Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: scotch_fillet ที่ ตุลาคม 04, 2012, 12:13:34
-
ขอถามโง่ๆเลยน่ะครับ ... แรงม้า กับ แรงบิด มันต่างกันอย่างไร
-
แรงบิด มาจาก การหมุนของเพลารถครับ แรงบิดมากในรอบต่ำก็จะทำให้รถออกตัวแรง หมายความว่า 0 - 100 ไวกว่า มาจากรถแรงบิดมาก
แรงม้า คือ กำลังของเครื่องยนต์ในรถเราครับ ซึ่งมันก็มาจากการทำงานของแรงบิด ทำให้ปลายไหลหรือมีความเร็วสูงสุด เยอะตามไปด้วย
แต่ไม่แน่นะครับที่่แรงม้าเยอะ แล้ว จะเร็วกว่าแรงม้าน้อย ปัจจัยยังมีอีกเยอะ แต่แรงม้าเยอะก็ดีกว่าครับ
ตอบเท่าที่รู้นะครับ รอผู้รู้ลึกมาตอบต่อดีกว่า
-
เข้าใจว่า...
แรงบิดคือแรงที่สามารถกระทำต่อแรงต้านที่จุดหนึ่ง
ส่วนแรงม้าคือแรงที่เกิดขึ้นจากการหมุนของเครื่องยนต์
เข้าใจว่าอย่างนั้นนะครับ
-
แรงบิดหรือ ทอก หน่วยจะเป็น แรง x ระยะ ง่ายๆมันก็คือแรงบิดนั่นแหละ เหมือนคุณหมุนไขควง
แรงม้าคือ power สูตรมันคือ ( แรง x ระยะทาง) / เวลา
-
แรงบิด คือ แรง x ระยะทางจากจุดหมุน นึกง่าย ๆ เด็กเล็ก ๆ เปิดขวดน้ำพลาสติกไม่ออก เพราะมีแรงบิด น้อย
แรงม้า คือ งานที่สร้างได้ต่อหน่วยเวลา ถ้าในรถยนต์มันก็คือ กำลังที่ สร้างแรงบิดหลาย ๆ รอบ ต่อหน่วยเวลาครับ ถ้าเครื่องยนต์สองตัว มีความสามารถสร้างแรงบิดได้เท่ากัน แต่ ตัวหนึ่งมีแรงม้ามากกว่าตัว2 ก็หมายถึงกว่าเครื่องที่แรงม้าเยอะกว่าทำ"รอบ" ที่มีแรงบิดเท่านั้นได้มากกว่าในเวลาเท่ากัน
รถยนต์ใช้การเคลื่อนทีด้วยเพลาหมุน ทำให้ต้องคิดเป็นแรงบิดครับ เทียบกับแรงม้าก็เลยอธิบายเป็นรอบต่อนาทีมากกว่าที่แรงบิดเท่ากัน
การวัด torque หรือ แรงบิด และการวัด แรงม้า มีการวัดอีกหลายจุดครับ ไม่ว่าจะวัดจากเพลาหน้าเครื่อง หรือวัดที่เพลาขับหลังเกียร์แล้ว หรือบางทีก็วัดที่ล้อ แรงบิดตามทฤษฎี มันควรจะคงที่ครับ แต่เนื่องจากมีการสูญเสียและเนื่องจากเครื่องยนต์มีจุด optimum ไม่เท่ากัน ทำให้แรงบิดมันเพี้ยนไปตามความเร็วรอบเครื่อง แต่แรงม้าของรถ จะเพิ่มตามการกดคันเร่งครับ จ่ายพลังงาน(น้ำมัน)มาก ก็กราฟแรงม้าก็เพิ่ม เพิ่มได้มากหรือน้อยก็อยู่ที่ความสามารถของเครืืองยนต์นั้น ๆ ครับ
-
เข้าใจว่า แรงบิดจะมาไวกว่าแรงม้าครับ มันจะรู้สึกในช่วงที่กดคันเร่งจากตอนหยุดเร่งจะเห็นได้ชัด
ส่วนแรงม้า เหมือนว่าจะมาในรอบค่อนข้างสูงๆ เหมือนในช่วงนั้น รถจะมีกำลังที่จะทะยานไปได้สูงสุดครับ หลังจากรอบนั้นผ่านไป มันก็หมดแรงลง
-
ตอบแบบฟิสิกส์
