบอกช่างเพิ่มเติมว่า “ว่าทำไปเลยนะ ทำให้เสร็จ จะคิดค่าแรงเท่าไรคิดไปเลย ผมไม่ซีเรียสที่จะจ่ายหรอก ทำให้เต็มที่เลยน้อง”

ช่างให้บริการผมดีมาก ละเอียดถี่ถ้วน ตรวจตราทุกจุด ทุกขั้นตอน ส่วนไหนของระบบช่วงล่างที่ขาดหายไป
ก็จัดแจงมาสอบถามผมและหามาใส่ให้ เรียกว่าบริการดีเป็นเลิศ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเรียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: TTTY ที่ ตุลาคม 02, 2012, 00:13:14
ไม่วาย ผมก็ทำการสืบค้นข้อมูล ซึ่งสายข่าวที่ไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ ได้รายงานว่า
“เจ๊แกเป็นแบบนี้ครับ อย่าไปถือแกเลยครับ...  นี่ช่างก็ออกไปหลายคนแล้ว... 
ช่างก็มีกันอยู่แค่นี้ ทำกันไม่ทัน... บางคนที่ทนได้ก็ทนไป บางคนทนไม่ได้ก็ลาออกไปกันเยอะ...
บางคนก็รักแกนะครับ บางคนก็เกลียดแกมาก... ลูกค้าก็หายไปเยอะครับ...”


ผมกลับมาคิดในช่วงที่รอช่างปรับแก้ไขตรวจเช็ค ว่า เจ๊แกเป็นอะไรมากไหม ทำไมพูดกับลูกค้าแบบนี้
แล้วพูดเหน็บแนมเสียดแทงลูกค้ากับพนักงาน ทั้งๆ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าผม หรือคือ “ลูกค้า” ของเจ๊แกเช่นนี้

หากเจ๊จะพูดจาสอบถามชี้แจงแบบสุภาพว่า “รถเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ... ช่างของเราเป็นสาเหตุของอาการนี้หรือเปล่าคะ...
ดิฉันดูแล้วจากอาการอาจต้องขอเก็บค่าบริการเพิ่มนะคะ เพราะว่าคุณลูกค้าได้ไปทำที่อื่นมาก่อนหน้า... บลาๆ ก็ว่าไป

ผมไม่ได้พูด ไม่ได้ขอให้ช่าง หรือเจ๊แกมาทำให้ฟรีๆ เลยสักนิด เจ้ากล้วย BnN เป็นพยานในที่เกิดเหตุได้
ช่างอั๋นและลูกค้าท่านอื่นๆ ภายในศูนย์ก็น่าจะเป็นพยานแวดล้อมได้

ซึ่งผมเองก็ยินดีที่จะชำระค่าบริการอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่ความผิดของทางศูนย์ฯ
และผมเองต้องรู้สึกดีใจปลาบปลื้มกับความเอาใจใส่ของช่าง ไม่ขับใสไล่ส่งลูกค้า

แน่นอนครับว่าหากผมเหลืออดจริงๆ ผมก็ยินดีเรียกรถยก มายกกลับไปให้ช่างที่อู่เดิมทำการซ่อมแซมและชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
และคงเรียกร้องค่าเสียหายจากพฤติกรรมของเจ๊ที่กระทำต่อฝากระโปรงหน้ารถของผมอย่างไม่แคร์สายตาคนเป็นเจ้าของสักนิด

ผมเติบโตมาจากครอบครัวคนจีนสมัยใหม่ ถูกปลูกฝังให้ทำการค้ามาตั้งแต่สมัย ป.3 – ป.4 หรือเมื่อ 28 ปี ที่แล้ว
เวลาปิดเทอม หรือเสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปช่วยร้านเวชภัณฑ์ ขายยาและของใช้ทั่วไป ให้กลับลูกค้า
ซึ่งเป็นพนักงานโรงงานทำผลไม้และปลากระป๋อง

ผมต้องพูดจาด้วยความอ่อนหวานเชื้อเชิญให้เข้าร้านว่า “เชิญครับ จะรับอะไรดีครับ”
แม้ว่าแถวนั้นจะมีร้านของผมเพียงร้านเดียวที่ขายของแตกต่างจากร้านค้าอื่นๆ
ผมก็ยังต้องพูดจาแบบนี้ ในมือก็ต้องรับเงินแบงค์เปียกๆ ที่มีกลิ่นคาวปลาบ้าง กลิ่นน้ำเชื่อมบ้าง จากมือของหนุ่มสาวโรงงาน
บ้างก็มือเน่า ที่เป็นแผลจากกรดผลไม้ หรือความเค็มของปลา จากงานที่พวกเขาทำ

ผมไม่เคยรังเกียจ และพูดจากับเขาดีทุกคน ลูกค้าบางคนก็มาซื้อขายกันจนสนิท คุยเล่นกัน
จะเหนื่อย จะง่วง ก็ต้องยิ้มแย้ม พูดจาดีเข้าไว้ และเราไม่ได้คิดว่าลูกค้าคือพระเจ้าครับ
เพราะลูกค้าที่นิสัยไม่ดี ดูไม่ปลอดภัย ขี้ขโมย ก็มีครับ แต่เราก็จัดการด้วยวิธีละมุนละม่อม