หน่วย SI ของกำลังคือวัตต์ 1 วัตต์ จะเท่ากับ 1 นิวตัน . เมตรต่อวินาที (N.m/s) เพื่อจะให้ได้กำลังให้คุณใช้ทอร์ก (N.m) คูณกับความเร็วรอบ (รอบต่อวินาที) ผลลัพธ์เป็นกำลัง หน่วยเป็นวัตต์ หรือจะคูณแรงกับความเร็ว ก็ได้กำลังเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณออกแรงผลักวัตถุด้วยแรง 1 นิวตัน ด้วยความเร็ว 1 m/s คุณออกกำลังเท่ากับ 1 วัตต์
-
ผมก็ดูครับ รายการนี้ ผลออกมาน่าประหลาดใจว่า triton นุ่มเกินไป
แสดงความคิดเห็นผิดกระทู้หรือปล่าวครับ ???
-
ตอบผิดจริงครับ แก้แล้วครับ
-
ว่ากันตามตรง ตามหลักวิทยาศาสตร์ระดับที่ใหญ่กว่าควันตัมฟิสิกส์
วัตถุเคลื่อนที่ได้ด้วยแรง(Force - ทำให้วัตถุเปลี่ยนรูปหรือตำแหน่ง) ซึ่งแรงบิดก็เป็นแรงชนิดหนึ่งเหมือนกัน
แทนที่จะทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แรงบิดจะทำให้วัตถุหมุนรอบตัวเอง นั่นแปลว่าแรงไม่ได้กระทำที่
จุดศูนย์กลาง(Centroid) ของวัตถุโดยตรง หน่วยมาตรฐานที่เราใช้อยู่คือ แรงกระทำต่อจุดศูนย์กลางที่ระยะห่างจากจุดศูนย์กลาง 1 เมตร(นิวตัน-เมตร)ในแบบตั้งฉากกับเส้นผ่านศูนย์กลาง
เหมือนหมุนไดนาโมที่คันหมุนห่างจุดศูนย์กลาง 1 เมตร ว่าเราใช้แรงไปกี่นิวตัน
(http://www.vexforum.com/wiki/images/thumb/2/27/Picture_Torque.jpg/350px-Picture_Torque.jpg)
เมื่อมีแรง ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ ก็จะเกิดพลังงานขึ้น พลังงาน(Energy)/งาน(Work) ที่เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหน่วยวินาทีทำให้เกิดกำลัง(Power)
ซึ่งในที่นี้ คือ "แรงม้า" (Horse Power) ครับ มีหน่วยเป็น Watt 1 แรงม้า Imperial ประมาณ 746 Watt
ที่กล่าวมาคือ
กำลัง(Power-แรงม้า) คือสิ่งที่บ่งบอกความสามารถของเครื่องยนต์ ว่าสามารถทำให้รถยนต์ฝ่าแรงเสียดทานต่างๆ ไปได้ขนาดไหน ทั้งแรงเสียดทานของชิ้นส่วน
ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการหมุนของเฟืองกว่าจะลงล้อและไปยังถนน แรงเสียดทานของถนน แรงเสียดทานของลมซึ่งจะมีมากขึ้นแบบทวีคูณ(Exponential) เมื่อความเร็ว
ยิ่งสูงขึ้น และอื่นๆ ซึ่งแต่จะช่วงความเร็ว เครื่องยนต์จะผลิตกำลังออกมาได้ไม่เท่ากัน หากความเร็วยิ่งสูง รถยิ่งต้องการกำลังมากเพื่อฝ่าแรงเสียดทาน
กำลังสูงสุด จึงบอกเป็นนัยๆ ถึงความเร็วสูงสุดด้วย (ที่เป็นนัยะ เพราะบางครั้งมีการปรับอัตราทดเกียร์เพื่อลดความเร็วสูงสุด เพิ่มอัตราเร่งแล้วแต่การตั้งค่า)
แรงบิด(Torque หน่วยนิวตัน-เมตร) คือสิ่งที่บ่งบอกเรี่ยวแรงของรถยนต์ ว่าสามารถทำให้ความเร็วเปลี่ยนแปลงได้ขนาดไหนในหนึ่งหน่วยวินาที(Acceleration - อัตราเร่ง)
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องเชื้อเพลิง ทำไมให้แรงบิดที่แตกต่างกัน
ปกติแล้วเครื่องยนตร์แบบง่ายๆ เบนซีน อัดน้ำมันเพื่อจุดระเบิดที่แรงดันน้อยกว่าการอัดอากาศของดีเซลแล้วฉีดน้ำมันเข้าไปเพื่อจุดระเบิด ด้วยเหตุผลที่ว่า
Piston ของดีเซลจึงยาวกว่า และทำให้ Crankshaft ยาวกว่าเบนซีนด้วย ทำให้แรงบิดที่เกิดขึ้นจากการจุดระเบิดของดีเซลมีมากกว่าเบนซิล
(คิดถึงตอนสูบบาดาลสมัยก่อน คานยิ่งยาวยิ่งสูบง่าย พอดีผมเกิดทัน 555 ฉันใดฉันนั้น Crankshaft ยาวกว่า หากแรงระเบิดเท่ากันย่อมให้แรงบิดมากกว่า จริงๆ
ดีเซลระเบิดแรงกว่าด้วยซ้ำครับ)
หากเบนซินจะทำให้แรงบิดเท่า ต้องหมุนให้เร็วกว่าดีเซลขึ้นไปอีกถึงจะได้แรงเท่ากัน(แรงยิ่งมาก ยิ่งเคลื่อนที่ได้ไวกว่า)
มันก็เป็นเช่นนั้นและครับ
-
ใกล้ฟินล่ะ แต่ยังงงงงอยู่เลยครับ
ขอแบบ ... เอาไปตอบเมียพี่ แล้วเมียพี่เก๊ทเลยได้ป่ะครับ please ... :)
-
คำตอบที่อ่านยากๆหลายท่านนั่นแหละถูกแล้ว
ถ้าจะเอาคำตอบที่อ่านง่ายๆ ก็จะไม่ได้คำตอบที่แท้จริง
ควรจะอ่านจนเข้าใจว่าแรงบิดคืออะไร แรงม้ามันก็มาจากแรงบิดนั่นแหละ
อ่านจนสามารถหาแรงบิดที่รอบแรงม้าสูงสุดได้ และหาแรงม้าที่รอบแรงบิดสูงสุด โดยไม่ต้องดูกราฟได้
แล้วจะเข้าใจ
ประเภทแรงบิดเอาไว้แซง แรงม้าเอาไว้ทำความเร็วสูงสุด มันง่ายแต่มันไม่ถ่องแท้
-
Horsepower vs Torque - Explained (http://www.youtube.com/watch?v=fgLNO3ThGD4#ws)
ลองดูครับ เข้าใจง่ายดี
-
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,5699.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,5699.0.html)
ลองอ่านในกระทู้นี้ครับ
-
เอาง่ายๆสุดในความเข้าใจผมนะ.... แรงบิดก็คือค่าที่จุดๆหนึ่ง... แต่แรงม้า มันจะมีหน่วยเวลามาเกี่ยวข้องด้วย (เป็นตัวหาร) ถ้าคุณใช้เวลาเยอะเพื่อได้ค่าแรงปิดที่เท่ากัน แสดงว่าแรงม้าต่ำ
เอาง่ายๆต้องการลากของหนักๆเลย ซึ่งใช้แรงบิดเยอะเพื่อฉุดล้อให้หมุน... รถสองคัน ลากได้เหมือนกัน ให้แรงลากได้เ้ท่ากัน
แต่คันแรกใช้รอบเครื่อง 2000RPM (มีหน่วยเวลามาให้เห็น) กับอีกคันใช้รอบเครื่อง 4000RPM แน่นอนเจ้าคันแรก แรงม้าเยอะกว่าแน่นอน เพรามันใช้เวลาน้อยกว่า ในการทำให้ได้แรงฉุดเท่ากัน
-
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ ตอนนี้พอจพกระจ่างขึ้นมาแล้วครับ ...