ครอบครัวผมยังทำธุรกิจบริการเกี่ยวข้องกับรถยนต์ด้วย ผมต้องไปพบปะกับเจ้าของอู่ บางอู่ก็ติดเงินกันนานนม
บางอู่ก็นิสัยดีส่งงานมาให้ถึงที่ ผมก็ถูกปลูกฝังให้ปฎิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าบางคนจะเป็นเพียงแค่เด็กยกของในอู่
แต่เราก็ให้เกียรติเขาในฐานะลูกค้าเช่นกัน

เมื่อผมเข้าสู่วงจรการทำธุรกิจประเภทบริการของตนเอง ผมก็ยังมีจิตสำนึกเรื่องการบริการที่ดีกับลูกค้ามาโดยตลอดระยะเวลา 26 ปี ที่ผ่านมา
ผมได้ลูกค้าและซัพพลายเออร์มาเป็นเพื่อนหลายคนมาก เพราะเราทำธุรกิจกันต่อเนื่องยาวนาน ผมยินดียื่นมือ เสนอความช่วยเหลือ
จัดการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ลูกค้าทุกรายบรรลุวัตถุประสงค์ และมีผลงานหน้าที่การงานโดดเด่น จากผลงานที่ผมรังสรรค์ให้พวกเขา

ผมไม่เคยคิดว่าธุรกิจของผมจะดีไปกว่าบริษัทรายใหญ่ๆ เงินทุนหนาๆ เป็นร้อยล้าน พันล้าน
แต่ผมเชื่อว่าผมชนะใจลูกค้าแท่บทุกราย เพราะไม่ว่ามีอะไร เขาจะนึกถึงผมเสมอ แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในสายธุรกิจของผมเอง
บางงานผมยอมขาดทุน บางงานเท่าทุน เพื่อแลกกับการได้งานต่อเนื่องยาวนานสม่ำเสมอ
แน่นอนครับงานไหนที่พอจะทำกำไรได้ เราก็ต้องบวกกำไรไว้พอสมควร แต่ทั้งนี้ต้องไม่กระทบต่อผลงาน
และหน้าที่การงานของลูกค้า เอาเป็นว่า ลูกค้าให้ผมทำงานให้แล้ว เขาต้องได้ผลงาน คำชม หรือแม้แต่การเลื่อนขั้น
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเรียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: TTTY ที่ ตุลาคม 02, 2012, 00:17:35
แต่ในขณะที่ “เจ๊” พยายามที่จะบั่นทอนจำนวนลูกค้า บั่นทอนชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน
ทั้งๆ ที่ครอบครัวของเจ๊พยายามสั่งสมสิ่งเหล่านี้มาตลอระยะเวลา 30 กว่าปี จากคำกล่าวอ้างและข้อมูลจากเวปของเจ๊

เพียงแค่ "เจ๊" มีความคิดเชิงบวก ผมเชื่อว่าเจ๊จะมีลูกค้าอีกมากมายหมาศาลจากชื่อเสียงในอดีตที่สั่งสมมา

ผมอยากถามว่า ทุกวันนี้ เจ๊มีความสุขไหม ที่ได้นั่งบนกองเงินกองทอง แต่มีจิตใจขุ่นมัว ต้องคอยทะเลาะเบาะแว้งกับคนไปทั่ว
ถามหน่อยครับว่า ลูกๆ เจ๊รักเจ๊จริง หรือรักเงินของเจ๊ ทำไมเจ๊จะต้องคิดว่าคนอื่นๆ จะมาเอาเปรียบเจ๊ตลอดเวลา เจ๊รวยมาขนาดนี้
เจ๊ไม่คิดจะทำอะไรเพื่อเพิ่มบารมีบ้างเลยเหรอ ชาตินี้ใช้หมด ไม่คิดทำเผื่อทำเพิ่มไว้ชาติหน้าบ้างเหรอ
หากต้องจากทุกคนไป เจ๊จะเอาทรัพย์สมบัติและความขุ่นมัวในใจเจ๊ไปด้วยได้ไหม

เจ๊น่าจะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้า และยิ้มแย้มแจ่มใส ทำตนให้เป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง อย่าให้ใครๆ เขาว่ากล่าวสาบแช่ง ไม่ดีกว่าเหรอ

สัมผัสแรกที่ผมพบเจ๊ มันเข้าสมองทันทีว่า เจ๊เป็นคนต่อสู้มาทั้งชีวิต เจ๊เจออะไรมาเยอะ ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าที่เจ๊จะมีวันนี้
หลายต่อหลายครั้งที่เจ๊ต้องกลั้นน้ำตาและเข้มแข็ง และสิ่งเหล่านี้ก็หล่อหลอมให้ใจของเจ๊กลายเป็นคนแบบนี้
กลัวไปหมดทุกอย่าง ระวังไปหมดทุกจุด ตีตะปูปิดทุกรอยรั่ว

หรือเป็นกรรมจากอดีตชาติของเจ๊ ที่ทำให้เจ๊ได้ทุกขลาภมาในชาตินี้
ผมเป็นเพียงแค่ลูกค้ารายหนึ่ง เมื่อเจอบริการแบบนี้ ก็พร้อมที่จะเดินจากไป และลืมเจ๊ไปอย่างง่ายดาย
เพราะแค่ผมเขียนระบายออกมาตรงนี้ ผมก็แท่บจะไม่มีอะไรติดค้างกับเจ๊แล้ว พร้อมจะเข้าใจเจ๊ว่า
เจ๊โชคร้ายที่ได้ทุกขลาภมาครอบครอง แถมสงสารเจ๊ที่ชาตินี้ เจ๊จะไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอย่างแท้จริง
เพราะเจ๊ก็จะยังคงเป็นเจ๊อยู่ต่อไป เจ๊ยังต้องเจอสิ่งที่เจ๊พบเจออยู่เป็นประจำต่อไป ไม่จบไม่สิ้น

สุดท้าย พนักงานก็มาขอเก็บเงินค่าบริการก่อน เพราะใกล้เวลาบัญชีปิดทำการ ซึ่งก็เรียกเก็บมาเพียงแค่ค่าตั้งศูนย์และค่าถ่วงล้ออีก 4 ล้อ
เป็นเงิน 900 บาท แต่ผมและเจ้ากล้วยก็รีบทักกลับไปทันทีว่า “แล้วค่าซ่อมล่ะ ที่เจ๊จะเรียกเก็บ ไม่เก็บเงินเหรอ มีค่าใช้จ่ายนี่
ไม่เก็บไม่ได้นะ เดี๋ยวจะมาโวยวาย” แล้วพนักงานก็ถามช่างอย่างงงๆ ว่าจะเก็บค่าอะไรเท่าไรเหรอ

ช่างมองหน้าผม และผมก็พยักหน้า ช่างจึงแจ้งกลับไปหาพนักงานว่า เก็บพี่เขาเพิ่มเป็นค่าเปลี่ยนบุชปีกนกก็แล้วกัน
ข้างละ 200 รวมเป็น 400 บาท และรวมทั้งสิ้น 1300 บาท
เพื่อไม่ให้มีอะไรติดค้างต่อกันอีก ทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย ...

อดไม่ได้ที่จะควักกระเป๋าให้ทิปไปอีก 100 กับคุณช่าง จากความเอาใจใส่ดูแล และน้ำใจที่เขามีต่อผม

เรื่องเงินไม่สำคัญสำหรับผมมากนักครับ เพราะทราบดีว่าเจ้าบลูของผมก็มีราคาค่าอะหลั่ย ค่าซ่อมไม่ใช่น้อย
เพราะความใหญ่โต แข็งแรง บึกบึนของชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งผมก็ทำใจรับได้

จากวันนี้ไป ผมจะไม่ย่างกรายเข้าไปหาศูนย์บริการรายนี้ รวมถึงกิจการในเครือทั้งหมดอีกต่อไป
ขอให้พบกับความสุขอันแท้จริงโดยเร็วนะครับ “เจ๊”
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเรียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ ตุลาคม 02, 2012, 00:38:21
อ่านแล้ว บอกเลยว่า "แสบสันต์ สะใจ"

คงไม่ต้องให่บอกว่า เป็นบริษัทอะไร ดีลเลอร์เจ้าไหน
เพราะเจ้าของกระทู้ ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อเสียง

"เพระากลัวว่า ชื่อเสียงที่ครอบครัวของเจ๊ ทำมานานกว่า หลายสิบปี มันจะพังพินาศ
เพราะนิสัย ย้ำคิดย้ำทำ และงกไม่เข้าเรื่อง ของเจ๊เองนั่นแหละ"

ผมได้แต่ขออวยพรให้ ช่างที่ทำงานกันอยุ่ที่นั่น
โดยเฉพาะที่ชื่อ อั๋น มีความก้าวหน้า ได้งานใหม่ ที่ดีกว่านี้
หรือถ้าต้องการหาเจ้านายที่ดีกว่านี้ ขอให้เมล์มา ส่งเรื่องมาบอก
เดี๋ยวจะจัดการให้

บอกให้รู้ไว้ก่อนว่า ถ้าใครจะมาขอให้ลบกระทู้นี้ออกละก็ เราคงไม่ลบ
เพราเราไม่ได้มีการเอ่ยชื่อกิจการใดๆของคุณ ทั้งสิ้น กรุณาอย่าร้อนตัว

ใครที่นึกออกว่าที่ไหน ก็รู้กันไว้ในใจ แล้วไม่ต้องไปใช้บริการนะครับ หรือถ้าจำเป็น
ก็ต้องจ่ายให้เจ๊เขาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทุกบาท ทุกเศษเสี้ยวสตางค์แดงเดียวห้ามขาดแต่เกินได้[/b]


ไม่นึกเลย
เมื่อคืนนี้ ก็เพิ่งด่า MK

สาวต่างชาติที่เพิ่งรู้จักกัน ก็เพิ่งร้องเรียน สายการบิน Asiana

มาตอนนี้ ก็เจอเรื่องนี้อีก โอย แสดงว่า ช่วงนี้ ดวงของข้าพเจ้าและคนรอบข้าง แรงใช้ได้ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเรียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Headman ที่ ตุลาคม 02, 2012, 01:50:58
พี่มีความอดทนสูงมากเลยครับ
เป็นผม ลากออกไปตั้งแต่เห็นหน้า เจ๊นั่น หรือไม่คงมีมวยไปแล้วอ่ะครับ
นับถือครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเรียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ ตุลาคม 02, 2012, 02:12:06
ไม่ใช่ไม่เข้าใจนะครับ อาการ paranoid จากการปากกัดตีนถีบน่ะครับ เพราะคนจีนเสื่อผืนหมอนใบหลายคนเป็นเช่นนี้ (มีเงินร้อยล้าน เงินหายไป 100บาทก็สะดุ้งแล้ว)

แต่คำถามคือ ไอ้ค่าใช้จ่ายไม่ดี่ตังค์ กับชื่อเสียงที่เสียไป อันไหนมันเป็น cost ที่แพงกว่ากันครับ?