-
แรงม้าแรงบิด .... ผมก็สงสัยนะ ... เพราะ ถ้าดูตัวเลข กับการขับขี่ มันต่างกันมากเลย ยกตัวอย่าง
Trailbrazer 2.8L 180 แรงม้า แรงบิด 470 Nm
กับ D-max Hi-lander วางเครื่อง 1JZ GTE แรงม้า 280 (เครื่องเชียงกงม้าคงไม่เต็ม 280 หรอกแถมวิ่งแก๊สด้วย) แรงบิด 363 Nm
เวลาขับจริง ผมรู้สึกว่า เครื่อง JZ แรงกว่าทั้งต้นยันปลาย ทำเวลา 0-100 ไวกว่า TBZ มาก ความเร็วปลายก็ไปได้ไกลกว่า
พูดง่ายๆ เครื่อง JZ กินตั้งแต่ต้นยันปลาย ทั้งๆที่ตัวเลขแรงบิดของ TBZ มากกว่า ร่วม 100Nmซึ่งน่าจะทำเวลาหรืออัตราเร่งช่วงต้นดีกว่า แต่ใช้งานจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น
ผมล่ะ งง ...
-
แรงม้าแรงบิด .... ผมก็สงสัยนะ ... เพราะ ถ้าดูตัวเลข กับการขับขี่ มันต่างกันมากเลย ยกตัวอย่าง
Trailbrazer 2.8L 180 แรงม้า แรงบิด 470 Nm
กับ D-max Hi-lander วางเครื่อง 1JZ GTE แรงม้า 280 (เครื่องเชียงกงม้าคงไม่เต็ม 280 หรอกแถมวิ่งแก๊สด้วย) แรงบิด 363 Nm
เวลาขับจริง ผมรู้สึกว่า เครื่อง JZ แรงกว่าทั้งต้นยันปลาย ทำเวลา 0-100 ไวกว่า TBZ มาก ความเร็วปลายก็ไปได้ไกลกว่า
พูดง่ายๆ เครื่อง JZ กินตั้งแต่ต้นยันปลาย ทั้งๆที่ตัวเลขแรงบิดของ TBZ มากกว่า ร่วม 100Nmซึ่งน่าจะทำเวลาหรืออัตราเร่งช่วงต้นดีกว่า แต่ใช้งานจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น
ผมล่ะ งง ...
ไม่ต้องงงครับ แรงบิด แปลงกลับโดยใช้รอบเครื่องยนต์ก็จะได้แรงม้าที่เครื่องยนต์มัน Effort คร่าวๆ ที่เวลาหนึ่งๆ
หาก Integrate พื้นที่ใต้กราฟด้วยระยะเวลาเท่ากัน จะทำให้เห็นว่ารถที่ผลิตม้าโดยรวมมากกว่า ภายใต้พื้นที่ใต้กราฟที่มากกว่าจะทำระยะทางได้มากกว่า
นั่นก็หมายถึงอัตราเร่งโดยรวม หรือระยะทางทั้งหมดที่วิ่งได้ ภายในระยะเวลาเท่ากันดีกว่านั่นเอง