น่าสงสารครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: nuttapatJazz ที่ ตุลาคม 02, 2012, 06:37:59
ผมเคยไปทำที่นั่นเมื่อสองปีที่แล้ว คงจะเป็นช่างคนละชุดกันกับตอนนี้

ตอนนั้นพนักงานต้อนรับก็ไม่มี แถมเจอช่างแบบกวน...มากกก

เจียรจานเบรคคู่ละ500 ใช้เวลา3ชั่วโมง ทั้งๆที่ตอนผมไปแทบไม่มีรถคันอื่น

เจียรออกมา คดเหมือนเดิม แถมเสียงดัง+สั่นยิ่งกว่าเดิมอีก
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ ตุลาคม 02, 2012, 08:02:29
ร้านแนวนี้ผมไม่เคยคิดจะเข้าเลยครับ

อย่างแรก คือ ค่าบริการแพง

อย่างที่สอง คือ ตัวเจ้แก่ๆ คนหนึ่ง

สุดท้าย ถ้าผมเลือกเข้า ผมจะเลือกร้านเล็กๆ ที่เจ้าของทำเองครับ คุยได้ และออกใบเสร็จทุกครั้ง เผื่อแก้งานครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ ตุลาคม 02, 2012, 08:05:22
ขอบคุณครับ เข้าใจแล้วว่าร้านไหน  ;)
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ ตุลาคม 02, 2012, 08:25:13
เข้าใจดีครับว่าน่าโมโหเช่นไรเพราะที่บ้านผมก็ทำธุรกิจส่วนตัวกันหมดมีแต่รุ่นผมนี่แหละที่เป็นลูกจ้างเค้า (ใครว่าเรียนสูงแล้วดี ที่บ้านผมจบไม่เกินป.4กัน หาเงินได้เดือนเป็นแสน) สิ่งสำคัญของการค้าขายคือซื่อสัตย์และการบริการ อยากรู้จริงเจ๊คนนี้ถ้าแกตายไปจะขนเงินเอาไปใช้ได้กี่บาทจะยิ่งใหญ่แค่ไหน รวยเท่าไหร่ ก็เห็นเล็กกว่าโลงทุกคน
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Thailand01 ที่ ตุลาคม 02, 2012, 08:35:34
พอจะรู้แล้วครับว่าร้านไหน
ผมเคยเข้าไปจะใช้บริการเปลี่ยนยางอยู่เหมือนกัน เวลาลงทางด่วนมาแล้วต้องเลี้ยวเข้าร้านต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่เป็นแบบนี้ผมก็คงขอบายไปอีกคนละครับ  ;D
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: SP ที่ ตุลาคม 02, 2012, 09:18:53
คำพูดเจ๊แกนี่เหมือนไม่อยากได้เงินจากลูกค้าเลยนะครับ ที่บ้านผมก็ทำธุรกิจด้านบริการแต่ไม่เคยพูดถ่อยกับลูกแบบนี้เลย

บางทีถ้่าลูกค้าเป็นประเภทกวน....หรือพูดจาไม่รู้เรื่องก็ต้องมีโดนบ้าง แต่กรณีนี้ลูกค้าพูดดีด้วยแต่เจ๊แกยังปากเสียใส่อีก มันน่าด่ามากๆ  >:( >:( >:(

แล้วอีกอย่างถ้าคิดจะทำธุรกิจด้านบริการต้องใจกว้างมากๆ ไม่ใช่เอะอะเป็นเงินเป็นทองไปหมด อะไรที่หยวนได้ก็หยวนกันไป

ยอมได้กำไรน้อยลง แต่ได้งานจากลูกค้าเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องดูเป็นการยอมที่สมเหตุสมผลมากครับ  :) :) :)
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ ตุลาคม 02, 2012, 09:24:54
เจอคนแบบนี้ทำใจครับ

ว่าแต่ผมอยากรู้จัง จขกท. pm มาหน่อยได้ไหมครับ

หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: vitavas ที่ ตุลาคม 02, 2012, 09:35:40
บรรยายได้ดีมากเลยครับ

หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: mcat231032 ที่ ตุลาคม 02, 2012, 10:00:07
เกือบจะไปจองรถที่ ศูนย์ ข้างๆ ร้านนั้นล่ะ ดีแล้วที่ได้อ่านก่อน ถ้าจะซื้อยี้ห้อนี้แม้ต้องรอรถเป็น ปี ก็จะไม่ออกที่ศุนย์นี้แน่ๆๆ ที่ปรึกษาบริษัท ออกรถจากที่ศุนย์นี้ก็มีปัญหา ยอมไปยอมมาเปลี่ยนัคนให้ก็เอา คันเดิมมาตั้งหน้าโชว์รูม ขายใหม่ ขอให้เจริญๆๆ เถอะครับ ผมก็ลูกคนจีน ทำงาน งก เงินทุกบาททุกสตางคื แต่กับคำว่าลูกค้า ผมไม่เคยจะพูดแบบนี้แน่นอนครับ ขอให้เจ๊ แกเจริญๆๆๆ ละกัน
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ ตุลาคม 02, 2012, 10:05:29
1. ผมคิดว่าผมเดาออกว่าคือร้านไหน ส่วนตัวก็เคยไปใช้บริการมาแล้ว 3-4 ครั้งและไม่เคยมีปัญหา
อาจเป็นเพราะผมไม่สนใจที่จะคุยกับใครนอกจากช่าง หรือเจ๊แกไม่อยู่ ทำให้ไม่ต้องมาเจอกัน
ปกติเจอแต่ปัญหาลูกน้องไม่ดีแล้วนายต้องไปแก้..แต่นี่กลับกัน สงสารคนเป็นลูกน้องกับคนที่
มีส่วนโดยตรงกับรายได้

2. เจ้าของกระทู้เขียนได้ดี เรื่องยาวมาก แต่เว้นวรรคจังหวะจะโคนดี คือถ้าเขียนยาวแต่ได้แบบนี้
ผมเชื่อว่าใครก็อ่านจบ

ส่วนตัวผมไม่ได้ใช้บริการสาขานี้นานแล้ว และไปใช้ที่อีกสาขาหนึ่งตรงรามอินทราแทน
เริ่มหงุดหงิดเพราะเข้าไปให้เช็คอะไหล่ชุดซ่อมเบรกของ Tiida ช่างบอกให้ผมลงเบอร์ไว้
แล้วจะโทรกลับ นี่ครบสามอาทิตย์แล้วยังไม่มีโทรกลับมาเลย

เอาสวิฟท์ไปเปลี่ยนล้อ เกือบโอเค แต่วิ่ง 140 แล้วรถสั่น คงต้องกลับไปเช็คใหม่
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ ตุลาคม 02, 2012, 10:09:23
ร้านนี้ใครๆ ก็รู้ครับ ลอง search ดู ตั้งศูนย์แล้วก็ ถนนอะไรก็ว่าไป จะเจอแน่นอน

ด่ากันสุดๆ มากครับ ร้านนี้ ;) ลองไปอ่านดูครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: sidlv ที่ ตุลาคม 02, 2012, 10:11:37

เปลี่ยนโช้คมาเมื่อวันอาทิตย์ ตั้งใจว่าจะเข้าไปตั้งศูนย์ที่นี่พอดี เจอเรื่องนี้เข้าไป เอาไงดีหว่า?  ;D
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ ตุลาคม 02, 2012, 10:15:09
นี่ล่ะสันดานของคนรวยที่มองแต่ตัวเงินไม่เคยที่จะดูเลยว่ากว่าจะได้เม็ดเงินที่มันชอบนักหนาต้องลำบากลำบนแค่ไหน น่าเสียดายช่างที่ดีนักหนาแต่ว่าต้องมาเสียทั้งหมดเพราะเจอเจ้ของชั้นสวะแบบนี้ เรื่องนี้ต้องประจานให้มากๆให้ดังๆเพื่อว่าที่นี่จะได้ปรับปรุงจิตสำนึกยายแก่นั่น ทำตัวแบบนี้สักวันกำไรมันจะเหลือ "400" เข้าสักวันนึง  >:(
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: k.seng ที่ ตุลาคม 02, 2012, 10:25:35
ผ่านทุกวันเลย .. ยังแอบไปดูโชว์รูมของเค้ามาเหมือนกัน ...
สยองดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: boykung ที่ ตุลาคม 02, 2012, 10:42:38
เจ้าที่แรงนะเนี่ย ระวังจะไม่มีใครอยู่
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: slate ที่ ตุลาคม 02, 2012, 10:46:57
เป็นกระทู้ยาวๆกระทู้แรกที่ผมยอมอ่านจนจบ จขกท.สุดยอดมากๆทั้งความคิดและภาษาที่สื่อออกมา วันไหนผ่านคงต้องขอแวะดูหนังหน้า she ซะหน่อย  ::)
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: Mario_Yadel ที่ ตุลาคม 02, 2012, 11:20:23
ผมก้อเคยเจอเคสประมาณนี้ครับ ตอนแรกผมก้อลืมไปแล้ว
แต่พอได้อ่านคำพูดของอีเจ๊แล้วละก้อ ทำไมมันช่างเหมือนกันจริงๆ
รถผมยางหน้ารั่วที่ต่างจังหวัดเวลาประมานสองทุ่ม พอดีเดินไปเจอร้านยาง เป็นร้านเล็กๆ
เจ๊เป็นเจ้าของ ส่วนลูกแกเป็นช่าง ก้อเลยคุยกันว่าเอาช่างไปถอดยางมาป่ะแล้วเอากลับไปใส่
ขอย้ำว่าระยะจากรถผมถึงร้านไม่เกินสามร้อยเมตรน่ะครับ  ปรากฏว่าเจ๊แกคิดรอบละ 400 ไปทั้งหมด 2 รอบ
คือรอบที่ไปเอายางมาป่ะกับเอายางไปใส่เป็นเงิน 800 บาทพอดี ยังไม่รวมค่าป่ะยางกับค่าถ่วงล้อน่ะครับ
ผมพยายามถามถึงราคาแล้วน่ะครับ แต่เจ๊แกบอกมาร้านเราทำธุรกิจน่ะ ไม่ได้เปิดมูลนิธิ  ผมละอึ้งไปเลย
อย่างนี้เค้าไม่เรียกทำธุรกิจหรอกครับเรียกว่าฟันหัวแบะเลย แถมเจ๊แกยังบอกอีกว่า โชคดีแล้วที่แกรับทำให้
แถวนี้ร้านอื่นปิดหมดละ ผมคิดว่าคงเป็นกรรมของผม ขออย่าเจอกันทุกชาติเลยครับ

หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: kendo393 ที่ ตุลาคม 02, 2012, 11:32:24
เอารถสวิฟคันน้อยไปเข้า0 เมื่อเดือนก่อน สาเหตุเพราะไฟหน้าปัทย์กระพริบเป็นดีโก้เลย ทิ้งไว้ 1 วันเต็มๆ  กลับมาเอารถ"ช่าง"บอกว่า ไม่เป็นอะไรเลย เสียบเข้าเครื่องมือแล้วมันบอกว่าไม่เป็นอะไร เป็นที่ชุดไฟที่ไปติดเพิ่มมามากกว่า(2ปีที่แล้วนะ)  สรุปเอามาใช้ช่างข้างนอกดู เขาบอกตัวอะไรไม่รู้ช๊อต ที่หน้าปัทย์นั่นแหละ เสียไปพันกว่าบาท หายสนิท  (รถอยู่ในประกัน)   0นี้เข้ามา2 ครั้งแระ ครั้งแรกก็ไม่ประทับใจ ครั้งนี่ลองซ้ำดูเพื่อความชัวร์ เลยชัดเลย"แย่"เป็นบรรทัดฐานเลย
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: fluk ที่ ตุลาคม 02, 2012, 13:00:20
ผมพึ่งจบมาดๆทำงานประจำได้แปปเดียวออกมาค้าขาย จิงๆค้าขายมาตั้งแต่เรียนแล้ว พอค้าขายรุ่งหน่อยก็ไปเซ้งคาร์แคร์ผมทำเองหมด เป็นทุกอย่าง

เรื่องบริการนี่หายห่วง เอารถตัวเองไปส่งลูกค้าถึงที่ทำงาน ขอให้เช็ดยางมะตอยถ้ารถว่างผมไม่คิดเงินนะ ถ้ามีคิวรออยู่ผมถึงคิดเงิน ถ้าซ่อมได้ผมซ่อมผมเช็ดให้หมด เรื่องน้ำกลั่นมีไว้บริการฟรี เรื่องลูกน้องกินอิ่มกันทุกคน กลางวันร้อนๆงานเยอะๆซื้อน้ำหวานแจก

ปัจจุบันผมเซ้งเอาทุนคืนมาได้เกือบครบ เหนื่อยกับลูกน้องมาก เอาเงินมาค้าขายเปิดเพิ่ม ลูกค้าก็อยู่ระแวกเดียวกัน เจอก็ทักกันเหมือนคนรู้จัก

ผมว่า ทำธุรกิจถ้าเขี้ยวเหมือนคนจีนทำ จะอยู่ได้กำไรเยอะๆ ถ้าทำอย่างผมตอนแรกไม่ค่อยได้ไร นานๆไปจะล้างไม่ทันเอา
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: okovski ที่ ตุลาคม 02, 2012, 13:23:25
ผมคง "จำเป็น" ต้องใช้บริการเจ๊ที่ศูนย์นี้อีกนานพอดูเลยครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: ectomor ที่ ตุลาคม 02, 2012, 14:48:30
อ่านปุ๊บ รู้ปั๊บ ร้านอะไร  ;D
 :Pไปใช้บริการอยู่แต่ไม่เคยเจอเจ๊ เดี๊ยวเจอคงไม่เอาด้วยคน :P
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: nunix ที่ ตุลาคม 02, 2012, 15:03:14
ท่าจะเจ้าเดียวกันกับโชว์รูมมาสด้าใหม่ ใหญ่ๆ บนถนนสุุขาภิบาล3 ตรงข้ามร้านแม่ศรีเรือนแน่ๆเลย  ::)
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: suarez_7 ที่ ตุลาคม 02, 2012, 22:53:09
ไชโย อ่านจบแล้วววว ยาวมากๆเลยท่านๆ

คนอื่นคอมเม้นไปหมดแล้ว ผมขอคอมเม้นคนเขียนแล้วกัน เขียนได้ดีอ่านเพลินมากสนุกดีนึกภาพออกเลย

ติดใจตั้งแต่กระทู้ถามทางลงใต้แล้ว สุดยอดครับ บรรยายได้ดี นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนๆตอนที่พวกdvdยังไม่เกิดนะ เขียนเรื่องอีโรติกปลุกใจเสื้อป่านะรับรองดัง เฮียกังฟูมีหนาวแน่ๆเหอๆ(ล้อเล่น)

สุดยอดครับนับถือ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: PPete ที่ ตุลาคม 05, 2012, 16:37:03
เข้าใจดีครับว่าน่าโมโหเช่นไรเพราะที่บ้านผมก็ทำธุรกิจส่วนตัวกันหมดมีแต่รุ่นผมนี่แหละที่เป็นลูกจ้างเค้า (ใครว่าเรียนสูงแล้วดี ที่บ้านผมจบไม่เกินป.4กัน หาเงินได้เดือนเป็นแสน) สิ่งสำคัญของการค้าขายคือซื่อสัตย์และการบริการ อยากรู้จริงเจ๊คนนี้ถ้าแกตายไปจะขนเงินเอาไปใช้ได้กี่บาทจะยิ่งใหญ่แค่ไหน รวยเท่าไหร่ ก็เห็นเล็กกว่าโลงทุกคน

อย่าไปโทษการศึกษาเลยครับ อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า หลายๆ คนเรียนสูงมาทำงานได้ดีกว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ตั้งเยอะครับ หลายคนเรียนสูงมาแต่เป็นแค่ลูกจ้างเป็นเพราะไม่ขนขวายมากกว่า ถ้าพี่เชื่ออย่างที่พี่คิดจริงๆ ก็ให้ลูกพี่เรียนแค่ ป. 4 ก็พอหล่ะมั้งครับ?
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ ตุลาคม 05, 2012, 20:46:47
เข้าใจดีครับว่าน่าโมโหเช่นไรเพราะที่บ้านผมก็ทำธุรกิจส่วนตัวกันหมดมีแต่รุ่นผมนี่แหละที่เป็นลูกจ้างเค้า (ใครว่าเรียนสูงแล้วดี ที่บ้านผมจบไม่เกินป.4กัน หาเงินได้เดือนเป็นแสน) สิ่งสำคัญของการค้าขายคือซื่อสัตย์และการบริการ อยากรู้จริงเจ๊คนนี้ถ้าแกตายไปจะขนเงินเอาไปใช้ได้กี่บาทจะยิ่งใหญ่แค่ไหน รวยเท่าไหร่ ก็เห็นเล็กกว่าโลงทุกคน

อย่าไปโทษการศึกษาเลยครับ อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า หลายๆ คนเรียนสูงมาทำงานได้ดีกว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ตั้งเยอะครับ หลายคนเรียนสูงมาแต่เป็นแค่ลูกจ้างเป็นเพราะไม่ขนขวายมากกว่า ถ้าพี่เชื่ออย่างที่พี่คิดจริงๆ ก็ให้ลูกพี่เรียนแค่ ป. 4 ก็พอหล่ะมั้งครับ?

ผมคงจะสื่อไม่เข้าใจเอง ที่ยกตัวอย่างเป็นส่วนของตัวผมเอง เรียนสูงทำเงินได้น้อยกว่าทางบ้านที่เรียนมาน้อยกว่ากันเยอะเพราะตอนเด็กทางบ้านไม่ค่อยให้ช่วยอะไรเน้นให้เรียนโดยบอกว่าให้เรียนเก่งๆจบสูงๆจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่การศึกษาบ้านเราเอื้อให้จบออกมาเป็นลูกจ้างซะมากกว่า มีแต่หลักสูตรทางวิชาการไม่ค่อยมีเรื่องการใช้ชีวิต ตอนนีผมเองก็ยังเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนอยู่แต่ก็ปูทางเรื่องทำธุรกิจส่วนตัวเพื่อกลับไปอยู่บ้านอีกแปดปีข้างหน้า

เรื่องลูกผมคงไม่รบกวนให้มาเป็นห่วงหรอก เรียนสูงกว่าป.สี่แน่นอนแต่จะเรียนถึงไหนก็แล้วเค้าชอบหรือถนัด ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งให้ได้ที่หนึ่งแต่เน้นรู้และเข้าใจในสิ่งที่เรียนและเอาไปใช้ประโยชน์ได้ อย่างน้องสาวนและน้องชายผมที่เรียนเอกกันทั้งคู่แต่เค้าวางแผนว่าจะเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยอีกคนจะเป็นนักวิจัยมาตอนเรียนตีแล้ว ส่วนลูกผมจะสอนให้เค้ารู้จักวางแผนชีวิต รู้จักตัวเอง รู้จักเผื่อแผ่ ทำดีทั้งกายวาจาใจ และรู้จักวางแผนทางการเงิน พอดีลูกผมมีปัญหาเล็กน้อยเลยให้แฟนลาออกมาเลี้ยงวางแผนไว้ว่าหลังจากรักษาหายแล้วจะหาขายของเล็กๆน้อยๆจะได้มีเวลาเลี้ยงดูและจะได้สอนให้ค้าขาย ช่วยงานทางบ้าน พบปะผู้คนเพื่อเป็นต้นทุนที่หาซื้อไม่ได้เผื่อใช้ในอนาคต อีกอย่างไม่อยากเป็นเหมือนมนุษย์เงินเดือนหลายคนที่ทำงานต่างถิ่นส่งลูกให้ที่บ้านเลี้ยงแล้วส่งแต่เงินไป ปีนึงได้เห็นหน้าลูกไม่กี่วัน


อยากให้หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่พาดพิงครอบครัวคนอื่นแบบนี้ มีปัญหาอะไรมาว่าที่ผมไม่ต้องเกรงใจเพราะตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยอยากเกรงใจใครเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ ตุลาคม 05, 2012, 20:59:30
เข้าใจดีครับว่าน่าโมโหเช่นไรเพราะที่บ้านผมก็ทำธุรกิจส่วนตัวกันหมดมีแต่รุ่นผมนี่แหละที่เป็นลูกจ้างเค้า (ใครว่าเรียนสูงแล้วดี ที่บ้านผมจบไม่เกินป.4กัน หาเงินได้เดือนเป็นแสน) สิ่งสำคัญของการค้าขายคือซื่อสัตย์และการบริการ อยากรู้จริงเจ๊คนนี้ถ้าแกตายไปจะขนเงินเอาไปใช้ได้กี่บาทจะยิ่งใหญ่แค่ไหน รวยเท่าไหร่ ก็เห็นเล็กกว่าโลงทุกคน

อย่าไปโทษการศึกษาเลยครับ อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า หลายๆ คนเรียนสูงมาทำงานได้ดีกว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ตั้งเยอะครับ หลายคนเรียนสูงมาแต่เป็นแค่ลูกจ้างเป็นเพราะไม่ขนขวายมากกว่า ถ้าพี่เชื่ออย่างที่พี่คิดจริงๆ ก็ให้ลูกพี่เรียนแค่ ป. 4 ก็พอหล่ะมั้งครับ?

ผมคงจะสื่อไม่เข้าใจเอง ที่ยกตัวอย่างเป็นส่วนของตัวผมเอง เรียนสูงทำเงินได้น้อยกว่าทางบ้านที่เรียนมาน้อยกว่ากันเยอะเพราะตอนเด็กทางบ้านไม่ค่อยให้ช่วยอะไรเน้นให้เรียนโดยบอกว่าให้เรียนเก่งๆจบสูงๆจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่การศึกษาบ้านเราเอื้อให้จบออกมาเป็นลูกจ้างซะมากกว่า มีแต่หลักสูตรทางวิชาการไม่ค่อยมีเรื่องการใช้ชีวิต ตอนนีผมเองก็ยังเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนอยู่แต่ก็ปูทางเรื่องทำธุรกิจส่วนตัวเพื่อกลับไปอยู่บ้านอีกแปดปีข้างหน้า

เรื่องลูกผมคงไม่รบกวนให้มาเป็นห่วงหรอก เรียนสูงกว่าป.สี่แน่นอนแต่จะเรียนถึงไหนก็แล้วเค้าชอบหรือถนัด ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งให้ได้ที่หนึ่งแต่เน้นรู้และเข้าใจในสิ่งที่เรียนและเอาไปใช้ประโยชน์ได้ อย่างน้องสาวนและน้องชายผมที่เรียนเอกกันทั้งคู่แต่เค้าวางแผนว่าจะเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยอีกคนจะเป็นนักวิจัยมาตอนเรียนตีแล้ว ส่วนลูกผมจะสอนให้เค้ารู้จักวางแผนชีวิต รู้จักตัวเอง รู้จักเผื่อแผ่ ทำดีทั้งกายวาจาใจ และรู้จักวางแผนทางการเงิน พอดีลูกผมมีปัญหาเล็กน้อยเลยให้แฟนลาออกมาเลี้ยงวางแผนไว้ว่าหลังจากรักษาหายแล้วจะหาขายของเล็กๆน้อยๆจะได้มีเวลาเลี้ยงดูและจะได้สอนให้ค้าขาย ช่วยงานทางบ้าน พบปะผู้คนเพื่อเป็นต้นทุนที่หาซื้อไม่ได้เผื่อใช้ในอนาคต อีกอย่างไม่อยากเป็นเหมือนมนุษย์เงินเดือนหลายคนที่ทำงานต่างถิ่นส่งลูกให้ที่บ้านเลี้ยงแล้วส่งแต่เงินไป ปีนึงได้เห็นหน้าลูกไม่กี่วัน


อยากให้หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่พาดพิงครอบครัวคนอื่นแบบนี้ มีปัญหาอะไรมาว่าที่ผมไม่ต้องเกรงใจเพราะตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยอยากเกรงใจใครเท่าไหร่
เห็นด้วยครับ ผมว่าจบมาสูงเท่าไรไม่สำคัญ ๆ ที่หาเลี้ยงตนเองได้มากกว่าครับ

เป็นคนดีของสังคม ปริญญา ถ้าไม่เป็นอาจารย์ หรือ ราชการ หรือ องค์กรใหญ่ๆ ก็แค่เศษกระดาษเท่านั้นเองครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ น้ำใจของศูนย์บริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เริ่มหัวข้อโดย: methus zaa ที่ ตุลาคม 31, 2012, 19:38:39
คุณพีทแรงนะครับ พาดพิงครอบครัวคนอื่นแบบนี้ กระแนะกระแหน่แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